ภาพของใครบางคนที่เธออยากจะลืมเลือนก็ปรากฎเด่นชัดอยู่ในสายตา ใบหน้าที่ตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกคืนยามฝันยังคงโดดเด่นเหนือใคร คิ้วเข้มเรียงตัวสวย ขนตาทั้งยาวทั้งงอนจนน่าอิจฉา ดวงตาลุ่มลึกดุจก้นบึ้งมหาสมุทร แผ่ออราความเย่อหยิ่งเย็นชาชวนให้ผู้คนหลงใหลและหวั่นเกรงในคราเดียวกัน ผู้ชายที่ทำให้เธอสุขล้นและเจ็บปวดเจียนตายไปพร้อมๆ กัน...ศิรธัช ปุญญภิวัฒน์
หัวใจของเธอกระตุกวูบแทบจะหยุดเต้น!
ก่อนที่ชั่วอึดใจต่อมามันจะเต้นระส่ำอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดในอดีตก็ถามโถมเข้าใส่ไม่ยั้งและไม่ทันตั้งตัว ดวงตาเบิกกว้างพร่ามัวฉาบไปด้วยหยาดน้ำตาที่เอ่อรื้นคลอเบ้า
จะสี่ปีแล้วที่เราไม่ได้พบกันเลย...
แล้วทำไมวันนี้ฟ้าถึงเล่นตลกให้เธอวนกลับมาพบเขาอีก?
มิทิราตัวแข็งทื่อ ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจรับกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เจออดีตสามีอีกในรูปแบบนี้ แถมเขายังมากับ...
เธอจับจ้องหนุ่มน้อยหน้าใสวัยสี่ขวบที่นั่งข้างๆ ศิรธัชตาไม่กะพริบ คนที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอทั้งดวง ในแววตาวูบไหว ใจสั่นสะท้าน ความคิดถึงโหยหาที่แสนยาวนานถูกบีบรัดแน่นจนเจ็บร้าวไปทั้งทรวงอก ดวงตาเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ ลูก...ลูกชายตัวน้อยกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ แกโตขึ้นมาก จากเด็กแบเบาะตอนนี้แกเดินได้แล้ว แถมหน้าตาก็ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน ทั้งคิ้วทั้งตาคมเข้มส่อแววเฉลียวฉลาด จมูกโด่งฉายแววหล่อตั้งแต่ยังเล็ก ปากบางช่างจำนรรจา ถ้าได้ยินแกเรียกเธอว่า ‘แม่’ สักครั้ง จะให้ความรู้สึกดีขนาดไหนกันนะ
“เอเธนส์ลูกแม่...”
มิทิราเรียกลูกชายเสียงแผ่วหวิวไม่พ้นลำคอ น้ำตาร่วงเผาะ หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก ในหูมีแต่เสียงวิ้งๆ ตื่นเต้นและตื้นตันจนมือไม้สั่นไปหมด อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูกเลยว่าเธอดีใจมากแค่ไหน รู้แต่ว่าเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต
ดวงตาที่ฉาบหยาดน้ำตาเปล่งประกายแวววาว มองลูกชายด้วยความรักลึกซึ้งสุดหัวใจ ถึงลูกน้อยจะไม่หันมามองเธอเลยสักแวบเดียว ไม่รู้ว่าเธอคือแม่แท้ๆ เธอเองก็ไม่หวังจะให้ลูกชายรับรู้ด้วย ขอเพียงได้เห็นว่าแกเติบโตขึ้นมาอย่างเป็นที่รักและมีความสุข ร่างกายอ้วนถ้วนแข็งแรง
แค่นี้เธอก็พอใจมากแล้ว...
มิทิราสูดลมหายใจแล้วหักใจหันหลังขวับ เมื่อความคิดถึงถั่งโถมเข้ามาจนเธอแทบจะยั้งใจไม่อยู่ อยากจะโผเข้ากอดลูกรักไว้แนบอก รู้ดีว่าทำแบบนั้นไม่ได้ อดีตสามีเธอคงไม่ยอมแน่ แถมลูกเธอจะคิดยังไงที่จู่ๆ ก็มีใครไม่รู้เข้ามากอดกัน แกอาจจะตกใจกลัวหรือรังเกียจเธอก็เป็นได้ เธอทนให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ สู้ยอมเจ็บเดินจากไปทั้งๆ ที่แสนปวดใจยังดีกว่าหวังอะไรลมๆ แล้งๆ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีวันเป็นจริง
หญิงสาวหลับตาหักห้ามใจสุดกำลัง กลั้นใจเดินกลับเข้าไปที่หลังร้าน แต่ถูกเสียงห้าวเข้มตรึงขาเอาไว้ก่อน
“หยุด!”
เธอได้ยินเต็มสองหู แต่ไม่ลังเลที่เดินต่อ ศิรธัชหรี่ตามองคนที่ตั้งท่าจะหนีกันราวกับกลัวความผิด จึงเอ่ยเสียงดังยิ่งกว่าเดิมว่า
“เมี่ยง! หยุดเดี๋ยวนี๋”
ผู้คนในร้านพากันชะงัก ไม่รู้ว่าแขกกิตติมศักดิ์ท่านนี้รู้จักกับผู้ช่วยสาวได้อย่างไร มิทิราเองก็หันกลับมาด้วยความประหลาดใจ ที่จู่ๆ ศิรธัชก็เรียกชื่อเธอออกมาอย่างสนิทคุ้นเคยกันเหมือนในวันวาน ในหัวผุดคำถามว่าเขาทำแบบนี้ทำไม มาที่นี่ทำไม เป็นแค่ความบังเอิญงั้นหรือ ต่อให้เจอกันก็แกล้งทำเมินกันไปสิ จะเรียกเธอไว้ทำไม เขาคงไม่ได้เกิดพิศวาสคิดถึงเธอหรอกนะ
หญิงสาวยิ้มเยาะตัวเอง...เพ้อเจ้อสิ้นดี!
มิทิราหลุบหลบสายตาคมที่จ้องลึกเข้ามาในดวงตาเธอ กลืนความเจ็บปวดยอมเดินเข้าไปแต่โดยดี เมื่อเจ้านายสาวเอ่ยเรียกเธอ
“เมี่ยงมาพอดี”
มิทิราฝืนยิ้มรับ แทบก้าวขาไม่ออกเพราะในใจอยากจะปฏิเสธเป็นล้านครั้ง แต่เธอเลือกไม่ได้ ยิ่งเลี่ยงไม่ได้ด้วย