บทนำ ยัยตัวร้ายกับนายบอดี้การ์ด
บทนำ ยัยตัวร้ายกับนายบอดี้การ์ด
“เข้าใจแล้ว ก็กำลังไปอยู่นี่ไง ถ้าพวกแกรีบนักทำไมไม่นัดฉันตั้งแต่เมื่อวานล่ะยะ อือ ๆ แค่นี้แหละ ใกล้ถึงแล้ว”
เสียงหวานเอ่ยอย่างหงุดหงิดพร้อมกดวางสายจากแก๊งเพื่อนสาวที่โทรมาจิกให้รีบตามไปที่นัดหมาย
‘มาริลิน’
หรือ
‘คุณหนูริลิน’ เจ้าของฉายา ‘เหวี่ยงตัวแม่’ ที่นอกจากจะอารมณ์ร้าย เอาแต่ใจแล้วยังขี้วีนเป็นที่สุด ใครขัดใจเป็นต้องเจอฤทธิ์นางมารเข้าทุกรายจนบิดาต้องกุมขมับให้กับความวุ่นวายที่หล่อนสร้างขึ้น
ใช่แล้วล่ะ…
หญิงสาวไม่ถนัดอะไรเลยสักอย่าง นอกจากการสร้างปัญหา หลายครั้งถูกมองว่าเรียกร้องความสนใจ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าลูกสาวนักธุรกิจใหญ่อย่าง ‘มนตรี’ ประธานบริหารเอ็มทีกรุ๊ป บริษัทรับเหมาก่อสร้างไปจนถึงขายวัสดุอุปกรณ์ทั้งหมดนั้นไม่ถูกกับแม่เลี้ยง เลยมักสร้างเรื่องให้บิดาสนใจบ่อย ๆ
“ลุงปั่นคะ ขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เพื่อนริลินโทรมาจิกใหญ่แล้วเนี่ย”
“ครับคุณหนู ลุงก็อยากจะไปให้เร็วกว่านี้ แต่ว่ารถมันติดมากจนขยับไปไหนไม่ได้เลย”
คนขับรถประจำของหล่อนตอบเสียงสั่น ไม่มีใครอยากให้มาริลินโกรธทั้งนั้น...เพราะเธอจะอาละวาดแบบไม่สนสี่สนแปด
เมื่อก่อนตอนมารดาเธอยังอยู่ หญิงสาวเป็นเด็กน่ารักอ่อนหวานมาก ๆ กระทั่งบิดาแต่งงานใหม่ หล่อนกลับเอาแต่ใจ สร้างปัญหาไม่เว้นวันตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้คนรอบข้างพากันส่ายหน้าระอา ต่างจากฝั่งแม่เลี้ยงที่แม้จะมีลูกติดเป็นผู้ชายมาด้วยหนึ่งคน แต่ก็เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน และเอาการเอางานจนเกิดการเปรียบเทียบขึ้นมา
เอี๊ยด!
มีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่มาจอดอยู่ข้าง ๆ ขณะรอติดไฟแดง ผู้ชายสองคนที่อยู่บนรถก็หันหน้ามาทางหญิงสาว ทีแรกเธอไม่ได้สนใจเตรียมหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อเข้าดูโซเชียลมีเดีย กระทั่งเสียงของลุงปั่นเรียกความสนใจจากหล่อนได้
“คุณหนูระวังครับ!”
“อะไรคะ?”
หันไปทางมอเตอร์ไซค์คันนั้นอีกรอบตามสายตาของลุงปั่น ก่อนจะพบว่าคนซ้อนท้ายกำลังหันปืนมาทางหล่อน
เอ๊ะ?
เอ๊ะ?!
เอ๊ะ?!!!
ทำไมกันล่ะ นะ…นี่คิดจะยิงกันทิ้งง่าย ๆ อย่างนี้เลยเหรอ
“หนีครับคุณหนู!”
ลุงปั่นบอกพร้อมเปิดประตูรถเตรียมจะวิ่งหนี แต่ลงวิ่งไปได้เพียงสองก้าวก็ถูกยิงจากด้านหลัง
ปัง!
“กรี๊ด!!!”
มาริลินกรีดร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ ดวงตากลมเบิกกว้าง ตัวสั่นเทิ้มด้วยความลนลาน รีบเปิดประตูอีกฝั่งเพื่อหนีทันที รถยนต์คันหรูถูกจอดทิ้งเอาไว้แบบนั้น คนในรถคันอื่นก็พากันตกใจวิ่งหนีจ้าละหวั่นก่อเกิดเป็นการจลาจลเล็ก ๆ ขึ้น
หญิงสาววิ่งหนีตายอย่างไม่คิดชีวิต ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วทำไมตนเองจึงถูกตามล่า เธอเพิ่งเหยียบแผ่นดินเมืองไทยไม่ถึงสามวันเองนะ จู่ ๆ เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
ผู้คนวิ่งหนีตายชนกันไปมา คนตัวเล็กหันกลับไปมองด้านหลังด้วยความตื่นตระหนกก่อนจะพบว่าชายชุดดำเจ้าของปืนกำลังวิ่งตามเธอมา เป้าหมายของมันคือหล่อนจริง ๆ ไม่ใช่การยิงไปทั่ว
มาริลินสับขาวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเพื่อหาที่หลบภัย ตั้งแต่เกิดมาเคยวิ่งมากสุดก็แค่ช่วงงานกีฬาสีสมัยอนุบาลเองนะ พระเจ้าเล่นตลกอะไรอยู่ถึงได้ทำกับเธออย่างนี้ สายตาเหลือบไปเห็นถังขยะริมทาง หันหลังกลับไปดูก็พบว่ามือปืนกำลังถูกบังสายตาจากหล่อนเพราะคนวิ่งหนีตัดผ่านหน้าไปมา
ดีล่ะ!
เมื่อคิดแผนการออกก็หลบเข้าไปอยู่หลังถังขยะ ก้มหน้าลงพร้อมใช้สองมืออุดหูเอาไว้ด้วย ปากก็สวดมนต์แผ่เมตตา ทำมันทุกอย่างที่คิดว่าจะช่วยให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชในครั้งนี้ไปได้
ตึกๆๆๆ
ฝีเท้าของมือปืนมาหยุดอยู่ตรงหน้าถังขยะพอดิบพอดี มาริลินมองลอดช่องว่างระหว่างถังด้วยความระทึก ในใจภาวนาขอให้อีกฝ่ายไม่เห็นเธอแล้วเดินผ่านไปทางอื่น จะได้รีบหาทางหนีไปให้พ้นก่อนจะโดนฆ่าตาย
ขวับ!
“!!!”
หล่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือปืนหันมาทางนี้ ดูท่าทางคงจะรอดยาก แบบนี้คงต้องตายแน่ ๆ แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องตายด้วยก็ตามที คนพวกนี้เป็นใครหล่อนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“หึ ๆ อยู่นี่เอง”
เสียงเหี้ยมดังขึ้นเหนือหัว ใจหล่นตุ้บไปอยู่ตาตุ่ม ก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว มีน้ำใส ๆ ไหลเอ่อโดยรอบ มาริลินพยายามถอยหลังหนีคนร้าย
“กะ…แกเป็นใคร ทำไมต้องตามล่าฉันด้วย”
“อย่าโทษกันเลยนะคุณหนู ถ้าจะโทษ…ก็โทษตัวเองที่มีศัตรูเยอะเกินไปจะดีกว่า!”
น้ำเสียงของมันดังขึ้นพร้อมกับปากกระบอกปืนถูกหันมาทางเธอ จากคำพูดพวกนั้นก็พอจะเดาได้ไม่ยาก ว่าสาเหตุต้องมาจากใครสักคนที่เคยถูกหล่อนแผลงฤทธิ์ใส่แน่ ๆ
ตะ...แต่ ใครกันล่ะ?
ในหัวตอนนี้มีหน้าตาของคนที่ไม่ถูกชะตาด้วยผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าที่เลิกรากันแบบจบไม่ค่อยสวย หรือว่ากิ๊กของแฟนเก่า หรือคนที่หมายปองกระเป๋าแบรนด์เนมใบเดียวกัน ไปจนถึงพนักงานร้านอาหารที่ถูกเธอคอมเพลนจนต้องตกงานและอีกมากมาย…
ก่อเวรสร้างกรรมต่อผู้คนเอาไว้มากขนาดนี้จะไปรู้ได้อย่างไรกันเล่าว่าเป็นคนไหน!
แกร๊ก…
คนร้ายปลดไกปืนเตรียมลั่นไก มาริลินหลับตาปี๋รอรับความตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ หวังว่าสภาพศพของเธอจะออกมาสวยงามไม่ดูแย่จนเกินไปนะ ตอนกลายเป็นวิญญาณจะได้เป็นผีสาวที่สวยที่สุด
“เดี๋ยวก่อน ขอเวลานอก!”
“อะไรอีก มันเสียเวลาฉันนะคุณหนู”
“ยิงตรงนี้! ขอตรงหัวใจเน้น ๆ เลย ไม่เอาที่หน้าเด็ดขาด ห้ามให้ลิ้นจุกปากด้วย เวลาพวกนักข่าวมาถ่ายรูปศพฉันไปทำข่าวจะได้ไม่ทุเรศเกินไป ฉันเป็นไฮโซนะ อย่างน้อยก็ขอตายแบบสวย ๆ”
คนร้ายถึงกับกุมขมับไมเกรนแทบขึ้น แต่ก็ยอมเลื่อนปากกระบอกปืนจากหน้าผากลงมาที่ตำแหน่งหัวใจแทน
เมื่อเห็นว่าใบหน้าปลอดภัยแล้ว มาริลินก็หลับตาลงอีกครั้งเพื่อรอรับความตาย แค่ได้ไปโลกหน้าในสภาพสวยงามก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก คุณพ่อของเธอเองก็มียัยแม่เลี้ยงใจร้ายคอยดูแลอยู่…
…ลาก่อนโลกใบนี้
ลาก่อน…แบรนด์เนมลูกรักทั้งหลาย
“เอาเลยค่ะ ฉันพร้อมแล้ว!”
แม้ปากจะบอกออกไปแบบนั้นหากแต่ร่างกายกลับสั่นสะท้านไปด้วยความกลัว ในใจได้แต่นับเลขถอยหลังเพื่อรอเวลาไปเฝ้ายมบาล คนอย่างเธอตายไปก็คงไม่ได้ขึ้นสวรรค์
คำสาปแช่งตามหลังเป็นร้อยแบบนี้…
หมับ! พลั่ก! ตุ้บ!
สาม…
สอง…
หนึ่ง…
ปัง…หรือยังนะ?
คิ้วสวยเริ่มขมวดเข้าหากัน ไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้ตนเองถูกยิงตายไปแล้วหรือยังเพราะไม่ได้ยินเสียงปืนเสียที แถมยังไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรด้วย หรือจะเป็นการตายทันทีในที่เกิดเหตุก็เลยยังไม่ทันได้รู้สึกเจ็บกันนะ?
แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ใครจะอยากเจ็บปวดก่อนตายกัน
“ปลอดภัยแล้วครับ”
เสียงทุ้มละมุนราวกับกำลังฟังเสียงสายลมพัดผ่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติดังขึ้น มันกลบทุกเสียงแห่งความวุ่นวายไปจนหมดทำเอาหญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
สิ่งแรกที่เห็นคือภาพของชายหนุ่มหน้าตาดีราวกับเทพบุตรมาจุติ นัยน์ตานิ่งสงบไม่ไหวติงดุจหินผา สันจมูกคมรับกับริมฝีปากกระจับ ผิวสองสีสะอาดเกลี้ยงเกลาในชุดสูทสีเนี้ยบ
“ฉันตายแล้วเหรอ ทะ…เทวดา”
“ผมชื่อวายุ เป็นบอดี้การ์ดของคุณ”
ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมกับส่งมือมาให้มาริลิน สิ่งที่เห็นเพิ่มเติมนอกจากความหล่อทะลุเบ้าตาของเขา ก็คือร่างหมดสติของคนร้ายในสภาพเลือดอาบทั่วใบหน้าอยู่ด้านหลังของผู้ชายคนนี้อีกที
บะ…บอดี้การ์ดอย่างนั้นเหรอ
นี่โควตาแต้มบุญในการใช้ชีวิตของหล่อนยังไม่หมดใช่ไหม สวรรค์ถึงได้ส่งเทพบุตรคนนี้มาให้ แถมยังให้โอกาสหญิงสาวได้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อสร้างบุญบารมีเพิ่ม หรือไม่ก็…
…เพื่อชดใช้กรรมต่อให้หมด!