พ่อลูก
“พ่อ.....ร้อน” เสียงใสของเด็กชายเสื้อสีส้มที่แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเก่าหม่นหมอง เด็กชายจับมือของพ่อเดินไปตามถนนใต้แสงแดดร้อนจัดในเวลาเที่ยงวัน เด็กชายวัยเจ็ดขวบที่ไม่ได้เข้าเรียนหนังสืออย่างเด็กคนอื่นทั่วไปด้วยฐานะทางบ้านยากจน
ประกอบผู้เป็นพ่อมองหาต้นไม้ให้ลูกได้พักให้คลายจากความร้อน คุณพ่อวัยสามสิบห้าที่ถูกภรรยาทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี เขาเคยรับจ้างทำงานก่อสร้างในตัวจังหวัดหนึ่งพร้อมกับการเลี้ยงลูก แต่เพราะข่าวคราวจากเมียรักเข้าหูว่าเธอมีชายอื่นในชีวิต เขาจึงหอบลูกเข้ามาตามหาเมียด้วยเงินติดตัวไม่กี่ร้อยบาท จนได้รู้ว่าเธอมีชายคนใหม่อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอน
คนเป็นแม่ที่ไม่แลเหลียวแม้เสียงร้องไห้ของเด็กชายที่เธอให้กำเนิด เธอขับไล่ไสส่งประกอบและลูกออกไปจากชีวิตเช่นหมูหมา น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มพร้อมกับการพาลูกชายกลับบ้าน แต่เมื่อเขามีเงินติดตัวไม่ถึงร้อยบาทจึงต้องพาลูกชายเดินกลับอย่างไร้จุดหมายในเมืองใหญ่
จากคืนเป็นวัน จากวันเป็นอาทิตย์ที่เขายังไม่สามารถพาลูกกลับบ้านได้ ทำให้ชีวิตของคนทั้งสองตกอยู่ในความลำบากเจียนตายไม่มีแม้ข้าวจะกิน เสื้อผ้าเก่าตัวเดิมที่ใส่ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนถ่าย อาศัยเพียงวัดเพื่ออาศัยให้ลูกได้หลับนอน แต่หากวันไหนไม่เจอวัดก็ต้องอดทนหิวโหยต่อความยากลำบาก
“เจ็บพ่อ...” ส้นพื้นรองเท้าขาดเป็นรูจนเห็นพื้นดิน เด็กชายอาวุธส่งมันให้พ่อก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้ริมทาง อากาศที่ร้อนอบอ้าวบนถนนโดยไม่มีน้ำตกถึงท้องเรียกอาการหน้ามืดเวียนหัวได้ดีทีเดียว
“ใส่ของพ่อไปก่อน ใส่ได้เปล่า...”
“ใหญ่ ใส่ไม่ได้หรอกพ่อ”
“งั้นขี่คอ เอาไหม...” ข้อเสนอนี้ทำให้เด็กชายยิ้มออกมาได้แม้จะเหนื่อยอ่อน เด็กชายพยักหน้าและเอนตัวพิงพ่อเมื่อเขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว
มองออกไปไม่ไกลมีปั๊มน้ำมันและตลาดที่เป็นแหล่งขายของทั้งอาหารและสิ่งจำเป็นต้องใช้ แต่เขาก็ไม่มีปัญญาจะไปซื้อหาข้าวของให้กับลูกได้อย่างที่ควรเป็น ชีวิตกรรมกรก่อสร้างหาเลี้ยงลูกตั้งแต่แรกเกิดจนทุกวันนี้ก็คิดว่าน่าอดสูเต็มแรง กลับต้องมาถูกเมียทิ้งไม่เหลียวแลในวันที่ทุกข์ท้อ เงินทองคงเป็นสิ่งที่เมียรักเลือกที่จะไปจากเขา เมื่อเขาที่แสนยากจนคงไม่อาจพาชีวิตเธอสุขสบาย สงสารก็แต่เด็กชายที่ต้องมาขาดแม่และใช้ชีวิตแบบนี้
“หิวไหม..” ประกอบหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าพร้อมกับการเอ่ยถามลูกชาย ก่อนที่เขาจะเอากล้วยหนึ่งหวีที่หลวงตาให้มาเมื่อวันก่อนออกมา มันเริ่มมีสีดำคล้ำไม่สวยด้วยอบอ้าวในกระเป๋า แต่ก็ยังคงความเป็นกล้วยที่บรรเทาความหิวแก่คนหิวโหยได้แน่นอน
“........” เด็กชายยิ้มร่ารับกล้วยจากมือพ่อสองลูก เขากินมันอย่างอร่อยเมื่อตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรถึงท้อง เดินผ่านร้านกับข้าวร้านขนมที่น่ากินพ่อก็ไม่พาซื้อ จนตอนนี้พระอาทิตย์ตรงหัวพ่อถึงให้กินกล้วย
คนเป็นพ่อเห็นลูกอิ่มก็แสนสุขใจ เขาเก็บกล้วยที่เหลือลงในกระเป๋าเพราะไม่รู้ว่าเดินอีกไกลไหมจะเจอวัด หากพ่ออดแต่ลูกอิ่มก็เป็นสุข ให้เหนื่อยยากลำบากแค่ไหนก็คงไม่เท่าเหนื่อยใจที่ลูกต้องมาทนหิวกับพ่อ
“พ่อไม่กินเหรอ...” เด็กชายหันมาถามตาใสเมื่อกินกล้วยลูกที่สองหมด
“อิ่มแล้ว.. อิ่มไหม.. เอาอีกเปล่า...”
“.......” อาวุธส่ายหัวทั้งที่ก็ยังไม่อิ่ม เขาเป็นเด็กแต่ก็ดูออกว่าพ่อยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า
เหตุการณ์ที่แม่ร้องด่าไล่เขากับพ่อยังจดจำในหัว เขาเข้าใจทุกอย่างได้ดีว่าแม่ทิ้งเขากับพ่อไปแล้ว แต่นับจากวันที่จำความได้เขาก็มีแค่พ่อเท่านั้นที่เลี้ยงดู ไปนอนในที่ก่อสร้างกับที่นอนเก่า ๆ หรือนั่งมองพ่อหาปลาริมหนองก็มีแต่พ่อ ชีวิตของเขามีแค่พ่อมาแต่ไหนแต่ไร แต่การเสียใจร้องไห้เพราะคนที่พ่อบอกว่าแม่ไปทำงานหาเงินมาส่งหนูเรียนคือใคร และคนนั้นกลับไม่มีทีท่ารักเขาสักนิด
++++++++
อากาศยามเที่ยงหลังจากกินอิ่มและลมเย็นๆ ปะทะตัว เด็กชายอาวุธก็เกิดง่วงนอนและหลับใหลไปกับพื้นหญ้า ประกอบมองแล้วว่าลูกชายหลับจึงเอาผ้าขนหนูที่มันเคยเป็นสีชมพูคลุมตัวลูกชายไว้ ก่อนที่เขาจะอุ้มคนตัวเล็กสู่อ้อมอกราวกับลูกชายคือเด็กน้อยในเยาว์วัย
สองแขนแกร่งอุ้มลูกชายเดินไปตามท้องถนน หากมองจากสายตาเมื่อขับรถก็คงจะหกชั่วโมงได้ถึงบ้านเกิด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสองเท้าก็คงแรมเดือนกว่าที่เขาจะถึงบ้าน แม้บ้านหลังเล็กที่ไม่ต่างไปจากเศษไม้ใช้ปิดคลุม แต่ก็ยังเป็นพื้นที่บ้านที่เขารู้สึกปลอดภัยกว่าการเดินร่อนเร่แบบนี้
สองเท้าก้าวเดินไปกับแสงแดดและลูกชายที่ยังหลับใหล ประกอบผู้ไร้ญาติขาดมิตรนับแต่วันที่เขาจำความได้ เขาโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของชุมชนแออัดที่ข้าวของบริจาคเข้าไม่ถึง จนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าปิดตัวลงในวันที่เขาอายุได้สิบห้าปี เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองนับจากวันนั้นโดยอาศัยข้าวก้นบาตรที่วัดพร้อมกับการทำงานรับจ้างทั่วไป งานก่อสร้างที่เขาพอจะทำได้โดยไม่ต้องใช้สมอง ด้วยหน้าตาหล่อเหลาและมีนิสัยโอบอ้อมอารีหลวงตาจึงให้ไปปลูกบ้านอยู่ที่ริมป่าช้า เขาถือว่านั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตแม้ว่าจะไม่ใช่เจ้าของ และเขาก็ได้พบรักกับหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันตอนที่เขาอายุได้ยี่สิบปี
การพบรักกับหญิงสาวชาวบ้านที่อยู่หน้าวัดทำให้เขามีความสุข เขาตั้งใจทำงานหวังจะเก็บเงินมาตบแต่งหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วยใจหมาย จนเฒ่าแก่ที่จ้างงานเห็นใจในความมุ่งมานะออกเงินให้เขาได้ตบแต่งจนมีครอบครัว ชีวิตก็ดูจะมีความสุขเมื่อเขาเป็นคนขยันหนักเอาเบาสู้ ทำงานใช้หนี้เฒ่าแก่และหาเลี้ยงเมียรัก
