“จริงเหรอครับ ผมเป็นคนกรุงเทพครับ ไหนๆก็รู้จักกันแล้วเรามาแลกไลน์กันดีมั้ยเผื่อเราจะได้นัดเจอกันทานข้างด้วยกันครับ”
“มุกจีบสาวหรือเปล่าคะ”
“ไม่ๆครับ
งั้นนี่นามบัตรของผมหากคุณหลิวมีอะไรให้ผมรับใช้ก็โทรหาได้ตลอดนะครับ”
หมอทอยล้วงกระเป๋ามาเปิดออกแล้วหยิบนามบัตรของตัวเองออกมาให้สาวสวยที่เขาชอบ
“นาวาโทนายแพทย์อนุเดช คชสารศิริสม..”
ลัคนาอ่านนามบัตรและมองหน้าหนุ่มหล่อที่บอกว่าเป็นหมออย่างไม่อยากเชื่อว่าหมอจะหล่อขนาดนี้แล้วโรงพยาบาลจะไม่แตกหรือยังไงและนามสกุลของเขาเหมือนกับของเจ้านายสาวอีกด้วย
“เอ่อ ขอโทษนะคะคุณทอยเป็นอะไรกับคุณไลลา
เจ้าของไลลาเวดดิ้งแพลนเนอร์คะ”
“คุณรูจักพี่ไลลาด้วยเหรอครับ”
“คือว่าฉันทำงานที่บริษัทไลลาเวดดิ้งแพลนเนอร์ของคุณไลลาค่ะ”
“โอ้ จริงเหรอครับ
จุดไต้ตำตอเลยนะเนี่ยพี่ไลลาเป็นพี่สะใภ้ของผมเองแล้วคุณหลิวทำงานอยู่ฝ่ายไหนครับ”
เขารู้ว่าบริษัทของพี่สะใภ้ทำหลายอย่างเป็นทั้งเอจนซี่
รับจัดงานอีเว้นท์งานเลี้ยงและงานแต่งงานรวมถึงออกแบบตัดเย็บชุดแต่งงานครบวงจร
“ฉันอยู่ฝ่ายจัดเลี้ยงค่ะ”
“งั้นเราได้เจอกันที่กรุงเทพแน่นอนครับ”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวครับ คุณหลิวจะกลับกรุงเทพเมื่อไหร่ครับ”
“พรุ่งนี้ค่ะ
ฉันลาหยุดมาสี่วันแต่เพิ่งมาถึงได้สองวันผู้จัดการก็โทรมาตามตัวไปช่วยงานค่ะ”
“มีอย่างนี้ด้วยเหรอครับ”
“ก็ถ้างานมีปัญหาเราก็ต้องช่วยกันค่ะ
ฉันต้องขอตัวก่อนค่ะ”
“งั้นเอาไว้เจอกันที่กรุงเทพนะครับ
ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ”
“ชอบคุณค่ะ ขอให้คุณทอย ไม่ใช่สิ
ต้องคุณหมอทอยเที่ยวให้สนุกนะคะ”
“เรียกหมอทอยก็พอครับ”
“ค่ะ หมอทอย” ลัคนายิ้มให้หมอทอยก่อนจะเดินจากไป
คุณหมอหนุ่มหล่อมองตามหลังสาวสวยแล้วยิ้มก่อนจะเดินไปหาเพื่อนที่ยืนมองเขาคุยกับลัคนาและเขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะทำงานในบริษัทของพี่สะใภ้
“เป็นไงล่ะ ตกหญิงได้อีกแล้วสิ”
“ไม่ใช่ตกได้
แค่รู้จักกันและคุณหลิวเธอทำงานกับพี่ไลลาน่ะ”
เขาไม่เห็นว่าลัคนาจะมีท่าทีสนใจเขาแม้จะรู้ว่าเขาเป็นน้องชายสามีของไลลาที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับในเมืองไทย
“จริงเหรอ”
เขาก็เห็นว่าสาวสวยที่เพื่อนหมายตานั้นสวยจริงเพราะสาวๆส่วนน้อยที่เวลาออกจากบ้านจะไม่แต่งหน้า
