แสงสว่างยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาปลุกให้ร่างบางที่กำลังนอนบนเตียงค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ธารากระพริบตาอยู่สองสามครั้ง แล้วก้มลงมองวงแขนหนาของร่างสูงที่โอบกอดเธออยู่ทางด้านหลัง หญิงสาวหันหน้าไปมองคนรักก่อนจะรีบหันกลับมาเมื่อพบเจอกับดวงตาพราวระยับของอีกฝ่าย มือบางกระชับผ้าห่มในมือแน่น แม้จะเพิ่งผ่านพ้นค่ำคืนอันแสนหวานแต่เธอก็ยังไม่คุ้นชินกับมัน
“จะอายทำไมคะ เราเป็นคนๆ เดียวกันแล้วนะ” อัคคีแกล้งกระซิบที่ข้างหูแล้วเป่าลมหายใจใส่จนธาราต้องย่นคอหนี ชายหนุ่มจึงหัวเราะออกมาอย่างสุขใจก่อนจะแกล้งอีกฝ่ายหนักขึ้น เขาใช้มือข้างหนึ่งไล้ไปตามลำแขนขาวผ่องอย่างหลงใหล ก่อนจะล้มจูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าจนทำให้ร่างบางสะดุ้งขึ้นมาทันที
“พะ...พี่คีคะ มีคนโทรมาค่ะ” ธาราพยายามรวบรวมสติบอกกล่าวกับร่างสูงที่ทำท่าจะจริงจังกับการเล่นของตัวเอง อัคคีจึงถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะคว้าโทรศัพท์ของตนมารับสาย
“ว่าไงไอ้ภู”
“คนที่คอนโดบอกฉันว่าแกทะเลาะกับน้ำ” น้ำเสียงของภูผาร้อนรนเมื่อได้รับข่าวไม่ดีหลังจากที่ธาราเงียบหายไป อัคคีเหล่มองหญิงสาวข้างกายที่หลบตาวูบด้วยรอยยิ้มกริ่ม ไม่ได้ร้อนรนตามปลายสาย มือหนากระชับวงแขนให้แน่นขึ้นราวกับต้องการแกล้งหญิงสาวอีกครั้ง
“นิดหน่อยน่ะ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วล่ะ ฉันกับน้ำเข้าใจกันดีแล้ว ถ้าแกไม่เชื่อถามน้ำก็ได้นะ น้ำอยู่ข้างๆ ฉันเนี่ยแหละ”
ธารารีบเบือนหน้าหนีเมื่อได้ยินถ้อยคำพาดพิงและเห็นสายตาที่แสนเจ้าเล่ห์ของชายคนรัก ภูผาเงียบลงไปก่อนจะเอ่ยกลับมา
“เอาเถอะ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว อย่าลืมนะไอ้คีว่าแกสัญญาอะไรกับฉันไว้”
“เออ ฉันไม่ลืมหรอกน่า แค่นี้ก่อนนะไอ้ภู ไว้เราค่อยเจอกัน” อัคคีวางสายแล้วส่งยิ้มล้อเลียนให้ร่างบางที่มีใบหน้าแดงก่ำจนลามไปทั่วทั้งร่าง ชายหนุ่มทำท่าจะสานต่อเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ก็ต้องสบถออกมาเบาๆ เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะอีกครั้ง
“รส...” อัคคีพึมพำชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอจนทำให้ธาราที่เคยเอาแต่หันหน้าหนีต้องหันกลับไปมอง สีหน้าหนักใจของธาราทำให้อัคคีวางท่าไม่ถูกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปลอบคนรัก
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะน้ำ เดี๋ยวพี่รับสายรสก่อนนะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเบาใจก่อนจะทำตามที่พูด “ว่ายังไงรส โทรมาแต่เช้าเชียว”
“รสเป็นห่วงน่ะค่ะพี่คีเห็นว่าเงียบหายไป น้ำเป็นยังไงบ้างคะ”
“พี่กับน้ำคุยกันแล้วล่ะ น้ำเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ”
ปลายสายเงียบไปอึดใจเมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่เธอคิด
“ดะ...ดีแล้วล่ะค่ะที่น้ำเข้าใจ ตอนแรกรสก็เป็นห่วงแทบแย่ กลัวว่าน้ำจะคิดมากจนยังมีปัญหากับพี่คีอยู่ แต่ถ้าเข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ” รสสุคนธ์เงียบไปอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ “งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ รสไม่กวนแล้วค่ะ”
อัคคีกดตัดสายอย่างไม่คิดแม้แต่จะบอกลาอีกฝ่าย ชายหนุ่มหันมารวบตัวธาราที่มีท่าทางเศร้าซึมขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เขาพูดคุยกับรสสุคนธ์
“ไม่เอาน่าน้ำ เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าพี่กับรสไม่มีอะไรกันจริงๆ” อัคคีเอ่ยปลอบก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของอีกฝ่าย แต่สีหน้าของธาราก็ยังคงมีแววกังวล
“พี่คีกับรส...ต้องแกล้งเป็นคนรักกันนานไหมคะ” ธาราถามเสียงแผ่ว แม้จะเข้าใจอะไรมากขึ้น แต่ยังไงเรื่องนี้ก็ส่งผลต่อความรู้สึกของเธออยู่ดี
“คงต้องสักพักนั่นแหละค่ะ จนกว่าพี่กับรสจะหาทางหว่านล้อมพ่อของพวกเราได้”
ธาราเงียบเสียง ท่าทางเงียบหงอยมากขึ้นไปอีก อัคคีจึงใช้มือข้างหนึ่งเชยคางหญิงสาวให้เงยหน้าสบตากับเขา
“น้ำ...เราคุยกันแล้วไงคะ น้ำมาทำหน้าเศร้าแบบนี้พี่ไม่สบายใจเลยนะ ยิ้มให้พี่หน่อยสิคะคนดี”
คนฟังเม้มปากก่อนจะพยายามปั้นยิ้มส่งให้ อัคคีจึงก้มลงหอมแก้มนวลราวกับให้รางวัล
“เก่งมากค่ะคนดีของพี่ เอ้อ...ว่าแต่น้ำจะสอบเสร็จเมื่อไหร่คะ”
“ปลายเดือนหน้าค่ะ แต่เหลือคลาสที่ต้องเข้าอีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น”
“อืม...อีกแค่เดือนกว่าๆ เอง ไม่แน่นะ...ตอนน้ำสอบเสร็จก็อาจจะมีข่าวดีของเราเลยก็ได้”
“จริงๆ หรือคะพี่คี” ธาราดวงตาเป็นประกายเมื่อได้ยินถ้อยคำที่เป็นดังคำสัญญาจากชายคนรัก อัคคีคลี่ยิ้มลดใบหน้าเข้าหาหญิงสาว
“ค่ะ พี่จะพยายามเพื่อความรักของเรานะคะ” อัคคีก้มลงจูบริมฝีปากบางทันทีที่พูดจบ สัมผัสลึกล้ำจึงเริ่มต้นอีกครั้งราวกับเป็นหนึ่งในสิ่งผูกมัดให้สายใยของทั้งสองแนบแน่นขึ้น
ทางด้านรสสุคนธ์ หลังจากที่วางสายแล้วหญิงสาวก็เดินวนไปมาภายในห้องนอนของตนด้วยความฉุนเฉียว ใบหน้าของเธอบูดเบี้ยวเมื่อสุดท้ายแผนการของเธอก็พังลงอีกครั้งเพราะความดื้อด้านของธาราที่ไม่ยอมปล่อยมือจากอัคคีแม้กระทั่งตอนนี้
โง่ที่สุด! อุตส่าห์ลงมือทำขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่ยอมถอยออกไปอีก
ร่างบางครุ่นคิดหนัก เผลอยกมือขึ้นกัดเล็บเมื่อสติและอารมณ์เริ่มกระเจิดกระเจิง ไม่หรอก...เธอยังไม่แพ้ ในเมื่อเธอยังมีตัวช่วยและโอกาสอีกมาก เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไง อัคคีก็ต้องเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ดวงตากลมสวยสว่างวาบ ก่อนที่เธอจะเร่งฝีเท้าไปหาบิดาที่ห้องทำงาน
“รส มีอะไรหรือลูก”
“คุณพ่อช่วยติดต่ออาอรรถให้รสหน่อยสิคะ”
เกรียงไกรเลิกคิ้วมองบุตรสาวอย่างแปลกใจ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากและให้ในสิ่งที่หญิงสาวต้องการ