ตอนที่ 20 สายใยแห่งความจริง

1402 Words
ยามค่ำในวังหลวง แสงจันทร์สาดส่องผ่านกิ่งไม้ลงสู่สวนหลวงที่เงียบสงัด โคมกระดาษสีแดงที่แขวนตามระเบียงของตำหนักหลานหวากะพริบไหวราวดวงดาว งานชุมนุมของขุนนางรุ่นใหม่กำลังดำเนินไปอย่างคึกคัก เสียงดนตรีพิณและขลุ่ยลอยอบอวลในอากาศ ผสานกับกลิ่นกำยานและดอกไม้ เซี่ยเหยียนอวี่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องโถง มือบางวางบนราวไม้แกะสลัก เขาแต่งกายในชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อน ปักลายเมฆด้วยด้ายเงิน ผมยาวมัดเรียบร้อยด้วยมงกุฎหยก ใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกขาวของเขานิ่งสงบ ดวงตาคู่สวยฉายแววระแวงที่ซ่อนความเฉียบคม เหยียนอวี่รู้ว่างานชุมนุมคืนนี้มิใช่เพียงการเฉลิมฉลอง เขานึกถึงบทสนทนาที่เคยได้ยินเกี่ยวกับเงาทมิฬและงานเลี้ยงในฤดูใบไม้ร่วง รวมถึงการสมคบของฉินลี่หรงกับเฉินหยาง ขุนนางกบฏจากชาติก่อน การบงการข่าวลือที่ทำให้หลี่เฉิงและหลี่หมิงถูกจับได้เป็นเพียงก้าวแรกในการตัดกำลังฉินลี่หรง แต่เหยียนอวี่รู้ว่าศัตรูของเขาจะไม่ยอมหยุดง่าย ๆ คืนนี้เขามาด้วยความระมัดระวัง พร้อมเผชิญหน้ากับภัยที่อาจซุกซ่อนอยู่ภายในงาน ท่านอ๋องจวิ้นอี่ปรากฏตัวในงานชุมนุม ชุดสีดำสนิทปักลายมังกรทองของเขาสะท้อนแสงโคม ทว่าสายตาคู่คมที่มองเหยียนอวี่เต็มไปด้วยความลึกล้ำ ราวสะท้อนฝันเมื่อคืนที่หลอกหลอนเขา ภาพของเหยียนอวี่ในชาติก่อน ความเจ็บปวดและคำวิงวอนยังคงฝังลึกในใจ ท่านอ๋องรู้สึกถึงความปรารถนาที่อยากจะเข้าใกล้ชายผู้นี้ให้มากขึ้น เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในสายตาคู่สวยนั้น เมื่องานชุมนุมดำเนินไป เหยียนอวี่สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ขันทีหนุ่มคนหนึ่งเดินวนเวียนใกล้ท่านอ๋องจวิ้นอี่บ่อยเกินไป มือของเขาซ่อนบางอย่างไว้ใต้แขนเสื้อ เหยียนอวี่นึกถึงคำเตือนของหลิวจื้อเฉินเมื่อบ่ายนี้ว่ามีข่าวลือเรื่องการลอบสังหารในงานชุมนุม เขากวาดสายตาไปยังฉินลี่หรงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มสมบูรณ์แบบของชายผู้นั้นดูฝืดฝืนเล็กน้อยเมื่อสายตาของทั้งสองปะทะกัน เหยียนอวี่รู้ทันที คืนนี้คือส่วนหนึ่งของรหัสลับเงาทมิฬที่เขาเคยได้ยิน เขาขยับตัวช้า ๆ เดินไปยังมุมที่ใกล้ท่านอ๋องมากขึ้น โดยแกล้งหยิบถ้วยชาจากโต๊ะข้าง ๆ สายตาของเขาจับจ้องขันทีผู้นั้น และเมื่อชายคนนั้นยกมือขึ้น ปลายมีดสั้นวาววับปรากฏจากใต้แขนเสื้อ เหยียนอวี่ไม่ลังเล เขากระโจนเข้าไปขวางหน้าท่านอ๋องจวิ้นอี่ มือของเขาคว้าข้อมือของขันทีคนนั้นไว้แน่น บิดอย่างแรงจนมีดหล่นลงพื้น “ฝ่าบาท ระวัง!” เหยียนอวี่ตะโกน สายตาของเขาคมกริบราวกับดาบ ขันทีพยายามดิ้น แต่หลิวจื้อเฉินที่เฝ้ามองจากมุมห้องพุ่งเข้ามาในทันที จับตัวขันทีลงกับพื้น ขุนนางรอบข้างกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก เสียงดนตรีหยุดลงกะทันหัน ท่านอ๋องจวิ้นอี่หันมองเหยียนอวี่ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความกังวล เขาคว้าแขนของเหยียนอวี่เพื่อตรวจดู “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย มือของเขาสัมผัสแผลตื้นที่แขนของเหยียนอวี่ ปรากฏรอยมีดที่เฉี่ยวผ่านเมื่อเขาขวางการโจมตี เหยียนอวี่หายใจถี่ สีหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อยจากความเจ็บปวด แต่สายตาคู่สวยยังคงเด็ดเดี่ยว “ข้าไม่เป็นไร ฝ่าบาท” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “แต่ท่านต้องระวัง ภัยในวังหลวงยังไม่จบแค่นี้แน่” องค์ชายจวิ้นอี่มองเหยียนอวี่นิ่งครู่หนึ่ง สายตาของเขาฉายแววที่ผสมทั้งความขอบคุณและความสับสน ราวภาพในฝันของเขากำลังทับซ้อนกับชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขากระชับมือที่จับแขนของเหยียนอวี่ “เจ้าเสี่ยงชีวิตเพื่อข้า” เขากล่าวเบา ๆ “เพื่อเหตุใด?” เหยียนอวี่ชะงัก คำถามนั้นเจาะลึกถึงหัวใจ เขานึกถึงชาติก่อน ความรักที่เคยหวานล้ำและความเจ็บปวดที่ตามมา แต่เขาจะไม่ยอมให้อดีตครอบงำ “ข้าเพียงทำในสิ่งที่ต้องทำ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผสมทั้งความเปราะบางและความแข็งแกร่ง “ฝ่าบาทคืออนาคตของราชสำนัก” คำพูดนั้นทำให้ท่านอ๋องรู้สึกถึงความร้อนในอก เขามองเหยียนอวี่ด้วยสายตาที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ราวสายใยที่มองไม่เห็นกำลังผูกมัดทั้งสองให้แน่นแฟ้นกว่าเดิม “เจ้า... ไม่เหมือนใคร” เขากล่าว “ข้าจะไม่ลืมสิ่งที่เจ้าได้ทำในวันนี้” ในมุมหนึ่งของห้องโถง ฉินลี่หรงนั่งนิ่ง สายตาคู่คมของเขาจ้องเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น รอยยิ้มของเขาแตกร้าวด้วยความตื่นกลัวที่ซ่อนไว้ เขานึกถึงความล้มเหลวของหลี่เฉิงและหลี่หมิง และตอนนี้การลอบสังหารที่ควรจะสมบูรณ์แบบกลับถูกเซี่ยเหยียนอวี่ขัดขวาง ชายผู้นั้นไม่เพียงรอดพ้นจากทุกกับดัก แต่ยังปกป้ององค์ชายไว้ได้ ทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากฝ่าบาท “เจ้าเป็นใครกันแน่?” ฉินลี่หรงกระซิบกับตัวเอง มือกำเครื่องรางหยกแน่นจนข้อนิ้วซีด ความรู้สึกว่าเหยียนอวี่อาจรู้มากเกินไปยิ่งฝังลึกในใจ หลังเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์ท่านอ๋อง หลิวจื้อเฉินและองครักษ์นำตัวขันทีไปสอบสวน ไป๋เหวินเจี๋ยรีบเข้ามาดูแลแผลของเหยียนอวี่ในห้องพักส่วนตัวของตำหนักหลานหวา ผ้าพันแผลสีขาวพันรอบแขนของเขา กลิ่นยาสมุนไพรลอยอบอวลในอากาศ “ท่านใจกล้ามาก” ไป๋เหวินเจี๋ยกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง “แต่จงระวัง การเป็นวีรบุรุษมักมาพร้อมราคาที่ต้องจ่าย” เหยียนอวี่ยิ้มอ่อน “ข้าต้องทำ ท่านหมอ” เขากล่าว “หากฝ่าบาทถูกทำร้าย ราชสำนักจะโกลาหล และฉินลี่หรงจะได้สิ่งที่เขาต้องการ” ไป๋เหวินเจี๋ยพยักหน้า “ข้าจะสืบต่อว่าตัวตนของเงาทมิฬคือใครกันแน่” เขากล่าว “แต่ท่านได้สร้างความเปลี่ยนแปลงในวังแล้ว นายน้อยเซี่ย” เมื่อไป๋เหวินเจี๋ยจากไป องค์ชายจวิ้นอี่เข้ามาในห้องเพียงลำพัง เขานั่งลงข้างเหยียนอวี่ สายตาของเขาจ้องแผลที่แขนด้วยความกังวล “เจ้าเจ็บมากหรือไม่?” เขาถาม น้ำเสียงของเขานุ่มนวลผิดจากปกติ เหยียนอวี่ส่ายหัว “เพียงแผลเล็กน้อย ฝ่าบาท” เขากล่าว แต่สีหน้าที่ซีดจางและน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยเผยความเปราะบางที่เขาไม่อาจปกปิด ท่านอ๋องยื่นมือออกมา สัมผัสขอบผ้าพันแผลเบา ๆ “เจ้าไม่ต้องแกล้งเข้มแข็งต่อหน้าข้า” เขากล่าว “คืนนี้ เจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าเจ้ามีหัวใจที่กล้าหาญ และข้าต้องการให้เจ้ารู้ว่า ข้าไว้วางใจเจ้า” คำพูดนั้นทำให้หัวใจของเหยียนอวี่เต้นเร็วขึ้น เขานึกถึงชาติก่อน วันที่เขาปรารถนาคำพูดเช่นนี้จากชายผู้นี้ แต่เขาจะไม่ยอมให้ความรู้สึกเหล่านั้นครอบงำเด็ดขาด “ข้าขอบพระทัย ฝ่าบาท” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “ข้าจะทำหน้าที่ของข้าต่อไป” ท่านอ๋องมองเขานิ่งครู่หนึ่ง สายตาของเขาฉายแววที่ผสมทั้งความอบอุ่นและความสงสัย “เจ้า... ทำให้ข้าสงสัยถึงสิ่งที่ข้าหลงลืมไป” เขากล่าวเบา ๆ “แต่ไม่ว่าอดีตของเราจะเป็นเช่นไร ข้าจะปกป้องเจ้า นายน้อยเซี่ย” คำสัญญานั้นเปรียบดั่งสายลมที่พัดผ่านหัวใจของเหยียนอวี่ เขาก้มศีรษะเพื่อปกปิดความว้าวุ่น “ข้าจะจดจำคำของฝ่าบาทเอาไว้” ยามดึก เหยียนอวี่ยืนที่ระเบียงของตำหนักหย่งชิง มองสระบัวที่สะท้อนแสงจันทร์ แผลที่แขนของเขายังปวดหนึบ แต่หัวใจของเขาหนักอึ้งยิ่งกว่า เขานึกถึงความสำเร็จในคืนนี้ การช่วยท่านอ๋องจากการลอบสังหาร และความไว้วางใจที่เขาได้รับ ทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดท่านอ๋องไปอีกก้าว สายใยที่เริ่มแน่นแฟ้นจนเขากลัวว่าอาจเกินกว่าที่เขาจะควบคุม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD