มิทิราปวดร้าวไปทั้งโพรงอก รู้ว่าถ้าหากวันหนึ่งเธอบังเอิญได้พบหน้าลูกชายอีกครั้ง แกคงจะมองเธอเป็นแค่คนแปลกหน้า แต่ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าแกจะเกลียดเธอด้วย หัวอกคนเป็นแม่เจ็บปวดเจียนตายราวกับโดนใครเอามีดมาจ้วงแทงไม่ยั้ง เธอพยายามกล้ำกลืนความเสียใจลงไปลึกๆ แล้วเงยหน้าเอ่ยกับพ่อของลูกว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องขอโทษ เด็กๆ ก็แบบนี้แหละค่ะ แกคงจะหวงพ่อมาก”
“แต่แกทำตัวไม่น่ารักกับเธอ”
“ฉันไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน” เพราะที่เธอเจ็บไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นหัวใจช้ำๆ ดวงนี้ “ฉันไม่ได้ถือสา คุณก็อย่าดุคุณหนูอีกเลยนะคะ” เธอไม่กล้าพูดคำว่า ‘ลูก’ ออกจากปาก เพราะศิรธัชให้สถานะแก่เธอแล้วว่าเป็นได้แค่ ‘น้า’ ไม่ใช่ ‘แม่’ คนที่คู่ควรจะเป็นแม่ของลูกเขาคงจะเป็นชนัญชิดาคนเดียวเท่านั้น เมื่อครู่ลูกชายเธอก็ประกาศชัดแล้ว
ศิรธัชมองอดีตภรรยาอย่างชั่งใจ เห็นแววตาแน่วแน่บ่งบอกว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ เขาจึงพยักหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยว่า
“งั้นเราก็มาเริ่มวัดตัวกันเลย”
มิทิราขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ศิรธัชยังคิดจะทำอะไรอีก เขายังมีแก่ใจจะตัดสูทที่ร้านเธออีกอย่างนั้นหรือ ทั้งๆ ที่ลูกชายไม่ชอบเธอเนี่ยนะ เธอเกือบจะพลั้งปากบอกปัดเขาว่าให้ไปใช้บริการที่ร้านอื่น แต่มาดามแอลชิงผายมือเชิญเขาก่อน
“เชิญคุณศิรธัชที่ห้องวัดตัวเลยค่ะ”
มิทิราเลยได้แต่ถอนใจ แล้วเดินตามหลังเจ้านายกับแขกกิตติมศักดิ์ไป คนสำคัญระดับนี้แน่นอนว่ามาดามแอลจะต้องตัดสูทด้วยตัวเอง จึงใช้พนักงานทั่วไปมาวัดตัวเขาไม่ได้ ต้องเป็นเธอคนเดียวเท่านั้นที่หล่อนถึงจะวางใจ
หลังเจ้านายสาวออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เธอกับเขา มิทิราก็ตั้งสติโฟกัสอยู่แค่เรื่องงาน เธอมองอดีตสามีเป็นแค่หุ่น หยิบสายวัดมาวัดสัดส่วนเขาอย่างชำนาญ ศิรธัชให้ความร่วมมืออย่างดีเกินกว่าที่คาด เขายืนนิ่ง เธอเองก็ไม่พูดอะไร มุ่งทำหน้าที่ตัวเองให้เสร็จแล้วรีบออกไปจากห้องนี้ไวๆ
มิทิราวัดหลังกับบ่าเขาเสร็จก็เดินอ้อมมาวัดอกเขาด้านหน้า เธอพยายามหลุบตามองต่ำเข้าไว้ จะได้ไม่ต้องเผลอสบตากับเขา แต่ลมหายใจรุ่มร้อนที่เป่ารดลงกลางกระหม่อมทำให้ใจเธอเริ่มไม่นิ่ง เกิดความรู้สึกวูบวาบคันยุบยิบในหัวใจ เธอขยับตัวออกห่างเล็กน้อย แต่ความร้อนผ่าวกลับไม่จางลงเลย แถมยิ่งใกล้ชิดราวกับเขาก้มหน้าลงมาหาเธออย่างนั้น
หญิงสาวชะงักมือ รู้ดีว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร และจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด!
มิทิราเงยหน้า ตั้งใจจะบอกให้เขาขยับออกไปหน่อย แต่หน้าผากเธอชนกับปลายจมูกโด่งๆ เข้าอย่างจัง ใครไม่รู้มาเห็นเข้าคงคิดว่าเขากำลังจูบหน้าผากเธอ มิทิราตัวแข็งทื่อ กะพริบตามองคนที่เธอเคยหลงใหลได้ปลื้ม ความรู้สึกเก่าๆ พลันตีรวนปั่นป่วนจนแทบลืมไปเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ บรรยากาศรอบตัวระหว่างเราก็ดูคลุมเครือขึ้นมาทันตา
“คะ คุณ...!” เธอผลักเขาออก แต่ศิรธัชทาบกุมมือเธอแน่นแล้วกดตรึงไว้บนหน้าอกของเขา เลิกคิ้วถามทีเล่นทีจริงว่า
“หวั่นไหวเหรอ?”
มิทิราได้สติพลางนิ่วหน้าไม่ชอบใจ ผู้ชายคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ เขาทำเหมือนเธอเป็นของเล่น เลยคิดจะเล่นหรือทำตัวเจ้าชู้ยังไงกับเธอก็ได้ ทั้งที่หย่ากันมาตั้งสี่ปีแล้ว แต่เธอไม่หน้าด้านเหมือนเขา เธอไม่เคยลืมว่าเขากับคู่หมั้นทำอะไรกับเธอเอาไว้
“เอาเถอะ ฉันรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์ เธอจะหลงหัวปักหัวปำก็ไม่แปลก”
หญิงสาวกลอกตามองบนใส่คนหลงตัวเอง
“คุณพูดผิดคนแล้วค่ะ คนที่คุณควรจะพูดคำนี้ด้วยก็คือคุณชนัญชิดาคู่หมั้นของคุณ ฉันเห็นเธอทำอะไรตั้งหลายอย่างเพื่อให้ได้ตัวคุณ ส่วนฉันเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ คงไม่กล้าอาจเอื้อม” พูดพลางเพียรชักมือกลับ แต่คนแรงเยอะกว่าไม่ยอมปล่อย เขายิ้มใส่ตาเธอ พูดแบบหน้าตาเฉยว่า
“เธอพูดผิด ฉันยังไม่ได้หมั้น เพราะฉะนั้นชัญญ่าเป็นแค่ ‘ว่าที่’ คู่หมั้น”