“พี่คีคะ”
อัคคีรีบหันไปมองทำสัญญาณให้อีกฝ่ายเงียบๆ ก่อนจะพูดต่อ
“แค่นี้ก่อนนะคะน้ำ ลูกค้าพี่มาตามแล้ว” ชายหนุ่มรีบวางสาย แล้วมองรสสุคนธ์ด้วยสายตาตำหนิ
“มีอะไรรส ทำไมอยู่ๆ มาแทรกพี่แบบนี้”
“คือ รสจะรีบมาบอกพี่คีว่าคุณพ่อให้ไปพบกับท่านอีกที่น่ะค่ะ” รสสุคนธ์ตอบเสียงเบาท่าทางกล้าๆ กลัวๆ อัคคีสบถซ้ำก่อนจะเอ่ยถาม
“คราวนี้ที่ไหนล่ะ”
“ที่โรงแรม...”
อัคคีเสยผมทำท่าคิดหนักกับจุดนัดหมายครั้งใหม่ ชายหนุ่มก้มลงมองโทรศัพท์ในมืออย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจเดินหน้าต่ออีกครั้ง
“ไปก็ไป มาถึงขั้นนี้แล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกันเถอะ จ่ายค่าน้ำไปแล้วใช่ไหม”
รสสุคนธ์พยักหน้า อัคคีเลยคว้าข้อมืออีกฝ่าย
“งั้นรสไปกับพี่เลยแล้วกันจะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
“ค่ะ พี่คี” รสสุคนธ์กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามการจับจูงของร่างสูงเพื่อไปที่รถของเขา ทั้งสองต่างพากันนั่งประจำที่ของตนก่อนที่อัคคีจะเคลื่อนรถออกเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางที่อยู่ไม่ไกลจากที่เดิมนัก
“พ่อของรสอยู่ที่ไหนล่ะ” อัคคีหันไปถามคนข้างกายขณะกำลังเดินเข้าไปในภายในส่วนล็อบบี้ของโรงแรม
“คุณพ่อรออยู่บนห้องค่ะ เห็นว่าต้องการความเป็นส่วนตัว”
อัคคียักไหล่ก้าวตามการเดินนำของฝ่ายสาวที่เป็นคนกดลิฟท์เลือกชั้นจนเรียบร้อย เพียงเวลาไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดออกอีกครั้งเมื่อพาทั้งสองไปสู่จุดหมายด้วยความรวดเร็ว
“ไหนล่ะ พ่อของรส” ร่างสูงสำรวจไปรอบห้องพักแต่ก็พบกับความว่างเปล่าจนเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง
“เดี๋ยวท่านตามมาค่ะ ท่านบอกว่าให้เรารอ...”
“รอ” คนฟังแทรกเสียงดัง “ต้องรออีกนานไหมรส พี่ต้องรีบไปรับน้ำนะ เข้าใจไหม”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวยาวอย่างโมโหเมื่อต้องเจอกับสถานการณ์เดิมๆ ทั้งๆ ที่เพิ่งพยายามหลีกหนีมา รสสุคนธ์มองสีหน้าอีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำออกจากตู้เย็น รินน้ำใส่แก้ว แล้วนำแก้วน้ำแก้วนั้นไปให้เขา
“รสเข้าใจค่ะ แต่เห็นคุณพ่อว่าไม่นานก็จะถึงแล้ว พี่คีดื่มน้ำให้ใจเย็นลงก่อนนะคะ อุ๊ย”
“อะไรเนี่ยรส” อัคคีรีบลุกขึ้นยืนเมื่อรสสุคนธ์ทำน้ำหกเลอะบนตัว ชายหนุ่มดึงชายเสื้อออก พยายามไล่คราบน้ำที่ยังกลิ้งตัวอยู่บนเนื้อผ้า รสสุคนธ์หน้าเสียรีบเอาผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาช่วยเช็ดตัวให้
“ขอโทษค่ะพี่คี รสขอโทษ” รสสุคนธ์เช็ดตามลำคอของอีกฝ่ายก่อนจะแกะกระดุมเม็ดบนออกและทำท่าจะเช็ดซ้ำหากแต่มือหนากลับคว้าไว้ได้ทัน
“เดี๋ยวพี่จัดการเองดีกว่า” อัคคีทำเสียงระอาแล้วคว้าผ้ามาซับลำตัวของตน รสสุคนธ์ได้แต่ยิ้มแหยก่อนที่เสียงเคาะประตูจะเรียกความสนใจของคนทั้งคู่
“สงสัยคุณพ่อจะมาแล้วค่ะ” รสสุคนธ์พูดจบก็รีบวิ่งไปเปิดประตูทันทีก่อนจะชะงักตาค้าง ก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว
“น้ำ...” รสสุคนธ์ครางเป็นชื่อของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องและเป็นคนที่เธอไม่คาดหวังว่าจะได้เจอ อัคคีที่ยืนหันหลังรีบหันตัวกลับมาและผ้าในมือของเขาก็ร่วงลงพื้น
“น้ำ”
“พี่คี...รส...” ธารามองหน้าคนรักและเพื่อนสนิทก่อนจะทิ้งสายตาไว้ที่ชายหนุ่มที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ร่างบางตัวสั่น หยาดน้ำตากลิ้งหล่นลงมาจากดวงตากลมสวย หญิงสาวมองคนทั้งคู่ที่ต่างทำอะไรไม่ถูกอยู่อึดใจก่อนจะรีบหมุนตัววิ่งหนีไปทันที
“น้ำ อย่าเพิ่งไป น้ำ” อัคคีที่ได้สติก่อนรีบวิ่งตามคนรักของตน ชายหนุ่มกดลิฟท์รัวเมื่อเห็นว่าร่างบางของหญิงสาวผลุบหายไปเข้าในนั้น แต่ทุกอย่างก็ไม่ทันใจเมื่อตัวเลขวิ่งลงไปเรื่อยๆ ในขณะที่เขายังยืนอยู่ที่เดิม
“พี่คีคะ ใจเย็นก่อนนะคะ”
อัคคีสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของรสสุคนธ์ที่วิ่งตามมาแล้วพุ่งเข้าไปในลิฟท์อีกตัวที่เปิดออกทันที รสสุคนธ์ผวาตามมองหน้าชายหนุ่มด้วยสีหน้าย่ำแย่ไม่แพ้กัน จนเมื่อทั้งสองลงมาถึงชั้นล่างอัคคีจึงรีบวิ่งไปยังถนนใหญ่ด้านหน้า
“น้ำ! กลับมาก่อน น้ำ! โธ่เว้ย! ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้วะ” อัคคีสบถลั่นเมื่อสุดท้ายก็วิ่งตามธาราไม่ทันได้แต่มองรถแท็กซี่ที่หญิงสาวนั่งเคลื่อนไกลออกไป ชายหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้นแล้วเอามือตบลงบนนั้นอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์ของตน