เพื่อน(แอบ)รัก นายวิศวะ ตอนที่ 5

1866 Words
ตอนที่ 5 ช่วงเย็นวันหนึ่งที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี เสียงหัวเราะคิกคักดังทั่วสนามหน้าเสาธง โรงเรียนในวันนี้เต็มไปด้วยดอกกุหลาบและช็อกโกแลตจากเพื่อน ๆ ที่แลกให้กัน บางห้องถึงกับมีรุ่นน้องมายืนรอพี่ที่ชอบพร้อมดอกไม้ในมือ ส่วนฉันมีสติกเกอร์รูปหัวใจบ้าง การ์ตูนบ้าง ดอกไม้บ้างติดเต็มทั้งเสื้อและกระเป๋านักเรียน ฉันนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนข้างอาคารเรียน หนังสือเรียนกางอยู่ แต่ตากลับไม่ได้มองตัวอักษรเลยสักบรรทัด หูฉันเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบจากกลุ่มเพื่อน ๆ ที่วิ่งผ่านไปมา “นั่น ๆ เห็นยัง น้องห้องข้างล่างไปสารภาพรักพี่ไคแล้วนะ!” “โอ๊ยยยยย ตายแล้ว พี่ไคหล่อ เท่ห์ ดูดี สาวๆ กรี๊ดกันตรึม ฉันเคยเดินผ่านพี่เค้าใกล้ๆ นะ แกกกกกกก น่าใสม๊ากกกกกกกก” “เออๆ แล้ววันนี้นะ มีคนมาสาารภาพ เอาช้อคโกแลตมาให้พี่ไคแบบเยอะมากอ่ะ” “แล้วแกได้ข่าวป่ะ มีคนนึงที่พี่ไคตอบตกลงเป็นแฟนเว่ยยยย” “โอ๊ยยยยย อิจฉาอ่ะ ชื่อไรนะคนนั้น” “ชั้นจำได้ๆๆๆ ที่หน้าสวยๆ อ่ะ ชื่อเจนนิส” “หูยยยยยยย เหมาะกันอย่างกันกิ่งทองใบหยก เห้อมมมมม อยากมีแฟนหล่อๆ แบบนี้บ้างจัง” หัวใจฉันกระตุกวูบ หันไปมองตามเสียงโดยไม่ตั้งใจ และภาพนั้นก็ชัดเจน… ไคยืนอยู่กลางสนาม บรรยากาศรอบตัวเขาคล้ายหยุดนิ่งเมื่อรุ่นน้องผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะม้าหินอ่อนมีทั้งกุหลาบสีแดงสดให้ ช้อคโกแลตอย่างที่เค้าว่า เธอดูสวย มั่นใจ นั่งคุยอยู่กับไคด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสุข “พี่ไค…หนูชอบพี่มานานแล้ว” เสียงเธอดังพอให้ใครหลายคนที่ยืนมุงอยู่รอบ ๆ ได้ยิน ฉันแทบหยุดหายใจ จ้องเขาเหมือนอยากได้คำตอบเดียวเท่านั้น—เขาจะปฏิเสธเหมือนทุกครั้งหรือเปล่า? แต่ไม่… ไคเอื้อมมือไปหยิบช่อกุหลาบมาดูใกล้ๆ ก่อนพยักหน้าเรียบ ๆ “อืม…งั้นนับว่านี้เป็นวันแรกที่คบกันเลยนะ” เสียงฮือฮาดังก้องรอบสนาม บางคนกรี๊ด บางคนปรบมือราวกับกำลังดูละครรักใส ๆ ตอนจบแสนหวาน บางคนทำหน้าเศร้าสร้อยยังกับตัวเองเสียโอกาสความรัก ส่วนฉัน…นั่งนิ่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อน หัวใจถูกบีบแน่นจนหายใจไม่ออก อ๋อ…ที่เขาดีกับฉันมาตลอด ก็เพราะฉันมันน่าสงสาร ไม่มีใคร ไม่เคยมีความหมายอะไรเกินกว่านั้นเลย มีแต่ฉันที่คิดไปเอง อ่อนไหวเพราะเราใกล้กันเกินไป นายคงไม่ได้คิดเกินเลยกว่าความเป็นเพื่อนเหมือนฉันสินะ น้ำตาเอ่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว ฉันก้มหน้าลงมองเงาของตัวเองบนโต๊ะหินที่พร่าเลือน พยายามยิ้มเหมือนไม่เป็นอะไร “เป็นแค่เพื่อนกันแบบนี้ก็ดีแล้วเปล่า…” ฉันพึมพำแผ่วเบา จนแทบไม่มีใครได้ยิน แต่ในใจ…กลับเจ็บปวด เพราะแบบนี้แหละ พวกเราเลยไม่เคยล้ำเส้นความเป็นเพื่อนได้เลย ฉันเองก็พยายามตัดใจครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังไม่เคยทำได้สักที คนเราถ้าเจ็บจนพอแล้ว มันคงปล่อยมือได้เองล่ะมั้ง ฉันเอาแต่ปลอบตัวเองอยู่แบบนี้ และได้แต่หวังว่า ความรู้พวกนี้นะค่อยๆ หายไปสักวัน ปัจจุบัน ฉันถอนหายใจยาวหลังจากเล่ามาจนถึงตอนนั้น…วันวาเลนไทน์ในช่วง ม.ปลาย วันที่หัวใจฉันแตกสลายไปต่อหน้าต่อตาเพื่อน ๆ ที่กำลังล้อมวงอยู่ในห้องฉัน บรรยากาศเงียบลงชั่วครู่ ไม่มีใครพูดอะไร ราวกับกำลังปล่อยให้คำพูดของฉันซึมลงไปในใจทีละนิด มิ้นเบิกตาโต น้ำเสียงสั่นน้อย ๆ “แล้ว…แกก็นั่งมองไครับรักคนนั้นอยู่ตรงนั้นเลยเหรอ โมอา โอ๊ย กูเจ็บแทนอะ” คิอาร่าพิงโซฟา เท้าคาง มองฉันด้วยสายตาที่เข้าใจ “ไม่แปลกที่แกจะรู้สึกแบบนั้น มันเจ็บแหละ แต่ก็ทำให้แกได้รู้ชัดเจนเลยไง ว่าเค้าไม่ได้คิดเกินเลยคำว่าเพื่อนอ่ะ ” แอลกอดอก พลิกมือถือในมือไปมาเหมือนกำลังคิดอะไร “แต่ตอนนี้แกยังคงชอบเค้าใช่ป่ะ…ก็เจอกันบ่อยขนาดนี้ แกตัดใจได้จริงๆ หรอ” ฉันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบา ๆ “ใช่…ตอนนั้นฉันบอกตัวเองว่า เขาดีกับฉันก็เพราะสงสาร แต่ความจริงคือ ความรู้สึกดีมันก็ยังอยู่อ่ะ” เพื่อนทั้งสามมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าแทบพร้อมกัน ราวกับเข้าใจทุกอย่าง “แกไม่ได้อ่อนแอนะโมอา” คิอาร่าพูดเสียงเรียบแต่น้ำหนักแน่น “การยอมรับว่ารักใครสักคน ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ชั้นว่าเป็นสิ่งที่เข้มแข็งที่สุดแล้ว ” มิ้นรีบพยักหน้าตาม “ใช่! แล้วแบบนี้มันก็เป็นพล็อตเพื่อนรักเพื่อนที่กูอ่านนิยายวายแล้วร้องไห้ทุกทีเลย โอ๊ย อินจัดดด” แอลหัวเราะในลำคอ ส่ายหน้าเบาๆ กับท่าทางของมิ้นที่อะไรๆ ก็โยงเข้าไปที่นิยายเกย์ได้หมด “เดี๋ยวถ้าฉันเอาเรื่องแกไปเล่าในไลฟ์นะ รับรองว่าคนทั้ง TikTok ต้องร้องไห้เป็นหมื่น พอเพิ่มผู้ติดตามช้นจะได้ไลฟ์ขายของ 5555” “แอล!” ฉันโวยเบา ๆ แต่กลับหัวเราะออกมา ทั้งน้ำตาที่คลออยู่ อย่างน้อย…ฉันก็มีเพื่อนบ๊องๆ แบบนี้คอยให้กำลังใจ คอยคุยให้ได้ลืมเรื่อง Friend zone ของตัวเองไปได้บ้าง เช้าวันต่อมา เช้าวันนี้บรรยากาศในคณะไม่เหมือนเดิม… ทันทีที่ฉันก้าวเข้ามาในตึก เสียงซุบซิบแผ่วเบาก็ลอยมาแตะหู แววตาหลายคู่หันมามองแล้วรีบหลบไปเมื่อฉันหันกลับไปสบตา ราวกับฉันกลายเป็นตัวประหลาดที่ทุกคนพร้อมจะเมาท์ลับหลัง เกิดอะไรขึ้น นี่ฉันทำอะไรผิดหรอ ทำไมบรรยากาศมันน่าอึดอัดหยั่งงี้?… ฉันพยายามทำเป็นไม่สนใจ ก้มหน้ากอดหนังสือเรียนแน่นแล้วเร่งฝีเท้าไปทางห้องเรียน แต่ยังไม่ทันจะถึง บางอย่างก็เกิดขึ้น— “โอ๊ะ!” ร่างของใครบางคนเดินชนไหล่ฉันแรงจนเสียหลัก ฉันล้มลงไปกองกับพื้น หนังสือ กระเป๋า ปากกา ร่วงกระจัดกระจายเต็มพื้น หัวเข่ากระแทกแรงจนเจ็บแปลบ ฉันรีบก้มเก็บของทั้งที่มือสั่น คนที่เดินชนหยุดแค่ครู่เดียว หันมามองฉันสั้น ๆ ก่อนพูดเสียงเรียบห้วน “...เดินไม่ดูทางเลย” แล้วก็หมุนตัวเดินจากไปทันที โดยไม่คิดจะช่วยเก็บ ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองอีกครั้ง ฉันเงยหน้าขึ้นมองตามหลังร่างนั้น แต่ก็ไม่ทันเห็นชัดว่าเป็นใคร—เพียงเงาเล็ก ๆ และท่าทางที่ทำให้ฉันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในอก รอบข้างเงียบกริบ ทุกคนที่ยืนมองไม่มีใครยื่นมือมาช่วย บางคนแค่กระซิบกันเบา ๆ ราวกับฉันเป็นละครที่พวกเขากำลังดูอยู่ ฉันกัดริมฝีปาก พยายามกลั้นน้ำตา แล้วก้มหน้ากวาดของที่เหลือเข้ากระเป๋า ร่างกายสั่นไปหมด แต่สิ่งที่สั่นยิ่งกว่าคือหัวใจที่เต้นแรงด้วยความอับอายและสับสน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่… ณ แคนทีนของคณะ เสียงจอแจในแคนทีนดังระงมไปทั่ว แต่ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปกลับรู้สึกเหมือนทุกสายตากำลังหันมามองอีกครั้ง บางคนแค่เหลือบสายตา บางคนก็กระซิบกระซาบกันเบา ๆ จนฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่หลังตลอดเวลา ฉันก้าวไปที่โต๊ะริมหน้าต่างซึ่งเพื่อน ๆ นั่งรออยู่ มิ้นรีบโบกมือเรียกเหมือนเดิม “โมอา มานี่ ๆ เร็ว!” ฉันวางแก้วมัจฉะและแซนวิชที่เพิ่งซื้อมาลงแล้วนั่งทันที ยังไม่ทันจะได้หยิบมัจฉะมาดื่ม แอลก็ก้มหน้ามองมือถือก่อนพูดขึ้นมา “นี่แกยังไม่ได้เช็กโทรศัพท์เลยใช่มั้ย?” ฉันเลิกคิ้ว “หมายถึงอะไรอ่ะ?” แอลยื่นมือถือมาให้ดู “ในไอจี กับทวิตเตอร์ ตอนนี้แท็กชื่อแกเต็มไปหมดเลยเว่ย โดยเฉพาะคลิปในผับวันนั้นน่ะ กำลังไวรัลอยู่” หัวใจฉันเต้นโครมเหมือนถูกอะไรทุบ ฉันรีบล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋าออกมา กดเข้าไปดูตามที่แอลว่า แล้วก็จริง… หน้าฟีดเต็มไปด้วยคลิปเหตุการณ์ในผับที่ฉันโดนหาเรื่อง ถูกเทเหล้าใส่หัว ถูกผลักล้ม ก่อนที่ไทเลอร์จะก้าวเข้ามาคว้ามือฉันแล้วพาออกไป ยอดกดไลค์ กดแชร์เยอะจนน่าตกใจ ทำไมคนชอบมาใส่ใจอะไรแบบนี้นะ มือน้อยๆ สั่นเทา กดเข้าไปดูในคลิป และเลื่อนอ่านคอมเม้นแบบผ่านๆ “น่าสงสารแฟนเก่าพี่ไคว่ะ อยู่ ๆ ก็มีมือที่สามแทรกแบบนี้ 🤢#มือที่สามคณะX ” “ทำตัวเป็นนางเอกเลยนะ ทั้งที่จริง ๆ ก็เป็นตัวปัญหา #มือที่สามคณะX #จุดไฟเผาตัวเอง” “ดูยังไงก็ไม่ใช่คนผิดอะ เพื่อนสนิทกันชัด ๆ” “โอ๊ย โมเมนต์พระเอกปกป้องนางเอก ฉันตายยยยย” “เลิกสร้างภาพเถอะ ที่เห็นคือเกาะผู้ชายชัด ๆ ยังมาทำตัวนางเอกอีก #สตอ” “นึกว่าตัวเองเป็นนางเอกซีรีส์เหรอคะ? อายบ้างมั้ยคนมองทั้งร้าน #อายบ้าง #อายแทน” “ทำไมพวกผู้ชายดูไม่ออกว่ะ ว่าคนแบบนี้ตอแหล” “#ไทเลอร์โมอา ของจริงปะวะเนี่ย” “อยากได้มากสินะ ถึงได้เกาะเป็นเงาอยู่ตลอด #ดราม่าผับดัง” “เอาคลิปเขามาโพสแบบนี้ ระวังโดนฟ้อง #PDPAเข้าด่วนๆ ” “ทำตัวแบบนี้พ่อแม่รู้ไหม โอยยยยยยสู #ลูกฉันเป็นคนดี” ฉันเลื่อนฟีดไปเรื่อย ๆ เห็นทั้งด้านลบและด้านบวกปะปนกันชัดเจนเหมือนแบ่งเป็นสองฝั่งรบกันตรงหน้า มือฉันสั่นจนแทบถือโทรศัพท์ไม่อยู่ หัวใจสับสนปั่นป่วนราวกับมีคนสองร้อยคนกำลังตะโกนเถียงกันอยู่ในหัวฉันเอง มิ้นมองหน้าฉันแล้วเอื้อมมือมากุมไว้แน่น “อย่าไปสนใจพวกนั้นเลยน้า…แกก็ยังมีพวกเราอยู่นี่” คิอาร่าเอ่ยเสียงนิ่งแต่ชัด “ฟังฉันนะโมอา ความจริงมันจะค่อย ๆ พิสูจน์ตัวเอง แค่แกอย่าไปเก็บมาใส่ใจเลย คนพวกนี้ก็เก่งแต่ในเนต” ฉันเงยหน้ามองเพื่อนทั้งสามคน น้ำตาคลอโดยไม่รู้ตัว และพยักหน้าช้า ๆ ถึงแม้ในใจยังสั่นไหวไม่หยุดก็ตาม โดยที่ยังคิดไม่ออกว่าจะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไง ตัวฉันเองก็ไม่เคยใส่ใจคนที่มาคิดร้ายด้วย แต่การที่คลิปตัวเองไวรัลและโดนคนเป็นพันด่าพร้อมๆ กันมันอีกเรื่อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD