CHAPTER 7
RETURN
“แล้วหายเจ็บยัง?”
“ไม่เท่าไร ของนายมันเล็ก ไม่ระคายร่างกายฉันหรอก!”
“ทำไมปากดีแบบนี้วะ มันน่ายิงให้เดี้ยง!!”
“จะทำอะไรก็ทำ ฉันกลับละ ”
วันนี้ฉันก็ไม่ได้ไปเรียน เพราะมัวแต่วุ่นวายกับไรเฟิลนั่นแหละ คนบ้าอะไรตา
มันดุชะมัด ถ้ายิงลูกกระสุนออกมาทางตาได้นะ ร่างฉันคงพรุนไปแล้ว
“ด่าฉันในใจอยู่หรือไง”
“อย่ามายุ่ง ลาก่อนนะไรเฟิล”
หมดเวลากับเรื่องไร้สาระ ฉันควรจะกลับไปที่ของฉันได้แล้ว ใช้ชีวิตปกติ
เหมือนก่อนหน้านี้ที่ยังไม่เจอไรเฟิลน่ะ ฉันคว้ากระเป๋าตัวเองที่ร่วงกองอยู่กับพื้นขึ้นมาสะพายและหันหลังก้าวเดินออกไป ทว่าใจมันหายแปลกๆ
RIFLE TALK
ผู้หญิงคนนี้กำลังจะเดินไปจากผม ซึ่งมันก็ดีแล้ว มันเป็นปกติสำหรับเรื่อง
ผู้หญิงชั่วคราวของผม แต่ครั้งนี้มันแปลก ผมกลับรู้สึกว่ามันยังไม่จบแค่นี้ หรือมันไม่ควรจบกันแค่นี้ เอ๊ะ .. ผมก็งงตัวเอง
“ก็ช่างหัวเธอสิวะ”
ผมเดินกลับมายังห้องทำงานแล้วก็พบว่าพ่อนั่งรอผมอยู่ ตกใจเล็กน้อยเหมือนกัน นึกว่าพ่อจะออกไปทำธุระข้างนอกซะอีก
“พ่อไม่ออกไปธุระแล้วหรอครับ?”
“ไม่ล่ะ ว่าแต่แกเคลียร์กับเด็กคนนั้นเสร็จแล้วรึ? อะไรทำให้เสืออย่างไรเฟิลโมโหเพราะผู้หญิงกันนะ”
เออ นั่นสินะ ผมไม่เคยโมโหผู้หญิง...
“ก็เธออวดเก่ง ปากดี ดื้อ น่ารำคาญจะตาย ”
ผมกับพ่อน่ะคุยกันทุกเรื่องเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ เพราะเรามีกันแค่นี้ พ่อบอกว่าแม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมยังเด็ก ซึ่งก็คงจะใช่เพราะผมไม่เคยเห็นหน้าแม่ ไม่รู้ว่ามีแม่ด้วยซ้ำ มันไม่มีความทรงจำในส่วนของแม่เลยอ่ะ แต่ผมก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรเพราะพ่อเลี้ยงผมอย่างดีจนบางทีก็คิดว่าไม่ต้องมีแม่ก็ได้
เรานั่งคุยงานกันกันนานพอสมควร จนพ่อกลับไปผมก็เลยนั่งอยู่คนเดียว หน้าเธอมันลอยขึ้นมาอีกแล้ว ผมเกลียดเธอนะ แต่ก็ยังนึกถึงอยู่นั่นแหละจนมันน่ารำคาญไปหมด แม้แต่ตอนคุยกับพ่อบางทียังเห็นหน้ายัยนั่นแทนหน้าพ่อเลย มันน่ากลัวมาก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เข้ามา”
ผมหันไปมองไอ้ริคที่เดินเข้ามาพร้อมกับถืออะไรบางอย่างติดมือมาด้วย...
