ตอนที่ 3 ชิม(ไวน์)จนได้เรื่อง

2328 Words
เมื่อคล้อยหลังชายหนุ่ม ทุกคนก็เริ่มปฏิบัติงานทันทีตามหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบเมรียานั้นไปยื่นจ้องอยู่ที่ชั้นเก็บไวน์ ที่มีมากจนนับไม่ถ้วน แต่ละขวดมีสลากติดบอกคุณลักษณะพิเศษที่แตกต่าง ทำให้เธอนั้นเกิดความสนใจอยากลองชิมดูว่ารสชาติมันจะแตกต่างกันยังไง เพราะเธอคิดว่าถึงจะต่าง มันก็ต้องมีจุดที่เป็นเอกลักษณ์ของ พี แอลไวน์ บ้างละ “เม มายืนจ้องอะไร อยู่ตรงนี้ วะ “ตรีภพ ถามเพื่อนด้วยความสงสัย “ต้น แกคิดเหมือนฉันไหมว่า ไวน์แต่ละขวด มีความแตกต่าง ในขณะเดียวกันมันต้องมีความเหมือนกัน ที่บ่งบอกว่า เป็นไวน์ ของ พี แอลไวน์ จริงไหม”เมรียาถามตรีภพ อย่างขอความคิดเห็น พร้อมกับขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด “ใช่ ไวน์แต่ละที่จะมีเอกลักษณ์ เป็นของตัวเองทั้งนั้น ทำไมแกถามทำไม” “นั่นไง ฉะนั้นเราจะหาเอกลักษณ์ของ พี แอลไวน์ ให้ได้ว่าแตกจากที่อื่นตรงไหน” “ยังไง”ตรีภพถามเพื่อนกลับทันทีว่าเธอจะทำยังไง “อย่างเรื่องกลิ่น ก็ต้องดม และก็รสชาติ ก็ต้องชิม ถูกไหม” “มันก็ยากเหมือนกันนะ น้อยคนที่แยกแยะกลิ่น และรสชาติได้ ถ้ามีจำนวนน้อย อาจจะได้ แต่ถ้าเท่าที่เห็นบนชั้นเนี๊ยะ ฉันว่า ไม่ไหวมั้ง”ตีรภพเอ่ยพร้อมส่ายหน้าบอกเพื่อน “ก็ต้องลองดู”เมรียาตอบกลับเพื่อนด้วยความมุ่งมัน จากนั้นเมรียาก็นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับดอกเตอร์และทุกคน และทุกคนก็เห็นด้วย เพราะเชื่อว่า เมรียาที่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ น่าจะทำได้ ภูชิตเมื่อเดินออกมาจากห้องแลปทดลองแล้วก็ตรงเข้าห้องประชุมบอร์ดผู้บริหารทันที และเขาใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมงก็ปิดการประชุม และตอนนี้ชายหนุ่มก็มานั่งทำงานอยู่ที่ห้อง ขณะที่กำลังนั่งทำงาน ใจของชายหนุ่มก็เผลอคิดถึงใบหน้าสวย และรูปร่าง เซ็กซี่ขยี้ใจของสาวน้อยนามว่า เมรียา ขึ้นมา คิดถึงดวงตาคมที่ตวัดมองเขาเหมือนกับไม่พอใจนั่น มันทำให้เขายิ่งอยากแกล้งให้เธอโมโห เล่น ๆ และอีกอย่างเขายังข้องใจที่เพื่อน ๆ ในทีมต่างล้อเธอว่า เมรีขี้เมา หมายความว่ายังไง ทำให้ชายหนุ่มสนใจแม่สาวน้อย เมรียาซะแล้ว ที่สำคัญเวลามองเธอมันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น ซึ่งมันแปลกมาก เพราะเขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้นานแล้ว หลังจากที่เลิกกับคนรัก ในขณะที่นั่งคิดเพลินๆ อยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ภายในก็ดังขึ้นปลุกให้ชายหนุ่มออกจากภวังค์ความคิด “บอสครับ สายจากคุณไอรินครับ”อานนท์รายงานเจ้านายทันที “โอนสายเข้ามาได้เลย “ ภูชิตบอกเสียงเนือย ๆ ไอรินเป็นนางแบบสาวที่ฮ็อตที่สุดในตอนนี้ เขาและเธอรู้จักในงานสังคม ต่าง ๆ เธอกลายเป็นคู่ควงของเขาอยู่พักนึงแต่ก็เป็นไปตามข้อตกลงของเขาที่ เวลา คบกันต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย พอหลังจากนั้นก็ต่างแยกย้าย แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนกำลังทำนอกเหนือจากข้อตกลง เพราะ เธอเริ่มเข้ามาวุ่นวายกับเขามาเกินไป และพยายามหาเหตุความบังเอิญเพื่อเจอเขา หรือแม้กระทั่ง มาหาเขาที่ทำงานแบบนี้ เพราะภูชิต ปล่อยให้เธอทำตามอำเภอใจมานาน ทำให้เธอได้ใจคิดว่า เขามีใจให้ และอีกอย่างช่วงหลัง ๆ มานี้ ภูชิตไม่มีข่าว กับใครนอกจากกับเธอคนเดียว นั่นยิ่งทำให้เธอคิดว่าเขาจะหยุดที่เธอ “สวัสดีครับ ภูชิตพูดครับ”ภูชิตเอ่ยเสียงสุภาพ ตามสายไป “ภู คะ ไอ โทรมารบกวนคุณหรือเปล่าคะ” ทำน้ำเสียงเหมือนรู้สึกผิดที่โทรมาหาชายหนุ่ม “ไอ มีธุระอะไร กับผมหรือเปล่าครับ”ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ “เอ่อ คือไอ โทรมาชวนคุณทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ พอดี เพื่อน ของไอ จะจัดงานวันเกิดค่ะ ไอจึงอยากชวนคุณไปเป็นเพื่อนนะคะ นะคะภู ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะคะ “ ไอรินทำเสียงออดอ้อนมาตามสาย เพราะเธอรู้ว่า ยังไงซะ ภูชิตก็ต้องตามใจเธอ “โอเค ครับ แล้วผมจะไป เจอกันที่งานก็แล้วกันนะครับ”ชายหนุ่มบอกเธอเสียงเรียบ “เอ้อภู คะ พอดีรถของไอเสียค่ะ ยังไงถ้าไม่รบกวนมากเกินไป ภู มารับไอที่คอนโดได้ไหมคะ” ภูชิตฟังแล้ว ได้แต่ กรอกตามองบน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่า มันเป็นแผนของหญิงสาว แต่เขาก็คิดว่า ยังไงก็ยังเป็นเพื่อนกันเขาจึงไม่ปฏิเสธ ปล่อยเลยตามเลย “ครับ แล้วเลิกงานผมจะไปรับ”ภูชิตบอกเธอแล้วก็วางสายไป แล้วก็นั่งทำงานต่อจนเลิกงาน ณ พี แอลไวน์ เวลา 20.30 น. “เมกลับได้แล้ว พรุ่งนี้มาทำต่อ”ตรีภพ เดินเข้ามาหาเพื่อนหลังจากที่ ทุกคนออกไปจากแลปหมดแล้ว เหลือเพียง เมรียาคนเดียว ที่ตอนนี้กำลังขะมักเขม้นในการแยกแยะ รสชาติไวน์ และกลิ่นของไวน์แต่ละขวด “ต้นแกกลับไปก่อน เดี๋ยวฉัน ขอทำต่ออีกสักครู่นะ เดี๋ยวก็จะกลับแล้วละ”เมรียาบอกเพื่อน เพราะเธอกำลังสนุกกับการทำงานอยู่ “แน่ใจนะ อยู่คนเดียวได้แน่นะ”ตรีภพถามเพื่อนอีกครั้ง “เออ อีกแค่สองขวด ก็จะกลับแล้ว แกไปก่อนเลย” เมรียาไล่เพื่อนทันทีเพราะบ้านของตรีภพ อยู่ไกลออกนอกชานเมืองไปอีก แต่เธอนั้น อยู่คอนโดที่ไม่ใกลจากที่นี่เท่าไหร่ “เออ งั้นเจอกันพรุ่งนี้ แล้วอย่าชิมจนเมาละแก“ ตรีภพ พูดจบแล้วก็เดินออกไป “เออ” เมื่อรับคำเพื่อนเสร็จแล้ว ก็ก้มหน้าจดรายละเอียดของไวน์ที่เธอ ดมกลิ่นไปเมื่อสักครู่ และต่อไปก็จะเป็นการชิมรสชาติ จะว่าไปวันนี้ เธอชิมไวน์ไปเยอะเหมือนกัน ถ้าคนเป็นปกติคงจะเมาไปแล้ว แต่นี้เป็นเธอ ที่ชินกับรสชาติพวกนี้ จึงทำให้เธอแค่รู้สึกมึนนิดหน่อยเท่านั้น ภูชิตกำลังเดินออกจากห้องทำงาน และเมื่อลงมาข้างล่างจึงถาม รปภ. “ทุกคนที่อยู่ในห้องแลป กลับกันแล้วเหรอ” “เออ ยังครับ เหลือคุณผู้หญิงอีกคนครับ ยังไม่กลับ” คำตอบของ รปภ.ทำให้ภูชิต สงสัย ว่าทำไม เธอยังอยู่ที่นี่ คนเดียว เขาจึงได้ เปลี่ยนเส้นทางเดินขึ้นไปในห้องแลปแทน และเมื่อเปิดประตูเข้าไป ก็มีเสียงหวานๆ ถามมาทันที “แกลืมอะไรต้น ยังไม่กลับอีกหรือไง บ้านแกยิ่งอยู่ไกล ๆ รีบกลับไปได้แล้ว” เมรียาคิดว่าเป็นตรีภพ จึงเอ่ยถามโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองว่าเป็นใคร และมือก็ยกไวน์ อีกแก้วขึ้นดมและจิบเล็กน้อย เหมือนกับไม่แน่ใจรสชาติ จึงจิบเข้าไปอีก อึกใหญ่ ทำให้เธอ สะอึก ทันทีและตอนนี้รู้สึก มึนมากกว่าเดิมแล้ว เมื่อจิบเสร็จก็ก้มหน้าเขียนข้อมูลความแตกต่างของไวน์เอาไว้ในสมุด เมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงเปิดปิดประตูจึงเงยหน้า ตั้งใจว่าจะถามอีกครั้ง “เฮ้ยทำไมแกยังไม่.......”คำถามหยุดอยู่แค่นั้นเมื่อเห็นคนตรงหน้าแล้วว่าเป็นใคร “มาแอบดื่มไวน์คนเดียวอยู่นี่เอง”ภูชิตเอ่ยแซว เพราะตอนนี้ใบหน้าสวยแดงนิด ๆ คงจะเพราะไวน์ที่ชิมไปหรือเปล่าไม่ทราบ “คุณ เอ่อ ฉันคิดว่าเป็นเพื่อนฉัน “เมรียา รีบลุกขึ้นยืน แต่สงสัยจะลุกเร็วไปหน่อยทำให้ เธอเซเล็กน้อย เหมือนจะล้ม แต่ดีที่ ภูชิต เร็วกว่ารีบเข้ามาประคองร่างบางเอาไว้ได้ทัน “ระวังหน่อยสิคุณ ดื่มไปเยอะแค่ไหนเนี๊ยะ ถึงได้เมาขนาดนี้”ภูชิตถาม ด้วยเสียงเข้ม “บ้า ฉันไม่ได้เมา ฉันแค่จิบขวดละเล็กๆ น้อยๆ แค่นั้นเอง”ปฏิเสธเสียงสูง “แล้วมันกี่ขวด”ชายหนุ่มถามกลับทันที “ก็เท่าที่เห็น นั่นแหละ”เมรียาหันไปมองยังขวดไวน์ที่เธอจิบ ตั้งเรียงรายอยู่ มากกว่าสิบขวดได้ ทำให้ภูชิต หันมาจ้องเธอทันที “ไม่เล็ก น้อย แล้วแบบนี้”ภูชิตบ่น แต่ก็ไม่ยอมคลายวงแขนที่โอบประคองร่างบางเลย “ฉันไม่ได้เมา ฉันแค่ตกใจลุกขึ้นเร็วไปหน่อยก็เลยเซนิดๆ คุณปล่อยฉันได้แล้ว ฉัน ยืนเองได้ แค่นี้ไม่ทำให้ฉันเมาหรอกน่า” เมรียาเถียงและเงยหน้า มองชายหนุ่มอย่างไม่พอใจที่มาหาว่าเธอเมาได้ไงกัน เพราะความสูงที่แตกต่างกันทำให้ กลายเป็นว่าภูชิตต้องก้มหน้ามองเธอ แต่นั้นทำให้ภูชิต ต้องตกอยู่ในภวังค์ เมื่อมองสบตา หวานเยิ้ม ของหญิงสาวมันช่างเป็นสายตาที่เย้ายวนเหลือเกินในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามทำตาดุแค่ไหนก็ตาม แต่มันไม่ได้ดุอย่างที่เจ้าของอยากจะสื่อเลยจริง ๆ เพราะฤทธิ์ของไวน์ที่เธอดื่ม มันกำลังออกฤทธิ์ สายตาที่พยายามอยากให้มันดุ มันกลับไม่ดุ ซะนี่ แล้วเจ้าหล่อนจะรู้ไหมว่าตอนนี้สายตาที่เธอมองเขานะ มันเชิญชวนแค่ไหน “แต่ผมว่าคุณเมา” ภูชิตก้มหน้า เอ่ยเสียงเบา “เอ๊ะ คุณ ฉันว่าฉันไม่เมาก็ไม่เมาสิ ปล่อยได้แล้วฉันจะกลับบ้านแล้ว” เมรียาพยายามเบี่ยงตัวออกจากวงแขนแกร่งของเขาอีกครั้ง แต่แทนที่จะคลายแต่มันกลับยิ่งรัดแน่น ทำให้เมรียา เริ่มโมโห และไม่พอใจ จึงเงยหน้าอีกครั้งเตรียมจะอ้าปากด่าผู้ชายตรงหน้าที่ไม่ยอมปล่อยเธอกลับบ้าน แต่ไม่ทันที่เมรียาจะได้เอ่ยอะไร ภูชิตก็ก้มหน้าลงมาปิดริมฝีปากอวบอิ่มของเธอด้วยริมฝีปากบางของเขาเอาไว้ซะก่อน เมรียาได้แต่ครางประท้วงในลำคอ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยให้เธอต่อต้านเขาเพราะแค่จูบเขาก็รู้แล้วว่า สาวน้อยตรงหน้าไม่เคยจูบกับใครก่อนแน่ ๆ นั้นยิ่งเป็นโอกาสที่เขาจะหลอกล่อและตักตวงความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ ริมฝีปากบางเฉียบของเขา ค่อย ขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มของเธอ เบา ๆ และพยายามสอดลิ้นหนาเข้าไปทักทายลิ้นเล็กของเธอ ภายในโพรงปากเล็ก โดยที่เมรียาไม่สามารถต่อต้านหรือปฏิเสธเขาได้ ทำให้จูบของภูชิต ยิ่งได้ใจ เขาจูบเธอ อย่างดูดดื่ม บวกกับรสชาติของไวน์ที่เธอดื่ม เข้าไปมันทำให้รสจูบครั้งนี้นั้น หอมหวานเป็นที่สุด ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังนำทางให้สาวน้อยไร้ประสบการณ์หลงมัวเมากับรสจูบ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์เครื่องหรูของชายหนุ่มดังขึ้นซะก่อนซึ่งมันเป็นเหมือนระฆังที่มาช่วยเธอไว้ ทำให้ภูชิต ต้องถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย ซึ่ง เมรียาได้แต่ยืนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อ ตั้งสติได้เธอก็พยายามดิ้นให้หลุดอีกครั้ง แต่ภูชิตเองก็ไม่ยอมง่าย ๆ เช่นกัน ภูชิตล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อหรู แล้วกดรับสายทันที เมื่อรู้ว่าใครโทรมาขัดจังหวะเขาในตอนนี้ และได้แต่คาดโทษว่าถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญละก็ น่าดู ภูชิตคิดในใจก่อนจะกรอกเสียงไป “บอสครับรถพร้อมแล้วครับ ”อานนท์นั้นเอง ตอนนี้เขารออยู่ที่ลานจอดรถสักพักแล้วแต่ไม่เห็นผู้เป็นเจ้านายมาซะที จึงได้โทรตาม เพราะจะได้เวลานัดกับ ไอรินแล้ว “อานนท์ นายไปรับ ไอ เลยแล้วพาเธอไปที่งานวันเกิดเพื่อนของเธอด้วย ถ้าเธอถาม บอกว่าฉันติดธุระสำคัญไปด้วยไม่ได้”ภูชิตบอกเลขาคนสนิทเสร็จก็วางสายทันที โดยไม่ได้เปิดโอกาสให้อานนท์ได้ถามอะไรต่อ เมรียาพยายามดิ้นให้หลุดจากวงแขนแกร่ง แต่ก็ไม่เป็นผล เขายิ่งรัดเอวบางแน่นเข้าไปอีก “นี่คุณ ปล่อยฉันได้แล้ว “ เมรียาพูดโดยที่ไม่มองหน้าชายหน้าหนุ่ม เพราะตอนนี้ เธออายมากกว่า อายเพราะเธอปล่อยให้เขาจูบตามอำเภอใจ โดยที่ไม่ได้ขัดขืนเลยด้วยซ้ำ “ผมจะไปส่งคุณเอง เพราะถ้าคุณขับรถในสภาพ นี้ถ้าเกิดไปเจอด่าน คุณจบเห่ เพราะ คุณเมา”ภูชิตบอก เสียงเรียบ “ก็ฉันบอกว่า......”ชายหนุ่มยกมือห้ามทันทีเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะพูดอะไร “อย่าบอกว่าตัวเองไม่เมา ถ้าไม่เชื่อผมจะปล่อยให้คุณเดินเอง ลองดู จะได้รู้ว่าเมาไหม”ภูชิตปล่อยวงแขนแกร่งทันที แล้วผายมือ ให้หญิงสาวเดินออกไปก่อน เมรียาเชิดหน้า แล้วเดินออกไปที่ประตู แต่เดินไปได้แค่สองก้าวก็ต้องเซนิด ๆ เหมือนกับว่าพื้นไม่เสมอกันซะเลย และนั่นทำให้ภูชิตที่เดินตามหลังมาต้องเข้ามาประคอง หญิงสาวเอาไว้ “ผมบอกแล้วว่าคุณเมา ผมจะไปส่งคุณเอง และห้ามปฏิเสธ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน” แล้วภูชิตก็เดินประคองหญิงสาวไปที่ลานจอดรถเพื่อที่จะขับไปส่งเธอที่บ้าน ******************************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD