“แก! นั่นพี่ปี 3 ที่หาตัวโคตรยากใช่มะ ไปขอลายเซ็นกัน!” แก้มยุ้ยโพล่งน้ำเสียงตื่น เบิกตาโตพลางชี้ไปยังรุ่นพี่ผู้ชายกลุ่มนึงที่กำลังโดนน้องปี 1 ในเอกรุมล้อมระหว่างเดินเข้ามาในโรงอาหาร
ช่วงนี้พวกเราเด็กปี 1 มีภารกิจต้องล่าลายเซ็นพี่ปี 2 ยันปี 4 เลยค่ะ ของพี่ปี 2...ฉันกับเพื่อนในเอกขอกันครบหมดละเพราะเจอกันบ่อยตอนพี่ๆ นัดซ้อมบูมเอก ขาดก็แต่พี่ปี 3 และปี 4 บางกลุ่มที่ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็น แบบเรียนเสร็จพวกพี่เค้าก็ออกจาก ม. ไปเลยไรเงี้ย เพราะงั้นถ้าเจอต้องรีบทันที อย่ารอเวลาอะ ไรทั้งนั้น
“แกสองคนไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันกับฝันเฝ้าโต๊ะเอง” ฉันพยักเพยิดบอกเอมกับแก้มยุ้ย ตาก็มองรุ่นพี่ด้วยว่าหน้าตาเป็นไง เผื่อวันนี้พวกพี่เค้าว๊าบหายไปก่อน... เจอเวลาอื่นจะได้ขอถูกคน
“เค เดี๋ยวฉันสองมานะ ป่ะ...ไปกัน” เอมพยักหน้าชวนแก้มยุ้ย แล้วสองคนนี้ก็วิ่งโร่ไปหาพวกรุ่นพี่อย่างไม่รอช้า อย่างที่รู้กัน คณะมนุษย์มีนักศึกษาเรียนเยอะ ที่นั่งในโรงอาหารค่อนข้างมีจำกัด ลุกปุ๊บคือเสียม้าปั๊บ เพราะงั้นต้องมีคนทำหน้าที่เฝ้าโต๊ะ จะทำอะไรค่อยผลัดเปลี่ยนกันไป
“พวกนั้นโดนบูมแน่เลย” ฝันว่าเมื่อเห็นเอมกับแก้มยุ้มรวมถึงเพื่อนในเอกคนอื่นต้องออกไปนอกโรงอาหาร พอชะเง้อคอมองที่นอกกระจกใส เห็นทุกคนกำลังกอดคอกันเป็นวงกลมกลางแดดจ้าที่ร้อนตับแลบ
“แต่บูมยังดีกว่าถูกแกล้งให้ไปบอกรักนะ” ฉันยังจำได้ติดตา เพื่อนหน้าตาน่ารักๆ ที่อยู่เอกอิ้งค์ต้องไปตะโกนบอกรักรุ่นพี่คณะอื่นเพื่อแลกกับลายเซ็น ถ้าเป็นฉันคงไม่กล้าอ่ะ เห็นฉันเป็นพวกบ้าบอแต่ก็หน้าบางอยู่เน้อ
“เออ อันนั้นไม่ไหวจริง...อายเกิ๊น!” ฝันดูดน้ำในแก้วพลางพยักหน้าเห็นด้วย คือรุ่นพี่บางคนก็ให้ง่ายๆ แบบขอปุ๊บเซ็นให้ปั๊บ (น่ารักมาก) แต่บางคนต้องเต้นแร้งเต้นกา ต้องบูมเอกเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
เอาจริง...ตอนแรกก็เขินนะที่ต้องทำไรแปลกๆ ต่อหน้าคนมากมาย แต่พอทำไปทำมาหลายรอบเข้าก็เริ่มชิน เพราะงั้นความอายเลยลดน้อยลงล่ะมั้ง แต่ถ้าต้องตะโกนบอกรักนี่ไม่ไหวเด้อ...พักก๊อน!
