“เพนนี” เสียงพี่ลีไทน์เดินตามมาด้านหลังตะโกนเรียก ฉันชะลอฝีเท้าลง รอจนกระทั่งเขาตามทัน “นีขอโทษนะที่ต้องให้พี่มาเห็นอะไรแบบนี้” “พี่ไม่เป็นไร เราน่ะแหละที่น่าห่วง” “ขอโทษค่ะ” ฉันทอดถอนใจ “ไม่เป็นไรนะ เพนนีเก่งอยู่แล้ว พี่เชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้” พี่ลีไทน์จับหัวฉันคลอนเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยน แต่ยังไม่ทันจะซึมซับรับความหวังดีจะอีกฝ่าย สายตาฉันดันบังเอิญเหลือบไปเห็นฮานมือหนึ่งอุ้มลูกมือหนึ่งถือไม้เท้าเดินเข้ามาในตึก และสบสายตากันเข้าพอดี ความรู้สึกผิดไม่รู้ที่มาตีตื้นขึ้นในใจ ฉันยิ้มอ่อนให้พี่ลีไทน์พร้อมกับขยับตัวออกห่างโดยไม่รู้ตัว ส่วนพี่ลีไทน์ หลังจากสังเกตเห็นฮานเขาก็ผละมือออกจากศีรษะฉันอย่างไม่อิดออด ฮานอุ้มลูกเดินเข้ามา ดวงตาคมกริบมองฉันกับพี่ลีไทน์สลับกันรอบหนึ่ง “มานานแล้วเหรอ” “สักพักแล้วล่ะ” ฉันไม่รู้เป็นอะไรไม่กล้าสู้หน้าฮานตรงๆ พึมพำตอบเขาเสร็จก็หันไปทักทายคุยเล่นกั

