ธาราปิดประตูห้องเสียงดังแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นท่ามกลาง แสงสลัว...
ร่างบางพิงประตู นั่งชันเข่ากอดตัวเองแน่น เนื้อตัวของเธอสั่นเทาเพราะแรงสะอื้นที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้ ริมฝีปากบางสั่น แม้จะร้องไห้จนน้ำตากลบหน้าแต่กลับไม่มีเสียงร้อง คงเพราะหมดแรงไปแล้ว...แทบจะหมดแรงหายใจจริงๆ กับภาพบาดตาที่ฉีกหัวใจของเธอจนย่อยยับอย่างรุนแรง
อัคคีโกหกเธอ...คนรักและเพื่อนสนิทของเธอต่างพากันหลอกลวงเธอ...
ใบหน้างามซบลงบนเข่าคิดถึงคำโกหกของเขาตั้งแต่ที่ร้านอาหารก่อนที่คนทั้งสองจะพากันไปยังโรงแรม สถานที่ที่แค่เพียงได้เห็นข้อความตัวของเธอก็ชาไปทั้งร่าง ทำไมสองคนนั้นถึงได้ทำกับเธอแบบนี้ พวกเขาไม่มีหัวใจกันแล้วหรือ ถึงได้เหยียบย่ำหัวใจของคนใกล้ตัวอย่างเธอให้เจ็บเจียนจะตายแบบนี้ ทำไมกัน...ทำไม...
“น้ำ น้ำ เปิดประตูให้พี่หน่อยค่ะ น้ำ”
ร่างของธารากระตุกก่อนถดตัวหนีไปพิงกำแพงอีกฝั่งเมื่อได้ยินเสียงอัคคีและเสียงทุบรัวๆ จากอีกด้านของประตูห้อง ดวงตาแดงช้ำมองไปที่ประตู ทั้งเจ็บปวดและสับสน มือบางที่วางอยู่ข้างตัวกำเข้าหากันแน่นจนซีดขาว
“น้ำฟังพี่ก่อนนะ ทุกอย่างพี่อธิบายได้นะคะ ฟังพี่ก่อนนะ”
ไม่...ธาราเอามือปิดหู ส่ายหน้าไม่ยอมรับรู้อะไรทั้งนั้น เธอกลัว...กลัวไปหมด...เธอยังไม่พร้อมที่จะรับรู้อะไรไปมากกว่านี้แล้ว
“มีอะไรหรือคะคุณคี” เจ้าหน้าที่คอนโดที่ได้รับรายงานความผิดปกติจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเร่งเข้ามาถามชายหนุ่ม อัคคีจึงหันไปสั่ง
“ขอกุญแจสำรองห้องของน้ำด้วย เร็ว!”
“เอ่อ...แต่ว่า...”
“ไปเอากุญแจมา เร็วสิ!”
“ค่ะๆ” เมื่อถูกเร่งเร้ามากๆ เจ้าหน้าที่ก็รีบตอบรับแล้วเดินจากไปทันที อัคคีจึงหันกลับไปทุบประตูห้องอีกครั้ง
“น้ำ ถ้าน้ำไม่เปิดพี่จะพังประตูเข้าไปนะคะ น้ำได้ยินพี่ไหม น้ำคะ”
มือหนาชะงักเมื่อจู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกจากคนภายในห้องที่ได้ยินคำสั่งของเขา ธาราค่อยๆ ยื่นหน้าออกมา ท่าทางลังเลก่อนทำท่าจะปิดประตูอีกครั้ง
“น้ำ น้ำต้องฟังพี่นะคะ นะคะน้ำ...” อัคคีรีบเอาตัวเองมายันประตูและเว้าวอนคนรักอีกครั้ง เขามองใบหน้านวลที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างใจหาย ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูเมื่อธารายอมเปิดทางให้เขาอีกครั้ง
“น้ำ พี่กับรสเราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่น้ำเข้าใจเลยนะคะ ทุกอย่างมันเป็นแค่อุบัติเหตุนะคะ” อัคคีสวมกอดร่างบางจากด้านหลัง ถึงแม้อีกฝ่ายจะยังไม่ยอมหันกลับมาเผชิญหน้า แต่หยดน้ำที่ร่วงใส่มือหนาก็ทำให้เขารับรู้ว่าคนรักของเขากำลังร้องไห้
“ไม่เอานะคะน้ำ อย่าร้องไห้เลยนะคะ พี่กับรสเราไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ นะ น้ำต้องเชื่อพี่นะ” อัคคีซบใบหน้ากับเรือนผมนุ่มพร้อมกับกระชับร่างของธาราที่สั่นขึ้นเรื่อยๆ ความนิ่งเงียบทำให้เขานึกกลัวจึงตัดสินใจหมุนร่างเล็กให้กลับมาเผชิญหน้ากัน “พี่กับรสไม่มีวันทำร้ายน้ำหรอกนะคะ น้ำเชื่อใจพี่นะ”
ธาราเงยหน้าขึ้นสบตากับสายตาคมกล้าที่ถูกส่งมาเพื่อหวังให้เธอเชื่อคำพูดเขา หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งครั้งก่อนจะยอมเปล่งเสียง
“แล้วที่โรงแรม...มันคืออะไรคะ”
อัคคีเลิกลั่กเมื่อลึกๆ แล้วยังไม่อยากให้คนตรงหน้ารับรู้พันธะระหว่างเขาและหญิงสาวอีกคน ครั้งนี้ชายหนุ่มจึงกลายเป็นคนหลบตาทำให้คนมองสะท้านไปทั้งใจ
“พี่คี...” เสียงของธาราสั่นเมื่อเธอตีความท่าทางของเขาไปไกล หยาดน้ำใสไหลลงมาจากดวงตาอีกครั้งพร้อมกับร่างบางที่ทำท่าจะผละหนีจากวงแขนหนา
“พี่กับรสไปรอพ่อของรสที่นั่นค่ะ” อัคคีรีบพูดพร้อมกับรั้งอีกฝ่ายให้กลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้งแล้วกอดจนแน่น “คือ...เอ่อ...คุณพ่อบังคับพี่...ไม่สิ...ทั้งพ่อของพี่และก็พ่อของรส คือท่าน...ท่าน...บังคับให้พี่กับรสแต่งงานกัน”
“แต่งงาน...งั้นหรือคะ...” ธาราครางเสียงสั่นหันกลับมามองอย่างตกใจ
“ใช่ค่ะ แต่พี่กับรสไม่เห็นด้วยกับเรื่องพวกนี้เลยนะคะ ตอนแรกพี่ก็ปฏิเสธจนพ่อของพี่ขู่ว่าจะยึดทุกอย่างที่เขาให้พี่กับแม่ รสเองก็ถูกพ่อเขาบังคับ เราสองคนก็เลยต้องเล่นตามน้ำทำว่าคบกันไปก่อน แต่น้ำไม่ต้องกลัวนะคะ พี่ตกลงกับรสแล้วว่าเรื่องนี้มันก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเราสองคนก็จะจบละครการแกล้งเป็นคนรักบ้าๆ นี่ แล้วพี่ก็จะได้แต่งงานกับน้ำไงคะ”
“แสดงว่าลุงอรรถ...” ธาราเสียงแผ่ว ในใจวูบโหวงเมื่อคิดได้ว่าชายสูงวัยที่เคยเอ็นดูเธอได้หมางเมินเธอไปแล้วจึงได้คิดตัดเยื่อใยระหว่างเธอกับอัคคีด้วยวิธีการเช่นนี้ เธอสนิทสนมกับครอบครัวของพวกเขาดีจึงได้รับรู้เรื่องราวความสัมพันธ์ภายในและรู้มาเสมอว่าสำหรับอัคคีแล้วการได้รับการยอมรับจากผู้เป็นพ่อและคนรอบข้าง คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของเขา
“นี่สินะคะ เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้พี่คีเปลี่ยนใจให้น้ำมาอยู่ที่นี่”
คนฟังอึ้งงัน ความเงียบของเขาคือคำตอบในตัว
“น้ำ...ตอนนี้น้ำก็ได้รู้เหตุผลของพี่แล้วเพราะฉะนั้นน้ำต้องให้เวลาพี่นะ ให้พี่ได้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย น้ำต้องรอและเข้าใจพี่นะคะ นะคะน้ำ”
“แค่ละครใช่ไหมคะพี่คี ทุกอย่างมันจะเป็นแค่ละครใช่ไหมคะ” ธาราถามกลับ แม้อาการบีบรัดในใจจะคลายตัวลงไปมากเมื่อเธอเข้าใจดีถึงความกดดันจากปมในใจของคนตรงหน้าแต่ก็ยังอยากได้ยินคำยืนยันอีกครั้ง
“ใช่ค่ะ พี่จะมีคนอื่นได้ยังไง ในเมื่อพี่รักน้ำคนเดียวนะคะ”
“น้ำก็มีแค่พี่คีคนเดียวนะคะ คนเดียวจริงๆ” ธาราสวมกอดซบใบหน้าเข้ากับแผงอกกว้างอย่างคนไร้ที่พึ่งนอกจากเขา หลังจากเสียบิดาไป อัคคีก็เป็นคนสำคัญหนึ่งเดียวที่เธอยึดไว้ในชีวิต แค่คิดว่าต้องสูญเสียเขาไปให้กับใคร หัวใจของเธอก็แทบจะหยุดเต้นแล้ว
“เชื่อพี่นะคะว่าพี่ไม่มีวันทิ้งน้ำแน่นอน แต่น้ำก็ต้องเป็นเด็กดีของพี่ด้วย อย่างที่พี่บอกไปน้ำต้องเชื่อพี่ เข้าใจไหมคะ” อัคคีย้ำอีกครั้งซึ่งคนฟังก็พยักหน้ายอมรับโดยง่าย
“ค่ะ น้ำจะเชื่อพี่คี แต่พี่คีอย่าโกหกน้ำ อย่าปิดบังน้ำอีกได้ไหมคะ ตอนที่เห็นพี่คีกับรสที่โรงแรม พี่คีรู้ไหมคะว่าน้ำเสียใจแค่ไหน”
“ค่ะ พี่จะไม่ปิดบัง ไม่โกหกน้ำอีกแล้ว จากนี้ไปถ้ามีอะไรพี่จะบอกน้ำทุกอย่าง เราสองคนจะร่วมมือกันและฝ่าฟันเรื่องนี้ไปด้วยกันนะ พี่รักน้ำนะคะ”
“น้ำก็รักพี่คีนะคะ รักมากที่สุด น้ำคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่คี” ธาราช้อนตามองด้วยท่าทางน่าสงสารจนคนมองใจหายตระกองกอดเธอให้แน่นขึ้น ชายหนุ่มก้มจูบหน้าผากมนก่อนจะไล้ลงมาตามใบหน้าและบริเวณซอกคอขาวจนเริ่มกระหายมากขึ้นไปอีก เขารวบร่างบางที่สั่นน้อยๆ ขึ้นมาไว้ในวงแขนแล้วพาเคลื่อนตัวไปยังเตียงกว้าง อัคคีวางหญิงสาวลงบนนั้น ก่อนจะก้าวไปนอนเคียงข้าง ทอดมองใบหน้าหวานด้วยความรักและหวังจะครอบครอง
“พี่รักน้ำนะคะ พี่รักแค่น้ำคนเดียวเท่านั้น” อัคคีพร่ำคำรักอีกครั้งก่อนจะลดใบหน้าลงอย่างมาดหมาย แต่ธารากลับเบี่ยงหน้าหนีก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง
“พี่คีจะมีแค่น้ำ จะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากน้ำใช่ไหมคะ”
“ค่ะ...พี่จะไม่มีวันเปลี่ยนใจจากน้ำ พี่จะมีแค่น้ำคนเดียว พี่สัญญา” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงสั่นก่อนจะก้มลงลิ้มลองความหอมหวานที่คราวนี้ตอบรับเขาอย่างเต็มใจ มือหนาเริ่มลูบไล้ไปตามร่างบางที่ยอมก้าวตามในทุกเส้นทางอย่างคนที่วางใจและหวังฝากทั้งชีวิตไว้ที่เขา ธาราผวาน้อยๆ ยามที่เสื้อผ้าของเธอค่อยๆ หลุดออกจากร่าง แม้จะหวาดหวั่นแต่สองมือบางก็กอดกระชับร่างหนาอย่างเอาใจยามที่ชายหนุ่มเข้าครอบครองร่างกายของเธอ
“ทั้งชีวิตและหัวใจของน้ำเป็นของพี่คีคนเดียวนะคะ”
คนฟังยิ้มพอใจเมื่อได้ยินคำหวานจากคนที่อยู่ใต้ร่าง ก่อนจะที่เขาจะทำให้สายใยระหว่างเขาและเธอได้เชื่อมต่อกลายเป็นสายใยเส้นเดียวกัน