bc

สวรรค์ผูกรัก

book_age16+
269
FOLLOW
1K
READ
twisted
sweet
bxg
humorous
first love
soul-swap
spiritual
ancient
affair
gorgeous
like
intro-logo
Blurb

เพื่อช่วยท่านตาให้พ้นผิด นางซึ่งเป็นต้นท้อพันปีที่ท่านตาปลูกมานับพันปี จำต้องไปเกิดเป็นมนุษย์นางหนึ่งเพื่อต่อวาสนา ที่ท่านตาของนางได้ผูกไว้

แต่หลังจากนางมาจุติที่โลกมนุษย์เพียงไม่นาน โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้นางต้องถูกเจ้าบ่าวทอดทิ้งในวันแต่งงานยังไม่พอ ยังโดนเขาทำร้ายนางจนบาดเจ็บสาหัส สวรรค์ช่างไร้ตากับนางเสียนี่กระไร ข้าสัญญา..เจอกันคราวหน้า ข้าไม่ละเว้นท่านแน่...

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1
ณ ดินแดนสรวงสวรรค์ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่รวบรวมเหล่าทวยเทพและเซียนทั้งหลายอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ สัตว์เทพและสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนสถิตอยู่ในดินแดนแห่งความสุขนี้ทั้งสิ้น บนท้องนภาสีครามอันกว้างใหญ่ไพศาล ประดับไปด้วยแสงเหลืองนวลงดงามอร่ามตา สิ่งก่อสร้างวิจิตรงดงามต่างก็ตั้งเรียงรายเข้ากันได้อย่างลงตัว ภายในเทพนครอันกว้างใหญ่ วิมานเคียงคู่ก็เป็นที่ประทับอีกแห่งหนึ่งบนสรวงสรรค์ มีตาเฒ่าจันทราเทพแห่งความรักประทับอยู่ในวิมานแห่งนี้ หากจะเอ่ยถึงหน้าที่ของตาเฒ่าจันทรา ก็มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือคอยผูกบุพเพ หรือด้ายแดงแห่งวาสนาให้กับมนุษย์โลกที่มีวาสนาต่อกัน แต่หากคู่ใดหมดบุญวาสนาต่อกันแล้ว ชายชราจะใช้กรรไกรตัดด้ายแดงเส้นนั้นทิ้งไปเสีย ริมแม่น้ำภายในวิมานเคียงคู่ มีต้นท้อพันปีอยู่ต้นหนึ่งซึ่งมีอายุมายาวนานนับพันปี จู่ๆก็มีลำแสงประหลาดขุมหนึ่งก่อกำเนิดขึ้น มันจะค่อยๆ พวยพุ่งออกมาจากลำต้นท้อ เมื่อลำแสงนั้นตกลงสู่พื้น มันก็ค่อยๆ กลายร่างเป็นดรุณีน้อยนางหนึ่งในทันที “นานเหลือเกินที่ข้าเฝ้ารอวันนี้ ในที่สุดข้าก็บำเพ็ญเพียรตบะครบพันปีแล้ว ครานี้ละที่ข้าจะได้เป็นเทพเสียที” เสียงใสๆของหญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น ตามตำนานของเทพสวรรค์กล่าวขานกันมานานนับหมื่นปี หากต้นท้อสวรรค์สามารถมีอายุยืนได้ถึงหนึ่งพันปี จิตวิญญาณของมันจะสามารถกลับมาเกิดใหม่เป็นทวยเทพได้อีกครั้ง “ว่าไงเถาจื่อน้อย เจ้ากลายร่างแล้วรึ?” เสียงของตาเฒ่าจันทราเอ่ยถามขึ้น ดรุณีน้อยขานรับชายชราในทันที “เจ้าค่ะ...