ร่างอันไร้ซึ่งเรี่ยวแรงพลันพยายามเปิดเปลือกตาขึ้น แม้แรงใจมีมากเท่าใด แต่คล้ายว่ากำลังมีบางสิ่งถ่วงไปทั้งร่างก็ไม่ปาน ทั้งเจ็บปวด ทั้งหนักอึ้ง..
" อือ.." ส่งเสียงออกไปเล็กน้อย
รู้สึกได้ว่ามีวัตถุบางอย่างจ่อเอาไว้ที่ริมฝีปาก
น้ำอุ่นถูกป้อนช้า ๆ ด้วยลำคออันแห้งผาก จึงกลืนลงไปด้วยความกระหายอยากตามสัญชาตญาณ
จากนั้นน้ำแกงรสอ่อนถูกป้อนตามลงไปอีกครั้ง จนหมดถ้วยเล็กในมือ ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเกลี้ยงเกลาพลันหยิบผ้าผืนเล็กขึ้นมาทำความสะอาดคราบน้ำแกงที่เปรอะเปื้อน แล้วจึงป้อนยาแก้ไข้ตามไป จึงเป็นอันเสร็จในที่สุด
" คิดถูกหรือเปล่านะ " เจ้าตัวบ่นพึมพำ
" ย่อมไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน พาผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เข้าเรือน เดี๋ยวพี่ใหญ่มาก็เตรียมคำตอบเอาไว้ดี ๆ เล่า "
เขาผู้เป็นน้องเล็กคิดในใจ แม้จะเกรงกลัวพี่ใหญ่เพียงใด แต่แค่ช่วยนางเดี๋ยวเดียว พอหายก็พาไปทิ้งที่เดิมก็สิ้นเรื่อง " นางไม่รู้ทางเข้าเรือนเราหรอกน่า อย่าดุข้านักเลย "
พลันเสียงอันคุ้นเคยก็กล่าวขึ้นจากหน้าประตู น้ำเสียงดุดันเอ่ยถาม " นางไหน? เจ้าก่อเรื่องอันใดอีกน้องเล็ก "
หนุ่มน้อยสะดุ้งโหยงแก้ตัวเป็นพัลวัน
" ข้าไม่ได้ตั้งใจนะพี่ใหญ่ ข้า ๆ "
พี่ใหญ่ของเขาชี้ไปยังร่างบางที่นอนซมพิษไข้ " เจ้าซ้อมนางรึ? "
" เปล่าเสียหน่อยขอรับ ข้าเห็นพวกค้าทาสเอานางมาทิ้งต่างหาก ก็เลย... "
พี่ใหญ่ของเขาส่งสายตาเอือมระอาให้ " ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง "
" เกิดเป็นนางนกต่อเล่า " พี่รองของเขาสันนิษฐาน " จะไม่อันตรายหรือยังไง "
หมิงซานแสดงท่าทางลำบากใจ
เห็นพี่ชายของเขาบ่นเช่นนั้น ก็กล่าวแก้ตัวออกไป " ข้าเพียงสงสารนาง ถ้าหายแล้วข้าจะปิดตาพานางไปที่เดิม พวกท่านก็เลิกบ่นข้าได้แล้ว "
จบคำก็เดินหนีไป ไม่สนใจกล่าวแก้ตัวอันใดอีก
ผู้เป็นพี่ใหญ่เห็นเจ้ารองเดินหนีไปอีกคน เขาจึงไม่อยากกล่าวสิ่งใดต่อให้ต้องทะเลาะกัน
ดูเหมือนแม่นางผู้นี้อาการหนักไม่น้อย ปรกติเจ้านั่นจะรักษาคนด้านนอกไม่พาเข้ามายังอาณาเขตของตนเอง วันนี้กลับฝ่าฝืนกฎที่ตั้งกันเอาไว้เสียได้
" อือ..ร้อน "
พลันนางส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้ง คงเพราะโอสถขับพิษไข้ของกระมัง เหงื่อถึงได้ออกจนเปียกชุ่มเนื้อผ้าเพียงนั้น แต่เขาไม่ใช่ผู้ที่ต้องดูแลนางเสียหน่อย แต่ทว่า...
" ร้อนจัง ช่วยหน่อย.... "
บอกผู้ใด ?
เสียงหวานติดแหบเล็กน้อยกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง " ...อื้อ ร้อน ช่วยด้วยร้อน.. "
" คงจะป่วยหนักเอาการ "
ร่างสูงใหญ่มองซ้ายมองขวา นางป่วย แต่เขาไม่ใช่หมอ พลันตัดสินใจโน้มกายลงไป เอาหลังมือแนบหน้าผากนาง แล้วนำมาเทียบกับหน้าผากตนเอง ปรากฏว่ามันร้อนมากจนเขาเองอดแปลกใจไม่ได้
จึงได้ส่งเสียงเรียกน้องเล็กทันที " หมิงซาน! "
ด้วยเสียงที่ปะปนพลังภายใน ไม่ยากนักที่น้อง ๆ ของเขาจะได้ยิน
" มีอันใดขอรับพี่ใหญ่ "
" เหตุใดนางตัวร้อนเช่นนั้น "
หมิงซานเลิกคิ้วแปลกใจ " คนเป็นไข้ตัวร้อน มันก็ปรกติดีนี่ขอรับ "
หมิงหย่งเล่ออธิบายต่อ " แต่นางบิดกายไปมา แล้วบ่นว่าร้อน...ช่วยหน่อย "
" หืม...เป็นเช่นนั้นหรือขอรับ "
หมิงซานรีบตรวจความร้อนของร่างกายนาง ด้วยการใช้หลังมือแนบหน้าผากและซอกคอ " เป็นจริงอย่างที่ท่านว่า "
หมิงหย่งเล่อชี้ให้ดู " นั่น...นางบิดกายเช่นนั้นอีกแล้ว "
หมิงซานแก้สายรัดเอวของนาง คลี่อาภรณ์แต่ละชั้นออกไป จนถึงเสื้อตัวในผืนบางที่ปกปิดปทุมถันเต่งตึงเอาไว้ คนเปิดไม่คิดอะไร..
..แต่คนยืนดู คล้ายตนเองลำคอแห้งผากก็ไม่ปาน
ในที่สุดน้องเล็กของเขาก็เลิกเสื้อตัวในสีแดงออกไป เผยให้เห็นอกคู่งาม ปลายยอดสีชมพูบวมเป่ง จนคล้ายไปสัมผัสสิ่งไม่ดีที่ใดมา
" น้องเล็ก เจ้าจะทำอันใด? " นางเป็นสตรี เจ้าจะถอดเสื้อผ้านางเช่นนั้นไม่ได้
หมิงซานตอบ " ข้าเพียงสงสัย ว่านางกำลังเป็นอย่างที่ข้าคิดหรือไม่ "
กล่าวจบจึงรั้งอาภรณ์ด้านล่างออก เผยดอกไม้งามสวยสด ยอดเกสรกำลังบวมเป่ง คล้ายกำลังจะปริแตกอยู่รอมร่อ
หมิงหย่งเล่อกล่าวถามด้วยความสงสัย " นางป่วยเป็นอันใด ? "
" โรคประจำตัว น่าจะเป็นเดือนละครั้ง "
" เหมือนรอบเดือนของหญิงสาวรึไม่? "
หมิงซานถอนใจเบาแล้วอธิบาย " คล้ายกัน เพียงแต่นางไม่เคยระบายมันออกเลยขอรับ "
" จึงทำให้ป่วยซมเช่นนี้ใช่หรือไม่ "
" ขอรับ..คงเพราะอับอายจึงไม่กล้า หรือไม่รู้จักวิธีขอรับ "
หมิงหย่งเล่อเดินเข้าไปใกล้ " เจ้ารีบช่วยนางเร็ว พอนางหายจะได้พาออกจากอาณาเขตเรา ไม่งั้นคงได้ฟังเจ้ารองบ่นทั้งวัน "
เพราะทางนั้นไม่ชอบให้มีผู้อื่นในเขตเรือน แม้พวกเขาจะเป็นคนในยุธภพ แต่ความต้องการส่วนตัวเช่นนี้ต่างก็ชาชินกันเสียแล้ว
" ท่านไม่กลัวนางรู้เส้นทางหรือขอรับ " ผู้เป็นน้องเล็กทำหน้าฉงน
" นางเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น หาได้มีอันใดน่ากลัวไม่ รีบช่วยนางแล้วพานางออกไปเสีย " น้ำเสียงกล่าวตอบศิษย์น้อง นี่ไม่ใช่การบอกกล่าวทั่วไป เพราะเพิ่มความเข้มขึ้นหลายส่วนจึงเข้าใจว่านี่คือคำสั่ง
ประตูถูกเปิดขึ้นโดยพี่รอง " ทำอะไรกัน แล้วนั่นถอดเสื้อนางทำอันใด ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าคิดทำไม่ดีกับนาง? "
" พี่หมิงเยวี่ยน ท่านก็มาช่วยข้าสิ นางเพียงป่วยแต่ไม่ยอมรักษาตนเองเท่านั้น "
หมิงเยวี่ยนเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วใช้สายตามองปราดหนึ่ง " ป่วยเป็นอันใดถึงต้องถอดชุด "
เห็นท่าทางขึงขังของพี่รอง หมิงซานจึงหันไปทางหมิงหย่งเล่อเพื่อขอความช่วยเหลือ
พี่ใหญ่กล่าวช่วยเขาไว้ว่า " โรคผู้หญิง แต่นางไม่เคยรักษาตัวเอง "
เห็นพี่รองคิ้วขมวดจนเป็นปม น้องเล็กอย่างเขาเห็นแล้วก็หงุดหงิด " พี่ใหญ่นั่งลงข้าง ๆ นาง "
ได้ยินดังนั้นจึงถามออกไป " ต้องการโอสถหรือไม่? "
" ไม่จำเป็นขอรับ ท่านเพียงทำตามที่ข้าบอก "
กล่าวจบพลันเอื้อมมือแยกปลายขาเรียวออกกว้าง แทรกกายเข้าไปตรงกลาง แล้วแตะน้ำสีใสตรงหว่างขาของนางมาชโลมนิ้วตนเอง
เห็นดังนั้นหมิงเยวี่ยนจึงรีบห้ามปราม " เจ้าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนะน้องเล็ก "
" ท่านไม่เชื่อถือข้าที่เป็นหมอหรือขอรับ? " เพียงประโยคเดียว พี่รองของเขาจึงยืนมองพวกเขานิ่ง ๆ
" ให้ข้าทำอันใด? "
หมิงหย่งเล่อที่เก่งแต่ด้านวรยุทธ ไหนเลยจะรู้วิธีรักษาโรคประหลาดเช่นนี้ เพียงแค่กายงามอันเปลือยเปล่าตรงหน้าบิดเร่าไปมา ในช่องท้องของเขาอดร้อนรุ่มขึ้นมาไม่ได้
" ใช้ปลายนิ้วเขี่ยยอดถันของนางเบา ๆ ขอรับ "
ด้วยความสงสัยจึงถาม " ทำทั้งสองข้างเลยรึไม่? "
" ขอรับ อีกข้างให้พี่รองช่วย ได้หรือไม่ขอรับพี่รอง? "
คนถูกขอให้ช่วยเขี่ยอีกข้างถลึงตาใส่เขา " พวกเจ้าทำไม่ดีกับนาง แล้วลากข้าลงบ่อโคลนด้วยเช่นนั้นรึ? "
หมิงซานถอนหายใจ " อย่างไรก็เพราะต้องการให้นางอาการดีขึ้น เพียงแต่วิธีรักษาดูผิดศีลธรรมอยู่บ้าง พวกท่านก็ร่วมหัวจมท้ายกับข้าเถิดขอรับ "
พวกเขารู้อยู่แล้ว เรื่องรักษาโรคภัยศิษย์หมอเทวดาอย่างหมิงซานไม่เคยล้อเล่น ในเมื่อพี่น้องต่างจมท้ายลุยโคลน เขาที่เป็นพี่น้องกับทั้งคู่จะปล่อยไปเฉย ๆ ได้เช่นไร
" ได้ ๆ " ตอบตกลงแล้วเดินอ้อมมาอีกฝั่ง
เมื่อเห็นว่าทุกคนพร้อมแล้ว จึงยื่นมือที่เคลือบไปด้วยน้ำเมือกใสไปยังพี่ใหญ่พี่รอง ทั้งคู่ปาดเอาน้ำจากมือเขาแล้วเขี่ยบนยอดอกอันบวมเป่งแทบจะปริแตกก็ไม่ปาน
ห้องตกอยู่ในความเงียบ ทั้งสามต่างก็มองหน้ากัน อกคู่งามกระเพื่อมถี่ เพราะกายซ่านสยิวจากการถูกปลายนิ้ววนปลายถันทั้งสองข้าง
หมิงซานแหวกกลีบเนื้อตรงหน้าออก เพียงรอยแยกเคลื่อนขยับ กลีบเนื้อจากรูร่องสีหวานพลันทำให้ใจของหมอหนุ่มสั่นขึ้นมา นิ้วกลางวนเบา ๆ ตรงปากร่อง สะโพกงามพลันกระตุกเบาเพราะเสียดเสียวไปทั่วสรรพางค์กาย
น้ำใสปริ่มจนหยดลงที่นอน ลำคอของเขาแห้งผาก ตัดสินใจชำแรกนิ้วเข้าไปเพียงนิ้วเดียว เพื่อต้องการหาจุดที่ดีที่สุดในโพรงแคบนั้น
เสียงหวานครางออกมาให้ได้ยินเป็นระยะ ชายหนุ่มทั้งสามต่างก็เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงดวงหน้า พวกเขาหันหนีออกไปจากภาพเย้ายวนอันล่อตาล่อใจ
แจ๊ะ ๆ
เสียงเคลื่อนไหวของน้องเล็ก ทำเอาพี่ ๆ ทั้งสองพลันรู้สึกหน่วงตรงท้อง ต่างก็ตั้งใจเขี่ยยอดถันหญิงสาวไม่ยอมหยุด อีกมือกำลังกดท่อนลำของตนเองให้นอนสงบสุดชีวิตเช่นกัน
" พี่ใหญ่..ข้า "
เป็นหมิงเยวี่ยนที่กล่าวอึกอัก
" รีบทำรีบเสร็จเถิด ก่อนที่พวกเราจะแย่เอา "
กล่าวจบร่างอันใหญ่โตของหมิงหย่งเล่อ พลันก้มลงไปใช้ลิ้นหนาวนไปยังยอดอกสีหวานแล้วดุนมันไปมา พวกเขาไม่ใช่ชายหนุ่มไร้เดียงสา แต่เพราะต้องการให้นางแตะสวรรค์โดยเร็ว เขาจึงต้องรีบจัดการทุกอย่าง
" พี่ใหญ่..นี่ท่าน! " หมิงเยวี่ยนจ้องศิษย์พี่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นั่นเพราะหมิงหย่งเล่อไม่เคยลงมือเล้าโลมสตรี!
" อ๊า... "
เสียงหวานครางแผ่วทั้งที่ไร้สติ คล้ายคนละเมอไม่รู้ตัว ปากร้อนฉ่างับยอดอันบวมเป่งข้างนั้น โดยไม่คำนึงว่าหญิงสาวจะเจ็บหรือไม่
ชายหนุ่มทั้งดูดดุนทั้งขบเม้ม ได้ยินเพียงเสียงครางหวานก้องไปทั่วห้อง หมิงเยวี่ยนเองก็ไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว อ้าปากงับยอดอกเย้ายวนเข้าปาก
ตวัดเลียรัวจนกายสาวบิดเร่าครางดังกว่าเดิมอีก
หมิงซานพบจุดที่ตามหาแล้ว พลันขยับส่งนิ้วมือเข้าออก สัมผัสได้ถึงการตอดรัดซ้ำ ๆ จากโพรงชื้นแคบ แต่กลับเพิ่มจังหวะเร็วขึ้นจนหญิงสาวอ้าปากครางเสียงหลง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้สติอยู่ดี
มือเรียวยกขึ้นมาขยุ้มกลุ่มผมของชายหนุ่ม ที่ขยันเน้นรัวลิ้นร้อนสลับดูดเลียไปมาด้วยฝีมือของทั้งสอง มือบางพลันเกี่ยวปลายเชือกที่ผูกผมเอาไว้คลายออก จนมันหลุดลุ่ยปกปิดเสี้ยวหน้าของพวกเขา
กายสาวรู้สึกคล้ายตนเองล่องลอย รับรู้การกระทำทั้งหมดเพียงแต่ไม่อาจกล่าวออกไปได้ ดังนั้นการตอบสนองของร่างกายจึงเป็นไปอย่างธรรมชาติ
อือ...
เสียงหวานติดพร่าครางออกมาแผ่ว ๆ
ด้วยความร่วมมือกันของทั้งสามหนุ่ม ไม่นานกลางกายสาวพลันหดเกร็ง ซ่านสยิวจนขีดสุด โพรงแคบจะกระตุกเสร็จสมรุนแรงและรัดนิ้วของหมิงซาน เจ้าตัวดึงนิ้วออกมาช้า ๆ น้ำสีใสไหลหยดจากปลายนิ้วเป็นทางยาว
..ใบหน้านุ่มนวล แต่นัยน์ตาอันไร้ร่องรอยระลอกคลื่นใด พลันเงยขึ้นมาเพื่อต้องการกล่าวกับศิษย์พี่ทั้งสอง กลับต้องแปลกใจเมื่อพวกเขายืนอยู่หน้าประตูเสียแล้ว
ได้ยินทั้งสองกล่าวเพียงว่า ‘มีสิ่งที่ทำค้างคาเอาไว้’ ราวกับนัดหมายกันเช่นนั้น เขาจึงได้หันมาหยิบผ้าสะอาดจุ่มน้ำแล้วเช็ดตัวให้หญิงสาวอีกครั้ง แล้วจึงได้เอาเสื้อผ้าของตนเองนั่นแหละเปลี่ยนให้
โชคดีที่เขาไม่ได้ทิ้งชุดที่ใส่ตั้งแต่สิบสี่สิบห้าทิ้งไป ไม่อย่างนั้นแม่นางตรงหน้า คงได้ใส่ชุดใหญ่จนเกรงจะเคลื่อนไหวลำบาก อีกทั้งชุดเดิมของนางก็เก่ามากแล้ว