แต่เพราะเงินซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญจึงทำให้แก้วใจผู้เป็นเมียคิดตีจากไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไปทำงานได้สองเดือนก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับเด็กในท้อง ประกอบดีใจอย่างมากที่เขาจะได้เป็นพ่อคนอย่างใครเขา แม้จะแอบขัดข้องใจว่าเหตุใดจึงท้องเมื่อเธอไปทำงานที่แดนไกล จนแก้วใจคลอดลูกและกลับไปทำงานอีกครั้งและไม่กลับมาอีกเลยในช่วงเวลาหกปีเต็ม
ประกอบทำงานหาเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวอย่างไม่ย่อท้อ เขาไม่คิดร้องถามความรักจากคนเป็นแม่ที่ทำให้ลูกเกิด แต่เมื่อลูกเติบโตจนมีคำถามและความสงสัย สร้างให้จิตใจใคร่รู้และคิดว่าเธอน่าจะมีชายอื่น จึงทำให้เขาเดินทางออกจากบ้านมาพบกับความลำบากเช่นนี้
มือหยาบของพ่อลูบลงบนหัวของลูกด้วยความรัก เกิดมาไร้แม่แล้วยังต้องมาลำบากตากแดดลมให้แสบร้อน ไม่สุขสบายอย่างลูกใครเขาที่ได้กินดีและอยู่ดี
“อื้อ....” เด็กชายลืมตาในผ้าขนหนูก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าพ่อกำลังอุ้มเดินไปข้างหน้า
“ตื่นแล้วเหรอ...”
“ใกล้ถึงบ้านยังพ่อ..” ไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ที่เด็กชายเอ่ยถามด้วยความสงสัย หากแต่สองหูก็ยังได้ยินเสียงรถราวิ่งสวนกันไปมา แต่ปากก็ยังอยากจะถามเมื่อเขาไม่อยากที่จะเดินตากแดดแบบนี้
“นอนไป เดี๋ยวพ่ออุ้มกลับบ้าน” เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรให้ลูกชายเข้าใจว่ามันยังไกลแสนไกลลูกชายเอ๋ย พ่อนี้มีกรรมไม่สามารถทำให้ลูกสุขสบายได้
“เดินได้พ่อ ตื่นแล้ว...”
“รองเท้าขาดไม่ใช่เหรอ!!” คนเป็นพ่อว่าแต่ตามองไปยังทางเดิน สองแขนก็กระชับร่างกายลูกชายมั่น แม้จะอ่อนล้าด้วยอุ้มเด็กชายวัยเจ็ดขวบมาร่วมสองชั่วโมง แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันยากลำบากต่อร่างกายสักนิด
“พ่อเหนื่อย วุธเดินได้... พ่อบอกเป็นลูกผู้ชายต้องแข็งแรงไง”
“.......” ประกอบยิ้มก่อนที่จะวางลูกชายลงกับพื้น เขาเอาผ้าโพกหัวลูกชายเพราะกลัวจะไม่สบาย
“พ่อ แล้วคืนนี้เราจะนอนที่ไหน” เด็กชายถามขณะที่จับมือพ่อเดินไปตามถนน สองเท้าเต็มไปด้วยฝุ่นดินที่มันกระจายเกาะเท้าและขาจนแยกไม่ออก “นอนศาลาก็ได้นะพ่อ ดูท่าจะไม่มีวัด นอนที่ไหนก็เหมือนกันถ้ามันนอนหลับ ใช่ไหมพ่อ!!”
“เออ.. ให้มันนอนหลับก็พอ ฮ่า ๆ ๆ” แต่ความยากลำบากก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องทุกข์ท้อจนยิ้มออกมาไม่ได้ ความสุขจากลูกชายที่เงินทองมากมายแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้ ความสุขจากความรักที่รวยล้นฟ้าแค่ไหนก็ไม่มีวันได้เจอ...