“งั้นเราขอดูได้มั้ยครับผู้กอง”
“ผมจะคุยกับคุณน้ำเองครับ”
“ตอนนี้ลูกค้าเยอะเดี๋ยวตอนเย็นเราจะมาอีกครั้งละกัน”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะเกริ่นกับคุณน้ำไว้ก่อนครับ”
มงคลพูดเป็นการเป็นงาน
“งั้นไปกันเถอะ”
พลอทิปวางแบงค์ห้าร้อยลงบนโต้ะแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านกาแฟพร้อมกับลูกน้องแล้วสวนทางกับสาวสวยสุดเซ็กซี่สามคนเดินเข้ามาในร้านกาแฟจึงหันไปมองเพราะหนึ่งในนั้นคือลูกสาวของเสี่ยคนดังมีอิทธิพลในเมืองนครพนมและเป็นเจ้าของท่าเรือสำราญล่องแม่น้ำโขงและเรือข้ามฟากไปฝั่งลาว
ก่อนจะพยักหน้าให้ลูกน้องแล้วเดินไปขึ้นรถกระบะโฟวิลสีดำสี่ประตูโดยจ่าหนุ่ยเป็นคนขับ
“คุณลูกค้าจะรับอะไรดีคะ”
พนักงานสาวถามลูกค้าคนสวยทั้งสาม
“ฉันเอาคาปูชิโนเย็นแล้วเธอสองคนจะดื่มอะไรดีล่ะ”
ปรีณาถามเพื่อนทั้งสองที่มาจากกรุงเทพ
“ฉันเอาน้ำส้มคั้นสด”
“ของฉันเอาชาเขียวปั่น เค้กก็น่ากินนะเธอ”
“เค้กของร้านเรามีแคลอลี่ต่ำเหมาะสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักและทานได้ทุกเพศทุกวัยค่ะ”
“งั้นเอาอันนี้ อันนี้และอันนี้ละกัน”
ปรีณาสั่งเค้กมาให้เพื่อนชิมเพราะเธอรู้ว่าร้านนี้ดังสุดในย่านนี้และนักท่องเที่ยวก็ชอบมาถ่ายรูปและปักหมุดที่นี่เพราะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงชัดเจนยิ่งตอนเย็นร้านอาหารริมแม่น้ำโขงฝั่งลาวเปิดไฟสว่างก็ส่องประกายระยิบระยับสวยงามแม้จะเป็นร้านของเพื่นร่วมโรงเรียนแต่เธอไม่ได้สนิทกับสายชล
“ตกแต่งร้านสวยมีคลาสดีนะแป้ง”
รัชนีกรมองไปรอบๆร้านแล้วชมคนออกแบบที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ชอบถ่ายรูป
“ก็เจ้าของร้านไปเรียนที่กรุงเทพนี่
ก็คงได้ไอเดียมาแหละฉันว่าจะให้พี่ชายทำแบบนี้ที่ท่าเรือน่ะ”
เธอกำลังคิดว่าที่ท่าเรือน่าจะเปิดคาเฟ่เพราะติดริมแม่น้ำโขงติดกับท่าเรือเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและร้านของสายชลก็ทำให้เธอสนใจและอยากทำแบบนี้
เดี๋ยวจะต้องบอกพ่อกับพี่ชายให้ทำบ้าง
“แล้วเธอจะทำแบบนี้มั้ยล่ะ”
“พวกเธอก็รู้ว่าตอนนี้ธุรกิจคาเฟ่ต้องมีจุดขายฉันไม่อยากทำซ้ำใคร”
แต่เธอยังคิดไม่ออกและร้านของสายชลมีจุดเด่นและจุดขายที่ทำให้ลูกค้ามาเช็คอินและปักหมุดได้
เธอก็ต้องทำได้เหมือนกัน
“แต่ร้านแบบนี้มันขายได้นะแป้ง”
มาลิษาบอกเพื่อนเพราะยุคนี้จะเปิดคาเฟ่ก็ต้องสร้างจุดขายมีที่ให้นั่งเล่นถ่ายรูปและทุกคนที่มาก็ต้องซื้อเครื่องดื่มหนึ่งแก้วหรือขนมเค้ก
คุ๊กกี้และน้ำผลไม้คั้นสดที่วางขายในตู้เย็นหนึ่งอย่างไม่งั้นจะเสียค่าเข้ามาถ่ายรูปหนึ่งร้อยบาท
“ฉันรู้น่า มันจะไปยากอะไรล่ะก็ให้สถาปนิกออกแบบให้ไง
เอ้ะ นั่นมันยัยหลิวนี่”
ปรีณาเห็นลัคนาเดินเข้ามาในร้านคนเดียวและที่เธอรู้จักก็เพราะว่าเคยคบหากับอคินพี่ชายของลัคนาตอนเรียนมัธยมอยู่พักใหญ่ก่อนจะเลิกกันเพราะลูกชายของท่านผู้ว่าที่ย้ายมาใหม่มาจีบเธอและคบหากันจนเรียนจบมัธยมปีที่หกและไปเรียนต่อเมืองนอกก่อนจะเลิกกันเพราะต่างไปมีสังคมใหม่และเธอก็คบหากับลูกหลานคนดังหรือที่เรียกว่าไฮโซจึงไม่ได้เจอกันหลายปี
“ใครอ่ะแป้ง”
“คนรู้จักน่ะ แต่นานมาแล้วไม่ได้เจอกัน”
“สวยนะเธอ”
“ก็งั้นๆแหละ”
ปรีณามองลัคนาแล้วแบะปากใส่เพราะตอนที่เธอเลิกกับอคิน
น้องสาวของเขามาว่าเธอถึงห้องเรียนทำให้เธอไม่พอใจจึงทะเลาะกันเสียงดังดีที่ครูมาแยกก่อนไม่งั้นคงได้ลงมือกัน
ส่วนคนที่ถูกพูดถึงก็ไปทักทายเพื่อนและสั่งเครื่องดื่มก่อนจะเดินมานั่งโต้ะที่ว่างแล้วเห็นอดีตแฟนของพี่ชายก็ไม่ได้สนใจจะทักทายจึงคุยไลน์กับเพื่อน
หลิว..แกไม่บอกว่ายัยพี่แป้งอยู่ร้านแก
น้ำ..อ้อ โทษทีคนสวย น้ำลืมไปเลยอ่ะ
หลิว..ไม่เป็นไร
น้ำ..งั้นแกไปนั่งชั้นบนมั้ยล่ะ
หลิว..ไม่เป็นไร นั่งตรงนี้ก็ได้
น้ำ..เดี๋ยวน้ำไปนั่งด้วยนะ ขอสั่งงานแป๊บหนึ่ง
“หลิว..โอเค
จากนั้นลัคนาก็เปิดโทรศัพท์ดูข้อความจากญาติผู้พี่ที่ส่งมาให้เธอช่วยคิดเรื่องงานแต่งงานของลูกค้าคู่ใหม่ที่ให้จัดงานแต่งงานให้และเรื่องมากอยากได้โน่นนี่นั่นและยังต้องการดอกไม้จากต่างประเทศและงบอั้นเพราะเป็นทายาทมหาเศรษฐีเขาแต่งงานกัน
“นี่แป้ง ยัยนั่นมองเธอแล้วเมินด้วยนะ”
รัชนีกรพูดแล้วเหยียดริมฝีปาก
“อย่าไปสนใจเลยเธอ
ยัยนั่นไม่ได้อยู่ในสังคมเดียวกับพวกเราหรอก”
“จริงเหรอเธอ แต่การแต่งตัวเหมือนเป็นลูกคุณหนูเลยนะ”
มาลิษามองลัคนาที่แต่งตัวดูดีและยังสวยน่ารักขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังเห็นความสวยและความน่ารักของอีกฝ่ายเลย
“ลูกคุณหนูที่ไหนล่ะ
ก็แค่ลูกสาวผู้ใหญ่บ้านและแม่เป็นพยาบาลเท่านั้นแหละ”
เพราะอย่างนี้ไงเธอถึงเลิกกับอคินแม้เขาจะหล่อแต่ฐานะไม่ร่ำรวยเท่าบ้านเธอจึงคบเล่นๆก่อนจะเลิกคบแล้วเธอไปคบกับลูกชายนักธุรกิจทำให้อคินอกหักเป๋ไปพักใหญ่แม้ตอนนี้จะมีธุรกิจของตัวเองแต่ก็แค่ร้านขายมอเตอร์ไซค์เล็กจะขายได้วันละกี่คันเชียว
“งั้นก็ดีแล้วที่ไม่มาทักเธอ”
จากนั้นสามสาวก็เลิกให้ความสนใจลัคนาแม้เจ้าของร้านจะมานั่งคุยด้วยแล้วพวกเธอก็ไปเที่ยวกันต่อแล้วตอนเย็นจะล่องเรือสำราญรับประทานอาหาร
เวลา 11.00น.
“หลิวกลับก่อนนะแก เดี๋ยวต้องไปซื้อของให้คุณป้าอีก”
“แกมาแค่แป๊บเดียวเองนะหลิว
น้ำยังไม่หายคิดถึงแกเลยอ่ะ”
“หลิวก็กลับบ้านบ่อยๆนี่นา
เอาไว้คราวหน้าจะอยู่หลายวันเลยตอนนี้ที่บริษัทงานเยอะและคนไม่พอจะต้องไปช่วยทีมอื่นด้วยก็เลยลาหยุดยาวไม่ได้น่ะ”
“แกไม่คิดจะกลับมอยู่บ้านเหรอหลิว”
“ก็อยากกลับนะแก แต่ว่าไม่รู้จะทำอะไรน่ะสิ”
“ทำรีสอร์ทสิแก
พ่อผู้ใหญ่มีที่ดินเยอะแยะแกก็เลือกเอาริมแม่น้ำโขงสักแปลงสิรับรองไปได้สวย”
สายชลอยากให้เพื่อนกลับมาอยู่บ้านจะได้เจอกันบ่อยๆและฐานะทางบ้านของลัคนาก็มีเงินหรือเรียกว่าเศรษฐีบ้านนอกถึงแม้พ่อจะเป็นผู้ใหญ่บ้านแต่ท่านก็จบปริญญาจากกรุงเทพแล้วกลับมาพัฒนาแผ่นดินบ้านเกิดจนเป็นเรือกนาไร่สวนเกษตรพอเพียงและยังช่วยเหลือชาวบ้านจนได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้านอย่างไร้คู่แข่งและเหลืออีกหนึ่งปีก็จะเกษียณแล้ว
“มันต้องใช้เงินเยอะนะแก แต่ก็น่าสนใจแก หลิวไปนะ”
ลัคนาพูดกับเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นแล้วโบกมือให้เพื่อนก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากร้านและเธอตั้งใจจะไปไหว้องค์พญาศรีสัตตนาคราชก่อนแล้วจะไปซื้อของให้ป้าสะใภ้ที่ให้เธอดูผ้าไหมไปให้ท่าน
ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช
ผู้คนมากราบไหว้สักการะองพญาศรีสัตตนาคราชกันตลอดทั้งวันทั้งชาวนครพนมและจังหวัดใกล้เคียงที่เคารพนับถือและยังมีนักท่องเที่วมากมาที่มาเที่ยวนครพนมก็ต้องมากราบไหว้สักการะรวถึงสองหนุ่มหล่อที่ลงจากเครื่องบินก็เรียกรถรับจ้างมาที่นี่ก่อนจะไปพักที่โรงแรม
“คนเยอะเหมือนกันนะ”
เสียงห้าวพูดกับเพื่อนและสะพายเป้ใบใหญ่เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป
“สาวๆก็เยอะด้วยนะ” อีกหนุ่มก็มองแต่สาวๆ
“มึงนี่ต้องมีเมียทุกจังหวัดที่ไปหรือไงไอ้หมอ”
ไอ้หมอหรือหมอทอย
อนุเดชนายทหารหนุ่มหล่อทายาทโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ตาเป็นผู้ก่อตั้งและแม่ของเขาก็เป็นหมอและเป็นนักธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พี่ชายบริหารอยู่
ส่วนโรงพยาบาลมีลุงกับลูกชายของท่านเป็นผู้บริหารเขาก็เป็นกรรมการบริหารของโรงพยาบาลและเป็นหมอทหารเรือและประจำอยู่โรงพยาบาลทหารเรือสัตหีบ
“ถ้าได้ก็ดีสิวะ หึหึๆๆ..”
“มึงได้ตายคาอกผู้หญิงก่อนจะครบทุกจังหวัดแน่”
“เฮ้ย นั่นไง แม่ของลูกกู แม่งสวยอ่ะไอ้น่าน”
หมอหนุ่มคาสโนว่ามองสาวสวยที่กำลังไหว้องค์พญาศรีสัตตนาคราชท่ามกลางแสงแดดจ้าและดูท่าเธอจะไม่กลัวผิวเสียด้วยสิ
“ตามสบายเถอะว่ะ” ไอ้น่านหรือน่านฟ้า ฉัตรเฉลิม
หรือน่านฟ้า ขัตติญาภรณ์ วัย32ปี นายทหารเรือหนุ่มหล่อแม่รวย
พ่อเป็นอดีตผู้บัญชาการทหารเรือที่เกษียณไปแล้วแต่ก็ยังมีพรรคพวกพี่น้องอยู่ในวงการทหารตำรวจและข้าราชการระดับสูงที่เคารพนับถือมากมาย
แม่เธอนักธุรกิจและตอนนี้พี่ชายเป็นคนดูแลบริหารและเขาก็ช่วยอยู่เบื้องหลังทำธุรกิจที่บ้านควบคู่กับงานราชการแต่ไม่มีใครรู้นอกจากครอบครัวของเขา
และเขาเป็นทหารก็มีแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายอดีตผู้บัญชาการทหารเรือเพราะเขาใช้นามสกุลเก่าของยาย
“เอ่อ สวัสดีครับคุณผู้หญิง
ผมขอรบกวนช่วยถ่ายรูปให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
คุณหมอหนุ่มหล่อยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่สาวสวยและทำความรู้จักแบบเนียนๆ
“ได้ค่ะ จะถ่ายมุมไหนดีคะ”
ลัคนายิ้มให้หนุ่มหล่อล่ำราวกับหนุ่มเกาหลีขาวใสแต่ไม่ตี๋ตรงหน้าแล้วรับกล้องถ่ายรูปมาจากเขาและรู้ว่าหนุ่มหล่อคนนี้อ่อยเธอ
“ตรงนี้ก็ได้ครับ”
คุณหมอหนุ่มหล่อถอดแว่นตากันแดดออกแล้วยิ้มให้ตากล้องจำเป็นถ่ายรูปให้
ลัคนามองคนหล่อในเลนแล้วหามุมให้เขาก่อนจะนับให้เขาเตรียมตัวแล้วกดถ่ายรูปให้เขาสามรูปเผื่อเลือกเพราะเธอไม่ใช่มืออาชีพแต่ก็พอถ่ายรูปเป็นเพราะงานของเธอบางครั้งก็เป็นช่างภาพจำเป็นให้ทีมงานและทุกคนดันบอกว่าเธอถ่ายรูปสวย
“ขอบคุณมากครับ แล้วคุณ.. อ้อ
ผมทอยครับพอดีมาเทียวที่นี่กับเพื่อนครับ” อนุเดชแนะนำตัวเองกับสาวสวย
“ฉันหลิวค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเป็นคนนครพนมค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณหลิวเช่นกันครับ
ไม่น่าเชื่อว่าคุณหลิวจะเป็นคนที่นี่เลยครับ”
“ทำไมคะ”
“ก็เหมือนคนกรุงเทพมากกว่าครับ
ตอนแรกผมคิดว่าเป็นนักท่องเที่ยวเหมือนกันเสียอีก”
“ฉันไปเรียนและตอนนี้ทำงานที่กรุงเทพพอดีมาเยี่ยมพ่อแม่ค่ะ”