“นายเล็กครับ คุณผู้หญิงคนนั้นทำกระเป๋าตังตกไว้ที่ห้องอาหารครับ”
“อืม เอาวางไว้นั่นแหละ”
“ครับนายเล็ก”
มันต้องเป็นอย่างที่ผมคิดแน่ๆ ยัยนั่นน่ะ อ่อยผมชัวร์ๆเลย ทำเป็นลืมนั่นลืมนี่ที่แท้ก็อยากจะกลับมาว่างั้นเหอะ คงจะติดใจผมล่ะสิท่า เหอะ น่าไม่อายจริงๆ
“นายเล็กยิ้มอะไรครับ”
“แกยังไม่ออกไปอีกหรอ? ออกไปได้แล้วฉันจะทำงาน!”
ผมมาเปิดๆกระเป๋าตังเธอดู มีเงินสดแค่สี่พันบาทกับบัตรเอทีเอ็มอีกสี่ใบ จิตใต้สำนึกด้านดีบอกว่าให้ผมเอาไปคืน แต่ผมก็ไม่เห็นบัตรประชาชนหรืออะไรที่บ่งบอกว่าเธอพักอยู่ที่ไหน เธอเป็นใครมาจากไหนผมก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอสักอย่าง รู้แค่ว่าพอเห็นหน้ากับนมแล้วอยากจะเอาแค่นั้นเอง ง่ายๆ
END TALK
กระเป๋าตังฉันหาย...
โทรศัพท์แบตหมด...
ฉันอยู่ไหนก็ไม่รู้...
มีอะไรซวยไปกว่านี้อีกไหม? พอฉันเดินออกมาจากคาสิโนที่โครตจะเลี้ยวรดคดเคี้ยว โครตลึก ดีที่มันไม่เปลี่ยว มีคนเข้าออกมากมายเลย ก็เข้ามาที่บ่อนของเขานั่นล่ะ ฉันได้แต่มองรถที่จอดเรียงรายตามลานจอด แต่ละคันนี่แบบระดับท้อปทั้งนั้น มีแต่รถหรูๆแพงๆ
“จะรวยกันไปไหนเนี่ย”
ก็ใช่ไหมล่ะ ฉันนี่ทำงานสายตัวแทบขาดยังหาเงินซื้อรถไม่พอเลย ฉันกำลังรุ่งในการเป็นนางแบบก็จริง แต่ฉันเอาเรื่องเรียนเป็นหลักเลยรับงานน้อยแต่ก็มีคิวงานยาวอยู่เหมือนกัน ฉันกะว่าจะออกรถกับเขาบ้างแต่ก็ดันอยากได้รถดีๆแพงๆอีก เลยต้องใช้เวลาเก็บเงินซื้อ เกรงใจพี่โยต้องคอยรับส่งไปทำงานน่ะ แต่ตอนนี้กลับนึกถึงพี่โยขึ้นมาเลย ฮือออ อยากจะให้มารับแต่โทรศัพท์แบตหมด
“ไปxxxค่ะ”
ฉันตัดสินใจที่จะขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้านแล้วค่อยไปเอาเงินที่ลุงกับป้าก็ได้ แต่รู้สึกว่ามันไกลมากเลยกว่าจะถึงบ้านฉัน
“ลุง ป้า”
“....”
ไม่อยู่บ้านหรอ? สงสัยป้าจะอยู่ที่ร้านนวดแน่ๆ นี่ก็บ่ายสามเองคงยังไม่ปิดร้านหรอก
“ไปซอย17ค่ะ”
ค่าแท็กซี่ปาไปเกือบสี่ร้อยแล้วอ่า ไอ้บ่อนบ้านั่นมันอยู่นอกโลกหรือไงนะ
“ให้จอดตรงไหนหนู”
เสียงคุณลุงขับแท็กซี่ทำให้ฉันหลุดจากความคิดที่เอาแต่นึกถึงหน้าหมอนั่น
“ร้านนวดตรงนั้นน่ะค่ะ ป้ายร้านสีม่วงๆ”
สวรรค์กลั่นแกล้งฉันแน่ๆเลย ป้าไม่อยู่ ร้านปิด!! ฉันจะร้องไห้แล้วนะ คนอะไรจะซวยได้ปานนี้ ฉันก็คิดนะว่าจะยืมเงินคนข้างบ้าน แต่คือไม่มีใครอยู่เลย ส่วนมากคนแถวนี้จะเป็นคนวัยทำงาน เช้าออกบ้าน ค่ำๆก็กลับเข้าบ้าน ช่วงเวลานี้เลยไม่มีใครอยู่เลยสักคน
แล้วป้ามาปิดร้านแบบนี้ฉันจะหาเงินที่ไหนจ่ายค่าแท็กซี่ล่ะ ร้านส้มตำข้างๆฉันก็ไม่รู้จัก ขืนไปบอกขอยืมตังจ่ายค่าแท็กซี่ได้โดนสากตีหัวแน่ๆ
“ร้านปิดนี่”
“คือหนูกำลังหาคนจ่ายค่าแท็กซี่ให้ลุงอยู่ค่ะ ใจเย็นๆนะคะ”
ฉันเลยบอกให้ขับไปที่บ้านพี่โยซะเลย ที่พึ่งสุดท้ายของฉัน นี่ถ้าโทรศัพท์ใช้ได้นะ ต้องมีสักคนช่วยฉันได้ไปแล้ว ถ้าจะให้ดีควรมีกระเป๋าตังมากกว่า ว่าแต่ฉันเอากระเป๋าตังไว้ไหนนะ ฉันไม่ใช่คนขี้ลืมสักหน่อย เนี่ย ..กระเป๋าใส่บัตรอีกใบยังอยู่เลย
ปิ๊งป่อง
ฉันมายืนกดกริ่งหน้าบ้านพี่โยด้วยใจระทึก ก็บ้านพี่โยปิดไฟมืดเลยน่ะสิ อยู่บ้านเถอะนะคะ เบลขอร้อง
ปิ๊งป่อง
ทำไมไร้วี่แววคนขนาดนี้ล่ะ แรงกดดันจากสายตาลุงขับแท็กซี่นี่ทำฉันเกร็งชะมัด
“คุณโยไม่อยู่หรอกหนู เพิ่งขับรถออกไปเมื่อกี้”
คนข้างบ้านพี่โยผู้แสนใจดีตะโกนบอกฉัน แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนข้างหลังฉันถูกแทงด้วยสายตาอีตาลุงแท็กซี่นี่นะ ฉันหมดที่พึ่งแล้วจริงๆ ชีวิตฉันไม่มีใครแล้ว เพื่อนสนิทก็ไม่มี มีแต่เพื่อนรู้จักกันผิวเผินซึ่งก็ไม่รู้จักที่อยู่
“กลับไปหน้าบ่อนที่หนูขึ้นมาทีแรกเถอะค่ะลุง”
“เห้อออ..”
อย่ามาถอนหายใจเบื่อหน่ายแบบนี้นะลุง ฉันก็เบื่อ นั่งจนก้นชาไปหมดแล้วเนี่ย นั่งตั้งแต่บ่ายยันค่ำยันมืด ค่าแท็กซี่ปาไปจะพันนึงละ แพงจริงอะไรจริงแล้วนึกดูกว่าจะกลับมาที่เดิมอ่ะ
“ถึงแล้ว”
“เข้าซอยไปสุดซอยเลยลุง”
อารมณ์นี้คงจะหาคำไพเราะไม่ได้ทั้งฉันทั้งลุง ถ้าไม่ติดว่าค่าแท็กซี่เยอะฉันคงโดนลุงถีบลงกลางทางแน่
อ๊ะ นั่นไง ไรเฟิลกำลังลงมาจากรถที่จอดหน้าบ่อน สงสัยไปข้างนอกมาล่ะมั้ง ดีเลยจะได้ไม่ต้องหาตัวให้ยาก
“ลุง ขับไปจอดปาดหน้ารถคันนั้นเลย”
RIFLE TALK
ผมเพิ่งกลับจากการไปตรวจงานมาเหนื่อยๆ วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ บริษัทใหม่ที่เพิ่งเปิดมีปัญหาค่อนข้างมาก แต่ผมมีความสามารถพอที่จะแก้ปัญหาได้เพราะผมเองก็ทำสำเร็จมานักต่อนักแล้ว
เอี๊ยดดด
ขณะที่ผมก้าวลงจากรถและกำลังเดินมุ่งหน้าเข้าบ่อนนั้น จู่ๆก็มีรถแท็กซี่สีเหลืองมาขวางหน้ารถที่ผมเพิ่งก้าวลงมา
ปั้ง ปั้ง ปั้ง ๆๆๆ
ไม่ต้องรอให้สั่งลูกน้องผมก็ทำหน้าที่ปกป้องผมได้ดีเสมอ มาทำทีท่าหาเรื่องแบบนี้ก็คงจะเป็นพวกอริผมนั่นแหละจะเป็นใครไปได้ ก่อกวนแบบนี้ระวังจะไม่ตายดีล่ะ
“กรี๊ดดดดดดดดดดด”
เสียงผู้หญิง? ทีแรกว่าจะไม่หันไปสนใจแล้วล่ะนะปล่อยให้ลูกน้องผมกระหน่ำยิงให้ตายห่ากันไปเลย แต่ดันได้ยินเสียงผู้หญิงไงผมเลยหันไปมองที่แท็กซี่คันนั้นพร้อมกับจ้องไปที่กระจกของประตูหลังที่มันมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่สักอย่าง
กระเป๋านั่น!!
“หยุดยิง!!!!!!”
ผมตกใจสุดขีดเมื่อเห็นกระเป๋าใบนั้น กระเป๋าใบที่ผมเป็นคนหยิบจากห้องแล้วเอาลงไปที่ห้องคนงานเมื่อเช้าไง นั่นมันกระเป๋าเธอ ผมจำได้
ตุ้บๆๆ พลั่ก
“ฮืออออออ ไอ้บ้าไรเฟิล นายจะฆ่าฉันหรือไง!!! บลาๆๆ”
เมื่อผมกระชากเปิดประตูออก เธอก็พุ่งเข้ามาทุบตีผมพร้อมกับด่าทอผมอีกยาวยืด แล้วก็ยังร้องไห้ไม่หยุด หน้าเธอซุกอยู่ที่หน้าอกผม รู้สึกถึงความชื้นที่แทรกซึมผ่านเนื้อผ้า ไม่น้ำตาก็ขี้มูกล่ะงานนี้ มือเล็กๆที่ทุบตีผมเมื่อครู่ตอนนี้กอดผมไว้แน่น
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันกลัว ฮืออ”
“ก็ยังไม่ตายนี่ไง หยุดร้องได้แล้วน่า”
เธอผละออกจากผมเหมือนนึกอะไรได้แล้วมุดตัวเข้าไปในแท็กซี่อีกครั้ง..
“ลุง ลุง!! เห้ย .. เลือด!!!!”
“อะไรของเธอ”
“ไรเฟิล ช่วยด้วยๆ”
เธอได้แต่ชี้เข้าไปในรถด้วยสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงก้มลงไปมองตามที่เธอชี้ ก็พบว่าคนขับรถถูกยิงตอนนี้หมดสติก็แค่นั้นเอง ตกใจอะไรของเธอนักหนาวะ
“จัดการด้วย ทั้งคน ทั้งรถ”
ผมหันไปสั่งลูกน้องทันที และคำสั่งสั้นๆของผมก็เป็นอันเข้าใจ...
“ลุงจะตายไหมไรเฟิล ฉันติดเงินลุงไว้พันกว่าบาท แกจะไม่เป็นผีมาทวงฉันใช่ไหม”
“ติดเงินค่าอะไร”
“ก็ฉันทำกระเป๋าตังหายน่ะสิ ไม่มีตังจ่ายค่าแท็กซี่ นั่งกลับบ้านก็ไม่มีใครอยู่ ไปหาป้าที่ร้านก็ปิดร้าน ไปหาพี่โยก็ไม่อยู่บ้าน โทรศัพท์ก็แบตหมดติดต่อใครไม่ได้เลยสักคน”
“พูดมากว่ะ”
“ก็นายถามฉันเองไม่ใช่หรือไงเล่า”
คิดไปคิดมาผมไม่บอกดีกว่าว่ากระเป๋าตังอยู่ที่ผม หมั่นไส้...
มีความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้นกับผมด้วยแหละ ผมลืมทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อเห็นหน้าเธอแม้กระทั่งความเหนื่อย แปลกไหมล่ะ ผมยอมรับตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าผมน่ะถูกใจเธอจริงๆ เพราะอะไรผมก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ความรู้สึกแรกมันก็ยังเหมือนเดิมนะ
“เข้าไปพักข้างในก่อนไป เดี๋ยวทางนี้ให้ลูกน้องจัดการให้”
“อื้ม ขอบคุณนะ ถ้านายไม่ช่วยฉันก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาให้ลุง ทั้งค่าหมอทั้งค่าซ่อมรถ แต่ฉันไม่ผิดนะโว้ย ลูกน้องนายยิงนายต้องรับผิดชอบ”
“แล้วใครใช้ให้ไปจอดรถกวนตีนแบบนั้น”
“ฉันบอกเองแหละ ว่าให้ไปจอดหน้ารถนาย”
หน้าตาเธอดูอิดโรยเต็มที จากสีผิวที่ขาวอยู่แล้วกลับกลายเป็นซีดเซียวจนเห็นได้ชัด ท่าเดินของเธอก็ไม่ค่อยปกติ คงยังเจ็บอยู่ล่ะมั้ง
“นายมองก้นฉันทำไม? แล้วนี่พาฉันมาห้องนอนนายทำไมไม่ทราบ”
นั่นสิ ผมพาเธอเข้าห้องนอนทำไมวะ?
“ก็...เอ่อ จะให้เธอมาทำความสะอาดห้องน้ำไง นั่นน่ะ ที่อ่างอาบน้ำมีแต่เลือดเธอ ไปล้างซะ ฉันรังเกียจ”
“เลือดฉัน ตั้งแต่เมื่อไร? ฉันเข้าห้องน้ำด้วยหรอ ตอนไหนล่ะ?”
ตั้งแต่เธอหมดสติบนเตียงก็คงไม่รู้อะไรเลยสินะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง...
“ก็เมื่อคืนเธอไปอาบน้ำหรือฆาตกรรมตัวเองไม่รู้ เลือดเต็มไปหมด อย่าถามมาก รีบไปทำเลย ทำเสร็จไปหาฉันห้องทำงาน”
“ฉันจะไปตรัสรู้หรือไงห้องทำงานนายอยู่ไหน ทำเสร็จกลับได้เลยใช่ไหม?”
“เห็นประตูนั่นไหม เปิดเข้าไปก็เจอ ห้องมันเชื่อมกัน อ่อ แล้วที่ว่าจะกลับบ้าน ถ้ามีตังก็กลับไปสิ”
“ก็ฉันไม่มีนี่ไง เออ ยืมตังหน่อยดิจะนั่งรถกลับบ้าน”
“คิดดูก่อน”
“ไอ้บ้าเอ้ย!!!”
“ทำให้ฉันพอใจ ถึงจะปล่อยกลับ”
“ไรเฟิลจ๋า ล้างห้องน้ำเสร็จก็พอใจแล้วใช่ไหมจ๊ะ คนหล่อ ปิ๊งๆ ไรเฟิลลลล”
จู่ๆก็ทำหน้าทำตาเหมือนลูกแมวแล้วมาคลอเคลียอยู่ที่หัวไหล่ผม ไหนจะทำตาวิ้งค์ๆใส่ผมอีก เสียงหวานๆนั่นเรียกชื่อผมไม่หยุด
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
“ทำอะไรไม่ทราบ? คิดว่าน่ารักหรือไง อี๋”
“อ้อนไง ฉันอ้อนนายอยู่ ไม่เหมือนแมวหรอกหรอ? เหมี๊ยววว”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
“เหมือนพยาธิ ที่กำลังชอนไชหัวไหล่ฉันอยู่”
“ไปตายซะไรเฟิล!!”
“ลูกอ้อนปัญญาอ่อนของเธอมันใช้ไม่ได้กับฉันว่ะ”
เกลียดก็เกลียด ถูกใจก็ถูกใจ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่วะ แม่งเอ้ย!!หงุดหงิดตัวเอง