ฉันนั่งนิ่งอย่างคนไม่รู้จะทำอะไร ครั้นจะล้วงมือถือออกมากดเข้าไอจีก็ดูไร้มารยาทเกินไปหน่อยในเมื่อเจ้าของรถยังตั้งใจขับรถอยู่ ดีนะที่พี่เทมส์ยังมีแก่ใจเอื้อมมือไปเปิดเพลงทำให้พอมีเสียงบ้าง ไม่งั้นในรถคงมีแต่ความเงียบ เงียบ และเงียบเท่านั้น
“แล้วไม่มีเรียนบ่ายเหรอถึงออกมาเที่ยวเล่นได้” พอคิดว่าเงียบ คุณพี่ก็ถามขึ้นซะงั้น แต่ดีแล้วที่ถาม... แสดงว่าพี่เทมส์เวอร์ชั่นดุได้ออกไปละ ฉันจะได้เลิกเกร็งสักที
“วันอังคารหนูมีเรียนแค่ช่วงเช้าค่ะ แต่หนูไม่ได้ไปเที่ยวเล่นนะคะ หนูไปทานข้าวกับพี่สาวต่างหาก”
“เรามีพี่สาวด้วย? ไหนตอนแนะนำตัววันรับน้องบอกเป็นลูกคนเดียว”
“โหว! รุ่นน้องสองคณะมีมากกว่าห้าร้อยคน พี่จำได้ด้วยเหรอคะว่าหนูเป็นลูกคนเดียว ความจำพี่ดีอ่ะ” ฉันตาโตชมด้วยความทึ่ง ก็ขนาดเพื่อนในเอกด้วยกันฉันยังจำไม่ได้เลยว่าใครมีพี่น้องหรือเป็นลูกคนเดียว แต่พี่เทมส์ดันจำเด็กคณะอื่นได้ด้วย... ความจำดีโคตร สมละที่เรียนวิศวะ
“อือ”
“สมละที่พี่เรียนวิศวะ ไม่เหมือนหนูที่อ๊องจนต้องมาเรียนภาษาญี่ปุ่น” ฉันถอนหายใจพลางบู้ปากโดยไม่รู้ตัว
“เอกญี่ปุ่น ม. เราคะแนนสูงกว่า ม. อื่น เราเป็นหนึ่งในนักศึกษาใหม่เพราะงั้นต้องไม่ธรรมดาแน่” หนุ่มหล่อเกินต้านพูดด้วยน้ำเสียงกังขาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันสารภาพงั้นแหละ
“เชื่อเถอะค่ะ หนูไม่ได้ฉลาดอะไรเลย เอกหนูแค่ไม่ใช้คะแนนวิชาเลขตอนยื่น ถ้าใช้ด้วยป่านนี้หนูคงเรียน ม.อื่นแล้ว” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางยกไหล่ขึ้น
“พูดงี้แสดงว่าเราไม่ชอบเลขงั้นสิ” พี่เทมส์หันมายิ้มมุมปากให้ ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ
“สำหรับหนูแล้ว เลขคือภาษาต่างดาวค่ะ ถึงให้สูตรมาหนูก็แก้โจทย์ไม่ได้อยู่ดี” ฉันพูดเสียงเศร้า
จริงๆ นะ! ฉันไม่มีหัวทางด้านแก้โจทย์สมการหรือตัวเลขเลยให้ตายเถอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องภาษาล่ะก็...ลูกพีชคนนี้สู้ไม่ถอย!
“ต่อไปไม่ต้องเจอเลขแล้วนี่เพราะเราเรียนเอกญี่ปุ่นละ” พี่เทมส์พูดเหมือนขำ
“นั่นแหละค่ะที่หนูต้องการ” ฉันบอกอย่างมุ่งมั่น ถ้าไม่มีวิชาเลขล่ะก็... อ๊องๆ อย่างฉันต้องสามารถเรียนจบ 4 ปีและได้ปริญญามาครอบครองแน่นอน ฮิ้ว!
“ขอเบอร์ด้วย” ระหว่างที่รถติดไฟแดง พี่เทมส์ก็หันมาพูดง่ายๆ แถมล้วงไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดยื่นส่งมาซะงั้น
“เบอร์โทรหนูหรือคะ!” ฉันตาโตถามอย่างตกใจ
คุยกันเรื่องเลขอยู่ดีๆ ไหงมาโผล่เรื่องเบอร์โทรได้เล่า ละคือพี่เทมส์ไม่ใช่พี่ในเอกไง ถ้าเป็นรุ่นพี่ในเอกขอเบอร์ก็ไม่แปลก เผื่อไว้ติดต่อโน่นนี่นั่น แต่พี่เทมส์เรียนวิศวะจะมาขอเบอร์เด็กมนุษย์อย่างฉันไปทำไม มันไม่มีเหตุให้เราสองคนต้องโทรติดต่อกันสักหน่อย แค่โทรไลน์หากันก็โคตรเหลือเชื่อแล้ว
“เผื่อเราเอาช็อปมาคืนไง โทรมามันเร็วกว่า ถ้าเป็นไลน์พี่ไม่ค่อยเปิดอ่าน อีกอย่างพี่ไม่รับเบอร์แปลก ถ้ารู้ว่าเป็นเบอร์เรายังไงก็รับ” พี่เทมส์บอกเสียงเรียบ แววตานิ่งมาก (แม้จะหล่อมากก็ตามน่ะนะ)
“อ๋อ... โอเคค่ะ” จากที่คิ้วขมวดด้วยความสงสัยก็คลายออก
ที่แท้เอาไว้ติดต่อคืนของที่ยืมมานี่เอง ฉันยื่นมือไปรับโทรศัพท์มากดเบอร์แบบไร้ข้อกังขา เหตุผลของพี่เทมส์... ฉันเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยล่ะ ฉันก็เป็นพวกไม่รับเบอร์แปลกเหมือนกัน กลัวรับละเป็นผู้ชายโทรมาจีบ มันน่าเบื่อที่ต้องเปลี่ยนเบอร์หนีความวุ่นวายไปเรื่อยๆ ยังไงเล่า
“นี่ค่ะ” กดเบอร์เสร็จฉันก็ยื่นไอโฟนคืนให้ พี่เทมส์รับไปถือก่อนจะใช้นิ้วจิ้มที่หน้าจอ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นและดับลงในเวลาต่อมา
“นั่นเบอร์พี่ เมมไว้ด้วยล่ะ”
หือ! ชั่วแวบนึงฉันเห็นเหมือนพี่เทมส์ยิ้มมุมปากงั้นล่ะ ไม่หรอกมั้ง ฉันคงตาฝาดไปเองมากกว่าในเมื่อไม่มีเหตุผลที่พี่เขาจะยิ้มสักหน่อยนี่
“ค่ะ” ฉันล้วงมือถือออกมากดเมมเบอร์อย่างว่าง่าย ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าแฟนคลับพี่เทมส์รู้เรื่องเราแลกเบอร์กันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคงไม่โดนหยุมหัวหรอกใช่มั้ย แค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว บรึ๋ย!
ใช่! เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ฉันไม่อยากโดนสาวๆ ในมหาลัยหมั่นไส้มากไปกว่านี้แล้วเหอะ
I will always remember. The day you kissed my lips. เสียงริงโทนมือถือที่ส่งเสียงร้องทำให้ฉันที่กำลังจะลงรถต้องรีบเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วก็เห็นว่าเป็นพี่เค้กโทรมา
“ถึงยังพีช” พี่เค้กทักมาอย่างง่ายๆ
“เนี่ย! พีชกำลังถึงเลย พี่เค้กล่ะอยู่ไหนแล้ว” ฉันกรอกเสียงลงไปในสายพลางเหลือบมองพี่เทมส์ด้วย พี่เค้ายังคงติดเครื่องยนต์ไว้อยู่ ไม่ได้ดับแต่อย่างใด ทำเหมือนรอให้ฉันคุยธุระเสร็จก่อนงั้นล่ะ
“พี่ขึ้นมาชั้นบนละ พีชอยากกินไร พี่จะไปจองโต๊ะไว้ก่อน ใกล้เที่ยงคนเยอะ”
“พีชอยากกินชาบู เราไปทาน mimi กันมั้ย” ฉันบอกเสียงใส
“ได้ๆ พี่กำลังอยากทานเนื้อพอดี งั้นเดี๋ยวเจอกัน”
“โอเค” ฉันกดวางสาย ก่อนจะหันมาทางพี่เทมส์แล้วบอกหนุ่มหล่อที่มองมาอยู่ก่อนแล้วว่า
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ พี่สาวมาถึงแล้ว ขอบคุณที่ให้หนูติดรถมาด้วย...”
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเราที่ร้านก่อน ไอ้พวกนั้นยังตกลงไม่ได้เลยว่าจะทานร้านไหน” ว่าแล้วก็ชูหน้าจอมือถือขึ้น น่าจะเป็นไลน์ของพี่ว้ากสักคนล่ะมั้ง
“เอ่อ...” เอาจริง! ฉันอยากไปคนเดียวมากกว่า กลัวเจอเด็ก ม. เดียวกันไง ถ้าใครเห็นว่าฉันมากับพี่เทมส์ล่ะก็...ยุ่งแน่เลย
“ลงสิ จะล็อครถ” พี่เทมส์บอกเสียงเข้มกว่าปกตินิดหน่อย
“ค่ะ” ฉันตอบตกลงอย่างง่ายดาย กลัวถ้าปฏิเสธไปจะเจอเวอร์ชั่นพี่ว้ากอีกน่ะสิ ระหว่างเอื้อมมือเปิดประตูก็ฉุกคิดได้ว่ายังไม่ได้หยิบถุงกระดาษมาด้วย
“พี่ถือเอง” พี่เทมส์บอกเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไร ฉันพยักหน้าแล้วลงมารอนอกรถ พอร่างสูงใหญ่กดรีโมทล็อครถหรูเรียบร้อย เราสองคนก็เดินมาด้วยกันโดยที่พี่เทมส์เป็นฝ่ายถือของให้
“ขอบคุณที่มาส่งหนูนะคะ” พอถึงหน้าร้านฉันรีบไหว้ขอบคุณพี่เทมส์ทันที ไม่ใช่ไรหรอก กลัวว่าถ้าพี่เค้กเกิดเห็นรุ่นพี่หนุ่มหล่อเกินต้านคนนี้เข้า... จะซักฟอกว่าฉันมากับใครน่ะสิ “เอ่อ หนูขอนั่นด้วยค่ะ” ฉันชี้ไปยังถุงกระดาษ
“.............” พี่เทมส์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากยื่นถุงมา
“งั้นหนูไปก่อนนะคะ” ฉันบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันหลังเข้าร้านชาบูทันที
เอาตามตรงอยู่ด้วยกันสองต่อสองนานๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ ใจมันเต้นตึกตักจนเหนื่อยเลยล่ะ เฮ้อ!
พี่เทมส์ได้เบอร์น้องละ ได้แบบเนียนๆ ขอบคุณที่ติดตามกันค่า