“คุณกลางให้คนที่บ้านผมไปส่งนะครับ ถ้ายังไงบอกป้าอุ่นได้ทุกเรื่องเดี๋ยวแกจัดการให้ แต่วันนี้ผมอยากให้คุณกลางอยู่บ้านก่อน”
ธามเห็นว่าเธอขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างนึกสงสัยในคำขอของเขา
“พักผ่อนก่อนสักวันนะครับ เมื่อคืนก็กว่างานแต่งจะเสร็จ กว่าจะได้นอน”
เธอยิ้มให้เขาเป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าเธอเข้าใจสิ่งที่เขาพูดแล้ว แต่ก็ยังมีอารมณ์แซวเขา
“ทีคุณธามยังไปทำงานต่อได้เลย ไม่เห็นจะต้องพักผ่อน”
ธามหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
“ผมน่ะไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ดูเหมือนคุณกลางจะไม่สบาย ตัวอุ่นๆ”
คนตรงหน้าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะยิ้มจางๆ คล้ายยอมรับ
“ผมไปนะครับ” เขาเอ่ยลาแล้วขึ้นรถที่สตาร์ตเครื่องรอไว้แล้ว ออกมาไม่ถึงชั่วโมงก็โทรกลับมาหาป้าอุ่น
“ผมฝากป้าอุ่นดูคุณกลางให้หน่อยนะครับ กลัวว่าเธอจะไม่สบาย” อาจจะจับไข้ได้เลยละ นอกเหนือจากการพักผ่อนไม่เพียงพอแล้วเขาเองอาจมีส่วนทำให้เธอไม่สบาย…ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วเขาก็ยังไม่ปล่อยให้เธอได้พักผ่อน กวนเธอจนเกือบรุ่งสาง แล้วเธอยังมีแรงลุกมาทำกับข้าวแต่เช้าอีก ไม่รู้ได้นอนบ้างหรือเปล่า
หลังจากถึงภูเก็ตธามก็โทรหาภรรยาทันที เธอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ตอนเย็นป้าอุ่นโทรมารายงานว่าภรรยาของเขาไม่สบาย ธาม
จึงให้ตามหมอมาดูอาการ ซึ่งพบว่าไข้สูงอยู่เหมือนกัน ธามกำชับให้ป้าอุ่นช่วยดูแลเธอและไม่ให้เธอไปร้านจนกว่าจะหายป่วย ตลอดเวลาธามไม่ได้โทรหาเธอเพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนคนป่วย และคาดว่าเธอคงตอบแค่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก จึงเลือกที่จะติดต่อป้าอุ่นแทน พอรู้ว่าเธอหายดีแล้วเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับบ้านอีกเลยจนถึงกำหนดกลับ
“ผมน่าจะถึงบ้านประมาณสามทุ่มนะครับ รบกวนคุณกลางเหลือกับข้าวไว้ให้ผมทีนะครับ”
เขาบอกว่าเหลือกับข้าวไว้ให้ แต่พอมาถึงกลับพบว่าภรรยาของเขาก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็น
“คุณธามทานข้าวเลยไหมคะค่อยขึ้นไปอาบน้ำทีเดียว คุณกลางเธอก็ยังไม่ได้ทานข้าวเย็น” ซึ่งถ้าป้าอุ่นไม่บอกเขาก็ไม่รู้ว่าเธอรอทานข้าว ธามจึงทานข้าวเย็นกับเธอก่อนจะพากันขึ้นห้องนอนพร้อมกัน
“คุณกลางอาบน้ำก่อนไหมครับ สี่ทุ่มกว่าแล้ว” เขาไม่เคยรู้ว่าปกติสุพรรณิการ์นอนกี่ทุ่ม แต่เวลาสี่ทุ่มกว่าก็น่าจะเป็นเวลานอนของหลายๆ คน
“คุณธามอาบก่อนเถอะค่ะเดินทางมาเหนื่อยๆ” เธอตอบ ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้เขา
“ขอบคุณครับ” เขารับผ้าเช็ดตัวมาจากเธอ ไม่ได้ต่อความ แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ ซึ่งธามใช้เวลาในการอาบน้ำไม่นาน หลังจากเขาออกมาจากห้องน้ำเธอก็ใช้ห้องน้ำต่อทันที
ตอนนี้สุพรรณิการ์อยู่ในชุดนอนผ้านิ่มแขนยาวสีขาว ตัวยาวพอดีเข่า เป็นภาพที่ดึงความรู้สึกนึกคิดของธามให้อยู่กับคนตรงหน้า นึกไปถึงคืนแรกที่เข้าหอด้วยกัน เขายังไม่รู้เลยว่าเธอใส่ชุดนอนแบบไหนจนมาเห็นในคืนนี้ เพราะตอนนั้นมันไม่มีความพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตของเธอในห้องนี้ หลังจากนั้นเขาก็หายไปห้าคืน แล้วปล่อยให้เธออยู่คนเดียว คืนนี้เหมือนกับเขาและเธอต้องมาเริ่มต้นเรียนรู้กันใหม่อีกครั้ง
“เป็นยังไงบ้างครับ นอนคนเดียวห้าคืนกลัวหรือเปล่า”
เขาเห็นว่าคนถูกถามขมวดคิ้วเล็กน้อย ขณะเดินมานั่งข้างๆ เขา
“หมายถึง คุณกลางอาจจะไม่ชินกับห้องนอน แล้วบ้านผมก็อยู่ท่ามกลางต้นไม้ เป็นบ้านโบราณด้วย”
เขาเห็นว่าเธอยิ้มกว้างพลางส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเข้าใจในความหมายของเขา
“อืม ผมลืมไปว่าบ้านคุณกลางอาจจะโบราณกว่าผมอีก”
“ค่ะ แต่ความจริงกลางเปิดไฟนอน”
คำตอบของเธอทำให้ธามหัวเราะออกมาเหมือนกัน แม้จะไม่แน่ใจว่าเธออาจจะแค่พูดเล่น แต่ประโยคต่อมาก็ทำให้เขารู้ว่าเธอคงพูดจริง
“ยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ค่ะ”
“อีกสักหน่อยคงชินครับ แล้วคืนนี้คงไม่ต้องเปิดไฟนอนแล้ว” เขาพูดยิ้มๆ แต่เมื่อพอนึกได้ว่าพูดอะไรออกไปมันก็ทำให้บรรยากาศครึกครื้นเมื่อครู่เงียบขึ้นมาชั่วขณะ อบอวลไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก
“คุณกลางไม่สบาย ดีขึ้นหรือยังครับ”
“ค่ะ หายแล้วค่ะ”
“ครับ ผมจะได้ไม่กังวลว่าจะทำให้คุณกลางไม่สบายขึ้นมาอีก” พูดแล้วก็สบตาเธออย่างสื่อความหมาย ซึ่งสุพรรณิการ์ยิ้มจางๆ อย่างเข้าใจว่าเขาต้องการอะไร ธามยิ้มให้เธอก่อนจะเลื่อนใบหน้าเข้าหาแล้วจูบเธอ ธามไม่แน่ใจว่าเหมือนเมื่อก่อนเขาไม่คิดว่าจูบจะเป็นส่วนประกอบหนึ่งของเซ็กส์ แต่กับภรรยาของเขาธามกลับรู้สึกว่าจูบก็ให้ความรู้สึกที่วิเศษเหมือนกัน
ไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะห่างจากเธอนานเกินไปหรือเปล่า ธามถึงได้รู้สึกว่าคิดถึง…คิดถึงร่างกายหอมหวานของภรรยา ลึกๆ ในห้วงความรู้สึกเหมือนเขาจะจดจำสัมผัสระหว่างเขากับเธอในคืนแรก สีหน้าประหม่าและเอียงอายของเธอยังติดในความทรงจำอันเลือนราง ก่อนที่ภาพเหล่า
นั้นจะถูกแทนที่ด้วยความสงสัยว่าเวลาห้าวันที่ห่างกันจะทำให้สุพรรณิการ์คุ้นเคยกับเขาได้อย่างไร แม้ว่าเธออาจไม่ได้มีประสบการณ์มากมายในเรื่องนี้ แต่ธามรู้สึกว่าเธอเรียนรู้และเข้ากับเขาได้ดี และธามก็ไม่ต้องอุ้มเธอไปอาบน้ำเหมือนคืนแรกอีกแล้ว
นานวันเข้ามันเริ่มเป็นความเคยชิน ความรู้สึกละเอียดอ่อนที่ธามรู้สึกในครั้งแรกค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยความคุ้นเคยระหว่างกัน หากก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะถูกรื้อค้นขึ้นมาในวันใดวันหนึ่ง