แต่ผู้หญิงคนนี้เห็นไกลๆยังรู้ว่าเธอสวยธรรมชาติและท่าทางการคุยของเธอไม่ได้มีท่าทีสนใจเพื่อนของเขา
“แล้วเธอสนใจมึงงั้นสิ”
“เปล่า เธอดูเฉยๆและยังรู้ทันกูอีกด้วยนะ”
“ก็แหงล่ะ มึงเล่นใช้มุกเดิมๆจีบสาวนี่”
“อ่อเหรอ
งั้นไอ้คนมีมุกใหม่ลองจีบสาวให้กูดูเป็นบุญตาหน่อนสิวะ”
“เลิกเล่นได้แล้ว ไปโรงแรมกันดีกว่า”
“อุ้ยต้าย มึงชวนกูเข้าโรงแรมอีกแล้ว”
คุณหมอหนุ่มหล่อทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อน
“กูจะตึ้บมึงให้น่ะสิ
เร็วเข้าอย่ามัวแต่เล่นอยู่เดี๋ยวดาวมึงจะหลุดจากบ่าโดยไม่รู้ตัว”
น่านฟ้าว่าเพื่อนที่ทำตัวไม่เหมือนกับเป็นหมอ
แต่เวลามันทำงานก็จริงจังมีความรับผิดชอบงานโดยไม่มีขาดตกบกพร่อง
สองหนุ่มหล่อเดินไปทางโรงแรมขนาดกลางที่อยู่ริมแม่น้ำโขงเพื่อพักผ่อนและติดต่อเพื่อนที่ทำงานที่นี่และคืนนี้นัดประชุมกันที่สถานีเรือของหน่วยที่เพื่อประจำอยู่
บ้านผู้ใหญ่ระพิน
เป็นบ้านปูนสองชั้นบนพื้นที่สองไร่มีต้นไม้น้อยใหญ่ล้อมรอบบ้านเป็นแนวรั้วและมีสำนักงานผู้ใหญ่บ้านอีกหนึ่งหลังและมีบ้านเรือนของญาติๆและเพื่อนบ้านที่เว้นระยะห่างแต่ละหลังประมานสามร้อยเมตรถึงห้าร้อยเมตรเพราะเป็นหมู่บ้านในชนบทแต่บางหลังก็อยู่ติดกันแล้วแต่ที่ดินของใครจะมีมากน้อยและผู้ใหญ่ระพินก็มีที่ดินมรดกของพ่อแม่ยกให้มาเป็นทุนก็เกือบร้อยไร่และเขากับภรรยาซื้อเพิ่มขึ้นอีกจนตอนนี้มีที่ดินผืนเดียวกันกว่าสามร้อยไร่กินพื้นที่หลังบ้านของเขายาวไปจนสุดแนวแม่น้ำโขงเรียกได้ว่าเป็นที่ดินทำเลทองราคาดีและตอนนี้เขาก็ปล่อยให้ชาวบ้านเช่าทำนาจ่ายค่าเช่าเป็นข้าวเปลือกและยังมีสวนผลไม้กว่าร้อยไร่ที่เขาลองปลูกทุเรียนและมันได้ผลผลิตที่น่าพอใจ
“ยัยหลิวยังไม่กลับมาอีกเหรอแม่”
ผู้ใหญ่ระพินถามภรรยาเมื่อกลับมาจากในสวนข้างบ้านถามหาลูกสาวที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่ช่วงสาย
“เดี๋ยวก็คงมามั้งพ่อ แล้วได้อะไรมาล่ะนั่น”
“ก็มีหน่อไม้กับผักนิดหน่อยน่ะแม่
จะเอาไปฝากบ้านพี่ต้อยกับบ้านของรินน่ะ”
หากลูกสาวกลับมาบ้านผู้ใหญ่ระพินก็จะฝากของไปให้พี่น้องของภรรยาที่กรุงเทพเสมอและถ้าลูกสาวขับรถมาเองหรือว่ามีญาติคนไหนขับรถส่วนตัวมาเขาก็จะสีข้าวฝากไปให้ทุกคน
“ลูกจะขนกลับกรุงเทพไหวมั้ยล่ะพ่อ ไม่ได้เอารถมาด้วยสิ”
“งั้นก็ฝากขนส่งไปก็ได้แม่”
“ก็ดีเหมือนกันพรุ่งนี้ให้คนขับรถบ้านพี่ต้อยไปเอา”
คุณพิสมรพูดกับสามีเพราะฝากส่งไปกับรถทัวร์บ่อยๆ
จากนั้นสองสามีภรรยาก็ช่วยกันแพ็คของลงกล่องเพื่อเอาไปฝากกับรถทัวร์ไปกรุงเทพพอเสร็จแล้วก็เข้าไปในเมืองที่อยู่ห่างไปประมาณสิบกิโลเมตร
หลังจากที่ลัคนาขอตัวกลับเธอก็ไปชื้อของให้ป้าสะใภ้ก็กลับบ้านและไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ได้เจอกับหมอทอยและเธอคิดว่าคนระดับเขาไม่ได้สนใจเธอจริงจังก็แค่หว่านเสน่ห์ใส่หยอกเล่นๆเท่านั้น
เมื่อได้ของครบแล้วก็กลับบ้าน
“ชื้อของให้ป้าเสร็จแล้วเหรอลูก”
คุณพิสมรถามลูกสาวที่ลงจากรถคันเล็กของเธอที่ใช้ขับไปทำงานในเมืองที่ลูกสาวยืมไปใช้
“ค่ะแม่ แล้วพ่อล่ะคะ”
“ไปส่งของให้ลุงต้อยกับน้ารินในเมืองเดี๋ยวก็มาแล้วลูก
หลิวไปอาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วลงมากินข้าวนะลูก”
“ค่ะแม่”
ลัคนาหิ้วถุงกระดาษมีโลโก้ร้านของเพื่อนติดอยู่เพราะร้านผ้าไหมของวรรณิสามีชื่อเสียงในจังหวัดนครพนมขึ้นบนบ้านเพื่อเก็บลงกระเป๋าเพราะเธอนั่งเครื่องบินมาจึงซื้อของฝากได้ไม่เยอะ
และพ่อก็จัดการให้เธอทุกครั้งเรือ
ที่ท่าเรือริมฝั่งโขง
เวลา17.00 ท่าเรือสำราญล่องแม่น้ำโขงชื่อดังของเมืองนครพนมก็คึกคักคลาคล่ำไปด้วยนำท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาล่องเรือชมบรรยากาศยามเย็นสองฝั่งโขงซึ่งมีเรือสำราญทางอาหารมีดนตรีขับกล่อมบรรเลงสร้างบรรยากาศให้นักท่องเที่ยวดื่มกินสนุกชิลล์ๆล่องไปตามแม่น้ำโขงแล้วกลับมาจอดที่ท่าเรือจนถึงเที่ยงคืน
“บรรยากาศดีนะ”
อนุเดชขึ้นเรือแล้วเดินตามพนักงานไปนั่งโต้ะที่จองไว้แล้วมองไปรอบๆท่าเรือยามเย็นที่แดดล่มลมตกสายลมพัดโชยเย็นสบาย
“อือ..” น่านฟ้าเห็นด้วยกับเพื่อนว่าอากาศดีจริง
“หือ มีสาวสวยด้วยนะไอ้น่าน”
และคนตาดีก็เห็นสาวสวยหุ่นนางแบบสามคนเดินขึ้นมาบนเรือและพนักงานนอบน้อมกับพวกเธอมากด้วย
“ลูกสาวของเจ้าของท่าเรือและเรือสำราญริมโขงริเวอร์ไซด์”
“มึงรู้ได้ยังไง”
“มึงมาทำงานไม่มีข้อมูลเลยหรือไงวะ”
“ก็ไอ้นายมันบอกกะทันหันนี่หว่า
แล้วมีอะไรที่กูต้องรู้บ้างล่ะแต่คงจะเกี่ยวกับลูกสาวเจ้าของท่าเรือด้วยใช่มั้ย”
“ถ้าต้องการข้อมูลก็ต้องเกี่ยว”
“มึงหรือกู..”
“มึง..”
“โอเค เรื่องล้วงเรื่องควัก ข้อมูลกูถนัด หึหึๆๆ..”
“สั่งอาหารเถอะ เดี๋ยวค่อยอ่อยกได้”
เขารู้ดีว่าเพื่อนหน้าตาหล่อมีเสน่ห์คุยสนุกและผู้หญิงก็ชอบและทุกครั้งที่ไปดื่มมันก็จะอ่อยสาวๆเผื่อเพื่อนๆ
“มึงสั่งอาหารเผื่อกูเลย
เดี๋ยวกูไปสั่งเครื่องดื่มเอง”
อนุเดชยักคิ้วให้เพื่อนก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เครื่องดื่มและต้องผ่านโต้ะของสามสาวจึงยิ้มให้อย่างมีมารยาท
“จะรับเครื่องดื่มอะไรดีครับ”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มผมยาวถามลูกค้าสุดหล่อแล้วผลักเมนูไปให้เพราะลูกค้าส่วนมากจะสั่งเป็นแก้วแต่ก็มีไม่น้อยที่จะสั่งเครื่องดื่มเป็นขวด
“ขอแบบนี้หนึ่งขวดครับ”
อนุเดชจิ้มไวน์แดงขวดหนึ่งไม่ได้สนใจยี่ห้อเพราะเขาดื่มได้หมดจะไวน์ถูกหรือแพงยังไงมันก็เมาเหมือนกัน
“ขวดนี้หนึ่งหมื่นสองพันเก้าร้อยบาทนะครับ”
บาร์เทนเดอร์ถามนักท่องเที่ยวหนุ่มที่จิ้มไวน์โดยไม่ได้ดูราคาและเขาถามเพื่อความแน่ใจว่าตัวเองจะไม่ได้ชดใช้
“ครับ เปิดให้ผมแล้วเอาไปที่โต้ะด้วยครับ”
“ได้ครับ”
เมื่อสั่งเครื่องดื่มเสร็จแล้วอนุเดชก็นั่งอ้อยอิ่งอยู่หน้าบาร์และกำลังจะลุกขึ้นก็มีสาวสวยคนหนึ่งในกลุ่มสามสาวเดินมาหาเขาก่อน
“สวัสดีค่ะ เลือกเครื่องดื่มได้แล้วเหรอคะ”
รัชนีกรเห็นหนุ่มหล่อล่ำกล้ามใหญ่ดูดีไม่เหมือนหนุ่มบ้านๆเขามีสง่าราศีเป็นลูกคนรวยมากกว่า
“เอ่อ เลือกได้แล้วครับ สวัสดีครับคุณ..”
หนุ่มหล่อยิ้มหว่านเสน่ห์ให้สาวสวย
“กิ๊ฟค่ะ แล้วคุณ..”
“ทอยครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักคุณทอยค่ะ ว่าแต่คุณทอยมากับใครคะ”
เธอเห็นแล้วว่าเขานั่งกับเพื่อนสองคนและหล้อกินกันไม่ลงคนหนึ่งหล่อเข้มและคนตรงหน้าเธอหล่อสไตล์หนุ่มเกาหลี
“ผมมากับเพื่อนครับ แล้วคุณกิ๊ฟจะดื่มอะไรดีครับ”
“จะเลี้ยงเหรอคะ”
“แน่นอนครับ..”
“งั้นกิ๊ฟไม่เกรงใจนะคะ”
“เชิญครับ”
สาวสวยก็ดูเมนูไวน์ก่อนจะสั่งไวน์ขาวตามรสนิยมของเธอแก้วหนึ่งก็หลักพันแต่ยังถูกกว่าไวน์แดงที่อนุเดชสั่งขวดละสองหมื่นกว่า
“ขอบคุณนะคะที่เลี้ยงไวน์กิ๊ฟ”
“ด้วยความยินดีครับ คุณกิ๊ฟมาเที่ยวเหรอครับ”
อนุเดชชวนสาวสวยคุย
“กิ๊ฟมาเที่ยวกับเพื่อนค่ะ
คุณพ่อของเพื่อนของกิ๊ฟเป็นเจ้าของบริษัทริมโขง ริเวอร์ ไซด์ค่ะ”
“จริงเหรอครับ”
“ค่ะ แป้งนั่งอยู่ตรงนั้นค่ะ
คุณทอยไปนั่งด้วยกันมั้ยคะ”
เธอเห็นเพื่อนชอบผุ้ชายอีกคนจึงอาสามาทำความรู้จักกับหนุ่มหล่อสเปคของเธอ
“จะดีเหรอครับ ผมมากับเพื่อนด้วยสิ”
เขามานั่งอ่อยก็เพราะอยากรู้จักลูกสาวเจ้าของเรือสำราญที่มีอิทธิพลในเมืองนครพนมเผื่อจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม
“ดีสิคะ ชวนเพื่อุณทอยมานั่งดื่มด้วยกันนะคะ”
รัชนีกรถือโอกาสชวนหนุ่มหล่อไปดื่มด้วยกัน
“งั้นผมไปถามเพื่อนก่อนนะครับ”
“งั้นไปค่ะ”
รัชนีกรยิ้มหวานให้หนุ่มหล่อแล้วลุกขึ้นเดินตามไปที่โต้ะของเขาและต้องผ่านโต้ะที่เธอกับเพื่อนทั้งสองนั่ง
“เดี๋ยวฉันมานะ”
สาวสวยขยิบตาให้เพื่อนแล้วเดินตามหนุ่มหล่อไปชวนเพื่อนสุดหล่อของเขามาให้เพื่อน