ไปดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อย

2457 Words
“แกอย่ามองฉันอย่างงั้นเซ่” ฉันพูดอย่างออดอ้อนเมื่อเจอสายตาจ้องจับผิดของเพื่อนหน้าหวาน ตอนนี้เราสองคนอยู่ในห้องของฉันค่ะ โดยที่ฝันเป็นฝ่ายยืนกอดอกมองมาแบบไม่วางตา ส่วนฉันนั่งเจี๊ยมเจี้ยมบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น “ก็แกอ่ะ ปิดบังฉันก่อน หึ!” ฝันใช้น้ำเสียงกระเง้ากระงอด บู้ปากเหมือนน้อยใจอะไรทำนองนั้น “โนๆ ฉันไม่ได้ปิดบังนะ แค่เห็นว่าไม่สำคัญเลยไม่ได้เล่าให้ฟังเท่านั้น” ฉันแก้ตัวหน้าตาใสซื่อ ใช่ซะที่ไหนกันล่ะ...กลัวเล่าไปเพื่อนจะฟันโฉะว่าพี่เทมส์ชอบฉันมากกว่าเดิมน่ะสิ! “ให้มันจริงเถอะ! เล่ามาเลยว่าเกิดไรขึ้น ทำไมเสื้อช็อปของพี่เทมส์ถึงอยู่กับแกได้” ฝันถามเสียงเข้มทำเอาฉันยู่คอลงเล็กน้อย เอาฟะ! ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เล่าก็ได้ “ก็ไม่มีไรมากหรอก แกจำวันที่ฉันโดนรุ่นพี่หลีดแกล้งได้มั้ย” ฉันเกริ่นนำ “อื้อ” ฝันพยักหน้าขึ้นลงทันที “วันนั้นน่ะฉันเรียกแกร๊ปนานมากแต่ไม่มีใครรับ ฉันเลยตัดสินใจวิ่งกลับหอ” “เฮ้ย! แกวิ่งกลับหอตอนฝนตกแถมค่ำขนาดนั้น มันอันตรายมากเลยนะพีช เกิดมีคนฉุดขึ้นมาจะทำไง ยิ่งมีหน้าตาเป็นทรัพย์อยู่ด้วย” ฝันตาโตร้องเสียงดัง หน้าตาบ่งบอกว่าตกใจมาก “ก็ตอนนั้นฉันคิดแค่ว่าอยากกลับหอเร็วๆ” ฉันบอกเบาๆ พอคิดย้อนกลับไป ฉันทำอะไรอันตรายแบบที่เพื่อนพูดจริงนั่นแหละ ดีแค่ไหนที่ปลอดภัยมาถึงตอนนี้น่ะ “คราวหลังถ้ากลับไม่ได้แกต้องบอกฉันนะเว้ย ฉันพร้อมที่จะกางร่มไปรับตลอดแกก็รู้” ฝันว่าพลางลงมานั่งข้างฉันแถมมองมาด้วยสายตาเป็นห่วง “ฉันรู้ แต่ฉันไม่อยากให้แกต้องลำบากไปด้วย” ฉันบอกอย่างเกรงใจ ซาบซึ้งในความมีน้ำใจที่เพื่อนมีให้กันเสมอ “เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะพีช ถ้าแกลำบากฉันก็ต้องลำบากด้วยสิ” “ขอบใจแกมากนะ” ฉันยิ้มในความใจดีของอีกฝ่าย แม้จะคบกันได้ไม่นาน แต่ฉันบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพื่อนกับฉันไปชั่วชีวิตแน่นอน! “เคลียร์เรื่องนึงละ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสื้อช็อปของพี่เทมส์ เล่ามาเลย!” เวลาแห่งการซักฟอกของจริงเริ่มจากนี้สินะ ฉันเงียบนิดนึง จะเล่าไงไม่ให้เพื่อนคิดว่าที่พี่เทมส์ทำไปเพราะชอบฉันอ่ะ เอางี้ละกัน... “ก็ตอนที่ฉันวิ่งตากฝนอยู่ใน ม. พี่เทมส์เพิ่งทำโปรเจ็คเสร็จ แล้วบังเอิญขับรถผ่านมาพอดี พี่เขาเห็นฉันเข้า... เลยให้ยืมเสื้อช็อปใส่คลุมไว้ ละขับรถมาส่งที่หอ” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเพื่อไม่ให้คนฟังตื่นเต้น ในใจก็พาลคิดว่านี่มันเหมือนฉากของหนังเรื่องนึงเลย... พระเอกยื่นมือเข้ามาช่วยนางเอกยามมีปัญหางี้ “อ๊าย! ถึงขนาดขับรถมาส่งที่หอเลยนะนั่น เห็นมั้ย ฉันบอกแล้วว่าพี่เทมส์ชอบแก!” เอ้า! ไหงเป็นงี้ไปได้ นี่อุตส่าห์ใช้เสียงเรียบ ฝันยังตื่นเต้นแถมฟันธงว่าพี่เทมส์ชอบฉันไม่หยุด “ไม่ได้ชอบ” ฉันส่ายหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ ไม่รู้ว่านี่เป็นการปฏิเสธฝันแค่อย่างเดียว หรือพร่ำบอกตัวเองด้วยหรือเปล่า “ถ้าไม่ชอบ แล้วพี่เทมส์จะให้แกยืมเสื้อช็อปแถมยังขับรถมาส่งถึงหอทำไม” คำถามนี้ฉันถามตัวเองมาหลายรอบมาก แล้วฉันก็ได้คำตอบเพียงอย่างเดียวคือ “ก็เพราะพี่เทมส์มีน้ำใจไง เอาจริงป่ะถ้าแกเป็นพี่เทมส์... รุ่นน้องผู้หญิงกำลังวิ่งตากฝนคนเดียวในเวลาเกือบสองทุ่ม แกจะแวะรับมั้ย หรือปล่อยตามมีตามเกิด” ฝันหยุดคิดก่อนจะพึมพำออกมา “เออ! ก็จริงของแก” “ใช่ปะล่ะ พี่เทมส์แค่มีน้ำใจต่อฉัน อีกอย่างดูหน้าพี่เขาซะก่อน เทพบุตรขนาดนั้นจะไม่มีแฟน กิ๊ก หรือคนคุยเลยเหรอ เค้าจะโสดเพื่อรอมาจีบฉันงี้... มองจากดาวอังคารลงมายังรู้เลยว่าไม่มีทางเป็นไปได้” “แต่ตอนอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยว พี่เทมส์พูดทำนองเหมือนแกกำลังกิ๊กกับพี่เขาเลยนะ” ฝันค้านด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ “มาก๊งมากิ๊กอะไรเล่า เขาก็แค่ช่วยกันหนุ่มที่เข้ามาจีบรุ่นน้องที่รู้จักเท่านั้น” ฉันว่าพลางยกไหล่ขึ้นแบบไม่คิดไรมาก ในเมื่อพี่เทมส์เคยทำแบบนี้มาครั้งนึงแล้วด้วย “อืม ก็เป็นไปได้” หลังจากนั่งนิ่งคิดสักพัก ฝันก็พยักหน้าขึ้นลงอย่างเห็นด้วย ก่อนจะโพล่งด้วยสีหน้าตกใจในเวลาต่อมา “แล้วถ้าพี่เขามีแฟนจริง แฟนเขาไม่มาแหกอกแกเหรอ!” “เพราะงั้นฉันถึงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องพวกนี้ไง กลัวโดนผู้หญิงด้วยกันอาฆาตแค้นนี่แหละ” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงสยอง จากประสบการณ์ตรงเมื่อวันก่อน ฉันว่าความหึงหวงทำอะไรได้หลายอย่างเกินกว่าที่คนเราจะจินตนาการเสียอีก บรึ๊ย! “แต่แก... ถ้าพี่เทมส์มีแฟนจริง พวกรุ่นพี่เราต้องเม้าท์กันบ้างสิ ไม่มีทางหลุดรอดสายตาแฟนคลับไปได้ป่ะ หรือบางทีพี่เทมส์อาจจะโสดจริง!” เอ้า! เมื่อกี้ยังเห็นด้วยอยู่เลยว่าพี่เทมส์อาจจะมีแฟน ตอนนี้ดันเปลี่ยนใจซะงั้น ยังไงกันแน่เนี่ย...เพื่อนฉัน! งงนะ งงๆ พอฝันกลับห้องฉันก็ตัดสินใจโทรหาพี่เทมส์ ในเมื่อเจ้าของทวงเสื้อละ ได้ฤกษ์ที่ต้องคืนแล้ว... จะมาทำเฉยก็ใช่เรื่องป่ะ “ว่าไง” พี่เทมส์ทักมาอย่างง่ายๆ ที่จริงตอนกดโทรออก ฉันแอบตื่นเต้นปนกระอักกระอ่วนกับเหตุการณ์ที่พี่เทมส์ทำขึ้นเมื่อครึ่งชั่ว โมงก่อนเหมือนกันนะ แต่พอได้ยินน้ำเสียงเรียบนิ่งตามสไตล์ของอีกฝ่าย ทุกอย่างก็คลามดาวน์ลงโดยธรรมชาติเฉยเลย “สวัสดีค่ะพี่เทมส์ พี่ยังอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวมั้ยคะ ถ้าอยู่เดี๋ยวหนูเอาเสื้อไปคืนค่ะ” ครืด! ฉันบอกพลางเลื่อนเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบไม้แขวนที่มีเสื้อช็อปของคู่สนทนาขึ้นมาถือ “พี่ออกมาสักพักละ กำลังขับรถกลับคอนโด” ว้า~ แย่จัง อดเบย แกร๊ก! ฉันวางไม้แขวนลงที่ราวตามเดิม ก็แบบถ้าคืนตอนอยู่นอก ม. ไม่ต้องหวาดระแวงกับสายตาทิ่มแทงรวมถึงเสียงซุบซิบของสาวๆ เท่าไหร่ไง บอกตามตรงว่าลูกพีชคนนี้เข็ดค่ะ แค่ขอถ่ายรูปคู่กับพี่เทมส์ครั้งเดียวยังโดนรุ่นพี่หลีดมาหาเรื่องถึงห้องเรียน ตบท้ายด้วยการโดนแกล้งอีกหนึ่งดอก ถ้ามีคนรู้ว่าพี่เทมส์ให้ฉันยืมเสื้อช็อปล่ะก็... มีหวังโดนเชือดแล้วเชือดอีก! ความฝันที่จะใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอย่างสงบสุขจนเรียนจบอาจพังทลายในพริบตา จริงสิ! แต่มันยังมีอีกวิธีนี่นา ไม่มีใครรู้แน่ว่าพี่เทมส์ให้ฉันยืมเสื้อมา ฮิ้ว! “งั้นเดี๋ยวหนูส่งคืนไปทางมาม่ามูฟก็ได้ค่ะ รบกวนขอที่อยู่คอนโดของพี่เทมส์ได้มั้ยคะ” คือเสื้อช็อปกับผ้าขนหนูสามารถส่งคืนผ่านแอพได้ไง ไม่ค่อยน่ากังวลเท่าไหร่ แต่กรณีกระเป๋าตังค์มันสำคัญมาก ฉันถึงอยากรีบคืนด้วยตัวเองกับมือมากกว่า “ไม่เป็นไร เก็บไว้ที่เราก่อนนั่นล่ะ” เอ้า! ยังไงของพี่เขากันนะ เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนยังบอกอยู่เลยว่าพรุ่งนี้ต้องใส่ไปคณะ ไหงตอนนี้ให้ฉันเก็บไว้อีก...หนูงอง! “แต่พรุ่งนี้พี่ต้องใส่เข้าคณะไม่ใช่หรือคะ” ฉันใจเร็วถามออกไปจนได้สินะ “อาจารย์เพิ่งไลน์มา พรุ่งนี้ไม่ต้องเข้าแลป เพราะงั้นยังไม่ต้องใช้” อ้อ! ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกวิศวะจะใส่ช็อปก็ต่อเมื่อต้องเข้าแลป แต่ถ้าเป็นวิชาทั่วไปให้ใส่ชุดนักศึกษาปกติ “ถ้างั้นพี่จะให้หนูเอาไปคืนวันไหนดีคะ” อื้อ! นี่แหละถูกต้องละ นัดเวลามาเถอะค่ะ จะได้คืนสักที “พรุ่งนี้เที่ยงไอ้พวกนั้นจะไปทานข้าวหลัง ม. เดี๋ยวพี่ไปเอาที่หอเราประมาณเที่ยงกว่า ไม่เกินเที่ยงครึ่ง” “โอเคค่ะ” ฉันตอบรับอย่างว่าง่าย “อือ ฝันดีนะลูกพีช” พูดจบก็ตัดสายไปเฉยเลย ทิ้งให้ฉันตาโต ทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว ตึกตัก! ตึกตัก! แม้นี่จะเป็นครั้งที่สองที่พี่เทมส์บอกฝันดี แต่การระบุชื่อว่าลูกพีชมันทำให้สาวน้อยอย่างฉัน... ใจสั่นไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว แง! หนูเขิน! ไลน์! เสียงแจ้งเตือนไลน์ทำให้ฉันที่ถือหูโทรศัพท์ค้างอยู่ถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะรีบดูหน้าจอ โธ่เอ๊ย! นึกว่าใคร ที่แท้พี่เบสนี่เอง... พี่เบสคือพี่ชายแท้ๆ ของพี่เค้ก ตอนนี้เรียนหมอฟันอยู่ที่เจียงใหม่เจ้า ว่าแต่ส่งลิ้งค์อะไรมาให้เนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยทักหาน้องหานุ่งหรอกนะ ฉันกดเข้าไปดูด้วยความสงสัย ก่อนจะกรีดร้องเมื่อเห็นว่าอนิเมะเรื่องที่อยากดูจะเข้าฉายเมืองไทยแล้ว แง! อยากดูอ่ะ อยากเห็นยูตะในโรง อยากรู้ว่าจะมีพลังมากมายแค่หนาย! BEST: อยากดูล่ะสิ I am peachchan : สมละที่รู้จักพีชดี อยากดูมากกกก BEST: พี่จะดูรอบแรกวันแรกที่เข้าฉายเลย I am peachchan : ค่ะ แฟนพันธุ์แท้อ่ะเนอะ I am peachchan : แต่สงสัยพีชได้ดูคนเดียวแน่เลย คนรอบตัวไม่มีใครติ่งเรื่องนี้สักราย BEST: นั่งเครื่องมาเชียงใหม่ เดี๋ยวพี่ดูเป็นเพื่อน I am peachchan : ไกลไปเหอะ แต่ถ้าพี่เบสออกค่าเครื่องให้ พี่จะได้สาวน้อยน่ารักไปนั่งดูข้างๆ นะ BEST: พี่ไปดูกับแฟน ก็ได้สาวสวยนั่งข้างป่ะ I am peachchan : เชอะ! งอนละ คนอะไรเห็นแฟนสำคัญกว่าน้อง BEST: 555 ก็คนเป็นน้องสวยไม่เท่าแฟนพี่ไง ฉันเบ้ปากใส่หน้าจอด้วยอารมณ์หมั่นไส้ ออกจากไลน์ เข้าอินเตอร์เน็ตเพื่อเสิร์ชโปสเตอร์อนิเมะเรื่องโปรดที่กำลังจะเข้าฉายในไทย จากนั้นก็เข้าไอจีเขียนแคปชั่นว่า “นุอยากดู” แล้วกดโพสทันที รุ่งขึ้น ฉันกำลังตากแอร์นั่งคุยไลน์กับฝันอยู่ใต้หอเพื่อรอพี่เทมส์ไปพลางๆ พี่เค้าโทรมาบอกเมื่อห้านาทีก่อนว่าออกจาก ม. มาละ เดี๋ยวเจอกัน “เฮ้! รอนานมั้ย” เสียงทักง่ายๆ ทำให้ฉันละสายตาจากหน้าจอมือถือ แล้วก็พบหนุ่มหล่อเกินต้านเปิดประตูกระจกเข้ามา เป็นโชคดีที่เวลานี้ไม่มีใครเดินเข้าออกหอ ไม่งั้นถ้าสาวๆ เห็นพี่เทมส์เข้าต้องกรีดร้อง แล้วเอาไปลือต่อแน่นอน “สวัสดีค่ะพี่เทมส์” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อมพร้อมกับยื่นถุงกระดาษส่งให้เมื่อพี่เขาเดินมาถึงตัว “ขอบคุณนะคะที่ให้หนูยืมเสื้อมา แล้วก็ขอบคุณที่พี่ช่วยหนูหลายครั้งเลย ถ้าพี่เทมส์มีเรื่องอะไรให้หนูช่วย บอกได้นะคะ หนูเต็มใจ” ฉันบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน จากใจนะ... ฉันรู้สึกขอบคุณในความใจดีของพี่เทมส์จริงๆ เพราะถ้าพี่เขาไม่แวะรับฉัน แล้วมาส่งที่หอในคืนนั้น... ไม่รู้ป่านนี้ฉันจะเป็นไง “แน่ใจ?” ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วเล็กน้อยรับถุงกระดาษไปถือ แต่เป็นอะไรที่หล่อมากค่ะ “แน่ใจสิคะ” ฉันพยักหน้าเร็วๆ แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ “เรียนเอกญี่ปุ่นเนี่ย ชอบดูอนิเมะบ้างมั้ย” ชอบหรือไม่ชอบ แล้วเกี่ยวอะไรกับที่ฉันจะตอบแทนพี่เขากันล่ะ ถึงจะงงกับคำถามนิดหน่อยแต่ฉันก็ตอบว่า “ก็ชอบเป็นบางเรื่องค่ะ ขอให้ไม่ดาร์กหรือน่ากลัวจนเกินไป” คำตอบของฉันทำให้พี่เทมส์พยักหน้าเชิงรับรู้ “งั้นไปดูหนังเป็นเพื่อนพี่หน่อย” “หา!” ฉันร้องอย่างเหวอๆ ดูหนังกับพี่เทมส์เนี่ยะนะ? เราสองคนสนิทกันถึงขั้นไปดูหนังด้วยกันได้แล้วเหรอ!! เอาจริงป่ะ... เจอหน้ากันส่วนใหญ่ก็ตอนรับน้อง มีบ้างที่บังเอิญเจอนอกมหาลัย คุยไลน์คุยโทรศัพท์กันแค่ไม่กี่ครั้ง รวมถึงฉันเคยขึ้นรถพี่เขาสองครั้งด้วย แต่เหตุผลแค่นี้ทำให้พี่เขาชวนฉันไปดูหนังได้จริงอ่ะ... มันใช่เหรอ “พี่ได้บัตรมา แต่ไอ้พวกนั้นไม่มีใครดูอนิเมะเรื่องนี้สักคน” ว่าละก็ล้วงบัตรอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋าตังค์ใบหรู โชว์ให้ฉันเห็นจะๆ เต็มสองตา หือ! Jujutsu kaisen!! เดี๋ยวนะบัตรรอบปฐมทัศน์! ได้ดูก่อนฉายจริง 1 อาทิตย์... ตาฉันวิ้งวับในชั่ววินาที เพิ่งลงไอจีเมื่อคืนว่าอยากดู ตอนนี้ดันมีตั๋วให้เห็นต่อหน้า สวรรค์เข้าข้างแค่ไหนถามใจดูว! “บัตรรอบสื่อหรือคะ” แม้จะตื่นเต้นมากแค่ไหนฉันก็อดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ บัตรรอบสื่อจากที่เคยได้ยินมา ถ้าไม่มีเส้นสาย ก็ต้องเป็นผู้สนับสนุนหนังเรื่องนั้นๆ ไม่งั้นก็ต้องเป็นเซเล็ปดาราหรืออินฟลูทั้งหลายแหล่ หรือไม่ก็ต้องเล่นเกมส์ชิงบัตรมา (ซึ่งข้อสุดท้าย ไม่น่าใช่เวย์ของพี่เทมส์แน่นอน) “อือ! อาพี่ให้มา ว่าไง... ช่วยไปดูหนังเป็นเพื่อนพี่ได้ป่ะ” พี่เทมส์ถามอย่างง่ายๆ ส่วนฉันก็ตอบแบบไม่คิดเลย “โอเคค่ะ หนูไป” หึ! ได้โอกาสไปขิงพี่เบสทั้งทีฉันจะปฏิเสธได้ไง พี่เบสต้องรอรอบฉายจริง... ส่วนลูกพีชคนนี้จะได้ดูรอบสื่อนะคะ ยกนี้ใครชนะ... ตอบ! ฮ่าๆ “เป็นอันว่าเราตกลงแล้วนะ” ชั่วแวบนึงฉันเห็นเหมือนพี่เทมส์ยิ้มมุมปาก แถมดวงตาฉายแววพึงพอใจออกมางั้นล่ะ หือ! ฉันคงตาฝาดไปเองมากกว่ามั้ง ไม่มีไรหรอกเนอะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD