ตอนที่ 6
เสียงช้อนกระทบจานดังแข่งกับเสียงคุยอื้ออึงรอบแคนทีน แต่ทันทีที่ประตูด้านหลังเปิดออก บรรยากาศทั้งหมดก็เหมือนเปลี่ยนไปในเสี้ยววินาที
กลุ่มวิศวะเดินเข้ามาพร้อมกัน—ไค วิน ภู และเพื่อนอีกสองคน—ทุกสายตาแทบจะหันไปทางเดียวกันราวกับถูกแม่เหล็กดึงไว้
เสียงซุบซิบดังระงมขึ้นมาแทบจะทันที
“นั่นไงพี่ไคมาแล้ววว”
“โอ๊ยย หล่อชิบหาย เดินกันเป็นแก๊งเหมือนซีรีส์เลยว่ะ”
“นี่แหละ ๆ ผู้ชายในคลิปนั่นแหละ!”
“เพื่อนสนิทจริงเหรอวะ ดูไม่ออกเลยนะ…”
ฉันชะงักช้อนในมือ หัวใจเหมือนเต้นผิดจังหวะไปทั้งดวง แค่เห็นเขาเดินเข้ามาก็ทำให้ร่างกายแข็งค้างไปหมด
กลุ่มนั้นเลือกโต๊ะไม่ไกลจากโต๊ะเรามากนัก—เหมือนตั้งใจหรือบังเอิญก็ไม่รู้ แต่พอพวกเขาทั้งหมดนั่งลงพร้อมกัน เสียงซุบซิบก็ดังกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
แอลก้มหน้ากดมือถือเร็วจี๋ “โว้ย…ตอนนี้ทวิตแทบแตก แกเชื่อมั้ยว่ามีคนแท็กว่าพี่ไคกับแกอยู่โต๊ะเดียวกัน ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย!”
มิ้นแทบจะกรี๊ดออกมา “แก! ไม่คิดว่าคนพวกนี้ทำเกินไปหรอ จะสนุกปากบนความทุกข์ของคนอื่นเกินไปป่ะ”
คิอาร่าถอนหายใจ แต่แววตายังจับจ้องไปที่กลุ่มไค “เสียงรอบ ๆ นี่ไม่ใช่เล่น ๆ เลยนะโมอา…แกต้องระวังมากขึ้นแล้วล่ะ”
ฉันก้มหน้าลงมองข้าวในถาด พยายามไม่เหลือบสายตาไปทางโต๊ะนั้น แต่กลับยิ่งรู้สึกได้ชัด—
สายตาคมคู่นั้นกำลังมองตรงมา
ฉันไม่กล้าสบตา แต่หัวใจก็เต้นแรงจนรู้สึกเจ็บ
เสียงซุบซิบยังดังระงมไม่หยุด แต่แล้วร่างสูงของไคก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ เดินถือแก้วเปล่าตรงไปทางเครื่องกดน้ำ—เส้นทางเดียวกับที่ต้องผ่านโต๊ะฉันพอดี
หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว รีบก้มหน้าลงทำเป็นตักข้าวเข้าปาก ทั้งที่ข้าวเต็มคำยังกลืนแทบไม่ลง
เสียงรองเท้าหนังหนัก ๆ ก้าวผ่านใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนฉันเผลอกำช้อนแน่น
ไคหยุดชะงักเพียงเสี้ยววินาทีตอนผ่านโต๊ะเรา แววตาคมกริบเหลือบมามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบที่ชัดเจนจนโต๊ะเราเงียบลงทั้งโต๊ะ
“กินข้าวด้วย อย่ามัวแต่เล่นโทรศัพท์”
ฉันเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สบตาเขาเพียงวูบเดียวแล้วรีบก้มลงทันที ความร้อนวูบขึ้นแก้มจนแทบไหม้ ฉันไม่กล้าพูดอะไรกับเขาหรือทำเป็นเหมือนสนิท เพราะตอนนี้ขยับไปทางไหนก็เหมือนว่าจะทำให้เรื่องที่เป็นประเด็นในตอนนี้ยิ่งลุกลาม
ไคไม่ได้พูดอะไรต่อ ก้าวขาเดินต่อไปยังเครื่องกดน้ำ แต่แค่นั้นก็ทำให้ทุกโต๊ะรอบข้างฮือฮาอีกระลอก
“โอ๊ยยยยยย!! แกกกกกกกกกกก” มิ้นแทบจะตบโต๊ะ
“นี่มันบทพระเอกในซีรีส์ชัด ๆ เขามองแกอะโมอา เขามองแกกกก!! ฉันจะไปปั่นในทวิตนะ เผื่อมีกระแสตีกลับไง เรื่องมันอาจจะออกมาดีก็ได้นะเว่ยยย”
แอลรีบก้มพิมพ์มือถือ “ขอแคปชั่นด่วน ๆ … ‘แค่เดินผ่านยังใจละลาย #ไคโมอา’ ฟอลโลเวอร์กูต้องชอบแน่”
คิอาร่าเหลือบตามองฉันที่หน้าแดงจัด แล้วยกคิ้วขึ้น “อย่าบอกนะว่าแกยังคิดว่ามันไม่มีอะไร…เพื่อนกันเฉย ๆ เขาไม่พูดแบบนั้นต่อหน้าคนทั้งแคนทีนหรอกนะ”
ฉันกำช้อนแน่นกว่าเดิม พยายามปั้นสีหน้าให้เรียบเฉย แต่หัวใจกลับสั่นแรงเหมือนกลองรัว
เพื่อน…จริงเหรอ?
หลังจากเสียงฮือฮาในแคนทีนดังไม่หยุด เราทั้งกลุ่มก็แทบจะกินข้าวไม่ลง
คิอาร่าถอนหายใจแรงเป็นคนแรก “ไปเถอะ อย่าไปนั่งเป็นเป้าสายตาให้เขามองเล่น ๆ เลย”
“จริง! กูแทบจะเอาข้าวไปอุดหูอยู่แล้ว” แอลบ่นพลางเก็บโทรศัพท์ยัดลงกระเป๋า “เสียงซุบซิบน่ารำคาญฉิบหาย”
มิ้นรีบพยักหน้าแรง “งั้นไปห้องสมุดกัน! กูยังมีการบ้านอังกฤษไม่เสร็จ แล้วก็ต้องลงชื่อเข้าชมรมด้วยใช่มั้ย?”
ฉันเองก็ไม่อยากนั่งตรงนั้นให้อกสั่นขวัญแขวนไปมากกว่านี้ เลยพยักหน้าแล้วคว้ากระเป๋าลุกตามไปกับเพื่อน ๆ
ห้องสมุดคณะอักษรเงียบสงบกว่าที่คิดไว้ กลิ่นกระดาษหนังสือเก่า ๆ และแอร์เย็น ๆ ทำให้ใจฉันค่อย ๆ คลายลงบ้าง เราเลือกโต๊ะไม้ริมหน้าต่างแล้วนั่งล้อมวงกันเหมือนทุกที
“โอเค!” แอลตบโต๊ะเบา ๆ “มานั่งทำการบ้านให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องปวดหัวทีหลัง”
คิอาร่าลากสมุดออกมาอย่างตั้งใจ “ฉันจะเคลียร์งานวิชาภาษาเลือกโทก่อนเลย ครูตรวจละเอียดเกิน”
มิ้นหอบชีทหนา ๆ มาวางตรงหน้า “ของกูคือการบ้าน grammar…โอ๊ยยยย ไม่ไหวแล้ววว ขอไปหาหนังสือมาเป็นเรฟก่อนนะ!”
ฉันหัวเราะเบา ๆ “เอามานี่ เดี๋ยวช่วยดูให้” แล้วก็หยิบสมุดการบ้านมิ้นมากางข้าง ๆ ของตัวเอง
เสียงขีดเขียนดินสอและการพลิกหน้าหนังสือดังเป็นจังหวะช้า ๆ บรรยากาศในห้องสมุดเหมือนตัดเราทั้งหมดออกจากความวุ่นวายในโลกข้างนอก
แต่ในใจฉัน…ภาพสายตาคม ๆ ของไคที่เหลือบมองมาก่อนหน้านี้ยังวนเวียนไม่หาย
ฉันกัดปาก ก้มหน้ากับโจทย์การบ้านตรงหน้า “ไม่สิ…อย่าคิดมาก โฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไว้ก่อน โมอา”
หลายวันผ่านไป…
จากที่ทุกครั้งที่ฉันเปิดไอจีหรือทวิตเตอร์จะมีแต่แท็กชื่อฉันเต็มไปหมด ทั้งเสียงด่า เสียงเชียร์ เสียงซุบซิบที่ทำให้ใจสั่นวุ่นวายไม่หยุด ตอนนี้กลับเงียบลงอย่างน่าประหลาด
ฟีดที่เคยเต็มไปด้วยคลิปคืนนั้นเริ่มหายไปทีละน้อย ถูกกลืนด้วยดราม่าใหม่ ๆ ที่โผล่ขึ้นมาทุกวันแทน #ไคโมอา ที่เคยติดเทรนด์ก็เลื่อนหายไปในเวลาไม่กี่วัน เหมือนคลื่นซัดเข้ามาแรงแล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เห็นมั้ย กูบอกแล้ว” คิอาร่าพูดขึ้นขณะนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะห้องสมุด “โลกโซเชียลมันก็แบบนี้แหละ วูบวาบ เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่ให้เสพ คนสมัยนี้สมาธิสั้นจะตาย” คาอาร่าว่า แล้วโชว์หน้าจอมือที่ของเพจดังในโชเซี่ยลที่นักร้องหนุ่มนอกใจภรรยาตัวเอง กระแสแรงจนกลบเรื่องของเธอไปทั้งหมด
แอลพยักหน้า “ใช่! ตอนนี้เค้าไปตามดราม่าดาราแทนแล้ว เห็นมั้ย feed ของฉันคือไม่มีแท็กแกเลย”
มิ้นยิ้มโล่งอก “งั้นก็คือแกไม่ต้องเครียดแล้วไงโมอา~ ชีวิตกลับมาเหมือนเดิมแล้วเนี่ย”
ฉันหัวเราะเบา ๆ “อืม…เหมือนจะเหมือนเดิม”
แต่ในความเป็นจริง ไม่ได้เหมือนเดิมเลยสักนิด เพราะในหัวฉันยังวนเวียนกับเหตุการณ์วันนั้น—สายตาของไค เสียงทุ้มที่บอกให้ฉันกินข้าว หรือแม้แต่ฝ่ามือที่คว้าข้อมือฉันกลางวงคนมากมาย…
ทุกครั้งที่หลับตา ภาพเหล่านั้นยังชัดเจนยิ่งกว่าคลิปในโซเชียลเสียอีก
ฉันถอนหายใจแผ่ว ๆ ก้มลงเขียนการบ้านต่อ พยายามทำเป็นไม่คิดอะไร
ใช่…กระแสมันหายไปแล้ว
แต่ความรู้สึกที่ฉันมีต่อไค มันไม่หายไปไหนเลย