“เธอ! เธอใช่ลูกพีชเอกญี่ปุ่นรึเปล่า” เสียงทักจากหัวโต๊ะทำให้ฉันกับฝันหันไปมอง แล้วก็เห็นผู้ชายที่ผูกไทด์สีแปลกตายืนห่างไม่มาก... ดูก็รู้ว่าไม่ใช่เด็กคณะมนุษย์แน่นอน
“อื้อ! เราเอง มีไรเหรอ?” ฉันเลิกคิ้วถามอย่างงุนงง
“เราขอไลน์เธอได้ป่ะ เรากำลังทำภารกิจแลกลายเซ็นอยู่น่ะ” เขาพูดด้วยสีหน้าขอร้องพลางยื่นมือถือมาตรงหน้า
“โทษทีนะ เราไม่สะดวกให้ไลน์หรือเบอร์กับใครจริงๆ” พอฉันบอกไป ผู้ชายตรงหน้าถึงกับคอตก แน่ล่ะ... ทำภารกิจไม่สำเร็จเท่ากับไม่ได้ลายเซ็น แอบรู้สึกผิดอ่ะแต่ฉันก็อยากมีเซฟโซนเหมือนกัน ฮือ!
“ให้เราเหอะ...นะ! ถ้าไม่ได้ไลน์ เบอร์ หรือไอจีของเธออย่างใดอย่างหนึ่ง เราโดนรุ่นพี่เขม่นแน่”
“อ้อ! ถ้าเป็นไอจีล่ะก็ได้สิ”
ฉันส่งยิ้มให้ผู้ชายตรงหน้าแบบไม่คิดไรมาก หลายคนคงแปลกใจ ถ้าไม่สนิทหรือไม่จำเป็นจริงๆ ฉันแทบไม่ยอมให้ไลน์หรือเบอร์ใครเลย แต่ไหงกลับให้ไอจีง่ายๆ ซะงั้น
คืองี้ค่ะ... ฉันมักลงรูปตัวเองที่ถ่ายในโรงแรมของคุณตาและคาเฟ่ของคุณป้าอยู่บ่อยครั้งเพราะเห็นว่าเป็นการ Tie in ให้ทางบ้านไปในตัว คนที่ฟอลฉันเห็นเข้าก็อาจจะเข้าพักโรงแรมหรือหาเบอเกอรี่ทานที่คาเฟ่มากขึ้น เม็ดเงินก็เข้าครอบครัวเยอะตามยังไงเล่า
“จริงเด่ะ! ขอบคุณเธอมากนะ” ผู้ชายตรงหน้าละล่ำละลักด้วยสีหน้าดีใจ มองกันด้วยสายตาเหมือนฉันเป็นผู้มีพระคุณ เล่นเอาฝันที่นั่งข้างหลุดขำ
“นี่ไอจีเรา” ฉันล้วงไอโฟนออกมาแล้วเปิดไอจีให้อีกฝ่ายสแกนคิวอาร์โค้ด เขาบอกขอบคุณแถมยังค้อมหัวอีกหลายรอบจนฉันต้องบอกให้หยุด แล้วพอเพื่อนต่างคณะเดินจากไป ฝันก็หันมาคุยกับฉันทันที
“เห็นป่ะ บอกแล้วยังไงแกต้องดัง เปิดเทอมได้อาทิตย์กว่า มีหนุ่มเข้ามาขอไอจีเกินสามสิบคนล่ะมั้ง”
“อย่ามาๆ แกก็มีคนเข้ามาขอเหมือนกันเหอะ” ฉันย่นจมูกเถียงกลับ ในเมื่อฝันน่ารักน้อยเสียเมื่อ ไหร่ หน้าก็โคตรหวานแถมมีหนุ่มเข้ามาขายขนมจีบตลอด
“เราอย่าพูดเรื่องนั้นกันเลย” ฝันถอนหายใจพรึ่ด สีหน้าเบื่อหน่ายปรากฏชัดเจนทำเอาฉันหลุดขำ
“ดูทำหน้าเข้า”
“เราอย่าพูดเรื่องนี้กันเลย” ฝันบอกปัด ก่อนจะวกเข้ามาที่ฉันอีกรอบ “ว่าแต่แกเหอะ ฮ็อตขนาดนี้ถ้ายอมลงประกวดดาว... ยังไงก็ได้ตำแหน่ง”
“หึ! ไม่อ่ะ ฟังรุ่นพี่พูดวันนั้นรู้เลยว่าไม่ใช่เวย์ฉันอย่างแรง อีกอย่างเอกอื่นมีคนสวยเยอะแยะ ถึงลงยังไงฉันก็แพ้” ฉันส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
คือมีรุ่นพี่ปี 2 ติดต่อฉันให้ไปลงประดาวคณะค่ะ ฉันปฏิเสธแบบไม่เสีย เวลาคิดเลย ไหนจะต้องเตรียมการแสดง ต้องมีการตอบคำถาม ถ่ายรูปโปรโมทโน่นนี่นั่นอีก... ฟังแล้วเหนื่อยมาก ไม่ใช่ตัวตนของฉันอย่างแรง หนูขอบายค่ะ!
“เหนื่อยอ่ะแก กว่าจะได้ลายเซ็นแต่ละครั้ง สูบพลังแทบบหมดร่าง”
“ฉันนี่สิเกือบหน้ามืด ก้มๆ เงยๆ ตะโกนอยู่นั่น!” เสียงบ่นของเอมและแก้มยุ้ยทำให้ฉันกับฝันหยุดบทสนทนา หันไปสนใจเพื่อนอีกสองคนที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะ
“พวกแกนั่งพักเร็วเดี๋ยวก็ดีขึ้น งั้นฉันสองคนไปก่อนนะ” ว่าจบฉันกับฝันก็จูงมือกันไปล่าลายเซ็นที่นอกโรงอาหาร หวังว่าไม่ต้องทำอะไรแปลกประหลาดมากนะ เพี้ยง!
“พี่ขาสวัสดีค่ะ พวกหนูสองคนขอลายเซ็นพี่ๆ จะได้มั้ยคะ” ฝันเป็นฝ่ายเอ่ยปากเมื่อรุ่นพี่ปี 3 ให้ลายเซ็นกลุ่มเพื่อนที่บูมก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ ตอนนี้เหลือแค่ฉันกับฝันสองคนกำลังประจันหน้ากับรุ่นพี่ผู้ชายถึงสี่คนน่ะนะ
“น้องสองคนชื่อไรครับ” พี่คนแรกถามยิ้มๆ
“หนูชื่อฝันหวานค่ะ”
“หนูชื่อลูกพีชค่ะ”
“แล้วรู้เปล่าว่าพวกพี่ชื่อไรบ้าง ถ้าตอบได้พวกพี่เซ็นให้เลย” พี่คนเดิมหันหน้าไปทางฝัน นั่นหมายความว่าฉันต้องทำภารกิจอื่นแลกลายเซ็นสินะ
“มีพี่บาส พี่บอส พี่ต้นแล้วก็พี่เกมส์ค่ะ” ฝันตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจมาก มั่นใจเหมือนรู้เลยว่าพวกพี่เค้าคือคนไหน แต่เปล่าเลย... อันที่จริงเราสองคนรวมถึงเพื่อนคนอื่นแทบไม่รู้จักหน้าพวกพี่เขาด้วยซ้ำ ที่รู้ชื่อก็เพราะคอยถามพี่ปี 3 คนอื่นว่ารุ่นพี่ที่หาตัวจับยากชื่ออะไรกันบ้างน่ะเซ่!
“เฮ้ย! เก่งว่ะ มาๆ พวกพี่เซ็นให้” พอพี่คนที่สองบอก ฝันรีบยื่นสมุดให้เซ็นทันที
“ขอบคุณค่ะ”
“มันมาทำไรแถวนี้คนเดียววะ” จู่ๆ พี่คนที่สามก็พยักเพยิดไปทางด้านหลัง
“มาสโมสรกลางรึเปล่า แต่ถ้าไม่ใช่... ที่ไอ้พวกนั้นแซวน่าจะจริง หึ!”
“น้องลูกพีชอยากได้ลายเซ็นพวกพี่มั้ยครับ” พี่คนที่สี่หันมาถามฉัน
“อยากค่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“งั้นง่ายมาก แค่น้องเข้าไปขอถ่ายรูปคู่กับรุ่นพี่ผู้ชายคนนั้น ทำสำเร็จ... พี่สี่คนเซ็นให้เลย” ห๊ะ! รุ่นพี่ผู้ชาย
“ถ่ายรูปคู่เหรอคะ” ฉันถามหน้าตื่น ก่อนจะหันมองฝันซึ่งตาโตมองฉันด้วยสีหน้าตกใจอยู่ก่อนแล้ว
“อ่าฮะ” พี่คนที่สามพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแปลกๆ แถมยังยักคิ้วให้พี่คนที่สี่ด้วยสีหน้าขบขันอีกด้วย
“ว่าไงครับ สนใจทำภารกิจมั้ย เป้าหมายกำลังจะไปที่อื่นละนะ”
“ทะ ทำค่ะ” ฉันพยักหน้าเสียงอ่อย สูดลมหายใจยาว เอาวะลูกพีชก็แค่ขอถ่ายรูปคู่เอง ยังดีกว่าตะ โกนบอกรักผู้ชายแบบที่เพื่อนเอกอื่นโดนป่ะ กล้าเข้าไว้ (ฮือ) พอเรียกกำลังใจให้ตัวเองได้ละ (หรา) ฉันก็หันหลังช้าๆ
เอ๋? ไม่เห็นมีผู้ชายสักคน มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้น นี่ฉันโดนอำป่ะ
ขวับ! ฉันหันหน้ากลับมาหาพวกรุ่นพี่อีกครั้ง
“หนูไม่เห็นรุ่นพี่ผู้ชายเลยค่ะ”
“รุ่นพี่คนนั้นไปตั้งแต่เมื่อน้องยืนนิ่งสักพักละครับ”
อ้าว! ถ้างั้นก็ต้องได้ภารกิจใหม่ใช่ป่ะ เออ! ฉันก็พอโชคดีอยู่บ้างนะ
“แฮ่ๆ” ฉันยิ้มแหย ทำเป็นถามด้วยน้ำเสียงสลด “งั้นมีภารกิจใหม่ให้หนูทำรึเปล่าคะ”
“ตอนนี้ยังครับ ไว้พวกพี่คิดออกเดี๋ยวบอกอีกที”
อ้าวเฮ้ย! ไหงงั้นล่ะ สรุปคือวันนี้ฉันจะไม่ได้ลายเซ็นสินะ โธ่!
“ได้ค่ะ” ฉันค้อมหัวรับคำอย่างว่าง่าย ใครจะกล้าเถียงล่ะ เกิดเถียงแล้วโดนเขม่นโดนทำโทษทำไง... ฉันยังอยากใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างสุขสงบอยู่หนาเจ้า
หลังเลิกเรียนเป็นเวลาที่รุ่นพี่ในคณะเรียกพบ
ฉันไม่รู้มหาลัยอื่นเค้ารับน้องกันยังไง แต่มหาลัยที่ฉันเรียนอยู่ ตอนเย็นรุ่นพี่จะนัดรุ่นน้องปี 1 รวม ตัวที่คณะ จากนั้นก็แนะนำโน่นนี่นั่น ถ้าทำอะไรผิดก็โดนอบรมสักพักใหญ่ เสร็จละก็ซ้อมเชียร์ต่อ แต่ถ้าใครลงดาวเดือน เป็นเชียร์ลีดเดอร์ เป็นนักกีฬาหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ให้คณะจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเข้าเชียร์
ส่วนฉัน ฝัน เอมและแก้มยุ้ย เราสี่คนไม่ใช่สายกิจกรรมทำให้ต้องซ้อมเชียร์หลังเลิกเรียนวันจันทร์ถึงพฤหัส แม้มันจะน่าเบื่อ บางวันเลิกช้า หิวแค่ไหนต้องอดทน โดนด่าแค่ไหนต้องทำใจ แต่เพราะอยากใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างสุขสงบ ไม่อยากโดนรุ่นพี่เขม่นเลยทำให้มันจบๆ
ถ้างานเฟรชชี่เดย์เฟรชชี่ไนท์เสร็จสิ้นเมื่อไหร่ พวกเราไม่ต้องอะไรน่าเบื่ออีกแล้ว อิสระที่ฝันหาก็ได้คืนในที่สุด!
“ฟังทางนี้หน่อยค่ะ! พี่มีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ปี 1 ทุกคนทราบ” พี่เบียร์ รุ่นพี่คนสวยซึ่งเป็นประธานคณะมนุษย์ศาสตร์ปี 2 ยกมือป้องปากประกาศทำให้พวกเราปี 1 เงียบลงทันควัน “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คณะของเราจะรับน้องพร้อมคณะวิศวะ หลังเลิกเรียนน้องๆ ต้องไปรวมตัวกันที่ลานเกียร์ ส่วนซ้อมเชียร์ยังเป็นของคณะใครคณะมันเหมือนเดิม”
ขวับ! ฉันกับเพื่อนสนิทอีกสามคนหันหน้าเข้าหากันทันควัน แค่มองหน้าโดยไม่พูดอะไรก็รู้เลยว่าพวกเรากำลังหวาดผวาเช่นเดียวกัน เอาตามตรงจากเหตุการณ์ที่ลานเกียร์เมื่อหลายวันก่อนทำเอาเพื่อนในเอกหลายคนยังสยองไม่หาย คิดสภาพว่าตัวเองต้องโดนว้ากแบบนั้น... ฮือ! โชคร้ายชัดๆ
“เงียบหน่อยครับ! เพราะเป็นแบบนี้ไงถึงต้องไปฝึกระเบียบกับคณะวิศวะน่ะ!” พี่เฮ้ดว้ากหน้าดุตะโกนขึ้นมาทำให้รุ่นน้องที่กำลังวิจารณ์ต่างๆ นานาเงียบลง
“พี่เตือนด้วยความหวังดีนะคะ ต่อจากนี้ถ้าน้องคนไหนโดดรับน้องเตรียมตัวรับโทษได้เลย รุ่นพี่วิศวะไม่ได้ใจดีเหมือนพี่คณะเราแน่นอน” พี่เบียร์ประกาศด้วยสีหน้าจริงจัง คือบางทีก็มีเพื่อนเอกอื่นโดดรับน้องค่ะ แต่เอกญี่ปุ่นไม่อยากมีปัญหาไง เลยเข้าครบกันตลอด
“เข้าใจมั้ย!” พี่เฮ้ดว้ากถามเสียงดังลั่น
“เข้าใจครับ / เข้าใจค่ะ”
“เข้าใจก็ไปที่ลานเกียร์ได้ เริ่มจากเอกไทยก่อนเลย”
ไม่ถึงสิบนาทีพวกเราก็มาถึงยังบริเวณลานเกียร์ เพื่อนเอกอื่นที่ไม่เคยเห็นกลุ่มพี่ว้ากวิศวะ ต่างกรีดร้องในความหล่ออย่างออกนอกหน้า ส่วนเด็กปี 1 คณะวิศวะพอเห็นเด็กคณะมนุษย์ก็พากันคุยกับเพื่อนที่นั่งข้างด้วยสีหน้าตื่นเต้นทำให้ตอนนี้เสียงดังหึ่งไปทั่วทั้งบริเวณเลย
“ใครอนุญาตให้พวกคุณพูด! อยากลุกนั่ง 50 ครั้งใช่มั้ย!” ราวกับสายฟ้าฟาด เสียงตะโกนถามอันดังลั่นของพี่เฮ้ดว้ากวิศวะทำให้ทุกอย่างเงียบกริบในพริบตา เพื่อนในคณะบางคนถึงกับสะดุ้งเสียงดุดันซึ่งขัดกับหน้าตาหล่อเกินต้านของคนถาม
ส่วนฉันนั้น... แม้จะเคยเจอเหตุการณ์แนวๆ นี้มาหนนึงก็ยังไม่ชินสักที ฮือ! หนูกลัว
“เชิญคณะมนุษย์เข้ามานั่งเลยครับ เรียงตามเอกเลย”
หนึ่งในพี่ว้ากที่ใส่เสื้อช็อปพูดเสียงเข้ม มองมาด้วยสายตาดุดันเล่นเอาเอกไทยซึ่งเป็นเอกแรกที่ต้องเดินเข้าไปในลานเกียร์ถึงกับเกิดอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด พอเข้าไปนั่งครบกันทุกเอก พวกพี่ว้ากวิศวะก็เริ่มแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว แล้วอะไรคือการที่ถ้าจำชื่อพี่ๆ ไม่ได้จะโดนลงโทษ... โหดเกิ๊น!
“ผมเจมส์”
“ผมกัส”
“ผมเดย์”
และแล้วฉันก็ได้รู้ว่าพี่ว้ากทั้งสามคนที่เคยเจอกันมาก่อนชื่ออะไรบ้าง ฉันจำชื่อพวกพี่เค้าได้แม่นเลยล่ะ ส่วนพี่ว้ากคนอื่นๆ นั้น... ไม่เข้าหัวเลย จนกระทั่งท้ายสุดถึงคิวพี่เฮ้ดว้าก ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ฉันรู้สึกเหมือนดวงตาคู่คมกริบอันแสนมีพลังคู่นั้นกำลังมองตรงมาทางนี้
“ผมเทมส์” พี่เทมส์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง
ตึกตัก! ตึกตัก! และแทบจะวินาทีเดียวกัน ฉันได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรงมาก