บทที่ 11 อาหารเลิศรสที่แท้จริง

1603 Words
แสงอาทิตย์สีอ่อนทอประกายขึ้นมาอีกครั้ง ในอาณาเขตลึกลับกลางป่า มีเรือนขนาดกลางสามหลังตั้งอยู่ ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่กลับมีเจ้าของห้องจับจองอยู่หนึ่งเรือนเท่านั้น หญิงสาวที่อยู่ไกลจากตรงนั้น ไม่ได้ใส่ใจว่ามีคนอยู่หรือไม่ จะไปจะมาเมื่อใดก็ไม่อยากสนใจ โชคดีก็แต่ในเรือนที่ตนนอนอยู่ เป็นเพียงโรงหมอหลังเล็กติดกับเรือนของท่านหมอหมิงซาน เอาไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของท่านหมอเท่านั้น จึงทำให้อุ่นใจอยู่บ้าง ที่เวลาตนเองทำอะไรสักอย่าง เหล่าพระเอกทั้งหลาย จะได้ไม่เห็นเธอขวางหูขวางตา.. ..ช่างเรื่องนั้นก่อน ตอนนี้เจ้าขิมกำลังคิดว่าตัวเองจะทำอะไรกินดี ..ส่วนของรางวัลระบบนั้น ไม่อยากนึกถึงเรื่องนี้เท่าไหร่ นั่นเพราะเมื่อคืนทันทีที่ระบบอัพเดทเสร็จ สิ่งที่มอบให้ไม่ใช่อาวุธวิเศษ หรือน้ำทิพย์วิเศษ แม้ในใจลึก ๆ อยากได้ยาผีบอกกินปุ๊บหายปั๊บ เพราะตัวเอกแต่ละคนมือหนักใช่ย่อย วันดีคืนดี ถ้าไม่ระวังทำเธอบาดเจ็บขึ้นมาอีกจะได้รักษาตัวเองทันท่วงที เห็นท่านหมอลำบากแล้วกลัวใจบาง.. การที่คนเรารักกัน ก็เพราะการดูแลใกล้ชิดไม่ใช่เหรอ? แม้ตอนนี้ตัวเองกำลังก้าวขาข้างหนึ่งเพื่อปีนขึ้นไปแทนนางเอก แต่คิดว่าเพียงยอมให้พวกเขาเล่นกึ๊กกึ๋ย แล้วมันจะจบง่ายแบบนั้น พูดในถานะที่เป็นไรท์เตอร์สร้างสรรค์นิยายเรื่องนี้ขึ้นมากับมือ แต่เพราะแบบนั้นจึงเชื่อเจ้าสิ่งที่เรียกว่าระบบไม่ได้ [ … ] มองเครื่องปรุงทั้งหลายที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจ นี่เป็นของรางวัลบทที่หนึ่งของระบบเชียวนะ นอกจากต้องการให้รับบทนางเอกแล้ว คงอยากให้เป็นแม่ศรีเรือนอีก เกลือเอย น้ำตาลเอย พริกหลายสายพันธุ์ แล้วอีกมากมาย.. อย่างน้อยระบบก็ยังใจดี ถึงขนาดให้เครื่องปรุงที่เธอรู้จักมาทั้งหมด ยังมีสมุนไพรสำหรับทำอาหารอีก.. เอาละ.. ในเมื่อให้มาก็จะใช้แบบคุ้มสุด ๆ แต่อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เธอกลายเป็นแรงงานของพวกยักษ์ปักหลั่นนั่นได้ เพราะนี่ถือว่าเป็นของส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวกับใคร ต่อให้ถูกมองว่าเธอเป็นผู้หญิงขี้งกก็ตามที ในเมื่อให้ของสำหรับมาทำอาหารปิกนิกระหว่างรอเนื้อเรื่อง ไม่จำเป็นต้องทำตัวลำบาก ทำของอร่อยให้ผู้ชายเหล่านั้นกิน เพราะของอร่อยที่จะทำไม่ให้ใครได้กินทั้งนั้น เพราะนี่คือการแก้แค้น..ระบบ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ถือว่ามีแต้มต่อ อาจจะเผื่อท่านหมอด้วยนิดหน่อย ถ้าเขามาละก็นะ.. ..จนป่านนี้ ทั้งท่านหมอและหมิงหย่งเล่อยังไม่กลับมาเลย ในใจต่อให้รู้ว่าพวกเขาจะไม่ตาย แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ แต่ในเมื่อตนเองออกไปไหนไม่ได้ ถึงให้ออกไปก็อาจเป็นภาระเสียเปล่า เพราะงั้นก็จงอยู่แบบอากาศธาตุย่อมดีที่สุด ...จนกว่าจะคิดออก หนีจากระบบยังไงไม่ให้ถูกดึงกลับมาอีกรอบ เรื่องอื่นเธอจึงจะสามารถยื่นมือเข้าไปยุ่งด้วยได้ เหลือบมองไปยังโอ่งขนาดเล็ก และถังไม้ มีกุ้งเมื่อวาน และปลาช่อนอยู่สองตัว ลงมือหุงข้าวเอาไว้กินสามคาบสำหรับตัวเอง แล้วจึงใช้ถ้วยตักช้อนกุ้งใส่กะละมังไม้ ลงมือล้างทำความสะอาดเสร็จก็ตัดหนวดของมันออกให้เรียบร้อย จากนั้นหันมาจัดการปลาช่อนหนึ่งตัว ควักไส้ตัดครีบตัดหางออก ขอดเกล็ดจนผิวเนียนแล้วล้างคราบเมือกออกให้หมด หั่นเป็นท่อนเพื่อเอาไว้ทำเมนูต้มยำ ในครัวไม่ได้สนใจผู้อื่น แต่ผู้อื่นกำลังคิดบางอย่างเกี่ยวกับตนเองอย่างหนัก ต้องยอมรับว่าเมื่อวานนี้ เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่ตนไม่เคยพบเห็นมาก่อน คนอย่างหมิงเยวี่ยนล้วนแล้วแต่เดินทางสุดใต้หล้าพบเจอหลายอย่างมากมาย แต่ไม่เคยรู้ว่ากลิ่นอาหารสามารถทำคนตายได้ จ๊อก.. " หิว.. เหตุใดข้าถึงหิวเช่นนี้ได้? " หมิงเยวี่ยนตื่นขึ้นมาเพื่อออกกำลังตามความเคยชิน เมื่อทบทวนวิชาตัวเบาของตนเอง อีกทั้งยังครุ่นคิดเกี่ยวกับนางจิ้งจอกที่อาศัยอยู่ในค่ายกลนี้ หลังจากทำทุกอย่างเป็นปกติเสร็จจึงได้เดินกลับมาจากแนวเขาด้านหลัง แต่กลับต้องผ่านเรือนหลังเล็กนั่นพอดี ฉ่า... โป๊งเป๊ง ๆ เสียงวัตถุสองอย่างกระทบกัน ดังจากข้างในครัวมาเป็นระยะ ด้วยประสบการณ์พบเจอคนครัวมากมายเพราะเป็นคนชอบกิน สามารถจำแนกได้ว่า เสียงที่เกิดขึ้นเป็นจังหวะข้างในนั้น ย่อมแสดงถึงความมีประสบการณ์ของผู้ลงมือรังสรรค์อาหารอย่างแน่นอน แปลว่าจิ้งจอกนางนี้สามารถทำอาหารได้ แม้พวกเขาทั้งสามคนสามารถหาสิ่งอื่นได้จากภายนอก แต่เมื่อกลับเข้ามาเมื่อใด ย่อมต้องหากินตามมีตามเกิด ถึงในครัวของน้องสามจะมีเกลือและน้ำตาลอยู่ แต่เป็นเพราะไม่ได้เก่งกาจในการพลิกแพลง นอกจากต้ม ย่าง แล้วโรยเกลือลงไป นอกนั้นก็ไม่สามารถทำสิ่งอื่นใดได้ ภายนอกหมิงเยวี่ยนคือนักชิมอันดับหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ในค่ายกลสำหรับหลบซ่อนเร้นต่อผู้อื่น เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่กินข้าวต้มใส่น้ำกับเกลือเท่านั้น กลิ่นของอาหารหอมจนท้องร้อง ไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนในชีวิต มันคือกลิ่นสมุนไพรบางอย่าง ปะปนกับน้ำซุปที่มีเนื้อสัตว์อันหอมหวานผสมละลายอยู่ในนั้น อีกทั้งกลิ่นเผ็ดเปรี้ยวสามารถเรียกน้ำย่อยและน้ำลายจนแตกผล่าน เพียงแต่บางอย่างก็ไม่ได้ใจดีอย่างที่เขาคิด ร่างบางในชุดเรียบง่ายสีเทาใช้กิ่งไม้ม้วนผมขึ้นง่าย ๆ ยืนขวางหน้าประตู ไม่ได้กล่าวสิ่งใดสักคำแต่กลับจ้องหมิงเยวี่ยนราวกับพบเจอเรื่องประหลาด ต้องเข้าใจว่าเรือนกลางนี้ อยู่ไกลจากเรือนของเขาอยู่พอสมควร " ... " ..แล้วมาทำอะไร " อะไร " ชายหนุ่มโบกพัดในมืออย่างใจเย็น ทั้งที่ในท้องราวกับพายุคลั่ง เจ้าขิมมองเขานิ่ง ๆ ประกายตาดุร้าย แต่เพราะเจ้าตัวเอ่ยปากถามออกมาแล้วจึงได้คิดสนทนาสักหน่อย ทั้งที่ตั้งใจออกมาล้างมือเพื่อเตรียมกินข้าวแท้ ๆ " ท่านต่างหาก ไม่สบายหรือเจ้าคะถึงได้มาเรือนนี้? " ชายหนุ่มคล้ายมีอย่างกำลังทะเลาะกันในหัว ว่าจะกล่าวออกไปตามความต้องการ หรือเก็บงำทุกอย่างเอาไว้ แต่เพราะความถือดีในตัวเอง จึงเลือกทำตามคำกล่าวที่เคยลั่นออกไปแล้วอย่างหยิ่งทะนง ไม่ได้รู้ชะตากรรมเลยว่าเป็นการเลือกที่ผิดอย่างร้ายแรง " ข้าเพียงมาจากภูเขาด้านหลัง " หญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ ไม่เข้าใจว่าต้องมาบอกให้ตนเองฟังทำไม ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดต้องมาทักทายกันตอนเช้าเสียหน่อย ตอบรับเรียบ ๆ ไปว่า " เจ้าค่ะ " หมิงเยวี่ยนที่เห็นว่านางจิ้งจอกเอาแต่เงียบ ไม่คิดชักชวนเขาเข้าไปด้านในก็ถึงกับมุมปากกระตุก ใบหน้าจึงเชิดขึ้นเล็กน้อยหันข้างให้แล้วเหลือบมองด้วยหางตาก่อนกล่าว " เมื่อใดจะไป อยู่บ้านผู้อื่นไม่ต่างจากอยู่บ้านตนเอง.. " ปากเสีย.. เจ้าขิมไม่ได้มีความเกรงกลัวเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีบางอย่างแฝงอยู่ในร่างนั่นเอง สามารถรู้ได้จากการอ่านรายละเอียดข้อมูลได้ในระบบ แม้กระทั่งป่วยตรงไหน มีอะไรผิดปรกติก็ยังสามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องพึ่งหม มีแม้กระทั่งบอกว่าร่างกายตอนนี้อุณหภูมิเท่าไหร่ ..หยกสีขาวนั่น เป็นวิเศษหยกที่มีการเชื่อมจิตของท่านหมอหมิงซาน ถ้าเกิดอะไรขึ้นพี่น้องคงได้ปะทะกันใหญ่โต นั่นเพราะการทำร้ายหยกก็ไม่ต่างกับทำร้ายพี่น้อง มีหยกอยู่กับตัวราวกับมีผู้พิทักษ์คอยดูแล ..คาดเดาได้ว่า ว่าที่กุนซือหมิงเยวี่ยนเองก็สามารถรับรู้ได้เช่นกัน เจ้าขิมยืนนิ่งขวางประตูไม่คิดเชื้อเชิญใครทั้งสิ้น พูดออกไปโดยไม่สนสีหน้าของเขาสักนิดเดียว " เป็นท่านไม่ใช่หรือเจ้าคะ ที่ไม่สามารถพาข้าออกไปได้ " ร่างสูงในชุดสีฟ้าอ่อนหันขวับมา แล้วยกมือขึ้นชี้หน้านางจิ้งจอกด้วยท่าทีมีโทสะ " เจ้า! " แต่ไหนเลยหญิงสาวจะเกรงกลัว ตัวละครที่หยิ่งยโสไม่เห็นหัวใครคล้ายว่าตนสูงส่งนักหนา ในเมื่อไม่ให้เกียรติกัน เธอเองก็ไม่รังเกียจที่จะทำแบบเดียวกันกลับไป ที่จริงแล้วไม่ใช่ไม่อยากสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขา แต่เพราะด้วยต่างฝ่าย ก็ไม่สนิทใจที่จะพูดคุยกัน การต่างคนต่างอยู่ตอนนี้ย่อมดีที่สุด แม้ในใจอยากพูดคุยกันแบบเป็นมิตร จะด้วยรูปแบบเพียงคนรู้จักแล้วค่อยพัฒนาเป็นเพื่อนบ้านก็ได้ หญิงสาวไม่เกี่ยงที่จะทำเช่นนั้น ..แต่หมอนี่ นิสัยไม่ต่างจากศิษย์พี่ใหญ่ของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD