บทที่ 3 เอาไงล่ะทีนี้ Part 2

3061 Words
หลังจากที่ได้พูดคุยกันตั้งแต่วันนั้นผ่านไปไม่ถึงสามอาทิตย์ ทุกอย่างก็ถูกเนรมิตขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเกิดงานแคสติ้งในวันนี้ได้ เพียงแค่กานต์ไปเกริ่นพูดกับเตชินท์ว่าอาโปและศิลาต้องการอะไร เตชินท์ก็รีบรับคำทันทีแบบที่แทบจะไม่ต้องคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ สนิทกันมาตั้งนานเวลาเพื่อนฝูงพี่น้องมีเรื่องให้ช่วย ก็ต้องรีบช่วยด้วยความยินดีอยู่แล้ว “เอ้า! พี่เต หวัดดีครับ” ศิลาเอ่ยทักเมื่อเห็นเตชินท์เดินเข้ามาในสตูฯ “หวัดดีไอ้ศิลา ไม่เจอนานเลย” เตชินท์ทักทายอีกฝ่ายก่อนจะมองไปรอบๆ “แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” “พี่โปกับพี่กานต์อยู่ข้างบนอะพี่ กำลังเช็กความเรียบร้อยอยู่เลยครับ” “อ่อ...” “พี่เตกินไรมายังอะ เอาไรมั้ยพี่” “มีกาแฟป้ะ” “กาแฟร้อนนะพี่” ศิลาถามอีกฝ่ายเพื่อความชัวร์ “ได้ๆ พี่ไม่ติด” “งั้นเดี๋ยวผมให้ป้าพรเอาขึ้นไปให้ พี่ขึ้นไปนั่งพักข้างบนก่อนก็ได้ครับ” ศิลายิ้มแล้วพูดก่อนจะที่เตชินท์จะหันหลังเดินขึ้นชั้นบนไป สตาฟหลายคนเดินขวักไขว่กันไปมาทั่วบริเวณห้องสตูฯ ชั้นสอง โดยมีอาโปและกานต์คอยยืนควบคุมงานอยู่ไม่ห่าง ทั้งคู่ไม่เพียงแต่คอยดูความเรียบร้อยเพียงเท่านั้น แต่ก็ยังช่วยทั้งยกโต๊ะยกเก้าอี้ ช่วยจัดห้อง รวมไปถึงดูทีมงานเซ็ตกล้องและไฟเพื่อให้พร้อมสำหรับการแคสติ้งในวันนี้ “ไหนตอนแรกบอกว่าแคสต์ภายในเล็กๆ ไงวะพี่” เตชินท์เอ่ยทักทันทีที่เดินเข้ามาถึงด้านในห้อง “เอ้า ไอ้เต” อาโปเอ่ยทักแล้วเดินเข้าไปกอดผู้กำกับที่เป็นรุ่นน้องมาตั้งแต่สมัยเรียน “หวัดดีพี่ แคสต์ภายในแต่จัดซะใหญ่โตเลยนะ” เตชินท์แซว “ก็นิดนึงว่ะ เผื่อเก็บรูปไว้ใช้โปรโมทในเพจด้วยไง” อาโปตบไหล่เตชินท์ปุๆ แล้วเดินไปคุยกับสตาฟคนอื่นต่อ เพราะนี่ก็ใกล้เวลาเริ่มเต็มทีแล้ว “เดี๋ยวมึงนั่งซ้ายสุดเลยนะ มีป้ายชื่อมึงวางอยู่” กานต์เดินเข้ามาบอกเตชินท์ที่ยังยืนอยู่ตรงนั้น “เค ขอบใจมากมึง” “แดกไรป้ะ” กานต์เอ่ยถาม “กูสั่งกาแฟกับไอ้ศิลาไปแล้วอะ” “เคมึง” กานต์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วพูดต่อ “เดี๋ยวอีกแป๊บก็จะเริ่มละ กูไปทำงานต่อก่อน” “อื้อ” เตชินท์ตอบแล้วเดินไปนั่งยังตำแหน่งที่มีป้ายชื่อของตัวเองกำกับไว้ เขานั่งพักเล่นมือถือรออยู่ได้ไม่นาน ป้าพรก็เดินเอากาแฟเข้ามาเสิร์ฟให้ รอยยิ้มของป้าพรที่ส่งมาให้เตชินท์ในขณะที่กำลังวางแก้วกาแฟไว้ตรงหน้านั้นก็ทำเอาเตชินท์รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้าง “กาแฟค่ะ” “ขอบคุณครับ” เตชินท์ยิ้มตอบ อาโปและศิลาเดินตามเข้ามาหลังจากนั้น ทั้งคู่ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้กับป้าพรในขณะที่เดินสวนกันตรงประตูห้องซ้อมชั้นสอง ก่อนที่อาโปจะเดินไปนั่งประจำที่ของตัวเองบริเวณโต๊ะกรรมการ แล้วศิลาก็โอบกอดรอบคอคนพี่จากด้านหลังแล้วก้มลงหอมแก้มเพื่อให้กำลังใจจากนั้นก็เดินถอยออกไปอยู่ด้านหลังคอยสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ “ยิ่งคบยิ่งหวานนะเนี่ยยย” เตชินท์เอนหัวมาใกล้อาโปก่อนจะกระซิบแซว “ก็ปกตินะ” อาโปเอ่ยตอบพลางยิ้มขิงอีกฝ่าย “หมั่นไส้!” เตชินท์เบะปากใส่แรงก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะใส่กันจนเสียงดังออกมา ทำเอาสตาฟหลายคนต้องหันมามอง เสียงเดินต๊อกแต๊กๆ เข้ามาของร่างบางที่แต่งตัวเนี้ยบอย่างกานต์พร้อมกับครูสอนแอคติ้งประจำสตูฯ อีกคนหนึ่งดังขึ้น เขาพาครูแอคติ้งมานั่งประจำที่ข้างๆ อาโปก่อนจะพูดว่า “เดี๋ยวอีก 5 นาทีจะเริ่มแล้วนะครับ” “งั้นเดี๋ยวผมลงไปดูข้างล่างต่อนะ” ศิลาเดินเข้ามาบอกกานต์เมื่อได้ยินว่าการแคสติ้งกำลังเริ่มต้นขึ้น เพราะเกรงว่าจะไม่มีใครคอยดูแลด้านล่าง ถึงแม้ว่าวันนี้อาโปจะจ้างสตาฟมาช่วยงานเพิ่มแล้วก็ตาม... --------- The Story of Water and Stone 2 --------- ทั้งเด็ก ทั้งผู้ปกครองอยู่กันเต็มด้านล่าง ใบสมัครถูกทยอยหยิบไปจากโต๊ะลงทะเบียนแล้วเขียนข้อมูลของตัวเองลงไป ศิลานั่งมองอยู่ที่เคาน์เตอร์ยิ้มรับผู้คนที่เดินเข้ามาขวักไขว่ ก่อนจะมีสัญญาณจากด้านบนลงมา ศิลาจึงหันไปกระซิบกับน้องสตาฟที่คอยรันคิวอยู่ด้านล่าง “เริ่มได้เลย” น้องคนแรกเดินขึ้นชั้นสองไปพร้อมกับความตื่นเต้นที่แสดงออกมาให้เห็นได้ชัดจนศิลาและสตาฟที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันมามองหน้ากันแล้วเผลอยิ้มให้กันเพราะเอ็นดูในสิ่งที่เห็น กิจกรรมนั้นยังคงดำเนินไปได้ระยะหนึ่งท่ามกลางการเฝ้าคอยและความตื่นเต้นที่จะได้เข้าไปแคสติ้งด้านบนของเด็กๆ และผู้ปกครอง ปัง! เสียงเปิดประตูกระแทกผนังดังลั่นจนทำเอาทุกคนที่อยู่ชั้นล่างต้องหันมามอง “หวัดดีฮะ” เอ็มเปิดประตูแล้วพุ่งตัวเข้ามาดังเช่นที่เคยเป็นทุกครั้งที่เขามาเรียนที่นี่ “ไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ” ศิลาเอ่ยแซวพลางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเอือมระอา “โห่ ผมแค่ตื่นสายเอง” เอ็มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “ก็ยังทันอยู่นี่ครับ” “อะ มาเอาใบสมัครไปเขียนก่อนไป” ศิลาพูดพร้อมหยิบใบสมัครบนโต๊ะยื่นให้เอ็มในขณะที่อีกฝ่ายกำลังเดินตรงเข้ามา หลังจากที่เอ็มกรอกใบสมัครอะไรจนเรียบร้อยแล้วนั้น เขาก็นั่งรอตามคิวเหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป แต่ที่ดูจะไม่เหมือนอย่างหนึ่งก็คือเอาแต่จะคอยมาคุยมากวนศิลาอยู่ตลอด อาจคงเพราะเขาเบื่อที่จะนั่งรอเฉยๆ เพียงอย่างเดียวล่ะมั้ง