๑๐ แค่ฝันไป

1637 Words
๑๐ แค่ฝันไป กาแฟในแก้วเย็นชืดไปหมดแล้ว แต่เจ้าของกลับยังเหม่อมองออกไปข้างนอกด้วยความรู้สึกที่ไม่มีใครคาดเดาได้ถูก คนเป็นแม่ที่ได้แต่นั่งมองลูกสาวมานานก็อดรนทนไม่ไหว จึงเอ่ยออกมาในที่สุด “หนูดาว คิดอะไรอยู่ คุยกับแม่ได้นะ” คนที่จมอยู่ในภวังค์หันไปมองมารดา พลางยิ้มเจื่อน “ก็ คิดไปเรื่อยค่ะ” คนเป็นแม่ไม่เชื่อ พลางเอ่ยถามถึงเรื่องคืนที่ผ่านมา “แล้วตกลงได้คุยกับพี่เขารู้เรื่องไหม เรื่องคืนข้าวของ” หญิงสาวหัวใจกระตุก รู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั้งใบหน้าและร่างกาย เพราะเมื่อถูกถามถึงเรื่องนี้ ทำให้อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตนกับอารัญไม่ได้เลย อาการหน้าแดงเรื่อของบุตรสาวและหลบสายตาวูบวาบนั้นทำให้คนเป็นแม่ต้องหรี่ตาแคบมองอย่างจับผิด “มีอะไรหรือเปล่า” เมื่อคืนท่านกับสามีไปร่วมงานเลี้ยงจึงกลับดึก เมื่อกลับมาถึงบ้านสาวใช้ก็บอกว่าประกายดาวกลับมาและเข้าห้องนอนไปแล้ว ท่านเห็นว่าดึกมากแล้วจึงไม่ได้กวน พอตื่นเช้ามาเจอลูกสาวนั่งเหม่อก็ได้แต่แปลกใจ ว่าคืนที่ผ่านมามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า ยิ่งเห็นท่าทางของลูกสาวตอนนี้ก็ยิ่งคิดดีไม่ได้เลย “ไม่มีค่ะ หนูดาวพูดกับพี่อาร์มเรียบร้อยแล้ว พี่อาร์มยอมรับแล้ว จะไม่ส่งของมาให้อีก คุณแม่ไม่โกรธนะคะ ที่หนูดาวตัดสินใจแบบนี้” คุณลดาส่ายหน้า ท่านเข้าใจลูกดี เพราะยิ่งเห็นข้าวของของอดีตสามี ประกายดาวก็คงลืมไม่ได้เสียทีนั่นเอง “แม่เข้าใจ หนูไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ บ้านเราไม่ใช่ยากจนข้นแค้น ก็มีกินมีใช้เหมือนกัน ถ้าหนูอยากได้เครื่องเพชรแม่ไปขนที่ร้านมาให้เลือกก็ได้ อยากได้ทั้งร้านก็ยังได้ หรืออยากได้ห้องชุดเพิ่มสักสองสามห้อง ก็ไปเลือกที่โครงการของพ่อหรือไม่ก็ไปเลือกในโครงการอื่นที่หนูชอบ” คนเป็นแม่บอกยิ้มๆ โชว์กันไปเลยว่าบ้านเราก็รวย ไม่จำเป็นต้องรับของของคนอื่นมาอีก ลูกสาวยิ้มหวาน น้ำตาคลอ ลุกจากเก้าอี้ตัวเล็กเดินไปนั่งข้างมารดาแล้วซบกอดท่านอย่างรักใคร่และตื้นตันใจอย่างสุดประมาณ “หนูดาวรักแม่ที่สุดเลยค่ะ” คุณลดายิ้มอ่อนโยน พลางจูบศีรษะได้รูปของลูกสาวอย่างรักใคร่สุดหัวใจ “แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเหมือนกัน จำไว้นะ ไม่ว่าหนูจะมีปัญหาหนักหนาแค่ไหน หากต้องการความช่วยเหลือ ให้คิดถึงแม่เป็นคนแรก แม่จะอยู่ข้างๆ หนูเสมอ พ่อก็ด้วย พ่อพร้อมจะซัปพอร์ตหนูตลอดเวลา” หญิงสาวยิ้มตอบท่าน พอดีที่บิดาเดินเข้ามาสมทบ “สองแม่ลูกหวานกันแต่เช้าเลยนะ ว่าแต่เมื่อวานเรียบร้อยไหมลูก” เมื่อบิดาเอ่ยถาม หญิงสาวก็ตอบท่านออกไปเหมือนที่ตอบมารดา จากนั้นสามคนพ่อแม่ลูกก็เริ่มดื่มกาแฟกันอีกครั้ง พร้อมกับมีเรื่องมากมายมาพูดคุย เคล้าเสียงหัวเราะเบาๆ ประกายดาวลอบผ่อนลมหายใจ เมื่อเอาตัวรอดจากการจับผิดของมารดาได้ บอกตนเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน และจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด เนื่องจากเป็นวันหยุด อารัญจึงยังคงนอนอยู่บนเตียงกว้างภายในบ้านที่เขาใช้ชีวิตมาตั้งแต่เด็ก ในห้องนอนที่เคยยกให้ใครบางคนครอบครอง เมื่อคืนเขาขับรถของประกายดาวพาหล่อนไปส่งจนถึงบ้าน โดยให้ธนินท์ขับรถตามไปอีกคัน จากนั้นก็บอกให้อีกฝ่ายขับรถมาส่งเขาที่บ้านแทนที่จะเป็นเพนต์เฮาส์ ดวงตาคมกริบทอดมองไปบนเพดาน กำลังคิดถึงเหตุการณ์คืนที่ผ่านมา ชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคง ดวงตาสีเข้มไปหยุดยังกรอบรูป เอื้อมมือไปจับมันคว่ำหน้าลงกับโต๊ะข้างเตียง แล้วนอนหงายอีกครั้ง ร่างกายราวจะร้อนผ่าวขึ้นโดยไม่อาจยับยั้งเมื่อคิดถึงความใกล้ชิดระหว่างตนกับประกายดาว หล่อนก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่าใคร อารัญบอกตนเองเช่นนั้นซ้ำๆ นับแต่ตื่น ทว่าความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวกลับสวนทางโดยสิ้นเชิง พลันอีกเสียงหนึ่งบอกขึ้นว่า เพราะว่าหล่อนพิเศษกว่าใครอย่างไร เขาถึงต้องทำเรื่องบ้าๆ ปล่อยหล่อนไปทั้งที่อยากเก็บหล่อนไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่สุดท้ายเป็นเขาที่แพ้ใจตัวเอง ย้อนไปในเหตุการณ์คืนที่ผ่านมา... “ดาว!” เสียงของเขาดังขึ้นพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่เข้าไปรองรับศีรษะของหญิงสาวเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่หล่อนจะฟาดลงบนพื้น ทั้งเขาและหล่อนต่างสบตากันนิ่งด้วยความตกใจ ก่อนที่เจ้าของร่างปวกเปียกจะหลับตาลงด้วยความรู้สึกมึนงงเสียมากกว่าจะเจ็บที่ล้มลงโดยมีร่างของเขาตามลงมา เวลานี้ทั้งเขาและหล่อนจึงกลายเป็นนอนเคียงกันไปบนพื้นอย่างน่าขัน ชายหนุ่มพลิกกายนอนหงาย อุทิศแขนข้างหนึ่งให้หล่อนหนุน สักพักจึงเอ่ยออกมา “ซุ่มซ่ามนะเรา รู้ว่าคออ่อนดื่มไม่เก่งยังจะดันทุรัง คราวหน้าอย่าไปดื่มที่ไหนแบบนี้อีกนะ รู้ไหม” เสียงดุๆ นั้นเหมือนเสียงที่ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง ซึ่งอยู่ไกลออกไป แต่ประกายดาวกลับได้ยินอย่างชัดเจน จึงยิ้มออกมาบางเบาราวกับอยู่ในห้วงฝัน หรือว่ากำลังฝันอยู่นะ “เป็นห่วงหนูดาวเหรอคะ” คนถูกถามชะงัก ก่อนจะเอียงใบหน้ามองคนข้างๆ ด้วยสายตาค้นคว้าราวจะอ่านว่าหล่อนมาแนวไหน แต่ดูแล้วน่าจะมาแนวเพ้อเสียมากกว่า เมาจนเริ่มรั่วว่างั้น เขาพลิกตัวนอนตะแคง มองคนที่หลับตานิ่ง แต่ใบหน้าเจือยิ้มน้อยๆ ด้วยสายตาวาววาม หลากหลายความรู้สึก พลางยกมือขึ้นไล้กรอบหน้าเรียวงามแผ่วเบาราวจะหยอกล้ออยู่กลายๆ “อยากให้ห่วงไหมล่ะ” แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงถามออกไปราวคนละเมอเช่นเดียวกัน คนถูกถามนิ่งไปนานราวจะขบคิด สมองดูท่าจะประมวลช้ากว่าปกติ “อยากสิคะ อยากให้พี่อาร์มห่วงหนูดาว คอยดูแลหนูดาว ฮือ” ร่างเล็กนุ่มนิ่มพลิกกายหันหน้าเข้าหา ไม่เพียงแค่นั้นยังลืมตาพร้อมกับยกมือขึ้นวางบนอกของเขา “พี่อาร์ม” คนที่นิ่งเกร็งไปอึดใจค่อยผ่อนลมหายใจออกมา แล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หืม?” คนตัวเล็กยิ้มพลางเขี่ยกระดุมเสื้อของเขาเอาไว้แผ่วๆ “พี่อาร์มไม่ชอบหนูดาวเลยสักนิดเหรอคะ ไม่ห่วงด้วยใช่ไหม ทำไมพี่อาร์มถึงอยากหย่ากับหนูดาวนักล่ะ” คนถามราวจะน้อยใจ เพราะน้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจืออาการสั่นเครือ จนเขาต้องรั้งร่างนั้นเข้ามาสวมกอดเอาไว้ด้วยความรู้สึกใจอ่อนยวบ และเจ้าตัวก็ยินยอมให้เขากอดแต่โดยดี หล่อนคงอยู่ในอาการมึนเมาจนเผลอตัวทำอะไรตามความรู้สึกส่วนลึก “ชอบสิ ห่วงมากด้วย” เขาตอบเสียงเบา พร้อมกับกดริมฝีปากลงบนขมับของหญิงสาว “แต่ก็ยังหย่า” เสียงอ่อนหวานเอ่ยออกมาอย่างตัดพ้อ ทำให้คนตัวโตรู้สึกอึดอัดใจอย่างที่สุด เขาหลุบตามองคนที่หลับตาอยู่กับอกของตนเอง พลางกระชับอ้อมแขนแล้วบอก “มันจำเป็น” “จำเป็นอะไร” เสียงของคนตัวเล็กยังดังออกมา ทำให้คนที่ถูกถามนิ่งเงียบไป “ตอบมาสิ ตอบหนูดาว” ไม่บอกเปล่าแต่มือน้อยๆ ยังประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ พลางเผยอเปลือกตาขึ้นมองใบหน้าคมคายที่ยามนี้ดูเบลอๆ แม้จะพยายามถ่างตาให้กว้างเพื่อมองเขาให้ชัด ก็ฝันอะเนอะ ภาพมันเลยไม่ค่อยชัดแบบนี้... หญิงสาวบอกตัวเอง พลางยิ้มเศร้า ขนาดในฝันเขายังไม่รัก ไม่สนใจหล่อนสักเท่าไรเลย อารัญรู้สึกพร่าเบลอไปชั่วขณะ ใบหน้าของเขาขยับเข้าใกล้เจ้าของใบหน้าหวาน แรงดึงดูดมหาศาลทำให้เขาไม่อาจยั้งใจเอาไว้ได้ ริมฝีปากได้รูปจดลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่ม แล้วเคล้าคลึงแผ่วเบาในคราแรก ก่อนจะลงน้ำหนักย้ำจริงจังในคราต่อไป เมื่อเรียวปากสีหวานเปิดออก ปลายลิ้นของเขาก็ซอนไซ้ ตวัดรัดรวบดูดปลายลิ้นอ่อนนุ่มและแทบจะไร้เดียงสานั้นอย่างเร่าร้อน เนื้อตัวอวบอุ่นเบียดเข้ามาในอ้อมแขนแกร่ง และกลมกลืนจนแทบกลายเป็นเนื้อเดียวเมื่อเขาพลิกร่างกำยำของตนทาบทับร่างกลมกลึงเอาไว้ใต้ร่างหนาหนัก คราวนี้ไม่มีคำทักท้วงห้ามปราม หล่อนดูเต็มใจและเชิญชวนเขาด้วยซ้ำไป เขาสองจิตสองใจ พยายามดึงอารมณ์ตัวเองให้อยู่ในการควบคุม แต่ความอ่อนหวานน่าใคร่ของหล่อนกับความปรารถนาที่เร้นลึกในใจของเขาเป็นตัวผลักดันให้เข้าหาหล่อนอย่างไม่ลดละ เสื้อตัวสวยถูกปลดออกเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ตามมาด้วยบราเซียร์สีสด เผยให้เห็นนวลเนื้ออวบหยุ่น เขาลูบไล้อย่างเบามือ ทำให้เจ้าของร่างแน่งน้อยห่อไหล่สะท้านไหว เสียงใสครางครวญออกมาแผ่วเบา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD