bc

The Wings of Love

book_age18+
177
FOLLOW
1K
READ
contract marriage
HE
boss
drama
bxg
detective
campus
city
tricky
like
intro-logo
Blurb

ความรักเกิดจากคนสองคน แต่เมื่อคนที่ไม่รักกัน คนที่เปรียบเสมือนตัวค้ำประกันหนี้ ต้องมาอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน และไม่ใช่เพียงชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แต่เป็นชายหนึ่งหญิงสอง เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร....

chap-preview
Free preview
The wings of love | จับหมั้น
Queens, New York @John F. Kennedy International Airport ‘Attention please, Arrival of Klavs Airways International Flight FX009 From Korea, passengers on Arrival of this flight, Please select your baggage at belt number 2 in Terminal 1, Thank You.’ เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่สนามบิน ผู้คนต่างก็จับจ้องไปที่เหล่าลูกเรือของไฟล์ทบินดังกล่าวที่เพิ่งจะเดินออกมาจากอาคารผู้โดยสาร ซึ่งจุดที่เป็นที่สนใจของผู้คนในสนามบินนั้นไปหยุดอยู่ที่นักบินหญิงและนักบินชายที่เดินเคียงข้างกันออกมา ไม่เพียงแต่เพราะหน้าตาของทั้งคู่ที่หล่อสวยและส่วนสูงราวกับนางแบบนายแบบของทั้งคู่เท่านั้น แต่อาจจะเป็นเพราะเธอที่เป็นถึงนักบินหญิง ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีนักบินหญิงให้เห็นกันได้ทั่วไปแล้ว เพราะการเปิดกว้างทางสังคมที่ทำให้ผู้หญิงได้มีโอกาสประกอบอาชีพที่หลากหลายมากขึ้น แต่สำหรับเธอคนนี้ ต่างกับนักบินหญิงทั่ว ๆ ไป เพราะนอกจากจะเป็นนักบินหญิงแล้ว เธอยังเป็นถึงหนึ่งในเจ้าของสายการบิน Klavs Airways International นี้ร่วมกับพี่ชายที่เดินเคียงข้างกันออกมาอีกด้วย และด้วยความที่เป็นนักสาวเพียงคนเดียว และเป็นน้องสาวที่พี่ชายเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ๆ ทำให้พี่ชายหวงน้องสาวเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าตามติดไปด้วยทุกที่ที่พี่ชายคนนี้สามารถจะตามไปด้วยได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นพี่น้องคู่นี้บินด้วยกันบ่อย ๆ เมื่อเดินออกมาได้สักระยะหนึ่งก็มีเสียงเรียกเข้ามาที่โทรศัพท์ของพี่ชาย Rrrrrrrrrrrrrrr~ Rrrrrrrrrrrrrrr~ Rrrrrrrrrrrrrrr~ เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตนเองมัวแต่จ้องมองโทรศัพท์ โดยไม่มีทีท่าว่าจะรับสายสักที คนเป็นน้องจึงได้เอ่ยถามขึ้นมา “ทำไมไม่รับสายล่ะ” “จะให้รับจริงเหรอ” เขาหันมาถามน้องสาวของเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดทันที “ใครโทรมา?” คนเป็นพี่ชายไม่ได้ตอบคำถาม