ฝ่ายศิลาเองก็ไม่ได้แสดงกิริยาที่บ่งบอกถึงความรำคาญออกมาสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าในใจอยากจะมีช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวนั่งดูรายการในยูทูบหรือทำอะไรโดยที่ไม่ต้องมีน้องน้อยอย่างเอ็มมากวน แต่เขาก็ปล่อยเลยตามเลยเพราะไม่อยากจะทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึกโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับชีวิตของน้องด้วย “แกไม่เอาเวลาไปเตรียมตัวหรอ ใกล้ถึงคิวละนะ” ศิลาเอ่ยถามขึ้น เมื่อเริ่มรู้สึกว่าความเฮฮาของอีกฝ่ายไม่ได้เพียงจะรบกวนตัวเขาแค่คนเดียว แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่แถวนั้นเริ่มจะมองมาที่เอ็มอยู่บ่อยครั้ง “ไม่รู้จะเตรียมอะไรอะพี่” “ไปนั่งทำสมาธิก็ยังดีมั้ย เตรียมร่างกายให้พร้อมจะได้ไม่เกร็งเวลาเข้าไปแคสต์” “จริงจังไปมั้ยพี่” เอ็มพูดพลางติดตลก “โอกาสมาทั้งทีนะเว้ย แกไม่เห็นหรอว่ามีคนอยากได้มันมากแค่ไหน ทำดีๆ เกิดได้งานนี้ขึ้นมาละดัง แกจะสบายเลยนะเว้ย หาเงินได้แต่เด็กน่าภูมิใจจะตาย” ศิลาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทำเอาเอ็มที่นั่งฟังอยู่รู้สึกจริงจังตามไปด้วย “น้องเอ็ม คิวต่อไปนะคะ” สตาฟที่คอยรันคิวเดินมาเอ่ยเรียกชื่อตรงบริเวณโถงรับรองแขกตรงด้านหน้าสตูฯ ศิลากับเอ็มที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ได้ยินแบบนั้นก็หันไปตามเสียงเรียก ก่อนที่ศิลาจะตบบ่าเอ็มเบาๆ แล้วดันหลังอีกฝ่ายเดินไปนั่งรอคิวเพื่อเตรียมขึ้นไปแคสติ้งยังชั้นสอง ทันทีที่เอ็มเดินผ่านประตูเข้าห้องแคสติ้งไป กรรมการทั้งสามคนก็ยิ้มแย้มให้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนไม่อยากให้น้องๆ ที่เข้ามาแคสต์เกิดอาการกดดันแล้วไม่ได้โชว์ศักยภาพเต็มที่ ฝ่ายเอ็มเองเมื่อเดินเข้ามาถึงด้านในก็ยิ้มแฉ่งตามสไตล์ รอยยิ้มของเอ็มทำเอากรรมการอย่างเตชินท์และครูสอนแอคติ้งรู้สึกถูกอกถูกใจตั้งแต่ที่เห็นครั้งแรก ยกเว้นก็แต่อาโปนี่แหละที่ยิ้มฝืนๆ เหมือนกับว่ายิ้มให้ตามมารยาทเพียงเท่านั้น เพราะรู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่คราวก่อนที่เห็นเอ็มมายุ่งวุ่นวายกับศิลาแฟนของเขา “สวัสดีครับ” เอ็มเอ่ยทักพร้อมยกมือไหว้กรรมการที่นั่งอยู่ในห้อง “ครับ แนะนำตัวได้เลยครับ” เตชินท์พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “สวัสดีครับ ผมชื่อเอ็ม อครา อายุ 19 ปี...” เอ็มเริ่มเอ่ยแนะนำตัวพร้อมบอกประวัติส่วนตัวรวมถึงความสามารถพิเศษต่างๆ ของตัวเองให้เหล่ากรรมการฟัง หลังจากนั้นแต่ละคนต่างก็ขอให้เอ็มแสดงความสามารถต่างๆ ให้ดู ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงหรือว่าการเต้น และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เพราะนี่คือการแคสติ้งเพื่อหานักแสดง นั่นก็คือการขอดูสกิลทางด้านการแสดงจากเอ็ม ตัวอย่างบทซีรีส์ที่เตชินท์หยิบเอามาใช้แคสติ้งในวันนี้ก็เป็นซีนที่คัดเลือกมาจากในบทจริงที่เขาจะใช้ถ่ายทำ ซึ่งก็เลือกซีนเด็ดๆ มาใช้คัดเลือกในวันนี้ ถือเป็นความท้าทายสำหรับทุกคนที่เข้าคัดเลือก เพราะมันก็ค่อนข้างยากสำหรับเด็กใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อน แต่ไม่ใช่กับเอ็ม... เพราะตั้งแต่ที่เอ็มเริ่มทำการแสดงก็สามารถดึงดูดทุกคนในห้องนั้นได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าเพราะพรสวรรค์หรือเพราะได้เรียนแอคติ้งมาบ้างก็ไม่อาจแน่ใจได้ แต่การแสดงในตัวละครที่ได้รับของเขานั้นมันช่างมีเสน่ห์และดูธรรมชาติเสียจนคิดว่าตัวละครนั้นเป็นตัวของเอ็มเอง พอทุกอย่างจบลงก็ทำเอากรรมการทั้งสามคนต้องหันมามองหน้ากัน เพราะนี่แหละคือคนที่เตชินท์ตามหา ฝ่ายครูสอนแอคติ้งเองก็ส่งสัญญาณให้ว่าคนนี้ผ่าน ส่วนอาโปก็ได้แต่เขียนลงในกระดาษว่าโอเคก่อนจะเลื่อนกระดาษแผ่นนั้นไปให้เพื่อนรุ่นน้องอย่างเตชินท์ได้มองดู พอเห็นแบบนั้นเตชินท์ก็พยักหน้ารับก่อนจะหันไปคุยกับเอ็มต่อ “ทำได้ดีเลยนะครับ มีเสน่ห์มาก น่าสนใจ” “ขอบคุณครับ” เอ็มถอนหายใจก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ “ไว้ติดต่อกลับไปนะครับ ขอบคุณครับ” เตชินท์พูดก่อนจะยิ้มให้ เอ็มกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงมาด้วยความดีใจ ทำเอาทุกคนที่อยู่ด้านล่างหันมามองเป็นตาเดียว ก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวแล้วรีบกลับมาทำตัวเหมือนปกติ ศิลาที่เห็นท่าทางแบบนั้นของเอ็มก็แอบติติงด้วยสายตาไปเล็กน้อยจนอีกฝ่ายต้องหัวเราะแหะๆ ออกมา --------- The Story of Water and Stone 2 --------- การแคสติ้งดำเนินไปจนจบก็เป็นเวลาเกือบเย็น ทุกคนดูมีท่าทีเหนื่อยล้าแบบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า สตาฟหลายคนที่ยืนมาทั้งวัน รวมถึงกรรมการเองก็อ่อนเพลียไม่แพ้กัน พอเด็กๆ ที่มาแคสต์รวมถึงผู้ปกครองพากันกลับบ้านไปหมด ก็ได้เวลาที่อาโปบอกให้สตาฟทั้งหลายกลับบ้าน ศิลากับกานต์เองก็อาสาพาครูสอนแอคติ้งที่มาร่วมเป็นกรรมการในวันนี้ไปส่งที่ลานจอดรถ ทำให้ในเวลานี้ทั้งห้องเหลือเพียงแค่อาโปกับเตชินท์เท่านั้น “ขอบใจมากนะน้องที่อุตส่าห์มาวันนี้” อาโปพูดขอบคุณพลางตบไหล่เตชินท์เบาๆ “ไม่เป็นไรพี่ ยินดีช่วย” “ว่าแต่มีใครใช้งานได้มั้ย” อาโปเอ่ยถามต่อ “ก็มีหลายคนเลยพี่ ตัวสมทบ เอ็กซ์ตร้างี้” เตชินท์เอ่ยพูดตามที่ตัวเองรู้สึกจริงๆ “แรงอยู่นะน้อง” เสียงตอบของอาโปออกแนวทีเล่นทีจริง แต่จริงๆ ก็แอบรู้สึกอยู่เหมือนกันว่าเด็กที่มาเรียนที่สตูฯ ของเขาส่วนใหญ่ยังไม่ถึงเกณฑ์ใช้งานได้จริง “เอ้ยพี่ ผมไม่ได้จะว่าอะไรนะเว้ย ไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่เป็นไรๆ พี่ก็แซวขำๆ น่า” อาโปบอกปัดเมื่อเห็นสีหน้าละล่ำละลักของเตชินท์ “อ่อ นั่นแหละพี่ แต่ผมชอบน้องเอ็มนะ น่าจะปั้นต่อได้ ดูมีอะไร” “อ๋อ...” อาโปตอบแล้วนิ่งๆ ไป “ก็...ลองเลือกดูเว้ย ชอบคนไหนก็บอกไอ้กานต์ไว้ ไม่ก็ศิลาก็ได้” “เคพี่” “งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ นัดคุยธุระไว้ตอนทุ่มนึง เดี๋ยวไปไม่ทัน” อาโปพูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วเดินออกไป โดยมีเตชินท์เดินตามหลังลงมา ศิลาที่เดินกลับมาจากการไปส่งแขกพร้อมกานต์ เห็นอาโปสะพายกระเป๋าเดินลงมาก็อดแปลกใจที่จะถามออกไปไม่ได้ “พี่โปจะไปไหนอะ” ศิลาเอ่ยถามอย่างสงสัย “อ้อ พี่มีนัดคุยงานทุ่มหนึ่งอะ เจอกันที่บ้านนะครับ” อาโปเดินเข้ามาโอบเอวศิลาเบาๆ ก่อนจะหอมแก้มอีกฝ่ายแล้วยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป “เหม็นจริ๊งงงง!!!” กานต์พูดแซวเมื่อประตูด้านหน้าของสตูฯ ปิดลง “เออ ยิ่งคบกันนานยิ่งรักกันจั๊งงง” เตชินท์เอ่ยพูดต่อ “ก็ปกติป้ะ” ศิลายักไหล่แล้วยิ้มเยาะเย้ย เพราะอยากแกล้งขิงรุ่นพี่สองคนที่อยู่ตรงหน้า “รำคาญ!!!” กานต์ส่ายหัวใส่รุ่นน้องคนสนิท “ฮ่าๆ” ศิลาระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อได้เห็นท่าทีของคนตรงหน้า “เอ้อ พี่กานต์จะกลับไงอะ ให้ผมไปส่งป้ะ หรือจะกลับกับพี่เต” “เดี๋ยวกลับกับไอ้เตดีกว่า” “ถามกูยัง?” เตชินท์เอ่ยด้วยน้ำเสียงกวน “ไม่ต้องถามหรอก ยังไงมึงก็ต้องไปส่งกูอยู่ดี” กานต์เอ่ยพูดแกมบังคับ “งั้นกลับกันดีๆ นะพี่” ศิลาเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มหวานประจำตัว แต่ยังไม่ทันที่จะได้แยกย้ายกันไปไหนเตชินท์ก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้เลยเอ่ยพูดออกมา “เอ้อ... มึง น้องเอ็มอะ ไม่ได้ติดสัญญาที่ไหนใช่ปะ” “ไม่มีนะพี่ มันเคยเล่าว่าไม่เคยทำงานในวงการมาก่อนเลย แต่มันชอบเลยขอแม่มาเรียนที่นี่อะ” ศิลาเอ่ยตอบตามสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเอ็ม “อ่อ...” “ทำไมอะ พี่สนใจหรอ” ศิลาถามต่อ “อือ... เด็กมันมีของนะ เป็นคนเดียวในวันนี้ที่พี่เห็นว่าน่าจะเอาไปใช้งานจริงได้ แล้วก็น่าจะปั้นได้ไม่ยาก” เตชินท์เอ่ยพูดพลางคิดไปด้วย “แต่ก็คงต้องขัดเกลาอีกเยอะแหละ” “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงเลยพี่ เดี๋ยวทางผมจัดการเอง” ศิลาพูดแล้วยักคิ้วข้างเดียวใส่ โดยมีสายตาของกานต์และเตชินท์มองมาด้วยความแปลกใจ “หืม?” ทั้งกานต์และเตชินท์ส่งเสียงแห่งความสงสัยออกมาพร้อมกัน “ก็เดี๋ยวผมซัพพอร์ตน้องเอง เป็นสปอนเซอร์ให้เลยไง เอ็มมันจะได้เก่งขึ้นไวๆ เดี๋ยวจัดเต็มสอนให้แบบเข้มข้นเลย เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวทางสตูฯ ดูแลเองไม่ต้องห่วงครับ” “เอาว่ะ ไอ้ศิลาจะปั้นเด็กฝึกสินะ” กานต์เอ่ยแซว “ช่ายพี่ ถ้าไอ้น้องเอ็มมันทำได้ดี สตูฯ ก็ได้ประโยชน์ ทางซีรีส์ก็ได้ประโยชน์ แฟร์ๆ ดีออก” ศิลาเอ่ยเจื้อยแจ้ว “เออๆ แล้วแต่มึงเลย แต่กูจองไว้ก่อนนะเด็กคนนี้อะ มีบทให้ลงแน่ๆ” เตชินท์กล่าวย้ำกับศิลา “เคพี่ ไม่ต้องห่วงเลย” “กูไปละ ไว้เจอกันมึง” เตชินท์พูดจบก็ยกมือขึ้นโบกลาโดยมีกานต์หันมายิ้มแล้วขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า “ไปละ บาย” “กลับดีๆ นะพี่” ศิลาเอ่ยบอกก่อนจะยืนมองคนทั้งสองเดินออกจากสตูฯ ไป ส่วนตัวเองก็ได้เวลาที่จะกลับบ้านสักทีหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน --------- The Story of Water and Stone 2 --------- ติ๊ดๆๆๆ เสียงกดรหัสประตูดังขึ้นก่อนที่มันจะถูกเปิดออกแล้วขาเรียวยาวก็ก้าวผ่านเข้ามาข้างใน สายตาของศิลาประหลาดใจเมื่อเห็นว่าภายในถูกเปิดไฟเอาไว้และมีเสียงทีวีดังลอดออกมา “พี่โป” เขาตะโกนเรียกออกไป “...” “พี่โปค้าบบบ” เขาเอ่ยเสียงเรียกอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปยังบริเวณห้องนั่งเล่น “กลับมาแล้วหรอ...” ศิลาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงอาโปเอ่ยทัก “ไหนพี่บอกว่ามีประชุมต่อไง ทำไมกลับมาเร็วจัง” ศิลาถามด้วยความสงสัย “จริงๆ ไม่ได้มีประชุมหรอกครับ พี่แค่รีบกลับมาเตรียมเซอร์ไพรส์หนูนั่นแหละ” “เซอร์ไพรส์? อะไรครับ” “ก็วันนี้หนูเหนื่อยมาทั้งวัน พี่เลยอยากรีบกลับมาเตรียมอาหารให้ไง” อาโปพูดพลางยกจานที่ใส่อาหารที่เพิ่งทำเสร็จร้อนๆให้อีกฝ่ายดู “โถ่ พี่โป... ขอบคุณนะครับ” ศิลาเอื้อมมือไปรั้งแขนอาโปให้เดินมานั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ส่วนอาโปก็ขยับแข้งขาตามมาก่อนที่จะวางจานอาหารลงบนโต๊ะด้านหน้าแล้วหย่อนตัวนั่งตามอีกฝ่าย “กินเลยมั้ย เดี๋ยวพี่ไปตักข้าวมาให้ หรือจะอาบน้ำก่อนดีครับ” อาโปถาม “พี่โป...ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย เราก็เหนื่อยเหมือนกันทั้งคู่อ่า...” ศิลาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่ทั้งรู้สึกผิดและทั้งเป็นห่วง “ก็พี่อยากให้หนูสบายนี่นา ไม่ต้องคิดมากหรอก พี่เต็มใจทำครับ” อาโปตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพลางยกมือขึ้นประคองใบหน้าหวานก่อนจะใช้เรียวนิ้วลูบคลึงเบาๆ “เมื่อไหร่พี่จะเลิกน่ารักเนี่ย ทำผมตกหลุมรักได้ทุกวันเลย” “ไม่มีวันนั้นแน่นอน!” “ถ้าพี่ผิดคำพูดล่ะก็...โดนผมจัดหนักแน่!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD