ตอนที่ 4 หัวใจที่สั่นไหว

2337 Words
เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ ภูชิตถามหากุญแจรถทันที ตอนแรกเมรียาไม่อยากให้เขาไปส่ง แต่พอมาคิดอีกที ถ้าเธอเจอด่านเป่ามีหวังโดนแน่ “คุณ ขอกุญแจรถให้ผม”ภูชิตถามอีกรอบพร้อมกับยื่นมือมารอรับกุญแจจากหญิงสาว เมรียาล้วงหาในกระเป๋า แล้วก็ยื่นส่งให้ชายหนุ่ม ภูชิตรับมากดรีโมตปลดล็อค แล้วก็เดินไปเปิดประตูให้กับเธอ เมรียาเดินเข้าไปนั่งเรียบร้อยภูชิตปิดประตูรถ จากนั้นตัวเองก็รีบวิ่งมายังฝั่งคนขับขึ้นประจำที่ แล้วก็สตาร์ทเครื่องขับออกไปทันที “คุณบอกทางไปบ้านคุณด้วย ผมจะได้ไปถูก”ภูชิตถามหญิงสาว ที่กำลังหลับตานิ่ง แล้วเมรียาก็บอกทางให้ชายหนุ่ม และเขาก็รู้สึกแปลกใจ ที่มันเป็นทางเดียวกับทางไป เพ้นเฮ้าส์สุดหรูของเขา ในขณะที่ขับรถ เขาก็ชวนเธอคุยไปด้วย เพราะดูท่าแม่สาวน้อยกำลังจะหลับ “คุณ ผมถามหน่อย เวลาคุณทำงานวิจัยเกี่ยวกับเครื่องดื่มคุณต้องเป็นแบบนี้ตลอดเลยหรือไง” “แบบไหน”เมรียาถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “ต้องชิม รสชาติแบบนี้ทุกครั้งเหรอ” “ก็ไม่ ทุกครั้งเพราะเครื่องดื่มบางอย่างก็ไม่ได้ทำให้เมาซะหน่อย”เมรียาบอกเสียงเรียบ “งั้นที่ เพื่อน ๆ ในทีมของคุณให้ฉายา ว่าเมรีขี้เมา ก็ไม่ได้มาเพราะความบังเอิญสินะ”ชายหนุ่มแซวหญิงสาวยิ้มๆ “เอ๊ะ นี่คุณฉันไม่ได้ขี้เมาซะหน่อย ฉันก็บอกแล้ว่าแค่มึน ๆ”เมรียาเถียงข้าง ๆ คู ๆ “โอ เคแค่มึน ๆ แต่ขออย่างได้ไหม อย่าไปมึน ๆ แบบนี้กับใครอีก “ ภูชิตเอ่ยเสียงเบาตอนท้ายเพราะเขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงบอกเธอแบบนั้น แต่แค่คิดว่า ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่เห็นเธอสภาพแบบนี้จะมีใครทนได้ แล้วจะอดใจไหวไหม อย่างเช่นเขาตอนนี้ที่พยายามห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลยกับเธอ “อะไรนะ คุณว่าอะไรนะ ฉันฟังไม่ถนัด”เมรียาถามเขาซ้ำเพราะตอนนี้เธอเริ่มหูอื้อแล้ว “ไม่มีอะไร คอนโดคุณอยู่ ตรงไหน ละ “ภูชิตเปลี่ยนเรื่องทันที เมื่อเขาเลี้ยวเข้ามาในซอยซึ่งมันเป็นซอยเดียวกับเพ้นเฮ้าส์ของเขาจริง ๆ ซะด้วยสิ “นั้นนะคุณ ตึกข้างหน้านะ “ เมรียาชี้บอก และชายหนุ่มก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดและตอนนี้เขารู้แล้วว่าไม่ใช่แค่คุ้นๆ แต่นี่มันเป็นที่เดียวกันกับของเพ้นเฮ้าของเขาที่อยู่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้นั่นเอง “คุณอยู่ฉันไหนห้องอะไรเดี๋ยวผมขึ้นไปส่ง” “ไม่ต้องหรอกคุณส่งฉันแค่นี้แหละ เอ่อแล้วคุณจะกลับยังไง”เมรียานึกขึ้นได้จึงถามชายหนุ่มทันที “ไม่เป็นไร ขึ้นไปเถอะ แต่แน่ใจนะว่าไปเองได้” ภูชิตถาย้ำกับหญิงสาวอีกครั้ง “แน่ใจสิ ก็บอกแล้วฉันแค่มึน ๆ นิดหน่อย” พูดจบเมรียาก็หันหลังเดินเข้าไปด้านในทันทีแต่ดูแล้วเป็นการเดินที่มีความตั้งใจมาก ชายหนุ่มได้แต่ยิ้ม เมื่อหญิงสาวเข้าไปในลิฟท์เข้าก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่อดูว่า เธอกดไปที่ฉันอะไร “เราคงจะต้องเจอกันบ่อยขึ้นสาวน้อย เมรีขี้เมา”ภูชิตได้แต่ส่งสายตาแพรวพราวอย่างหมายมาด ก่อนที่จะเข้าไปในลิฟท์แล้วกดไปที่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้ เมื่อเมรียา เข้ามาในห้องของตัวเองได้ก็ล้มตัวลงนอนแผ่หลา เพราะความชอบในการดื่มไวน์ของตัวเองแท้ๆ ทำให้เธอ เผลอชิมไวน์ไปหลายขวด “ไม่น่าเลยเรา เราต้องเสียจูบแรกให้กับ ผู้ชายอย่างนายภูชิต นี่นะ ไม่น่าเลยจริง ๆ ยัยเมเอ้ยแต่เอ๊ะเราลืมขอบคุณเขานี่นา แต่ไม่ต้องขอบคุณก็ได้นี่ ถือซะว่าเป็นค่าจูบที่แรกของเธอ แต่ว่ารู้สึกว่าจะดูราคาถูกไปนะเนี๊ยะ เฮ้อ” เมรียาได้แต่บ่นให้ตัวเอง ก่อนที่จะได้ยินเสียงโทรศัพท์เครื่องจิ๋วดังขึ้น “เมพูดสายค่ะ”หญิงสาวกรอกเสียงลงไปโดยไม่ได้ดูว่าเป็นเบอร์ของใคร “ทำงานเหนื่อยเหรอลูก ทำไมเสียงของลูกสาวแม่ดูเพลียๆละจ๊ะ”แม่เลี้ยงดารินนั่นเองที่โทรมาหาลูกสาวสุดที่รัก “เปล่าคะแม่ พอดีเมเผลอนอนหลับไปนะคะ คิดถึงแม่จังเลยค่ะ”เมรียารีบลุกขึ้นนั่งและพยายามทำเสียงให้สดใสที่สุดเพราะถ้าแม่เลี้ยงดาริน และพ่อเลี้ยงเชิดศักดิ์ รู้ว่าลูกสาวทำงานจนต้องกลับบ้านดึก ๆ แบบนี้ มีหวัง เรียกตัวกลับเชียงใหม่ด่วน แน่ ๆ “เหรอจ๊ะ แม่คิดว่าลูกทำงานเหนื่อย ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะลูก มาช่วยแม่กับพ่อดูแลไร่องุ่นของเราดีกว่านะ”แม่เลี้ยงดารินหว่านล้อมลูกสาวเพราะที่จริงเธอไม่เห็นด้วยที่จะให้เมรียา มาทำงานวิจัยที่นี่สักเท่าไหร่หลังจากเรียนจบ ท่านอยากให้ลูกสาวกลับไปอยู่ที่บ้านที่เชียงใหม่ มากกว่า แต่ว่าเมรียาขอเวลา ทำงานที่ตนรักก่อนสักพักเท่านั้นเอง ทั้งพ่อเลี้ยง เชิดศักดิ์ และแม่เลี้ยงดารินจึงยอม “ไม่เหนื่อยเลยค่ะแม่ เมยังสนุกกับการทำงานอยู่ค่ะแม่ แล้วแม่กับพ่อสบายดีนะคะ” “จ้าสบายดี แต่ก็อดเป็นห่วงลูกสาวสุดที่รักของแม่ไม่ได้ นี่พ่อเขาก็บ่นทุกวันเมื่อไหร่เมจะมาเชียงใหม่ซะที”แม่เลี้ยงดารินบอกลูกสาว “แล้วนี่พ่อไปไหนคะแม่”เมรียาถาหาผู้เป็นพ่อ “ ลงไปที่ฟาร์ม คนงานมาเรียกให้ไปดูลูกวัวที่กำลังคลอด นะ” “แต่นี่มันดึกแล้วนะคะแม่”เมรียาอดที่จะเป็นห่วงพ่อไม่ได้ “เดี๋ยวก็คงมาจ้า เมไปนอนเถอะลูก เดี๋ยวแม่ก็ต้องไปรอพ่อเขาที่หน้าบ้านก่อนนะ” “ค่ะแม่ รักพ่อกับแม่ที่สุดนะคะ ราตีสวัสดิ์ค่ะ”แล้วหญิงสาวก็กดวางสายไปแล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอน ภูชิตเมื่อเข้ามาในเพ้นเฮ้าส์สุดหรูแล้วก็เดินไปตรงเคาร์เตอร์บาร์ที่มีไวน์ ที่บริษัทเขาผลิตเอง รวมถึงของคู่แข่ง อีกหลายบริษัทวางเรียงที่ชั้น เขาเลือกหยิบของบริษัทตัวเองมาดื่ม เขาถือแก้วพร้อมไวน์ที่เลือกได้แล้วเดินออกไปที่ระเบียง เขาตรงไปนั่งที่ม้านั่งที่เขาเอาไว้นั่งพักผ่อนดูดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน และรินไวน์ใส่แก้ว แกว่งเบา ๆ แล้ก็ดมกลิ่นเฉพาะของไวน์แต่ละรุ่น แล้วค่อยๆ จิบที่ละนิด ๆ พร้อมกับหลับตา แต่ที่หลับตาไม่ได้คิดถึงรสชาติของไวน์เลย แต่เขากลับคิดถึงรสจูบอันแสนหวานของริมฝีปากอวบอิ่มของ สาวน้อยเมรีขี้เมา มันเป็นจูบที่ไม่ประสาแต่กลับให้ความรู้สึก หวานละมุลบวกกับรสชาติของไวน์ที่เธอดื่มเข้าไปแล้วติดที่ปลายลิ้น มันก่อให้เกิด ความหวานซ่านละมุล เขายอมรับเลยว่าตั้งแต่เขาเลิกกับอดีตคนรัก เขาไม่เคยรู้สึกดีเมื่อได้จูบกับใครแบบนี้มาก่อน ภูชิต ได้แต่แปลกใจกับหัวใจและความรู้สึกของเขา หลังจากที่หัวใจเขาเหมือนปิดตายมานาน ทำไมรู้สึกเหมือนมีแรงสั่นสะเทือนเกิดขึ้น คงไม่ใช่เพราะสาวน้อย เมรียา หรือ ยัยเมรีขี้เมาคนนี้หรอกนะ ภูชิตได้แต่นิ่งคิดในใจ “ยัยเมรีขี้เมาเธอทำอะไรกับฉัน ทำไมฉันหยุดคิดถึงเธอไม่ได้” ภูชิตได้แต่ครุ่นคิดในใจ เร็วเท่าความคิด ภูชิตกดโทรศัพท์หาเลขาคนสนิททันที “อานนท์ ฉันมีเรื่องอยากให้นายสืบให้หน่อย ว่าเมรียา วารีรัตน์ พักอยู่ที่ห้องไหนของของคอนโดนี้ ฉันขอด่วน”ชายหนุ่มสั่งเลขาคนสนิท “เอ่อครับ บอส แล้วคุณเมรียาทำไมถึงไปพักที่เดียวกันกับบอสละครับ” อานนท์ถามงงๆ “บังเอิญนะ แล้ว ไอรินเป็นไงบ้าง นายไปส่งเธอแล้วใช่ไหม” “ครับ และก็โวยวายไม่พอใจนิดหน่อยครับ และเธอก็ไล่ผมกลับมาแล้วครับ” อานนท์รายงานภูชิต เรื่องที่เขาให้ไปทำตามที่สั่ง “อือ ถ้าอย่างนั้น นายก็พักผ่อนเถอะแต่อย่าลืมเรื่องที่ให้สืบนะ ” “ครับบอส” จากนั้นภูชิตก็กดวางสายไป เขาก็เดินเข้าห้องเพื่อไปอาบน้ำและก็นอนพักผ่อน เพื่อเริ่มงานสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป .................................................... เมรียารีบมาที่แลปแต่เช้า และตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาเลย เธอนั่งทำงานตรงที่ทำงานประจำของเธอ ก้มหน้าจดรายละเอียดของไวน์ขวดต่าง ๆ อย่างขะมักเขม้นโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง และก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ถ้าเธอเข้าสู่โหมดทำงาน เธอจะเหมือนหลุดไปอยู่ที่โลกเลย “มาแต่เช้าจัง “เสียงทุ้มดังขึ้นใกล้ ๆ หูของหญิงสาว ทำให้เมรียาตกใจรีบเงยหน้าขึ้นมามอง ทำให้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ “อุ้ย คุณ มาเงียบ ๆ ตกใจหมด “ เมรียาต่อว่าเขาพร้อมกับลุกออกจาเก้าอี้ แล้วยืนตัวตรง และก้าวถอยออกมาเพื่อเว้นระยะห่างจากชายหนุ่ม “คุณต้องการอะไรหรือเปล่า ยังไม่มีใครมาหรอก เดี๋ยวถ้าดอกเตอร์มาฉันจะบอกให้” “เมื่อคืนนอนหลับสบายไหม”ภูชิตเอ่ยเสียงทุ้มซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงานเลย “ก็.. หลับสบายดี”เมรียาตอบแบบงงๆ ว่าเขาถามทำไม “ก็ดี “ ภูชิตพูดจบก็กำลังเดินออกไป “เอ่อ เมื่อคืนขอบคุณนะคะ ที่ไปส่งฉัน”เมรียาก้มหน้ากล่าวขอบคุณเสียงเบา ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกเธอคิดว่าจะไม่พูดแต่ก็อดไม่ได้ “ผมนึกว่าคุณจะไม่ขอบคุณผมซะแล้วสิ แต่ไม่เป็นไร ผมยินดี ไหน ๆ ก็ทางเดียวกันอยู่แล้ว”ภูชิตพูดจบก็เดินออกไป “คุณหมายความว่าไง ทางเดียวกัน คุณ เดี๋ยวสิ”เมรียาตะโกนไล่หลังไป แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว “อะไรวะเม โววายแต่เช้าเลย “ตรีภพ ที่เดินเข้ามาเอ่ยถาม เพราะได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนโหวกเหวกอยู่ “ไม่มีอะไร “ตอบแล้วก็หันไปทำงานต่อ “มาแต่เช้าเลยแก เมื่อคืนกลับกี่ทุ่ม” “สามทุ่มกว่า “ เมรียาตอบเพื่อนสนิท “แล้วแกเมาหรือเปล่า เพราะเมื่อวานฉันเห็นแกจิบไวน์ไปเยอะเหมือนกัน” “มึน ๆ นิดหน่อย นะ “ เมรียาอ้อมแอ้มตอบ “ที่หลังก็อย่าจิบเยอะสิ ค่อย ๆ ทำ “ตรีภพบอกเพื่อนเพราะความเป็นห่วง เพราะเขารู้ว่า เมรียาเป็นคนที่ตั้งใจกับการทำงานมาก จนบางครั้ง ทำให้ร่างกายไม่ไหว “อือ ขอบใจที่เป็นห่วง “ “เออว่าแต่ เมื่อกี้แกคุยกับใคร ฉันได้ยินเสียงแว่ว ๆ”ตรีภพเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ไม่มีอะไร ฉันร้องเพลงนะ”เมรียาบอกเพื่อนยิ้ม ๆ “เอ่อ ๆ งั้นเราทำงานกันดีกว่า”ตรีภพเดินไปที่โต๊ะทำงานของเขาทันที “ว่าไง จ๊ะเด็ก ๆ ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเชียว “จักกฤชเอ่ยเสียงดังทักทายมาตั้งแต่เปิดประตู “สวัดดีคะพี่จัก /สวัสดีครับพี่จัก”เอ่ยทักทายพร้อมกัน จากนั้นก็ตามมาด้วย เอกวิทย์ และธนา ที่เดินเข้ามาพร้อมกัน ทุกคนเข้าประจำโต๊ะของตัวเองและก็เริ่มทำงาน อย่างกระตือรือร้น “เฮ้ย เม เมื่อคืนได้ข่าวว่า ชิมไวน์จนเมาเหรอแก” จักกฤชเอ่ยแซว เพื่อนรุ่นน้อง “ใครบอกพี่ ไม่มีซะหน่อย”เมรียาปฏิเสธเสียงสูงอย่างตกใจ “เออไม่มีก็ไม่มี “จักกฤช บอก เสียงเรียบ แต่สายตาแพรวพราวอย่างรู้ทัน เพราะเมื่อคืนนี้ เขารู้สึกเป็นห่วง เมรียา ว่ากลับบ้านหรือยัง จึงได้โทรมาที่ป้อม รปภ. ถามว่าเมรียากลับไปหรือยัง แล้ว รปภ.คนดังกล่าวก็รายงานซะละเอียดยิบว่าเพิ่งออกไปภูชิตเจ้าของบริษัท และดูเหมือน หญิงสาวจะเมาเพราะ ภูชิตเดินประคองตลอดนั่นเอง “ระดับนี้แล้ว ไม่เมาหรอกน่า” “เออ แกก็อย่าจิบเยอะสิวะ เจอของชอบเข้าหน่อย ชิมเป็นว่าเล่น เดี๋ยวก็ได้กลายเป็นยัยเมรีขี้เมาหรอกแกไปเมาที่อื่น ไม่มีสารถีไปส่งนะเว้ย” จักกฤชแซวเพื่อนรุ่นน้อง “พี่จัก พูดแปลก “เมรียาสงสัย “ไม่มีอะไร ก็อย่างที่บอก อย่าพยายามจิบเยอะดิ วะ อีกอย่างร่างกายแกนั่นละจะไม่ไหว” “ ก็มันห้ามตัวเองไม่ได้ ยิ่งชิมก็ยิ่งหลงใหล กับรสชาติ” เมรียาบอกบรรดาพี่ ๆ “เออ แกนี่แปลกคน เป็นผู้หญิงแทนที่จะไปหลงใหลกับการ ช้อปปิ้ง ซื้อของ แต่ดันมาหลงไหลกับการดื่มไวน์เนี๊ยะนะ”เอกวิทย์ เอ่ยถามและทำหน้าประหลาดใจ “ก็ เมชอบแบบนี้นี่” เมรียาตอบหน้าตาย ทุกคนได้แต่สายหน้ากับคิดของหญิงสาว ****************************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD