ตอนที่3 อ่อยเหยื่อ

1914 Words
“งั้นเราขอดูได้มั้ยครับผู้กอง” “ผมจะคุยกับคุณน้ำเองครับ” “ตอนนี้ลูกค้าเยอะเดี๋ยวตอนเย็นเราจะมาอีกครั้งละกัน” “ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเกริ่นกับคุณน้ำไว้ก่อนครับ” มงคลพูดเป็นการเป็นงาน “งั้นไปกันเถอะ” พลอทิปวางแบงค์ห้าร้อยลงบนโต้ะแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านกาแฟพร้อมกับลูกน้องแล้วสวนทางกับสาวสวยสุดเซ็กซี่สามคนเดินเข้ามาในร้านกาแฟจึงหันไปมองเพราะหนึ่งในนั้นคือลูกสาวของเสี่ยคนดังมีอิทธิพลในเมืองนครพนมและเป็นเจ้าของท่าเรือสำราญล่องแม่น้ำโขงและเรือข้ามฟากไปฝั่งลาว ก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้องแล้วเดินไปขึ้นรถกระบะโฟวิลสีดำสี่ประตูโดยจ่าหนุ่ยเป็นคนขับ “คุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ” พนักงานสาวถามลูกค้าคนสวยทั้งสาม “ฉันเอาคาปูชิโนเย็นแล้วเธอสองคนจะดื่มอะไรดีล่ะ” ปรีณาถามเพื่อนทั้งสองที่มาจากกรุงเทพ “ฉันเอาน้ำส้มคั้นสด” “ของฉันเอาชาเขียวปั่น เค้กก็น่ากินนะเธอ” “เค้กของร้านเรามีแคลอลี่ต่ำเหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักและทานได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ” “งั้นเอาอันนี้ อันนี้และอันนี้ละกัน” ปรีณาสั่งเค้กมาให้เพื่อนชิมเพราะเธอรู้ว่าร้านนี้ดังสุดในย่านนี้และนักท่องเที่ยวก็ชอบมาถ่ายรูปและปักหมุดที่นี่เพราะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงชัดเจนยิ่งตอนเย็นร้านอาหารริมแม่น้ำโขงฝั่งลาวเปิดไฟสว่างก็ส่องประกายระยิบระยับสวยงามแม้จะเป็นร้านของเพื่นร่วมโรงเรียนแต่เธอไม่ได้สนิทกับสายชล “ตกแต่งร้านสวยมีคลาสดีนะแป้ง” รัชนีกรมองไปรอบๆร้านแล้วชมคนออกแบบที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบถ่ายรูป “ก็เจ้าของร้านไปเรียนที่กรุงเทพนี่ ก็คงได้ไอเดียมาแหละฉันว่าจะให้พี่ชายทำแบบนี้ที่ท่าเรือน่ะ” เธอกำลังคิดว่าที่ท่าเรือน่าจะเปิดคาเฟ่เพราะติดริมแม่น้ำโขงติดกับท่าเรือเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและร้านของสายชลก็ทำให้เธอสนใจและอยากทำแบบนี้ เดี๋ยวจะต้องบอกพ่อกับพี่ชายให้ทำบ้าง “แล้วเธอจะทำแบบนี้มั้ยล่ะ” “พวกเธอก็รู้ว่าตอนนี้ธุรกิจคาเฟ่ต้องมีจุดขายฉันไม่อยากทำซ้ำใคร” แต่เธอยังคิดไม่ออกและร้านของสายชลมีจุดเด่นและจุดขายที่ทำให้ลูกค้ามาเช็คอินและปักหมุดได้ เธอก็ต้องทำได้เหมือนกัน “แต่ร้านแบบนี้มันขายได้นะแป้ง” มาลิษาบอกเพื่อนเพราะยุคนี้จะเปิดคาเฟ่ก็ต้องสร้างจุดขายมีที่ให้นั่งเล่นถ่ายรูปและทุกคนที่มาก็ต้องซื้อเครื่องดื่มหนึ่งแก้วหรือขนมเค้ก คุ๊กกี้และน้ำผลไม้คั้นสดที่วางขายในตู้เย็นหนึ่งอย่างไม่งั้นจะเสียค่าเข้ามาถ่ายรูปหนึ่งร้อยบาท “ฉันรู้น่า มันจะไปยากอะไรล่ะก็ให้สถาปนิกออกแบบให้ไง เอ้ะ นั่นมันยัยหลิวนี่” ปรีณาเห็นลัคนาเดินเข้ามาในร้านคนเดียวและที่เธอรู้จักก็เพราะว่าเคยคบหากับอคินพี่ชายของลัคนาตอนเรียนมัธยมอยู่พักใหญ่ก่อนจะเลิกกันเพราะลูกชายของท่านผู้ว่าที่ย้ายมาใหม่มาจีบเธอและคบหากันจนเรียนจบมัธยมปีที่หกและไปเรียนต่อเมืองนอกก่อนจะเลิกกันเพราะต่างไปมีสังคมใหม่และเธอก็คบหากับลูกหลานคนดังหรือที่เรียกว่าไฮโซจึงไม่ได้เจอกันหลายปี “ใครอ่ะแป้ง” “คนรู้จักน่ะ แต่นานมาแล้วไม่ได้เจอกัน” “สวยนะเธอ” “ก็งั้นๆแหละ” ปรีณามองลัคนาแล้วแบะปากใส่เพราะตอนที่เธอเลิกกับอคิน น้องสาวของเขามาว่าเธอถึงห้องเรียนทำให้เธอไม่พอใจจึงทะเลาะกันเสียงดังดีที่ครูมาแยกก่อนไม่งั้นคงได้ลงมือกัน ส่วนคนที่ถูกพูดถึงก็ไปทักทายเพื่อนและสั่งเครื่องดื่มก่อนจะเดินมานั่งโต้ะที่ว่างแล้วเห็นอดีตแฟนของพี่ชายก็ไม่ได้สนใจจะทักทายจึงคุยไลน์กับเพื่อน หลิว..แกไม่บอกว่ายัยพี่แป้งอยู่ร้านแก น้ำ..อ้อ โทษทีคนสวย น้ำลืมไปเลยอ่ะ หลิว..ไม่เป็นไร น้ำ..งั้นแกไปนั่งชั้นบนมั้ยล่ะ หลิว..ไม่เป็นไร นั่งตรงนี้ก็ได้ น้ำ..เดี๋ยวน้ำไปนั่งด้วยนะ ขอสั่งงานแป๊บหนึ่ง “หลิว..โอเค จากนั้นลัคนาก็เปิดโทรศัพท์ดูข้อความจากญาติผู้พี่ที่ส่งมาให้เธอช่วยคิดเรื่องงานแต่งงานของลูกค้าคู่ใหม่ที่ให้จัดงานแต่งงานให้และเรื่องมากอยากได้โน่นนี่นั่นและยังต้องการดอกไม้จากต่างประเทศและงบอั้นเพราะเป็นทายาทมหาเศรษฐีเขาแต่งงานกัน “นี่แป้ง ยัยนั่นมองเธอแล้วเมินด้วยนะ” รัชนีกรพูดแล้วเหยียดริมฝีปาก “อย่าไปสนใจเลยเธอ ยัยนั่นไม่ได้อยู่ในสังคมเดียวกับพวกเราหรอก” “จริงเหรอเธอ แต่การแต่งตัวเหมือนเป็นลูกคุณหนูเลยนะ” มาลิษามองลัคนาที่แต่งตัวดูดีและยังสวยน่ารักขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังเห็นความสวยและความน่ารักของอีกฝ่ายเลย “ลูกคุณหนูที่ไหนล่ะ ก็แค่ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านและแม่เป็นพยาบาลเท่านั้นแหละ” เพราะอย่างนี้ไงเธอถึงเลิกกับอคินแม้เขาจะหล่อแต่ฐานะไม่ร่ำรวยเท่าบ้านเธอจึงคบเล่นๆก่อนจะเลิกคบแล้วเธอไปคบกับลูกชายนักธุรกิจทำให้อคินอกหักเป๋ไปพักใหญ่แม้ตอนนี้จะมีธุรกิจของตัวเองแต่ก็แค่ร้านขายมอเตอร์ไซค์เล็กจะขายได้วันละกี่คันเชียว “งั้นก็ดีแล้วที่ไม่มาทักเธอ” จากนั้นสามสาวก็เลิกให้ความสนใจลัคนาแม้เจ้าของร้านจะมานั่งคุยด้วยแล้วพวกเธอก็ไปเที่ยวกันต่อแล้วตอนเย็นจะล่องเรือสำราญรับประทานอาหาร เวลา 11.00น. “หลิวกลับก่อนนะแก เดี๋ยวต้องไปซื้อของให้คุณป้าอีก” “แกมาแค่แป๊บเดียวเองนะหลิว น้ำยังไม่หายคิดถึงแกเลยอ่ะ” “หลิวก็กลับบ้านบ่อยๆนี่นา เอาไว้คราวหน้าจะอยู่หลายวันเลยตอนนี้ที่บริษัทงานเยอะและคนไม่พอจะต้องไปช่วยทีมอื่นด้วยก็เลยลาหยุดยาวไม่ได้น่ะ” “แกไม่คิดจะกลับมอยู่บ้านเหรอหลิว” “ก็อยากกลับนะแก แต่ว่าไม่รู้จะทำอะไรน่ะสิ” “ทำรีสอร์ทสิแก พ่อผู้ใหญ่มีที่ดินเยอะแยะแกก็เลือกเอาริมแม่น้ำโขงสักแปลงสิรับรองไปได้สวย” สายชลอยากให้เพื่อนกลับมาอยู่บ้านจะได้เจอกันบ่อยๆและฐานะทางบ้านของลัคนาก็มีเงินหรือเรียกว่าเศรษฐีบ้านนอกถึงแม้พ่อจะเป็นผู้ใหญ่บ้านแต่ท่านก็จบปริญญาจากกรุงเทพแล้วกลับมาพัฒนาแผ่นดินบ้านเกิดจนเป็นเรือกนาไร่สวนเกษตรพอเพียงและยังช่วยเหลือชาวบ้านจนได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้านอย่างไร้คู่แข่งและเหลืออีกหนึ่งปีก็จะเกษียณแล้ว “มันต้องใช้เงินเยอะนะแก แต่ก็น่าสนใจแก หลิวไปนะ” ลัคนาพูดกับเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นแล้วโบกมือให้เพื่อนก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากร้านและเธอตั้งใจจะไปไหว้องค์พญาศรีสัตตนาคราชก่อนแล้วจะไปซื้อของให้ป้าสะใภ้ที่ให้เธอดูผ้าไหมไปให้ท่าน ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช ผู้คนมากราบไหว้สักการะองพญาศรีสัตตนาคราชกันตลอดทั้งวันทั้งชาวนครพนมและจังหวัดใกล้เคียงที่เคารพนับถือและยังมีนักท่องเที่วมากมาที่มาเที่ยวนครพนมก็ต้องมากราบไหว้สักการะรวถึงสองหนุ่มหล่อที่ลงจากเครื่องบินก็เรียกรถรับจ้างมาที่นี่ก่อนจะไปพักที่โรงแรม “คนเยอะเหมือนกันนะ” เสียงห้าวพูดกับเพื่อนและสะพายเป้ใบใหญ่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป “สาวๆก็เยอะด้วยนะ” อีกหนุ่มก็มองแต่สาวๆ “มึงนี่ต้องมีเมียทุกจังหวัดที่ไปหรือไงไอ้หมอ” ไอ้หมอหรือหมอทอย อนุเดชนายทหารหนุ่มหล่อทายาทโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ตาเป็นผู้ก่อตั้งและแม่ของเขาก็เป็นหมอและเป็นนักธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พี่ชายบริหารอยู่ ส่วนโรงพยาบาลมีลุงกับลูกชายของท่านเป็นผู้บริหารเขาก็เป็นกรรมการบริหารของโรงพยาบาลและเป็นหมอทหารเรือและประจำอยู่โรงพยาบาลทหารเรือสัตหีบ “ถ้าได้ก็ดีสิวะ หึหึๆๆ..” “มึงได้ตายคาอกผู้หญิงก่อนจะครบทุกจังหวัดแน่” “เฮ้ย นั่นไง แม่ของลูกกู แม่งสวยอ่ะไอ้น่าน” หมอหนุ่มคาสโนว่ามองสาวสวยที่กำลังไหว้องค์พญาศรีสัตตนาคราชท่ามกลางแสงแดดจ้าและดูท่าเธอจะไม่กลัวผิวเสียด้วยสิ “ตามสบายเถอะว่ะ” ไอ้น่านหรือน่านฟ้า ฉัตรเฉลิม หรือน่านฟ้า ขัตติญาภรณ์ วัย32ปี นายทหารเรือหนุ่มหล่อแม่รวย พ่อเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่เกษียณไปแล้วแต่ก็ยังมีพรรคพวกพี่น้องอยู่ในวงการทหารตำรวจและข้าราชการระดับสูงที่เคารพนับถือมากมาย แม่เธอนักธุรกิจและตอนนี้พี่ชายเป็นคนดูแลบริหารและเขาก็ช่วยอยู่เบื้องหลังทำธุรกิจที่บ้านควบคู่กับงานราชการแต่ไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวของเขา และเขาเป็นทหารก็มีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายอดีตผู้บัญชาการทหารเรือเพราะเขาใช้นามสกุลเก่าของยาย “เอ่อ สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมขอรบกวนช่วยถ่ายรูปให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ” คุณหมอหนุ่มหล่อยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่สาวสวยและทำความรู้จักแบบเนียนๆ “ได้ค่ะ จะถ่ายมุมไหนดีคะ” ลัคนายิ้มให้หนุ่มหล่อล่ำราวกับหนุ่มเกาหลีขาวใสแต่ไม่ตี๋ตรงหน้าแล้วรับกล้องถ่ายรูปมาจากเขาและรู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้อ่อยเธอ “ตรงนี้ก็ได้ครับ” คุณหมอหนุ่มหล่อถอดแว่นตากันแดดออกแล้วยิ้มให้ตากล้องจำเป็นถ่ายรูปให้ ลัคนามองคนหล่อในเลนแล้วหามุมให้เขาก่อนจะนับให้เขาเตรียมตัวแล้วกดถ่ายรูปให้เขาสามรูปเผื่อเลือกเพราะเธอไม่ใช่มืออาชีพแต่ก็พอถ่ายรูปเป็นเพราะงานของเธอบางครั้งก็เป็นช่างภาพจำเป็นให้ทีมงานและทุกคนดันบอกว่าเธอถ่ายรูปสวย “ขอบคุณมากครับ แล้วคุณ.. อ้อ ผมทอยครับพอดีมาเทียวที่นี่กับเพื่อนครับ” อนุเดชแนะนำตัวเองกับสาวสวย “ฉันหลิวค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเป็นคนนครพนมค่ะ” “ยินดีที่ได้รู้จักคุณหลิวเช่นกันครับ ไม่น่าเชื่อว่าคุณหลิวจะเป็นคนที่นี่เลยครับ” “ทำไมคะ” “ก็เหมือนคนกรุงเทพมากกว่าครับ ตอนแรกผมคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันเสียอีก” “ฉันไปเรียนและตอนนี้ทำงานที่กรุงเทพพอดีมาเยี่ยมพ่อแม่ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD