Intro
Intro
ณ อิตาลี
01:30 น.
“อ๊า ออสตินใส่เข้ามาในตัวคามิลเลยค่ะ” หญิงสาวใต้ร่างส่งเสียงอ้อนวอนร้องขอในขณะที่กำลังสาดบทรักอันเร่าร้อนใส่กันอย่างดุเดือด
“เธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน!” ออสตินตอบกลับคามิลเสียงแข็งเขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เฉยชาที่ซ่อนความรู้สึกต่างๆ ไว้ภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลาและน่ากลัวแววตาของเขาเป็นแววตาที่ไม่มีใครกล้าสบตาโดยตรงแม้แต่คนเดียว
“ไม่ใส่ถุงไม่ได้เหรอคะ เรามีอะไรกันมาตั้งหลายครั้งแล้ว” คามิลเอ่ยถามมาเฟียหนุ่มเมื่อเห็นเขาหยิบถุงยางออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะสวมมันลง
“หุบปากถ้ายังอยากสนุกกันต่อ” ออสตินมองหน้าคามิลด้วยสายตาที่ดุดันและสีหน้าที่ดูไร้อารมณ์
ปึก!
“อ๊า~” คามิลร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับท่อนแกร่งสอดเข้ามาในกายของเธอทีเดียวมิดด้ามโดยไม่มีการเล้าโลมใดๆ ก่อนเอวสอบจะเริ่มขยับกระแทกอย่างรุนแรงทันที
ปัก! ปัก! ปัก! ปัก!
“…” ไร้เสียงครางจากร่างหนาเขาไม่แม้แต่จะก้มมองหน้าคามิลด้วยซ้ำแต่สะโพกสอบยังอัดกระแทกเธอแรงขึ้นเรื่อยๆ
“อ๊า อ่ะๆ”
“หุบปากของเธอซะ! ฉันไม่อยากฟังเสียงเธอคราง” ออสตินตะคอกกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจก่อนจะเร่งสะโพกสอบเร็วกว่าเดิม
“อ๊า~” คามิลไม่สามารถทำตามที่เขาขอได้เมื่อเขายิ่งอัดกระแทกแรงเท่าไหร่เสียงครางของเธอก็ดังขึ้นเท่านั้นอย่างห้ามไม่ได้
“แม่งเอ้ย!!!” ออสตินสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะถอนท่อนแกร่งออกอย่างหมดอารมณ์โดยไม่สนใจหญิงสาวใต้ร่างที่กำลังอารมณ์ค้างอยู่
“ออสตินคุณจะไปไหนคะเราจะสนุกกันไม่จบเลยนะคะ” คามิลรีบยันตัวลุกขึ้นถามชายหนุ่มในขณะที่ออสตินกำลังยืนใส่เข็มขัดอยู่ด้วยสีหน้าที่เฉยชา
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่อยากฟังเสียงครางเธอ” ออสตินตอบกลับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
“ของแบบนี้มันห้ามกันไม่ได้นะคะ คุณเป็นแบบนี้ตลอดเลยทุกครั้งที่มีอะไรกันคุณไม่เคยถอดเสื้อ แค่กางเกงคุณยังดึงลงที่ขา คุณไม่เคยมองหน้ามิลไม่เคยจูบมิลทำไมอ่ะ!?” คามิลถามสิ่งที่อัดอั้นในใจมานาน ออสตินมองคามิลด้วยหางตาก่อนจะบีบแก้มเนียนอย่างแรงจนคามิลรู้สึกเจ็บและหวาดกลัวสายตาของเขาที่มองมา “โอ้ย!…”
“อย่ามาขึ้นเสียงหรือทำอวดเก่งกับฉัน เธออยากรู้จริงๆ เหรอว่าทำไมฉันถึงทำแบบนั้น เพราะเธอมันก็แค่ผู้หญิงที่อ้าขานอนกับผู้ชายเพราะเงิน!” ออสตินสะบัดมือลงอย่างแรงจนคามิลหันตามแรงสะบัด
“ฮึกๆ มิลรักคุณนะคะมิลยอมทุกอย่างได้เพื่อคุณ” คามิลพูดทั้งน้ำตา
“หึ รักฉันมากใช่ไหม…” ออสตินเดินไปหยิบบางอย่างที่วางอยู่กับเสื้อสูทก่อนจะมายื่นให้คามิลและโยนมันให้เธอ
“ปืน?” คามิลมองปืนตรงหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ยิงตัวเองสิถ้าเธอบอกว่ารักฉันมาก”
“…” คามิลกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินคำสั่งจากเขา
“จะยิงตัวเองเพื่อพิสูจน์ความรักหรือจะหยิบเช็คเงินสดแล้วไสหัวไปไกลๆ ก็เลือกเอา”
“…”
“นับหนึ่ง นับสอง นับ…”
“มิลเลือกเช็คค่ะๆ” คามิลรีบหยิบเช็คเงินสดขึ้นมาทันทีทำให้ออสตินยิ้มมุมปากให้กับความโลภมากของผู้หญิงก่อนจะเดินออกไปจากห้องโดยไม่ลืมหยิบปืนมาด้วย
“เครื่องบินที่จะบินไปเยอรมันพร้อมแล้วครับนาย” เมื่อออกมาจากโรงแรม ครูสลูกน้องคนสนิทพูดขึ้นในขณะที่เดินตามหลังเจ้าชาย
“ยกเลิกวันนี้กูไม่มีอารมณ์ไปไหนทั้งนั้น”
“แต่นายมีนัดกับผู้ถือหุ้นทุกคนนะครับ”
“ถ้าใครมีปัญหาก็ให้มันถอนหุ้นไป กูมีเรื่องที่สำคัญกว่าจะให้มึงไปจัดการ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ลักพาตัวผู้หญิงคนหนึ่งมาให้กู”
“ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหนครับ…”
“ประเทศไทย…”
ณ ประเทศไทย
07:00 น.
“เรนวันนี้ตื่นเช้าจังเลยลูก” น้ำใสผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลในขณะที่เรนนี่เดินผ่านมาอย่างพอดี
“เรนคิดถึงแม่ไงคะเลยรีบลงมาหอมแก้มแบบนี้ไง” เรนนี่เดินเข้าไปกอดน้ำใสผู้เป็นแม่พร้อมกับหอมแก้มไปชุดใหญ่
ฟอดดดด
“อ้อนเก่งจริงๆ เลยลูกคนนี้” น้ำใสลูบแก้มใสด้วยความเอ็นดูก่อนจะมีเสียงใหญ่แทรกเข้ามา
“อ้อนแค่แม่เหรอแล้วพ่อละ” ทีโอเอ่ยถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ
“คุณพ่อก็อ้อนค่า คิดถึงที่สุดเลย” เรนนี่รีบเข้าไปอ้อนผู้เป็นพ่อทันทีอย่างรู้งาน
“วันนี้จะไปไหนละท่าเรือหรือโรงแรม?”
“โรงแรมค่ะ ท่าเรือปล่อยให้ทีเคจัดการดีกว่า” เรนนี่ตอบกลับเธอมักจะบริหารโรงแรมเป็นหลักส่วนงานที่ร่วมหุ้นกันกับเพื่อนๆ ของพ่อเธอนั้นเป็นหน้าที่ของทีเคซะส่วนใหญ่
“งั้นพ่อฝากด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ”
ณ โรงแรม
บรึ๊นนนน! เอี๊ยด!
เสียงรถสปอร์ตคันหรูขับมาด้วยความเร็วมาจอดที่ข้างหน้าโรงแรมท่ามกลางสายตานับสิบที่จ้องมองมาไม่ได้ทำให้ร่างบางที่อยู่ในรถเขินเลยแม้แต่น้อย เธอเปิดประตูลงรถก่อนจะก้าวเข้าไปในโรงแรมด้วยความทะมัดทะแมงถึงแม้จะใส่ส้นสูงที่สูงเกือบสี่นิ้ว ร่างบางเดินไปอย่างมั่นใจก่อนจะเข้าไปในห้องทำงานในตำแหน่งผู้บริหาร
“รายงานเมื่อคืนที่คุณเรนนี่สั่งให้ไปแก้ค่ะ” หญิงสาวเลขาเดินเข้ามายื่นเอกสารให้ที่โต๊ะทำงาน เรนนี่หยิบขึ้นมาดูเปิดไปสองสามหน้าก่อนจะเงยมองหน้าเลขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย “…คะ?” เลขาพูดขึ้นเมื่อไม่เห็นเรนนี่พูดอะไรต่อ
“แก้แล้วได้แค่นี้เหรอ?”
“เอ่อคือ…คุณเรนนี่ติดตรงไหนคะเดี๋ยวดิฉันแก้มาให้ใหม่ค่ะ”
“ทุกตรง! ฉันไม่ชอบคนทำงานชุ่ยๆ แบบนี้”
“ขะ ขอโทษค่ะ”
“ฉันต้องการงานที่ดีไม่ใช่คำว่าขอโทษ แต่ฉันเป็นคนชอบให้โอกาสคน กลับไปแก้อีกรอบแล้วถ้ายังไม่ดีฉันคงต้องเปลี่ยนเลขาใหม่”
“ค่ะ” สาวเลขาก้มหน้ายอมรับโดยเลี่ยงไม่ได้ เธอทำงานกับเรนนี่มานานรู้ว่าเรนนี่เป็นคนที่ใส่ใจเรื่องงานมากแค่ไหนและเรนนี่มักจะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เธอทำงานแย่แต่ก็ไม่เคยไล่เธอออกสักที
“ฉันเอาขนมมาฝาก เอาไปกินสิ” เรนนี่หยิบถุงขนมส่งให้เลขาก่อนจะพูดต่อว่า “ได้ขนมแล้วก็ออกไปฉันจะทำงาน”
“ค่ะ” เลขาสาวยิ้มให้กับความเอาใจใส่ของเธอถึงแม้เรนนี่จะดุแต่เธอก็เป็นคนที่ใส่ใจพนักงานทุกคนเสมอพูดง่ายๆ ก็คือปากร้ายแต่ใจดีนั่นเอง…
*********