บทนำ+บทที่ 1 เรื่องไร้สาระ

1723 Words
'เจ้าขิม' ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เธอกวาดสายตาสำรวจทั่วห้องก่อนเป็นอันดับแรก ถึงกับต้องอุทานในใจแบบหยาบคายว่า ' ฉิบหXXX นี่หลับไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ? ' " ที่นี่..ที่ไหนวะ? " ให้เดาคงเป็นบ้านของใครสักคน แต่เท่าที่จำได้ เธอไม่มีเพื่อนคนไหนมีเชื้อจีนสักกะติ๊ด...แล้วนี่ มานอนเตียงคนอื่นอีก เจ้าของเขาอยู่ไหนก็ไม่รู้ ท่ามกลางความเงียบมีอย่างปรากฏขึ้นมาตรงหน้า [ กายาสวรรค์ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ] " เฮ้ย ! " ขิมตกใจจนถอยหลังตกเตียงเสียงดังโครม นั่นเพราะตรงหน้ากลับมีตัวหนังสือเป็นภาษาไทยปรากฏขึ้น " อะไร ? " [ ระบบ ] ' มันคุยกับเธอได้ด้วย! ' " นายเป็นใคร " [ .... ] หญิงสาวคล้ายได้ยินเสียงอีกาบินผ่าน ทำไมรู้สึกว่าถูกเจ้าระบบเมินได้ล่ะ? " เธอเป็นใคร " [ เป็นระบบ ] คงเป็นผู้หญิง กลอกตา... เพราะไม่ได้คำตอบชัดเจนอะไรกลับมาเลย ถามกลับไปอีกว่า " ระบบอะไร? " [ มอบภารกิจเพื่อกลับบ้าน ] " หมะ...หมายความว่าไง ฉันอยู่ที่ไหน? " [ คุณอยู่ในโลกนิยาย ] ล้อ..กันเล่นใช่มั้ย? [ ... ] ++++++++++++++++++++++++++ บทที่ 1 เรื่องไร้สาระ บนอาคารตึกสำหรับปล่อยห้องเช่าสักที่หนึ่งในกรุงเทพ ห้องนอนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก เพียงพอให้วางเฟอร์นิเจอร์จำเป็นหลายอย่างเอาไว้ได้ พื้นที่ไม้กว้างมากนัก เพราะสิ่งของทั้งหลายถูกสะสมเอาไว้จากการซื้อเข้ามาของเจ้าของห้อง เพียงเหลือทางเดินอยู่บ้างเท่านั้นก็นับว่าประเสริฐ ร่างบอบบางนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์สักพักแล้ว นัยน์ตาหวานภายใต้กรอบแว่น กำลังกวาดตาไล่อ่านคอมเม้นต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มสำหรับส่งข้อความ และแชร์เรื่องราวส่วนตัวบนโลกออนไลน์ เจ้าขิมเป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ ทำงานในบริษัทจัดส่งพัสดุแห่งหนึ่ง ทำงานในแผนกคัดแยกไปวัน ๆ ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยที่ตนเองกระทบกระทั่งไม่กี่วันก่อน ฝ่ายคู่กรณีจะทำกับเธอขนาดนี้ จะไม่เป็นอะไรเลยถ้าเรื่องราวทั้งหมด มันไม่ได้อยู่ในสื่อออนไลน์ ในนั้นมีทั้งญาติพี่น้องหลายคน อีกทั้งยังมีพ่อแม่ของเธอที่ติดตามความเป็นไปทุกอย่างอีกด้วย ..สาเหตุของเรื่องราว นั่นเพราะแฟนหนุ่มของคู่กรณีสาวคนนั้น บังเอิญได้ทำงานร่วมกันในขั้นตอนคัดแยก แล้วพอเจอกันบ่อย ๆ ไม่แปลกที่จะมีการทำความรู้จักและพูดคุยกัน ไม่คุยกับใครเลยก็จะถูกมองว่าหยิ่ง แต่ถ้าคุยด้วยนิดหน่อย อีกทั้งบวกกับที่ตนเองอยู่ในสถานะโสด กลับเป็นสิ่งที่เอามาเกลียดกันง่าย ๆ แม้ในใจเธอจะด่าพวกความคิดโลกแคบเหล่านี้ไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นหรือจบง่าย ๆ ก็คนเขาอยากมีเรื่อง ต่อให้มีแฟนแล้วก็หนีไม่พ้นหรอก ฉะนั้นการต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวที่กลัวเสียผัวเหล่านี้ มันคือเรื่องที่เสียเวลาและเสียสุขภาพจิต หนีได้หนี แต่เธอหนีไม่พ้นเพราะทำแผนกเดียวกัน.. เวรกรรมโดยแท้.. ไม่เห็นหรือไงว่าเธอมาทำงานหาเงิน ไม่ได้อยากได้ตัวภาระอย่างผู้ชายคนนั้นสักนิด ถึงเจ็บกระดองใจเรื่องโสดสนิท แต่ก็ไม่ได้หน้ามืดคว้าใครก็ได้ ถึงเขาจะพอดูได้แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา ในยุคที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อมากมาย จึงไม่ได้รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ เธอเองก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ด้านความหึงหวงของผู้หญิงคนนั้น ...แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอ หลังจากเจ้าตัวมีความคิดหวาดระแวง ความประสาทก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น เจ้าตัวลงทุนแอบสืบทุกอย่างทุกช่องทาง แม้กระทั่งลามไปถึงไอดีสำหรับโพสต์วิดีโอสั้นในแอพที่เป็นที่นิยม นั่นเพราะขิมใช้แพลตฟอร์มนั้นในการโปรโมตนิยาย ส่วนหนึ่งเพราะเข้าถึงกลุ่มคนที่หานิยายอ่านได้ง่าย ส่วนหนึ่งก็เพื่อหาคนเข้าไปอ่านนิยาย แล้วยังเป็นแพลตฟอร์ม ที่คนในครอบครัวไม่มีใครรู้จัก ที่ก่อปัญหาสุด ๆ คือเธอคนนั้นลงทุนสมัครไอดีแล้วไปเม้นในนิยาย โดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย จนเธอเองก็ตกใจมากในทีแรก ถึงแม้มีนักอ่านใจดีโต้เถียงกลับ เจ้าตัวก็ไม่ยอมรามือ แต่ในเมื่อที่ทำงานยังไงก็ต้องทำงานด้วยกัน เธอก็ต้องทำตามที่หัวหน้าวางแผนในแต่ละวันอยู่แล้ว ในเมื่อเห็นว่ามีคนอ่านนิยายที่เธอเขียนลงเว็บเป็นงานอดิเรก และใช้เป็นช่องทางการหารายได้พิเศษจากในนั้น ไม่เกิดผลกระทบอะไรมากนัก ผู้หญิงคนนั้นจึงได้สมัครแอคเคาท์ใหม่แล้วเอานิยายมาด่าหน้าไทม์ไลน์ อีกทั้งยังเพิ่มแท็กพ่อแม่ญาติพี่น้องทุกคน แล้วเริ่มโพสต์ต่าง ๆ ทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง ที่แน่ ๆ สิ่งที่เธอเก็บซ่อนมันเอาไว้ ก็ไม่สามารถหลบรอดจากสายตาของครอบครัวไปได้อีกต่อไป เจ้าขิมยกมือถือขึ้นมาแนบหู ใช้น้ำเสียงหดหู่กล่าวออกไปเพื่อรอฟังเสียงปลายสาย " ค่ะพ่อ.." " ทำไมไม่ตั้งใจทำงาน เอาเวลาไปทำอะไรไร้สาระอยู่นั่น แล้วนี่ถึงขนาดไปแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก ใครสั่งใครสอนให้แกทำแบบนั้น " หญิงสาวแอบถอนหายใจ ที่กลัวไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แต่กลัวปฏิกิริยาของครอบครัวต่างหาก " คือหนูแค่.. " เสียงจากปลายสายตะคอกกลับมา ทั้งที่ยังไม่ได้อธิบาย.. " ไม่ต้องมาเถียง! " ได้ยินประโยคเด็ดของวันแล้วทำให้ขิมถึงกับชะงักไป และสิ่งที่อยู่ในใจมากมายทั้งหมด ไม่ได้หลุดไปแม้แต่น้อย นอกจากการนิ่งฟังถ้อยคำตำหนิมากมายแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่าต้องพูดอะไรให้ฟังอีก " ... " น้ำเสียงปะปนไปด้วยความเกรี้ยวกราด ยังคงสาดใส่เธอไม่หยุดยั้ง " แกอายุจะสามสิบแล้วนะ ไม่เห็นคนอื่นรุ่นเดียวกันหรือไง คนเขาอายุเท่ากันกับแกล้วนแต่ทำงานเป็นหลักแหล่งดูแลพ่อแม่ แกมีอะไร นอกจากทำเรื่องไร้สาระไปวัน ๆ นี่คงคิดออกจากงานอีกแล้วใช่มั้ย? " ไม่รู้เหมือนกัน ว่าขิมติดนิสัยนิ่งเงียบเวลาที่จะต้องอธิบายเกี่ยวกับตนเองไปตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนเด็ก หรืออาจจะเป็นตอนที่โตจนไม่อินกับคำว่าความรักในครอบครัวแล้วก็ได้ ทั้งที่ตอนนั้น.. ก็เป็นพ่อแม่ไม่ใช่หรือไง? ที่ทำให้ทุกอย่างเดินมาจนถึงจุดนี้ แม้ในตอนที่เธอจบมัธยมปลาย เคยทะเลาะไม่ลงรอยกันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เป็นเธอเองที่ยื่นข้อเสนอขอเข้ามหาวิทยาเปิด อย่างน้อยค่าเทอมก็น้อยกว่า อีกทั้งบางคณะยังสามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ หรือไม่ก็หยุดเรื่องเรียนเอาไว้ก่อน แต่พอเธอตั้งใจเรียน และทุ่มเทกับการทำงานส่งอาจารย์ กลับทำให้ที่บ้านไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เธอต้องรู้สึกยังไงที่ไม่ใช่อัจฉริยะ แล้วยังต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น แต่เพราะที่บ้านยังต้องการแรงงาน คนหนึ่งคนต้องเก่งถึงขนาดไหน ที่ต้องทำหลายสิ่งพร้อมกันให้ออกมาสมบูรณ์แบบ สุดท้ายเมื่อทางบ้านประสบปัญหา ด้วยปัจจัยหลายอย่างจนทำให้กิจการเล็ก ๆ ล้มลง ทุกคนในครอบครัวต่างก็ย้ายไปตั้งหลักที่ต่างจังหวัด เพราะที่นั่นมีบ้านที่สร้างเอาไว้ แม้ยังไม่เสร็จก็ตาม ทั้งหนี้สินรุมเร้าครอบครัว ขิมจึงกลายเป็นนกที่พยายามจะบินทั้งที่ไม่พร้อม ทั้งที่ไม่รู้ ทั้งที่ไร้ประสบการณ์ มีหลายคนกล่าวว่า การเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนั้นทำได้ แต่ในความคิดของเธอมันไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น สุดท้ายใช้วิธียื่นคำร้องยืดเวลาครั้งแล้วครั้งเล่ากับทางคณะ จนสามารถเรียนจบในที่สุด แต่เพราะด้วยเวลาที่ผ่านไปมาก เมื่อเธอมองไปข้างหน้าอีกครั้ง กลับเดินไม่ทันคนรุ่นเดียวกันที่เขาสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนตั้งหลายปีเสียแล้ว " ... " " เลิกทำเรื่องไร้สาระ แล้วตั้งใจทำงาน " ..พูดแค่นั้นก็ตัดสายไป เจ้าขิมมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง ทั้งที่ในหัวพลันคิดย้อนเรื่องราวมากมาย แต่เพราะเธอไม่ได้คิดว่าชีวิตตนเองสิ้นสุดเพียงเท่านี้ จึงได้ลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น.. หยิบเครื่องดื่มที่แพงเพราะการเพิ่มภาษีขึ้นมาเปิด น้ำสีเหลืองถูกเทช้า ๆ เพื่อไม่ให้ฟองเยอะจนเกินไป ร่างระหงหยิบทั้งขวดและแก้วติดมือมานั่งหน้าคอม เพื่อไล่อ่านคอมเม้นต่าง ๆ บนฟีด แต่เพราะเธอเองก็ชาชินกับการมีเรื่องกับคนอื่น ถ้ามันไม่กระทบมากนักก็ปล่อยผ่าน อย่างมากครอบครัวก็แค่โทรมาด่า แต่สุดท้ายตนเองก็ต้องใช้ชีวิตเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเองอยู่ดี ..การทำให้ตัวเองมีความสุข ถึงไม่รวย.. แต่สามารถก้าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนพึ่งเริ่มต้นก้าวใหม่อีกครั้ง เจ้าขิมปิดทุกอย่างและงดติดต่อสื่อสาร ใจจดจ่อกับการเกลาสำนวนอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งคำผิดที่เธอไม่ได้ตรวจมันตั้งแต่แรกนั่นอีก ตรวจกี่ครั้งก็เห็นทุกครั้ง แต่ก็พยายามวนตรวจซ้ำ ๆ แต่ละหน้า ให้มั่นใจว่าไม่มีคำผิดอีกจึงจัดหน้า *****คขนาดเอห้าต่อ จากนั้นเข้าเว็บชื่อดังใส่ปก เขียนคำโปรย สุดท้ายคือการแนบไฟล์เอกสารที่เธอเตรียมเอาไว้ " เสร็จสักที " จบคำก็นั่งเหยียดขาเอนร่างพิงเก้าอี้ เทเครื่องดื่มลงแก้วอีกครั้ง เมื่อตรวจตราความเรียบร้อยทุกอย่าง พอดีกับที่เครื่องดื่มหมดแก้ว สุดท้ายจึงกดส่งต้นฉบับเพื่อส่งขายเป็นไฟล์อีบุ๊ค ...และนั่น ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจดจำได้ ก่อนที่จะเอนหลังหลับลงไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD