bc

เงาแห่งรัก

book_age18+
267
FOLLOW
1.8K
READ
drama
sweet
like
intro-logo
Blurb

สองเท้าก้าวเดินไปกับแสงแดดและลูกชายที่ยังหลับใหล ประกอบผู้ไร้ญาติขาดมิตรนับแต่วันที่เขาจำความได้ เขาโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของชุมชนแออัดที่ข้าวของบริจาคเข้าไม่ถึง จนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าปิดตัวลงในวันที่เขาอายุได้สิบห้าปี เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองนับจากวันนั้นโดยอาศัยข้าวก้นบาตรที่วัดพร้อมกับการทำงานรับจ้างทั่วไป งานก่อสร้างที่เขาพอที่จะทำได้โดยไม่ต้องใช้สมอง ด้วยหน้าตาหล่อเหลาและมีนิสัยโอบอ้อมอารีหลวงตาจึงให้ไปปลูกบ้านอยู่ที่ริมป่าช้า เขาถือว่านั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตแม้ว่าจะไม่ใช่เจ้าของ และเขาก็ได้พบรักกับหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันตอนที่เขาอายุได้ยี่สิบปี

chap-preview
Free preview
พ่อลูก
“พ่อ.....ร้อน” เสียงใสของเด็กชายเสื้อสีส้มที่แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเก่าหม่นหมอง  เด็กชายจับมือของพ่อเดินไปตามถนนใต้แสงแดดร้อนจัดในเวลาเที่ยงวัน  เด็กชายวัยเจ็ดขวบที่ไม่ได้เข้าเรียนหนังสืออย่างเด็กคนอื่นทั่วไปด้วยฐานะทางบ้านยากจน ประกอบผู้เป็นพ่อมองหาต้นไม้ให้ลูกได้พักให้คลายจากความร้อน คุณพ่อวัยสามสิบห้าที่ถูกภรรยาทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี  เขาเคยรับจ้างทำงานก่อสร้างในตัวจังหวัดหนึ่งพร้อมกับการเลี้ยงลูก  แต่เพราะข่าวคราวจากเมียรักเข้าหูว่าเธอมีชายอื่นในชีวิต เขาจึงหอบลูกเข้ามาตามหาเมียด้วยเงินติดตัวไม่กี่ร้อยบาท  จนได้รู้ว่าเธอมีชายคนใหม่อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอน คนเป็นแม่ที่ไม่แลเหลียวแม้เสียงร้องไห้ของเด็กชายที่เธอให้กำเนิด   เธอขับไล่ไสส่งประกอบและลูกออกไปจากชีวิตเช่นหมูหมา  น้ำตาลูกผู้ชายไหลอาบแก้มพร้อมกับการพาลูกชายกลับบ้าน  แต่เมื่อเขามีเงินติดตัวไม่ถึงร้อยบาทจึงต้องพาลูกชายเดินกลับอย่างไร้จุดหมายในเมืองใหญ่ จากคืนเป็นวัน จากวันเป็นอาทิตย์ที่เขายังไม่สามารถพาลูกกลับบ้านได้  ทำให้ชีวิตของคนทั้งสองตกอยู่ในความลำบากเจียนตายไม่มีแม้ข้าวจะกิน  เสื้อผ้าเก่าตัวเดิมที่ใส่ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ก็ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนถ่าย  อาศัยเพียงวัดเพื่ออาศัยให้ลูกได้หลับนอน แต่หากวันไหนไม่เจอวัดก็ต้องอดทนหิวโหยต่อความยากลำบาก  “เจ็บพ่อ...” ส้นพื้นรองเท้าขาดเป็นรูจนเห็นพื้นดิน  เด็กชายอาวุธส่งมันให้พ่อก่อนจะนั่งลงใต้ต้นไม้ริมทาง อากาศที่ร้อนอบอ้าวบนถนนโดยไม่มีน้ำตกถึงท้องเรียกอาการหน้ามืดเวียนหัวได้ดีทีเดียว    “ใส่ของพ่อไปก่อน ใส่ได้เปล่า...”   “ใหญ่ ใส่ไม่ได้หรอกพ่อ”  “งั้นขี่คอ เอาไหม...” ข้อเสนอนี้ทำให้เด็กชายยิ้มออกมาได้แม้จะเหนื่อยอ่อน  เด็กชายพยักหน้าและเอนตัวพิงพ่อเมื่อเขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว มองออกไปไม่ไกลมีปั๊มน้ำมันและตลาดที่เป็นแหล่งขายของทั้งอาหารและสิ่งจำเป็นต้องใช้  แต่เขาก็ไม่มีปัญญาจะไปซื้อหาข้าวของให้กับลูกได้อย่างที่ควรเป็น  ชีวิตกรรมกรก่อสร้างหาเลี้ยงลูกตั้งแต่แรกเกิดจนทุกวันนี้ก็คิดว่าน่าอดสูเต็มแรง  กลับต้องมาถูกเมียทิ้งไม่เหลียวแลในวันที่ทุกข์ท้อ เงินทองคงเป็นสิ่งที่เมียรักเลือกที่จะไปจากเขา เมื่อเขาที่แสนยากจนคงไม่อาจพาชีวิตเธอสุขสบาย   สงสารก็แต่เด็กชายที่ต้องมาขาดแม่และใช้ชีวิตแบบนี้  “หิวไหม..” ประกอบหาอะไรบางอย่างในกระเป๋าพร้อมกับการเอ่ยถามลูกชาย ก่อนที่เขาจะเอากล้วยหนึ่งหวีที่หลวงตาให้มาเมื่อวันก่อนออกมา มันเริ่มมีสีดำคล้ำไม่สวยด้วยอบอ้าวในกระเป๋า แต่ก็ยังคงความเป็นกล้วยที่บรรเทาความหิวแก่คนหิวโหยได้แน่นอน  “........” เด็กชายยิ้มร่ารับกล้วยจากมือพ่อสองลูก เขากินมันอย่างอร่อยเมื่อตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรถึงท้อง เดินผ่านร้านกับข้าวร้านขนมที่น่ากินพ่อก็ไม่พาซื้อ จนตอนนี้พระอาทิตย์ตรงหัวพ่อถึงให้กินกล้วย คนเป็นพ่อเห็นลูกอิ่มก็แสนสุขใจ เขาเก็บกล้วยที่เหลือลงในกระเป๋าเพราะไม่รู้ว่าเดินอีกไกลไหมจะเจอวัด  หากพ่ออดแต่ลูกอิ่มก็เป็นสุข ให้เหนื่อยยากลำบากแค่ไหนก็คงไม่เท่าเหนื่อยใจที่ลูกต้องมาทนหิวกับพ่อ  “พ่อไม่กินเหรอ...” เด็กชายหันมาถามตาใสเมื่อกินกล้วยลูกที่สองหมด  “อิ่มแล้ว.. อิ่มไหม.. เอาอีกเปล่า...”  “.......” อาวุธส่ายหัวทั้งที่ก็ยังไม่อิ่ม เขาเป็นเด็กแต่ก็ดูออกว่าพ่อยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า เหตุการณ์ที่แม่ร้องด่าไล่เขากับพ่อยังจดจำในหัว เขาเข้าใจทุกอย่างได้ดีว่าแม่ทิ้งเขากับพ่อไปแล้ว  แต่นับจากวันที่จำความได้เขาก็มีแค่พ่อเท่านั้นที่เลี้ยงดู  ไปนอนในที่ก่อสร้างกับที่นอนเก่า ๆ  หรือนั่งมองพ่อหาปลาริมหนองก็มีแต่พ่อ ชีวิตของเขามีแค่พ่อมาแต่ไหนแต่ไร  แต่การเสียใจร้องไห้เพราะคนที่พ่อบอกว่าแม่ไปทำงานหาเงินมาส่งหนูเรียนคือใคร และคนนั้นกลับไม่มีทีท่ารักเขาสักนิด ++++++++ อากาศยามเที่ยงหลังจากกินอิ่มและลมเย็นๆ ปะทะตัว  เด็กชายอาวุธก็เกิดง่วงนอนและหลับใหลไปกับพื้นหญ้า  ประกอบมองแล้วว่าลูกชายหลับจึงเอาผ้าขนหนูที่มันเคยเป็นสีชมพูคลุมตัวลูกชายไว้ ก่อนที่เขาจะอุ้มคนตัวเล็กสู่อ้อมอกราวกับลูกชายคือเด็กน้อยในเยาว์วัย สองแขนแกร่งอุ้มลูกชายเดินไปตามท้องถนน หากมองจากสายตาเมื่อขับรถก็คงจะหกชั่วโมงได้ถึงบ้านเกิด แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสองเท้าก็คงแรมเดือนกว่าที่เขาจะถึงบ้าน  แม้บ้านหลังเล็กที่ไม่ต่างไปจากเศษไม้ใช้ปิดคลุม  แต่ก็ยังเป็นพื้นที่บ้านที่เขารู้สึกปลอดภัยกว่าการเดินร่อนเร่แบบนี้ สองเท้าก้าวเดินไปกับแสงแดดและลูกชายที่ยังหลับใหล ประกอบผู้ไร้ญาติขาดมิตรนับแต่วันที่เขาจำความได้  เขาโตในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของชุมชนแออัดที่ข้าวของบริจาคเข้าไม่ถึง จนสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าปิดตัวลงในวันที่เขาอายุได้สิบห้าปี  เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองนับจากวันนั้นโดยอาศัยข้าวก้นบาตรที่วัดพร้อมกับการทำงานรับจ้างทั่วไป  งานก่อสร้างที่เขาพอจะทำได้โดยไม่ต้องใช้สมอง  ด้วยหน้าตาหล่อเหลาและมีนิสัยโอบอ้อมอารีหลวงตาจึงให้ไปปลูกบ้านอยู่ที่ริมป่าช้า  เขาถือว่านั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตแม้ว่าจะไม่ใช่เจ้าของ  และเขาก็ได้พบรักกับหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันตอนที่เขาอายุได้ยี่สิบปี การพบรักกับหญิงสาวชาวบ้านที่อยู่หน้าวัดทำให้เขามีความสุข เขาตั้งใจทำงานหวังจะเก็บเงินมาตบแต่งหญิงสาวอันเป็นที่รักด้วยใจหมาย  จนเฒ่าแก่ที่จ้างงานเห็นใจในความมุ่งมานะออกเงินให้เขาได้ตบแต่งจนมีครอบครัว  ชีวิตก็ดูจะมีความสุขเมื่อเขาเป็นคนขยันหนักเอาเบาสู้ ทำงานใช้หนี้เฒ่าแก่และหาเลี้ยงเมียรัก แต่เพราะเงินซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญจึงทำให้แก้วใจผู้เป็นเมียคิดตีจากไปทำงานที่กรุงเทพฯ ไปทำงานได้สองเดือนก็กลับมาที่บ้านพร้อมกับเด็กในท้อง ประกอบดีใจอย่างมากที่เขาจะได้เป็นพ่อคนอย่างใครเขา แม้จะแอบขัดข้องใจว่าเหตุใดจึงท้องเมื่อเธอไปทำงานที่แดนไกล  จนแก้วใจคลอดลูกและกลับไปทำงานอีกครั้งและไม่กลับมาอีกเลยในช่วงเวลาหกปีเต็ม ประกอบทำงานหาเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวอย่างไม่ย่อท้อ เขาไม่คิดร้องถามความรักจากคนเป็นแม่ที่ทำให้ลูกเกิด แต่เมื่อลูกเติบโตจนมีคำถามและความสงสัย สร้างให้จิตใจใคร่รู้และคิดว่าเธอน่าจะมีชายอื่น  จึงทำให้เขาเดินทางออกจากบ้านมาพบกับความลำบากเช่นนี้ มือหยาบของพ่อลูบลงบนหัวของลูกด้วยความรัก  เกิดมาไร้แม่แล้วยังต้องมาลำบากตากแดดลมให้แสบร้อน ไม่สุขสบายอย่างลูกใครเขาที่ได้กินดีและอยู่ดี  “อื้อ....” เด็กชายลืมตาในผ้าขนหนูก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าพ่อกำลังอุ้มเดินไปข้างหน้า  “ตื่นแล้วเหรอ...”  “ใกล้ถึงบ้านยังพ่อ..” ไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ที่เด็กชายเอ่ยถามด้วยความสงสัย หากแต่สองหูก็ยังได้ยินเสียงรถราวิ่งสวนกันไปมา แต่ปากก็ยังอยากจะถามเมื่อเขาไม่อยากที่จะเดินตากแดดแบบนี้  “นอนไป เดี๋ยวพ่ออุ้มกลับบ้าน” เพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรให้ลูกชายเข้าใจว่ามันยังไกลแสนไกลลูกชายเอ๋ย  พ่อนี้มีกรรมไม่สามารถทำให้ลูกสุขสบายได้  “เดินได้พ่อ ตื่นแล้ว...”  “รองเท้าขาดไม่ใช่เหรอ!!” คนเป็นพ่อว่าแต่ตามองไปยังทางเดิน สองแขนก็กระชับร่างกายลูกชายมั่น แม้จะอ่อนล้าด้วยอุ้มเด็กชายวัยเจ็ดขวบมาร่วมสองชั่วโมง แต่เขาก็ไม่รู้สึกว่ามันยากลำบากต่อร่างกายสักนิด  “พ่อเหนื่อย วุธเดินได้... พ่อบอกเป็นลูกผู้ชายต้องแข็งแรงไง”  “.......” ประกอบยิ้มก่อนที่จะวางลูกชายลงกับพื้น เขาเอาผ้าโพกหัวลูกชายเพราะกลัวจะไม่สบาย   “พ่อ แล้วคืนนี้เราจะนอนที่ไหน” เด็กชายถามขณะที่จับมือพ่อเดินไปตามถนน สองเท้าเต็มไปด้วยฝุ่นดินที่มันกระจายเกาะเท้าและขาจนแยกไม่ออก  “นอนศาลาก็ได้นะพ่อ ดูท่าจะไม่มีวัด นอนที่ไหนก็เหมือนกันถ้ามันนอนหลับ ใช่ไหมพ่อ!!”  “เออ.. ให้มันนอนหลับก็พอ ฮ่า ๆ ๆ” แต่ความยากลำบากก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องทุกข์ท้อจนยิ้มออกมาไม่ได้ ความสุขจากลูกชายที่เงินทองมากมายแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้  ความสุขจากความรักที่รวยล้นฟ้าแค่ไหนก็ไม่มีวันได้เจอ...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
5.5K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.9K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.2K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
32.2K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.9K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook