“ฮัลโหล พี่อาโปอยู่ไหนแล้ว” ศิลาเอ่ยพูดทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย
(ใกล้ถึงแล้วครับ)
“เคพี่ รีบมานะ”
(คิดถึงพี่เหรอ) น้ำเสียงของอาโปที่เอ่ยออกมานั้นฟังดูกรุ้มกริ่มจนศิลาเองก็จับพิรุธได้
“คิดถึงอะไรล่ะพี่” ศิลาถึงกับต้องถอนหายใจยาวออกมา
(ใจร้ายกับพี่จัง) อาโปเอ่ยเสียงอ้อน
“ผมกลัวจะเสียฤกษ์มากกว่าอะดิ ใกล้จะได้เวลาแล้วเนี่ย” ศิลาตอบกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
(คร้าบบบ พี่กำลังรีบไปครับ)
“เคๆ ขับรถดีๆ ครับ”
ศิลาพูดจบก็กดวางสายก่อนจะยัดมือถือลงในกระเป๋ากางเกง วันนี้ถือเป็นวันดีอีกวันหนึ่งในชีวิตของคนทั้งสอง เพราะเป็นวันที่จะทำให้เขาทั้งคู่ได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวกันจริงๆ จังๆ สักที ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มความมั่นคงในชีวิตของทั้งอาโปและศิลาได้ต่อไปในอนาคต
ศิลามาค้างที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน เพราะมีอะไรให้ต้องจัดการเต็มไปหมด และวันนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัวและเตรียมสถานที่ ศิลากลัวว่าถ้าอยู่บ้านแล้วมาสายมันจะทำอะไรๆ ไม่ทันเวลาเลยหอบเสื้อผ้ามานอนที่นี่มันซะเลย
เขาปัดกวาดเช็ดถูพื้นบริเวณชั้นหนึ่งจนสะอาดเอี่ยม จัดโต๊ะหมู่บูชาไว้ด้านในสุด พร้อมทั้งตระเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำบุญใหญ่ในเช้าวันนี้ไว้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังปูเสื่อและวางเบาะรองนั่งสำหรับพระสงฆ์ 9 รูปไว้ โดยที่ตอนนี้พระท่านมาถึงสถานที่เรียบร้อยแล้ว
แต่เขาไม่ได้ทำคนเดียวหรอกนะ เพราะมีลูกมือคอยช่วยอยู่อีกสองคน
กานต์กับเตชินท์ขับรถกันมาถึงที่นี่ตั้งแต่สี่โมงเย็นของเมื่อวาน มาช่วยเตรียมสถานที่และข้าวของที่จำเป็น ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านไปตอนสี่ทุ่ม เช้านี้ก็รีบมากันตั้งแต่ตีห้าอีก เพราะเห็นว่าศิลาทำอยู่คนเดียวไม่มีคนช่วย เนื่องจากอาโปติดงานแล้วต้องเลิกดึก ทั้งคู่ก็เลยรีบมาทันทีที่ศิลาไลน์ไปหา
แล้วก็เป็นไปตามคาด เพราะอาโปทำงานเลิกดึก อาจจะเพราะความเหน็ดเหนื่อยทำให้เช้านี้เขาก็เลยตื่นสายกว่าที่ตั้งใจไปสักหน่อย
ศิลาค่อนข้างว้าวุ่นใจเล็กน้อยที่อาโปตื่นสาย กลัวว่าจะมาไม่ทันฤกษ์งามยามดีที่อุตส่าห์ไปไขว่คว้าหามาจนได้ อย่างที่ใครหลายคนรู้ว่าอาโปคลั่งไคล้เรื่องมูเตลูมาก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องเช็กดวงหรือไหว้พระขอพร ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือก่อนทุกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันนี้...
วันเปิดธุรกิจใหม่ของอาโปและศิลา
AS Studio & Academy
เป็นธุรกิจเกี่ยวกับบริษัทด้านความบันเทิง รวมถึงเป็นโรงเรียนสอนเต้นและการแสดงที่อาโปตัดสินใจเปิดขึ้นเพื่อให้ศิลาได้มีส่วนร่วมในการบริหารด้วย
แล้วทำไมอาโปถึงตัดสินใจเปิดบริษัทนี้น่ะเหรอ
อธิบายกันอย่างง่ายๆ ก็คือ หลังจากเรียนจบแล้วทำงานมาหลายปี อาโปได้พยายามขอร้องให้ศิลาเลิกทำงานแล้วอยู่บ้านเฉยๆ ให้คอยทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้เขาก็เพียงพอแล้ว เพราะอาโปไม่อยากให้ศิลาต้องเหนื่อยเกินไป คนน้องอยากได้อะไรเขาก็จะหามาให้ มีเงินให้ใช้ทุกเดือนๆ จะได้ไม่ต้องลำบากตรากตรำทำงานหนัก
แต่ศิลาก็ปฏิเสธเพราะไม่อยากรับเงินมาใช้ไปวันๆ เขาไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ เขารู้สึกว่าตัวเองมีความสามารถ เขาอยากทำงานแลกเงิน ไม่อยากจะงอมืองอเท้าขอเงินจากอาโปแบบนั้น
ด้วยเหตุผลนี้เองอาโปจึงหาข้อสรุปที่จะแก้ไขปัญหานี้โดยที่ทั้งสองคนจะไม่ทะเลาะกัน นั่นก็คือเปิดธุรกิจของตัวเองไปเลย เพื่อที่จะได้ให้ศิลาเข้ามาทำงานภายใต้บริษัทแห่งนี้ที่เขาเป็นคนควบคุมดูแลทุกอย่าง เพราะเขาก็ไม่อยากให้ศิลาออกไปไหนมาไหนข้างนอกเพียงคนเดียว
ไอ้เพราะเป็นห่วงมันก็ใช่...
แต่อีกสาเหตุหนึ่งก็คือ เขาหวง...
เขาอยากให้ศิลาอยู่ในสายตาตลอดเวลา ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ไว้ใจศิลาหรอกนะ แต่เขาไม่ไว้ใจไอ้พวกคนที่จะเข้ามาหาศิลาตอนที่ไม่ได้อยู่กับเขามากกว่า
ก็เพราะว่าอาโปรักศิลาม้ากมากกก ฟูมฟักมาเป็นอย่างดี ทะนุถนอมมาก็ตั้งหลายปี...
จะมายอมให้ใครแตะกันง่ายๆ ได้ยังไง!