เจ้าขิมมองหน้าต่างระบบนิ่ง ๆ นั่นเพราะหลังจากกดเริ่มบทที่หนึ่งแล้ว เธอไม่รู้ว่ามันต้องยังไงต่อ ผ่านไปนานก็ยังไม่มีตัวหนังสือสีฟ้าอันคุ้นเคยเด้งขึ้นมา นอกจากถอนหายใจใส่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
ดังนั้นเมื่อคิดไม่ออก จึงได้เดินไปคว้าตะกร้าสานแล้วกลับไปยังลำธาร
..อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ ปากท้องสำคัญที่สุด
หลังกินข้าวต้มจืดชืดไปแล้วก็ให้รู้สึกทดท้อ เข้าใจว่าเธอเป็นคนป่วยที่ยังต้องกินอาหารอ่อน หรืออาหารรสไม่จัดมากนัก แต่เมื่อเคยกินอาหารที่เต็มไปด้วยรสชาติกลมกล่อม กลับรู้ว่าตัวเองกำลังตกระกำลำบาก ให้ปรับตัวง่าย ๆ ก็อย่าได้หวังสูงเกินไปถึงขั้นนั้น
แม้ว่าไม่รู้ต้องใช้เวลาถึงเมื่อไหร่ แต่ขอตุนของกินไว้ในครัวก่อน เพราะทั้งสามหนุ่มไม่ได้พักที่นี่ประจำ แต่ที่มีครัวเอาไว้เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวเท่านั้น
ถามว่ารู้ได้ไง..
..ก็เธอเป็นคนแต่ง ไม่รู้สิแปลก
ในพล็อตเรื่องที่วางเอาไว้ คือทั้งสามหนุ่มวุ่นวายกับงานด้านนอกมาก เพราะสำนักมังกรฟ้าเป็นสำนักใหญ่มีชื่อเสียงมากสำนักหนึ่ง
มีการแก่งแย่งชิงดีเป็นเรื่องธรรมดา พระเอกทั้งสามเองก็ถูกทางนั้นกดดันให้รับนางเอกเป็นฮูหยิน แต่เพราะพวกเขาเป็นพี่น้องที่รักกันมาก แม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็ตามที จึงได้เกิดความสัมพันธ์แบบหนึ่งภรรยาสามสามีขึ้น
ยกมือตัวเองขึ้นมามองอย่างเซื่องซึม เขียนเองกับมือ..
คิดแล้วก็ให้หนักใจ สามหนุ่มไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่สามารถพูดบอกแล้วจับทำสามีได้เลย พวกออกจะขยาดหญิงสาวมาก ที่อาการน่าห่วงสุดคือศิษย์พี่ทั้งสอง ถ้าเป็นท่านหมอก็ยังพอพูดคุยกันธรรมดาได้
แต่ถ้าเป็นสองคนนั่น..
..ไม่ใช้ดาบจ่อคอไล่ออกจากที่นี่ก็บุญหัวแล้ว
ทำไมไม่แต่งพระเอกว่านอนสอนง่ายนะ
อะไรดลใจให้แต่งนิสัยของพวกเขาขยาดผู้หญิง ตอนนี้เลยต้องมาลำบาก คิดวิธีเอาตัวรอดแทนที่จะทำให้พวกเขาตกหลุมรัก เฮ้อ..
" สงสัยต้องอยู่ที่นี่คนเดียวหลายวัน "
สามพระเอกมีงานต้องทำตลอด การที่พวกเขาไม่สนใจหญิงสาวสติไม่ดีอย่างเจ้าขิมมันไม่แปลก แต่ทิ้งเธอเอาไว้คนเดียวกลางป่าเช่นนี้ ช่าง..
" รีบไปรีบกลับดีกว่า ที่นี่ไม่มีไฟฟ้าด้วย "
พูดคนเดียวจบก็รีบเดินไปลำธารที่เป็นเป้าหมาย ออกจะลำบากสักหน่อยที่ต้องเดินเท้าเปล่า เจ็บแต่ก็ต้องทนละนะ
ก็ไม่สำคัญจนพวกเขาเป็นห่วงนี่เนอะ..
จะปล่อยให้เธอใช้ชีวิตอยู่ตามเวรตามกรรม ยังกับเผชิญอยู่ในสารคดีสัตว์โลกก็ไม่แปลก ไม่ใช่นางเอกอ่อนหวานบริสุทธิ์ที่พวกเขาต้องสนใจสักหน่อย เป็นแค่คนรับบทคนจน...
[…]
ในสำนักอันยิ่งใหญ่บนเขตหุบเขามังกร ร่างสูงทะมึนด้านหลังเหน็บดาบใหญ่เอาไว้ กำลังส่งสายตากดดันผู้อื่นอย่างไม่เกรงกลัว
หมิงหย่งเล่อรู้สึกรำคาญจนไม่รู้ต้องทำเช่นไรแล้ว เพียงเขาที่เป็นศิษย์เอกอันดับหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นผู้รับตำแหน่งเจ้าสำนักคนต่อไป แม้ไม่เคยกล่าวความในใจให้ผู้ใดฟัง แต่ความต้องการอันแท้จริงของเขากลับเรียบง่ายมากกว่านั้น
อีกทั้งท่านอาจารย์ของเขา ก็ยังเคยกล่าวเรื่องตำแหน่งนี้ด้วยเช่นกัน ว่าการแต่งงานของเขากับป๋ายเฉียนบุตรสาวของท่านอาจารย์เฉิงฉาง จะทำให้การรับตำแหน่งของเขามั่นคงมาก
นั่นเพราะตำแหน่งเจ้าสำนักคนปัจจุบันมีรากฐานของเฉิงฉางอยู่มากนั่นเอง ทั้งผู้อาวุโสศิษย์เอกทั้งหลายก็มีฝีมือสูงล้ำ เจ็ดในสิบส่วนคือคนที่สวามิภักดิ์ และได้ผลประโยชน์จากท่านเจ้าสำนักผู้นี้ทั้งสิ้น
แต่ที่ทำให้เขาไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง นั่นเพราะท่านเจ้าสำนักหรือท่านอาจารย์ผู้นี้..
...มักกล่าวว่าให้เขารีบแต่งงาน
ท่าทีของผู้อาวุโสทั้งหลายของสำนัก ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ทั้งหมดต่างเข้าใจผิดกันไปแล้วว่าป๋ายเฉียนคือว่าที่เจ้าสาวของเขา ทั้งที่ศิษย์น้องทั้งสองยังไม่กล่าวอันใด
" ข้าต้องไปทำงานแล้ว ขอลากับทุกท่านตรงนี้ "
เมื่อออกมาจากห้องโถงประชุมของสำนัก ก็เจอเข้ากับศิษย์น้องทั้งสองคน เป็นหมิงเยวี่ยนศิษย์ทักก่อนคนแรก
" ทำหน้าคล้ายกินของแสลงเชียวขอรับ โดนตาแก่พวกนั้นคะยั้นคะยอให้แต่งสาวงามอีกแล้วใช่รึไม่ "
หมิงหย่งเล่อไม่กล่าวตอบคำใด แต่เดินผ่านเลยทั้งสองคนคล้ายหอบพายุลูกใหญ่ไปด้วย หมิงซานกล่าว " พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี ท่านก็อย่าไปกวนนักเลย "
" ไม่สนพี่ใหญ่ก็ได้ ว่าแต่เจ้า..ซื้อชุดสตรีไปทำอันใด? "
..ก็ซื้อไป
" นี่เจ้า.. " หมิงเยวี่ยนชี้น้าศิษย์น้องด้วยท่าทีตื่นตะลึงเป็นอันมาก " แอบไปมีภรรยาโดยไม่บอกพวกข้าเช่นนั้นรึ? "
หมิงซานพ่นลมหายใจ ให้กับคำกล่าวอันไร้สาระนั่น
" ท่านลืมหญิงสาวที่ข้าช่วยเอาไว้ไปแล้วรึไง? "
ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เหตุใดถึงต้องดูแลดีเพียงนี้ด้วย กล่าวด้วยท่าทีแสดงออกถึงความไม่ชอบใจเท่าใด " รักษาหายแล้วก็พาออกมาจากที่นั่น ดูแลดีเพื่อสิ่งใด หรือเจ้าต้องใจนาง? "
" ... "
หมิงซานมองศิษย์พี่รองโดยไม่กล่าวคำใด แต่ฉับพลันเมื่อกล่าวถึงหญิงสาวผู้นั้น คล้ายว่าเขาพึ่งนึกบางอย่างได้ รีบเคลื่อนไหวตามศิษย์พี่ใหญ่ไปอย่างตื่นตระหนก
ทิ้งให้ศิษย์พี่รองของเขาอ้าปากค้าง นั่นเพราะศิษย์น้องเล็กไม่ปฏิเสธคำกล่าวของเขาสักนิด อีกทั้งยังรีบร้อนตามศิษย์พี่ใหญ่กลับเรือนกลางป่านั่นอีก
" ช้าไม่ได้แล้ว ข้าต้องไปดู " กล่าวจบก็รีบไปด้วยอีกคน
เจ้าขิมผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวใด กำลังใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดทำความสะอาดห้องตนเองอยู่ หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบห้าวันแล้ว ไร้วี่แววสามพระเอก จนแอบคิดว่าพวกเขาคงทิ้งเธอไว้โดยลืมเลือนไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าอยากจมปลักอยู่ที่นี่อย่างคนบ้าหรอกนะ แต่เพราะอำนาจของระบบ เจ้าขิมจึงถูกขังเอาไว้ในค่ายกลของสามพระเอกให้อยู่คนเดียวอย่างน่าสงสาร เพียงยื่นขาออกนอกเขตก็ชนเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น
..ถูกขังเอาไว้ รอสังเวยให้สามอนาคอนด้าอย่างสมบูรณ์
แค่คิดก็รู้สึกขนลุกขนพอง
ทำไมไม่ให้โอกาสเธอแก้เนื้อเรื่องบ้าง แก้ขนาดพวกนั้นลงมาก็ยังดี ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรองรับสิ่งยิ่งใหญ่เหล่านั้นได้โดยไม่สะทกสะท้านหรอกนะ
กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ พลันร่างสูงใหญ่ของหมิงหย่งเล่อจ้ำอ้าวเข้ามากระชากแขนเจ้าขิม จนต้องร้องเจ็บออกมาเลยทีเดียว
แต่คนแรงเยอะสีหน้าตึงเปรี๊ยะ แทบไม่ได้สนใจเลยว่าตอนนี้หญิงสาวเป็นเช่นไร ลากร่างบางที่เบาหวิวคล้ายไร้น้ำหนัก เดินตรงมาหน้าทางออกค่ายกล แล้วโยนร่างบอบบางนั่น
เพื่อให้นางออกไปจากที่นี่..