แต่หันหน้าจอโทรศัพท์ไปให้น้องสาวของเขาดูแทน ‘Grandma’ “ก็รับไปดิ ถ้าพี่ไม่รับ เดี๋ยวก็โทรมาอีก” “แต่…..” เมื่อเห็นว่าพี่ชายทำท่าทีอึกอักเหมือนจะไม่ยอมรับสาย ด้วยความสงสัย เพราะปกติพี่ชายของเธอจะรับสายทันทีเพื่อเป็นการตัดรำคาญคนปลายสาย แต่ครั้งที่กลับไม่ยอมรับสักที ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ทำให้ทั้งคู่รู้นิสัยกันเป็นอย่างดี ทำให้เธอเอ่ยปากถามทันที “พี่มีอะไรปิดบังหนูอยู่ใช่ไหมเนี่ย!?” เมื่อพี่ชายของเธอนั้นไม่ยอมตอบคำถาม เธอเริ่มที่จะสงสัยในตัวพี่ชายมากขึ้นว่า มีอะไรที่เขาไม่ยอมบอกเธอหรือไม่ เพราะก่อนที่จะบินมาที่นิวยอร์ก พี่ชายของเธอก็ทำท่าเหมือนไม่อยากให้เธอบินมาที่นี่ “ไม่มีนิ พี่จะมีอะไรปิดบังเราได้” “ถ้าไม่มี ก็รีบรับดิ เดี๋ยวแกก็ร้อนรนอยู่แบบนั้นแหละ” เพื่อไม่ให้น้องสาวสงสัยในตัวเขามากไปกว่านี้ เขาจึงต้องยอมจำใจรับสายของย่า “ครับย่า” ‘……...’ “แต่ว่าผมกับน้องเพิ่งจะมาถึงนะครับ…” ‘……...’ “ก็ได้ครับ” ‘……..’ “ครับ ๆ ” หลังจากวางสายแล้ว เขาก็หันหน้ามามองน้องสาวที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว “ว่าไงบ้าง??” “ย่าบอกว่า” “ว่า??” “ให้เข้าไปหาที่บ้านใหญ่ด้วย ตอนนี้เลย” บ้านใหญ่ที่ว่านั้น หมายถึงบ้านของย่าของทั้งสองคนที่ตั้งอยู่ชานเมืองนิวยอร์ก ซึ่งทั้งสองคนก็ไม่ค่อยอยากจะเข้าไปนัก เนื่องจากเหตุผลบางอย่าง เว้นแต่ว่าจะโดนเรียกเหมือนครั้งนี้ “ไม่ไปได้ไหมอ่ะ ไม่อยากเจอหน้า” “คงจะไม่ได้” เขาพูดพร้อมกับหันไปมองตรงทางเข้า-ออกสนามบิน ที่มีเหล่าชายชุดดำยืนอยู่กว่า 10 คน “지루한 (น่าเบื่อ)” Staten Island, New York หลังจากออกมาจากสนามบินมาได้สองสามชั่วโมง ขณะนี้รถลีมูซีนที่สองพี่น้องนั่งมา ก็กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนเลวร้ายและเศร้าสลดทุกครั้งที่คิดถึงของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสองพี่น้องคู่นี้ เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในบ้านก็พบกับผู้ที่เป็นย่าของทั้งสองที่กำลังนั่งรอการกลับมาของพวกเขาทั้งคู่อยู่ก่อนแล้ว “หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ หลานย่า” ท่านพูดพร้อมกับเดินมากอดหลานทั้งสองไว้ด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ เพราะครั้งล่าสุดที่ท่านได้เจอกับหลานทั้งสองของท่าน ก็เมื่อห้าปีที่แล้วได้ เพราะเนื่องมาจากงานของทั้งคู่รวมถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ย่าหลานไม่ค่อยได้เจอหน้าเจอตากัน ทำได้แค่เพียงโทรคุยกันเป็นครั้งคราวเท่านั้น “แล้วที่คุณย่าเรียกพวกหนูมามีอะไรเหรอคะ?” “ยัยหลานคนนี้นี่!! จะรีบไปไหนกัน!! ไม่ได้เจอหน้าคร่าตากันตั้งนานจะรีบกลับไปไหน อยู่ทานข้าวเย็นกับย่าด้วยกันก่อนสิ” “ย่าก็รู้ว่าทำไมหนูไม่อยากอยู่ที่นี่นาน” “ย่ารู้ ย่ารู้ดีอยู่แก่ใจเลยแหละ แต่พวกหนูช่วยอยู่ทานข้าวกับคนแก่แบบย่าหน่อยเถอะ ย่าไม่เจอพวกหนูตั้งนาน คิดถึงจะแย่อยู่แล้วเนี่ย ดูสิ!! ไม่เจอกันตั้งนานโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ส่วนย่าก็แก่จะลงโลงอยู่แล้วเนี่ย” “แก่อะไรละ ย่ายังดูสาวอยู่เลยเนี่ย ย่ายังอยู่ได้อีกนานเป็นร้อยปีเลยแแหละ” “ยัยเด็กคนนี้นี่ เข้าใจพูดนักนะ เอาเป็นว่าอยู่ทานข้าวเย็นกับย่าก่อนนะ ย่ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยกับพวกเราทุกคน” “ก็ได้ครับ/ค่ะ ” “ดีมาก!! เอาล่ะ ๆ เดินทางกันมาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักผ่อนข้างบนกันก่อนเถอะ ย่าให้คนเตรียมห้องเอาไว้ให้แล้ว เดี๋ยวพอใกล้อาหารเย็น เดี๋ยวย่าให้คนขึ้นไปตามนะ” หลังจากที่ถูกรั้งไว้จนถึงตอนเย็น ทำให้สองพี่น้องต้องหาอะไรทำเพื่อฆ่าเวลา โดยการมานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดของบ้านหลังนี้ “ตัล พี่มีเรื่องที่ต้องบอกเราไว้ก่อน” ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่องปิดบังน้องสาวอีกต่อไป ผู้เป็นพี่ชายจึงได้เอ่ยออกมาทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบของห้องสมุดแห่งนี้ “หืม??” “คือว่าเรื่องที่ย่าจะคุยด้วยตอนเย็นน่ะ” เขาพูดพร้อมกับละสายตาจากบรรยากาศนอกหน้าต่าง หันไปมองน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือกลางห้อง แต่ก็พบว่าน้องสาวของเขานั้นหลับไปแล้ว ผู้เป็นพี่ชายจึงได้แต่ยิ้มมองน้องสาวของเขาด้วยความเอ็นดู ก่อนรอยยิ้มจะหายไป กลายเป็นความกังวลกับเหตุการณ์ที่จะเกิดต่อจากนี้ไปเข้ามาแทนที่ หกโมงเย็น ขณะนี้บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิดที่ส่งกลิ่นหอม ยั่วยวนความหิว แต่ทุกคนบนโต๊ะอาหารกลับนิ่งเฉย และบรรยากาศที่ควรจะเป็นความอบอุ่นจากครอบครัวที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน กลับกลายเป็นบรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด เนื่องจากความห่างเหินของคนในครอบครัวแทน “นี่เราไม่ได้ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันมานานเท่าไหร่แล้วนะ” ผู้อาวุโสสุดภายในบ้านหลังนี้อย่างคุณย่า ได้เอ่ยขึ้นมาทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ “ก็ตั้งแต่ไดมอนด์กับคริสตัลย้ายไปอยู่เกาหลีไงคะ คุณแม่” ยูกิโกะ ภรรยาคนที่สองหรือแม่เลี้ยงของทั้งสองพี่น้องที่เอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีที่คุณย่าท่านพูดจบ “ฉันรู้น่า!!” “แล้วเรื่องสำคัญที่คุณย่าบอก คือเรื่องอะไรกันคะ” ด้วยความที่อยากจะไปจากบ้านหลังนี้เต็มทน ทำให้คริสตัลต้องถามออกไป แม้ว่ามันจะไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไหร่ “ยัยคริสตัล!! เรื่องแบบนี้จะเอามาพูดตอนทานข้าวได้ยังไงกัน ไม่มีมารยาท!! รอนิดรอหน่อยไม่ได้เหรอ ไม่มีความอดทนเอาซะเลยนะ ดูมิกิเป็นตัวอย่างสิ ดูน้อย เรียบร้อย รู้จักกาละเทศะ” มิกิที่ยูกิโกะพูดถึงนั้น เป็นลูกสาวของยูกิโกะกับวิคเตอร์ หรือ วิคเตอร์ คอสโม่ พ่อของไดมอนด์กับคริสตัส เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก แต่ถึงแม้ว่ามิกิจะเกิดจากยูกิโกะที่เป็นภรรยาคนที่สองของวิคเตอร์ แต่เธอนั้นกลับมีอายุมากกว่าคริสตัลถึง 1 ปี “เอาล่ะ ๆ ไม่เป็นไรหรอก ไม่เห็นจะเสียมารยาทอะไรเลย คนกันเองทั้งนั้น” “ก็เพราะคุณแม่ให้ท้ายยังงี้ไง ยัยคริสตัลถึงได้โตมาแบบนี้” “พอเถอะคุณ พูดจาอะไรก็ระวังปากหน่อยนี่แม่ผมนะ” วิคเตอร์พูดปรามภรรยาคนที่สองของตน พลางมองสองพี่น้องด้วยหางตาเล็กน้อย “พอเถอะ อย่ามาทะเลาะกันต่อหน้าฉัน ไหน ๆ บรรยากาศมันก็แย่พอตัวอยู่แล้ว งั้นย่าก็ขอพูดเรื่องสำคัญเลยละกัน” “เรื่องสำคัญที่ย่าจะพูดต่อจากนี้ไปมันเป็นสำคัญของครอบครัวเราเลยก็ว่าได้ แม้ว่าบางคนจะรู้อยู่บ้างแล้วก็ตาม” ท่านพูดพลางมองหน้าทุกคน โดยท่านมองไปที่คริสตัลและมิกิเป็นหลัก เหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างให้หลานสาวทั้งสองคนได้รับรู้ “เรื่องที่ย่าจะบอกก็คือ มันสืบเรื่องมาจากการที่ปู่ของหลาน ๆ นั้น มีผู้มีพระคุณที่ช่วยให้โรงแรมของเรามีทุกวันนี้ได้ ทำให้ปู่เขาอยากจะตอบแทนผู้มีพระคุณคนนั้น ด้วยการจะให้ลูกหมั้นหมายกับฝ่ายนั้น แต่เนื่องจากว่าทางเราและฝ่ายนั้นมีลูกชายทั้งคู่ จึงทำให้ปณิธานนี้ ตกมาสู่รุ่นหลาน” “แล้วที่คุณย่าจะบอกก็คือ มิกิกับคริสตัล คนใดคนหนึ่งในพวกเราสองคนจะต้องหมั้นกับฝ่ายนั้นเหรอคะ??” มิกิ ที่เงียบมานาน ก็ได้เอ่ยถามย่าออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจนักตามสไตล์สาวรักสนุก “ใช่ แต่เรื่องมันมีอยู่ว่า ฝ่ายนั้นเขามีหลานชายคนเดียว ส่วนบ้านเรานั้นมีหลานสาวถึงสองคน เราก็เลยอยากจะให้ทั้งสองคนลองดู ๆ กับฝ่ายนั้นไปก่อน แล้วหลังจากนั้น ถ้าชอบพอกัน ก็ค่อยหมั้น” “ที่คุณย่าต้องการจะสื่อจริง ๆ ก็คือ ให้ไปเป็นตัวเลือกให้กับฝ่ายเลือกนั้นสินะ ถ้าฝ่ายนั้นถูกใจใครก็จับหมั้น โดยที่ไม่สนว่าจะรักกันไหม หรือฝ่ายเราจะเต็มใจไหมอย่างนั้นสินะคะ” “ตัล!!” @อีกฟากหนึ่ง “ตานิค!! มานี่ก่อน” คุณหญิงโซเฟีย หรือโซเฟีย จี. ซานเดอร์ ได้เรียกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวไว้ ทันทีที่เห็นว่าลูกชายของตนกำลังจะเดินขึ้นไปบนห้องชั้นสองของบ้าน ทันทีที่ถูกเรียก เจ้าของชื่ออย่างฟินิกซ์ หรือฟินิกซ์ ซานเดอร์ ลูกชายของคุณหญิงโซเฟียกับแมทธิว ซานเดอร์ ได้แต่ทำหน้าเซ็ง ๆ เพราะเขารู้อยู่แล้วล่ะ ว่าแม่ของเขาจะคุยอะไรกับเขา “ลูกคงรู้มาจากพ่อของลูกแล้วล่ะสิ!! ถึงได้ทำเป็นมองไม่เห็นแม่กับพ่อที่นั่งหัวโด่อยู่เนี่ย” คุณหญิงโซเฟียพูดพร้อมกับมองค้อนผู้ที่เป็นสามี ที่คงเอาเรื่องที่เธอจะคุยกับลูก ไปบอกก่อนล่วงหน้าแบบนี้ “โถ่!! คุณก็...ผมก็แค่อยากให้ลูกเตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ ไง เผื่อเวลาให้ไอ้ลูกชายหัวดื้อของเราได้เก็บเอาไปคิดว่าจะทำยังไง” “ใช่แน่เหรอ ไม่ใช่ว่าจะวางแผนจะทำอะไรไม่ดี ๆ น่ะสิ คุณก็รู้นิสัยตานิคอยู่แก่ใจ เรื่องไม่ดี ๆ เนี่ยชอบทำจัง เหมือนพ่อมันไม่มีผิด เหอะ!!” “ไหงวนมาที่ผมได้เนี่ย คุณมีอะไรจะพูดกับลูกก็รีบ ๆ พูดสิ ดูนั่นมันกำลังแอบหนีไปแล้วแล้วนั่น” แมทธิวพูดพลางชี้ไปที่ลูกชายตัวดีที่กำลังจะแอบย่องขึ้นไปด้านบนให้ภรรยาของตนดูทันที “ตานิค!! จะหนีไปไหน มานั่งนี่เลยมา เร็ว ๆ” “วันนี้ผมทำงานมาเหนื่อย ๆ มา ขอขึ้นไปพักก่อนเถอะครับ มีอะไรพรุ่งนี้ค่อยพูดได้ไหมครับ” “ไม่ได้!! แม่จะต้องคุยกับเราให้รู้เรื่องภายในวันนี้ แล้วไม่ต้องมาอ้างเลยว่าทำงานเหนื่อย อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้นะว่าเราออกไปเที่ยวดึกดื่นทุกคืน มานั่งเลย เดี๋ยวนี้!!” “ครับ ๆ” ฟินิกซ์ตอบรับ พร้อมกับเดินมาหย่อนตัวลงข้าง ๆ แม่ของตนด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ “พ่อของลูกบอกอะไรกับลูกไปบ้าง” “ก็บอกว่าเพราะปณิธาน บุญคุณอะไรบ้าบอนั่น เลยจะให้หมั้นกับหนึ่งในลูกสาวบ้านนั้น” “รู้ก็ดีแล้ว แม่จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ” “แต่ยังไงผมก็ไม่มีทางหมั้น” “ตานิค!!!!!” “นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้วแม่ ยังจะจับคลุมถุงชนอีกเหรอ แล้วแม่จะให้ผมไปหมั้นกับใครก็ไม่รู้ที่แม้แต่หน้าก็ยังไม่เห็นเนี่ยนะ แล้วแม่ไว้ใจฝ่ายนั้นขนาดนั้นเลยเหรอ เกิดเป็นโจรขึ้นมาทำไง มันไม่ฆ่าปาดคอผมเอาเหรอ หัวโบราณนะเรา” “ตานิค!!!!! นั่นปากเหรอนั่น แล้วใครหน้าไหนมันจะไปฆ่าแกได้ มีแต่แกเนี่ยแหละที่จะไปฆ่าไปแกงเขาก่อน” “พ่อก็ไม่ได้บอกว่าแกต้องหมั้นนิ ก็แค่อยากจะให้ลองดู ๆ กับฝ่ายนั้น แล้วถ้าภายในสองเดือน ยังไม่ได้รักใครชอบใครในสองคนนั้น ก็ไม่ต้องหมั้น” เมื่อเห็นว่าลูกชายของเขานั้น ทำทีท่าจะปฏิเสธด้วยการยกเหตุผลต่าง ๆ นานา จึงทำให้คนเป็นพ่ออย่างแมทธิวต้องตั้งเงื่อนไขขึ้นมา เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะบังคับลูกเกี่ยวกับเรื่องความรักมากนัก เพราะยังมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน “ก็ได้ครับ!! ถ้าภายในสองเดือนไม่มีใครเข้าตาผม พ่อกับแม่ห้ามบังคับผมหมั้นอีกเด็ดขาด ตามนี้นะครับ” ฟินิกซ์พูดพร้อมกับเตรียมตัวจะเดินขึ้นห้อง แต่พ่อของเข้าก็พูดขึ้นมาอีกอย่างรู้ทันนิสัยของลูกชายตนเอง “แต่ในสองเดือนนี้ สองคนนั้นจะต้องไปอยู่ที่บ้านในเมืองกับแก” “พ่อ!!!!” “ไม่รู้ไม่สน!! เพราะพ่อถือว่าแกตกลงแล้ว” หลังจากที่หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของพ่อตัวเอง ทำให้ฟินิกซ์อดไม่ได้ที่จะต้องส่งให้เลขาของตัวเองไปสืบหาประวัติของทั้งสองคนนั้น จนเขาได้ประวัติของทั้งสองมาอยู่ในมือ ‘มิกิ คลอสโม่’ สัญชาติอเมริกัน-ญี่ปุ่น เกิดวันที่ 24 มีนาคม 1992 อาชีพนางแบบ ‘ปาร์ค ซูจอง หรือ คริสตัล ปาร์ค’ สัญชาติอเมริกา-เกาหลี เกิดวันที่ 24 ตุลาคม 1993 อาชีพนักบินและเป็นหนึ่งในเจ้าของสายการบิน Klavs Airway International, อดีตนางแบบ บิดาของทั้งคู่คือนายวิคเตอร์ คอสโม่ เจ้าของโรงแรม CW Hotel คนปัจจุบัน โดยนายวิคเตอร์มีภรรยาสองคนคือ 1. ปาร์ค จียอน มีบุตรด้วยกันสองคนคือ ปาร์ค จุนฮง หรือไดมอนด์ ปาร์คและ ปาร์ค ซูจอง หรือคริสตัล ปาร์ค ซึ่งนางจียอนเสียชีวิตเมื่อปี 1993 หลังจากที่ให้กำเนิดบุตรสาวเพียง 9 วัน 2. มิยาโนะ ยูกิโกะ ภรรยาคนปัจจุบัน มีบุตรด้วยกันหนึ่งคนคือ มิกิ คลอสโม่ “หึ ลูกเกิดจากเมียคนที่สอง แต่อายุมากกว่าลูกที่เกิดจากเมียคนแรกเนี่ยนะ ลูกเมียหลวงกับเมียน้อยงั้นสินะ” “ว่าแต่ CW Hotel งั้นเหรอ คุ้น ๆ วะ” เพื่อคลายความสงสัยให้กับตัวเอง ฟินิกซ์จึงได้ต่อสายตรงไปหาเลขาของเขาทันที โดยไม่สนใจว่าตอนนี้จะดึกแค่ไหน “ครับนาย” “บริษัทมีหุ้นส่วนกับ CW Hotel บ้างไหม” “ไม่มีครับ แต่ปัจจุบันทาง CW Hotel เป็นหนี้กับทางบริษัทเราอยู่ครับ” “เท่าไหร่” “ร้อยล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐครับ” “อืม” หึ คิดจะให้ลูกใช้หนี้แทนอย่างงั้นเหรอ แถมยังเป็นลูกเมียน้อยกับลูกเมียหลวงซะด้วย น่าสนุกดีนี่!! แล้วมาคอยดูกันว่าลูกสาวของนายจะยั่วยวนฉันได้มากน้อยแค่ไหนกัน

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ใต้ปีกเจ้าพ่อ

read
1.6K
bc

ชะตาต้องรัก

read
2.2K
bc

มัดใจ'รุ่นพี่วิศวะตัวร้าย

read
4.7K
bc

บอสคนนี้เป็นของเธอนะ

read
1.9K
bc

รักนอกพันธสัญญา

read
2.5K
bc

หัวใจของยมฑูตอบอุ่นมากนะ : Grim Reaper and The Warm Heart

read
1K
bc

แค้นรักวายุภักษ์

read
1.1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook