บทนำ+บทที่ 1 เรื่องไร้สาระ
'เจ้าขิม' ตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เธอกวาดสายตาสำรวจทั่วห้องก่อนเป็นอันดับแรก ถึงกับต้องอุทานในใจแบบหยาบคายว่า
' ฉิบหXXX นี่หลับไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ? '
" ที่นี่..ที่ไหนวะ? "
ให้เดาคงเป็นบ้านของใครสักคน แต่เท่าที่จำได้ เธอไม่มีเพื่อนคนไหนมีเชื้อจีนสักกะติ๊ด...แล้วนี่ มานอนเตียงคนอื่นอีก เจ้าของเขาอยู่ไหนก็ไม่รู้
ท่ามกลางความเงียบมีอย่างปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
[ กายาสวรรค์ติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ]
" เฮ้ย ! "
ขิมตกใจจนถอยหลังตกเตียงเสียงดังโครม นั่นเพราะตรงหน้ากลับมีตัวหนังสือเป็นภาษาไทยปรากฏขึ้น " อะไร ? "
[ ระบบ ]
' มันคุยกับเธอได้ด้วย! '
" นายเป็นใคร "
[ .... ]
หญิงสาวคล้ายได้ยินเสียงอีกาบินผ่าน ทำไมรู้สึกว่าถูกเจ้าระบบเมินได้ล่ะ?
" เธอเป็นใคร "
[ เป็นระบบ ]
คงเป็นผู้หญิง กลอกตา... เพราะไม่ได้คำตอบชัดเจนอะไรกลับมาเลย ถามกลับไปอีกว่า " ระบบอะไร? "
[ มอบภารกิจเพื่อกลับบ้าน ]
" หมะ...หมายความว่าไง ฉันอยู่ที่ไหน? "
[ คุณอยู่ในโลกนิยาย ]
ล้อ..กันเล่นใช่มั้ย?
[ ... ]
++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 1
เรื่องไร้สาระ
บนอาคารตึกสำหรับปล่อยห้องเช่าสักที่หนึ่งในกรุงเทพ ห้องนอนขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก เพียงพอให้วางเฟอร์นิเจอร์จำเป็นหลายอย่างเอาไว้ได้ พื้นที่ไม้กว้างมากนัก เพราะสิ่งของทั้งหลายถูกสะสมเอาไว้จากการซื้อเข้ามาของเจ้าของห้อง เพียงเหลือทางเดินอยู่บ้างเท่านั้นก็นับว่าประเสริฐ
ร่างบอบบางนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์สักพักแล้ว นัยน์ตาหวานภายใต้กรอบแว่น กำลังกวาดตาไล่อ่านคอมเม้นต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มสำหรับส่งข้อความ และแชร์เรื่องราวส่วนตัวบนโลกออนไลน์
เจ้าขิมเป็นเพียงพนักงานตัวเล็ก ๆ
ทำงานในบริษัทจัดส่งพัสดุแห่งหนึ่ง ทำงานในแผนกคัดแยกไปวัน ๆ ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยที่ตนเองกระทบกระทั่งไม่กี่วันก่อน
ฝ่ายคู่กรณีจะทำกับเธอขนาดนี้
จะไม่เป็นอะไรเลยถ้าเรื่องราวทั้งหมด มันไม่ได้อยู่ในสื่อออนไลน์ ในนั้นมีทั้งญาติพี่น้องหลายคน อีกทั้งยังมีพ่อแม่ของเธอที่ติดตามความเป็นไปทุกอย่างอีกด้วย
..สาเหตุของเรื่องราว
นั่นเพราะแฟนหนุ่มของคู่กรณีสาวคนนั้น บังเอิญได้ทำงานร่วมกันในขั้นตอนคัดแยก แล้วพอเจอกันบ่อย ๆ ไม่แปลกที่จะมีการทำความรู้จักและพูดคุยกัน
ไม่คุยกับใครเลยก็จะถูกมองว่าหยิ่ง แต่ถ้าคุยด้วยนิดหน่อย อีกทั้งบวกกับที่ตนเองอยู่ในสถานะโสด กลับเป็นสิ่งที่เอามาเกลียดกันง่าย ๆ
แม้ในใจเธอจะด่าพวกความคิดโลกแคบเหล่านี้ไปหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถรอดพ้นหรือจบง่าย ๆ
ก็คนเขาอยากมีเรื่อง ต่อให้มีแฟนแล้วก็หนีไม่พ้นหรอก ฉะนั้นการต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวที่กลัวเสียผัวเหล่านี้ มันคือเรื่องที่เสียเวลาและเสียสุขภาพจิต
หนีได้หนี แต่เธอหนีไม่พ้นเพราะทำแผนกเดียวกัน..
เวรกรรมโดยแท้..
ไม่เห็นหรือไงว่าเธอมาทำงานหาเงิน ไม่ได้อยากได้ตัวภาระอย่างผู้ชายคนนั้นสักนิด
ถึงเจ็บกระดองใจเรื่องโสดสนิท แต่ก็ไม่ได้หน้ามืดคว้าใครก็ได้ ถึงเขาจะพอดูได้แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตา
ในยุคที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อมากมาย จึงไม่ได้รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ เธอเองก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ด้านความหึงหวงของผู้หญิงคนนั้น
...แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอ
หลังจากเจ้าตัวมีความคิดหวาดระแวง ความประสาทก็เริ่มขึ้นหลังจากนั้น
เจ้าตัวลงทุนแอบสืบทุกอย่างทุกช่องทาง แม้กระทั่งลามไปถึงไอดีสำหรับโพสต์วิดีโอสั้นในแอพที่เป็นที่นิยม นั่นเพราะขิมใช้แพลตฟอร์มนั้นในการโปรโมตนิยาย ส่วนหนึ่งเพราะเข้าถึงกลุ่มคนที่หานิยายอ่านได้ง่าย ส่วนหนึ่งก็เพื่อหาคนเข้าไปอ่านนิยาย
แล้วยังเป็นแพลตฟอร์ม ที่คนในครอบครัวไม่มีใครรู้จัก
ที่ก่อปัญหาสุด ๆ คือเธอคนนั้นลงทุนสมัครไอดีแล้วไปเม้นในนิยาย โดยใช้ถ้อยคำหยาบคาย จนเธอเองก็ตกใจมากในทีแรก
ถึงแม้มีนักอ่านใจดีโต้เถียงกลับ เจ้าตัวก็ไม่ยอมรามือ
แต่ในเมื่อที่ทำงานยังไงก็ต้องทำงานด้วยกัน เธอก็ต้องทำตามที่หัวหน้าวางแผนในแต่ละวันอยู่แล้ว
ในเมื่อเห็นว่ามีคนอ่านนิยายที่เธอเขียนลงเว็บเป็นงานอดิเรก และใช้เป็นช่องทางการหารายได้พิเศษจากในนั้น ไม่เกิดผลกระทบอะไรมากนัก ผู้หญิงคนนั้นจึงได้สมัครแอคเคาท์ใหม่แล้วเอานิยายมาด่าหน้าไทม์ไลน์ อีกทั้งยังเพิ่มแท็กพ่อแม่ญาติพี่น้องทุกคน แล้วเริ่มโพสต์ต่าง ๆ ทั้งจริงบ้างไม่จริงบ้าง
ที่แน่ ๆ สิ่งที่เธอเก็บซ่อนมันเอาไว้ ก็ไม่สามารถหลบรอดจากสายตาของครอบครัวไปได้อีกต่อไป
เจ้าขิมยกมือถือขึ้นมาแนบหู ใช้น้ำเสียงหดหู่กล่าวออกไปเพื่อรอฟังเสียงปลายสาย " ค่ะพ่อ.."
" ทำไมไม่ตั้งใจทำงาน เอาเวลาไปทำอะไรไร้สาระอยู่นั่น แล้วนี่ถึงขนาดไปแย่งแฟนชาวบ้านเขาอีก ใครสั่งใครสอนให้แกทำแบบนั้น "
หญิงสาวแอบถอนหายใจ ที่กลัวไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น แต่กลัวปฏิกิริยาของครอบครัวต่างหาก " คือหนูแค่.. "
เสียงจากปลายสายตะคอกกลับมา ทั้งที่ยังไม่ได้อธิบาย..
" ไม่ต้องมาเถียง! "
ได้ยินประโยคเด็ดของวันแล้วทำให้ขิมถึงกับชะงักไป และสิ่งที่อยู่ในใจมากมายทั้งหมด ไม่ได้หลุดไปแม้แต่น้อย นอกจากการนิ่งฟังถ้อยคำตำหนิมากมายแล้ว ก็ไม่ได้คิดว่าต้องพูดอะไรให้ฟังอีก " ... "
น้ำเสียงปะปนไปด้วยความเกรี้ยวกราด ยังคงสาดใส่เธอไม่หยุดยั้ง " แกอายุจะสามสิบแล้วนะ ไม่เห็นคนอื่นรุ่นเดียวกันหรือไง คนเขาอายุเท่ากันกับแกล้วนแต่ทำงานเป็นหลักแหล่งดูแลพ่อแม่ แกมีอะไร นอกจากทำเรื่องไร้สาระไปวัน ๆ นี่คงคิดออกจากงานอีกแล้วใช่มั้ย? "
ไม่รู้เหมือนกัน ว่าขิมติดนิสัยนิ่งเงียบเวลาที่จะต้องอธิบายเกี่ยวกับตนเองไปตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนเด็ก หรืออาจจะเป็นตอนที่โตจนไม่อินกับคำว่าความรักในครอบครัวแล้วก็ได้
ทั้งที่ตอนนั้น.. ก็เป็นพ่อแม่ไม่ใช่หรือไง?
ที่ทำให้ทุกอย่างเดินมาจนถึงจุดนี้
แม้ในตอนที่เธอจบมัธยมปลาย เคยทะเลาะไม่ลงรอยกันหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็เป็นเธอเองที่ยื่นข้อเสนอขอเข้ามหาวิทยาเปิด อย่างน้อยค่าเทอมก็น้อยกว่า อีกทั้งบางคณะยังสามารถทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยได้ หรือไม่ก็หยุดเรื่องเรียนเอาไว้ก่อน แต่พอเธอตั้งใจเรียน และทุ่มเทกับการทำงานส่งอาจารย์ กลับทำให้ที่บ้านไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เธอต้องรู้สึกยังไงที่ไม่ใช่อัจฉริยะ แล้วยังต้องใช้ความพยายามมากกว่าคนอื่น แต่เพราะที่บ้านยังต้องการแรงงาน คนหนึ่งคนต้องเก่งถึงขนาดไหน
ที่ต้องทำหลายสิ่งพร้อมกันให้ออกมาสมบูรณ์แบบ
สุดท้ายเมื่อทางบ้านประสบปัญหา ด้วยปัจจัยหลายอย่างจนทำให้กิจการเล็ก ๆ ล้มลง ทุกคนในครอบครัวต่างก็ย้ายไปตั้งหลักที่ต่างจังหวัด เพราะที่นั่นมีบ้านที่สร้างเอาไว้ แม้ยังไม่เสร็จก็ตาม ทั้งหนี้สินรุมเร้าครอบครัว
ขิมจึงกลายเป็นนกที่พยายามจะบินทั้งที่ไม่พร้อม ทั้งที่ไม่รู้ ทั้งที่ไร้ประสบการณ์
มีหลายคนกล่าวว่า การเรียนไปด้วยทำงานไปด้วยนั้นทำได้ แต่ในความคิดของเธอมันไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น
สุดท้ายใช้วิธียื่นคำร้องยืดเวลาครั้งแล้วครั้งเล่ากับทางคณะ จนสามารถเรียนจบในที่สุด
แต่เพราะด้วยเวลาที่ผ่านไปมาก เมื่อเธอมองไปข้างหน้าอีกครั้ง กลับเดินไม่ทันคนรุ่นเดียวกันที่เขาสร้างเนื้อสร้างตัวก่อนตั้งหลายปีเสียแล้ว
" ... "
" เลิกทำเรื่องไร้สาระ แล้วตั้งใจทำงาน "
..พูดแค่นั้นก็ตัดสายไป
เจ้าขิมมองโทรศัพท์ในมือนิ่ง ทั้งที่ในหัวพลันคิดย้อนเรื่องราวมากมาย แต่เพราะเธอไม่ได้คิดว่าชีวิตตนเองสิ้นสุดเพียงเท่านี้
จึงได้ลุกขึ้นจากหน้าคอมพิวเตอร์ แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น..
หยิบเครื่องดื่มที่แพงเพราะการเพิ่มภาษีขึ้นมาเปิด
น้ำสีเหลืองถูกเทช้า ๆ เพื่อไม่ให้ฟองเยอะจนเกินไป ร่างระหงหยิบทั้งขวดและแก้วติดมือมานั่งหน้าคอม เพื่อไล่อ่านคอมเม้นต่าง ๆ บนฟีด
แต่เพราะเธอเองก็ชาชินกับการมีเรื่องกับคนอื่น ถ้ามันไม่กระทบมากนักก็ปล่อยผ่าน อย่างมากครอบครัวก็แค่โทรมาด่า แต่สุดท้ายตนเองก็ต้องใช้ชีวิตเพื่อความเห็นแก่ตัวของตนเองอยู่ดี
..การทำให้ตัวเองมีความสุข
ถึงไม่รวย..
แต่สามารถก้าวเดินต่อไปเรื่อย ๆ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนพึ่งเริ่มต้นก้าวใหม่อีกครั้ง
เจ้าขิมปิดทุกอย่างและงดติดต่อสื่อสาร
ใจจดจ่อกับการเกลาสำนวนอันเป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งคำผิดที่เธอไม่ได้ตรวจมันตั้งแต่แรกนั่นอีก ตรวจกี่ครั้งก็เห็นทุกครั้ง แต่ก็พยายามวนตรวจซ้ำ ๆ แต่ละหน้า
ให้มั่นใจว่าไม่มีคำผิดอีกจึงจัดหน้า *****คขนาดเอห้าต่อ จากนั้นเข้าเว็บชื่อดังใส่ปก เขียนคำโปรย สุดท้ายคือการแนบไฟล์เอกสารที่เธอเตรียมเอาไว้
" เสร็จสักที "
จบคำก็นั่งเหยียดขาเอนร่างพิงเก้าอี้ เทเครื่องดื่มลงแก้วอีกครั้ง เมื่อตรวจตราความเรียบร้อยทุกอย่าง พอดีกับที่เครื่องดื่มหมดแก้ว สุดท้ายจึงกดส่งต้นฉบับเพื่อส่งขายเป็นไฟล์อีบุ๊ค
...และนั่น
ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจดจำได้ ก่อนที่จะเอนหลังหลับลงไป