ท่านตา”  “หลายปีมานี้ไม่ง่ายเลยสินะที่เจ้าจะบำเพ็ญเพียรตบะได้ครบพันปี ข้าเฝ้ารอให้เจ้าเติบโตมานานเหลือเกิน และตอนนี้เจ้าก็เกิดมาทันเวลาเสียจริงๆ” ตาเฒ่าจันทราเอ่ยขึ้นพลางลูปเคราสีขาวดอกเลา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นของชายชราฉายแววกลัดกลุ้มใจ เถาจื่อลอบสังเกตสีหน้าของชายชราอย่างสงสัยใคร่รู้ “ท่านตามีเรื่องไม่สบายใจอันใดหรือเจ้าคะ” “เจ้าอยากรู้จริงๆ รึ?” ตาเฒ่าจันทราเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ   “เจ้าค่ะ” “ไม่รู้ว่าข้าสะเพร่าหรือเป็นความผิดของสวรรค์ก็หารู้ไม่ ข้าได้ผูกชะตาของหญิงสาวนางหนึ่งบนโลกมนุษย์ จากที่ข้าได้คำนวณชะตาชีวิตของนางแล้ว นางควรจะมีอายุยืนถึงร้อยปี แต่จู่ๆ สตรีนางนี้กลับนอนหลับไม่ตื่นมาครึ่งเดือน พอข้าไปขอตรวจสอบดูดวงจิตของนางกับยายเมิ่ง ก็ทำให้ข้าได้รู้ว่า นางเพิ่งดื่มน้ำแกงห้ารสไปเกิดใหม่ไปเสียแล้ว เดือดร้อนข้าต้องรีบหาดวงวิญญาณดวงใหม่ไปจุติแทนร่างเดิมให้ทันกาล ก่อนเรื่องจะถึงพระกรรณขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ คราวนี้ละข้าจะได้ถูกลดตำแหน่งเทพธรรมดาเป็นแน่ แค่คิดก็พาลทำให้ข้ากลัดกลุ้มยิ่งนัก” ด้วยเพราะผูกพันกับต้นท้อแสนรักต้นนี้มานานนับพันปี เขาจึงสัมผัสได้ถึงจิตใจอันบริสุทธิ์ของนาง หากไม่เพราะว่าเขาอับจนปัญญาแล้วละก็คงไม่เลือกใช้วิธีนี้เป็นแน่ หญิงสาวมองชายชราด้วยความห่วงใย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “ท่านตาเจ้าคะ ให้ข้าช่วยท่านได้หรือไม่” คำพูดของเถาจื่อ ราวกับหยดน้ำฝนที่ตกลงมาชโลมผืนดินอันแห้งเหือด ท่ามกลางแสงสุริยันอันร้อนแรงสาดส่องลงมา ดวงตาของชายชราเป็นประกายขึ้นในทันที “เจ้าอยากจะช่วยข้าจริงๆ หรือ?” “เจ้าค่ะ...ท่านตา” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยแววตาใสซื่อบริสุทธิ์   “ข้าอยากให้เจ้าไปเกิดใหม่ในร่างสตรีนางนี้...ได้หรือไม่?” ชายชราเอ่ยถามขึ้นอย่างมาดมั่น “ได้เจ้าค่ะ เพื่อท่านตาแล้ว...ต่อให้ข้าบุกน้ำลุยไฟข้าก็ยอม” หญิงสาวขานรับด้วยความยินดี ด้วยบุญคุณของชายชราที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เป็นเมล็ดเซียนท้อ ท่านตาปลูกนางมาด้วยความรักทะนุถนอม แม้ว่านางจะไม่มีร่างกายเฉกเช่นเทพเซียนองค์อื่นๆ แต่จิตวิญญาณของนางกลับสัมผัสได้ถึงความเมตตาของชายชราที่มีต่อนางยิ่งนัก ทำให้หญิงสาวไม่ลืมที่จะตอบแทนบุญคุณท่านตาของนาง “นี่คือข้อมูลของเจ้าของร่างที่เจ้าจะต้องไปเกิด” ชายชรายื่นกระดาษที่บอกรายละเอียดของหญิงสาวบนโลกมนุษย์ให้นาง ‘หวังเยว่ซิน บุตรีเพียงคนเดียวของบ้านสกุลหวัง โฉมสะคราญแห่งโรงสุรายั่งยืน อายุยี่สิบปี บิดาชื่อหวังหลวนซาน  ส่วนมารดาลาโลกไปเมื่อปีก่อน นางเป็นเพียงทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหวัง และสืบทอดกิจการโรงสุรายั่งยืนรุ่นที่สิบ นิสัยส่วนตัวชอบดื่มสุราแทนข้าว ล่าสุดดื่มสุราหมดไปสิบไหก่อนจะหมดสติไป โดยรวมเป็นคนจริงใจและชอบช่วยเหลือผู้คนโดยเฉพาะสตรี ข้อเสียไม่มีความเป็นกุลสตรีตั้งแต่จำความได้ คู่ครองเว่ยเฟยหลิง หัวหน้ามือปราบ บุตรโทนเพียงคนเดียวของตระกูลเว่ย ฉายาดาบเหล็กไร้เทียมทาน ชายหนุ่มผู้มีอนาคตไกล ใบหน้างดงามเยี่ยงสตรี องอาจสง่างาม ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ อุปนิสัยยากที่จะคาดเดา อายุสามสิบจุดเด่นวิชายุทธ์สูงล้ำเหนือคำบรรยาย ฐานะร่ำรวยเงินเต็มอ่างทองเต็มหีบ มีบิดาชื่อเว่ยฟางหลาง ส่วนมารดาถึงแก่กรรมหลังจากคลอดบุตร ข้อเสียปากไม่ตรงกับใจ เป้าหมายของวงตระกูลคือ ให้ตระกูลเว่ยมีทายาทสืบสกุลอันน้อยนิดได้แตกลูกแตกหลาน ชายสิบหญิงหกเป็นอันดี’  ไม่ต้องพูดถึงข้อแรกที่นางได้อ่านก็ทำให้หญิงหญิงสาวรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักอึ้งล้มทับบนตัวนาง แต่ข้อสุดท้ายนี่สิ ความคิดแรกผุดขึ้นมาในสมอง ท่านตาเจ้าขาช่วยหาสุกรตัวเมียให้ข้าซักสิบตัวได้หรือไม่ ร่างของชายชราเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้านางอีกครั้ง ก่อนจะใช้วิชาเซียนฟื้นความจำของหวังเยว่ซินทั้งหมดให้กับนาง “จื่อเอ๋อร์ ต่อจากนี้ไปเจ้าจงจดจำทุกสิ่งเกี่ยวกับหวังเยว่ซิน รวมถึงนิสัยใจคอของนางด้วย เจ้าต้องเป็นตัวนางทุกอย่าง...เข้าใจหรือไม่?” ตาเฒ่าจันทรามองดรุณีน้อยด้วยสายตาคาดหวัง “และเรื่องนี้เจ้าห้ามแพร่งพรายให้ผู้ใดได้ล่วงรู้โดยเด็ดขาด เจ้าต้องจดจำไว้ให้ดีว่าความลับสวรรค์มิอาจแพร่งพราย…เข้าใจหรือไม่?” ชายชราย้ำเตือนนางอีกครั้งอย่างกังวลใจ ดวงตาใสซื่อฉายแววมุ่งมั่น “เจ้าค่ะท่านตา ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”  “เอานี่เก็บไว้ เผื่อสักวันเจ้าจักต้องได้ใช้มัน”  เถาจื่อจ้องมองก้อนสีเขียวๆ บนฝ่ามือของตนอย่างสนใจ “มันคืออะไรหรือเจ้าคะ” “ยาตบะเซียนพันปี เป็นยาที่รวบรวมจากธาตุทั้งห้าของเซียนที่ตบะสูง เล่าลือกันว่าผู้ใดที่กินยาเม็ดนี้เข้าไปจะ ช่วยให้เทพฝึกเป็นเซียนได้โดยง่าย สามารถสั่งฟ้า สั่งลม สั่งฝนได้ และสามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้ นับว่าเป็นของล้ำค่าที่เหล่าทวยเทพทั้งหลายหมายที่จะได้มาครอบครอง”    ดวงตากระจ่างใสของหญิงสาวพลันเบิกกว้าง  ขณะที่ดรุณีน้อยกำลังตกตะลึง ตาเฒ่าจันทราก็ตวัดมือส่งนางไปยังโลกมนุษย์ในทันดี   “ท่านตาข้า...” เสียงใสๆ เอ่ยเรียกชายชราเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของนางจะค่อยๆ จางหายไป “จื่อเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว...” ขนตาแพหนาค่อยๆ เปิดขึ้น เมื่อม่านตากระทบแสงแดดที่สะท้อนมาจากนอกหน้าต่างก็ทำให้นางรู้สึกตัวขึ้น ร่างบอบบางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งพลางมองไปรอบๆ ห้องที่มีเครื่องตกแต่งอย่างเรียบง่ายสะท้อนให้เห็นถึงนิสัยของเจ้าของร่างเดิม หญิงสาวค่อยๆ ก้าวขาลงจากเตียงอย่างช้าๆ ทำให้รู้สึกไม่คุ้นเคยกับร่างกายใหม่เท่าใดนัก จู่ๆ หญิงสาวพลันหวนนึกถึงภาพความทรงจำสุดท้าย ก่อนที่นางจะลงมาสิงอยู่ในร่างนี้ ท่านตา...เหตุใดท่านถึงเลือกที่จะมอบยาวิเศษล้ำค่านี้ให้แก่ข้า เพื่อข้าแล้ว...ท่านถึงกับยอมสูญเสียตบะพันปีเชียวหรือ ข้าไม่เข้าใจท่านเสียเลยจริงๆ ใบหน้างามฉายแววหมองหม่น “คุณหนู ท่านฟื้นแล้ว” สาวใช้คนสนิทประจำตัวเยว่ซินเรียกคุณหนูของตนอย่างตื้นตันใจ พลันเกิดน้ำใสๆ คลอบริเวณหางตา เสียงใสๆ ของหญิงรับใช้เรียกให้นางตื่นจากภวังค์ “ข้านึกว่าท่านจะจากข้าไปเสียแล้ว ขอบคุณสวรรค์ที่เมตตาต่อ คุณหนูของข้า” สาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้ม สวมชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อน เรียกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงตื้นตันใจ   เสียงแหบแห้งของเจ้าของร่างค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาอย่างช้าๆ “ข้าหลับไปแค่นิดเดียว เจ้าถึงกลับกล้าแช่งข้าเชียวรึ?” “เปล่านะเจ้าค่ะ ข้าหรือจะกล้าแช่งคุณหนู” เสี่ยวผิงยิ้มอย่างมีความสุขที่เห็นคุณหนูคนเดิมของนางกลับคืนมา  ด้วยเพราะเจ้าของร่างเดิมสูญเสียพลังวิญญาณไปถึงเก้าส่วน เหลือเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้นที่ทำให้ร่างนี้สามารถประคองชีวิตอยู่มาได้ จึงไม่แปลกที่เมื่อนางเข้ามาสิงอยู่ในร่างนี้ พลังกายบางส่วนจึงไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้เร็วนัก หากนางมาช้าเพียงแค่ก้าวเดียวเกรงว่าร่างของหญิงสาวผู้นี้จะหมดลมหายใจไปเป็นแน่ “เสี่ยวผิง เจ้าเตรียมน้ำมาให้ข้าอาบที ข้าหลับมานานชักรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวขึ้นมาบ้างแล้ว” เถาจื่อรีบหาทาง ไล่สาวใช้ตรงหน้า หากขืนยังมัวชัดช้าเกรงว่านางคงได้เล่นสงครามน้ำลายกับสาวใช้ปากกล้าผู้นี้เป็นแน่ “เจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวจะรีบไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้” ในขณะที่นางกำลังอาบน้ำโดยมีสาวใช้ข้างกายถูกหลังให้ ทำให้หญิงสาวหวนนึกถึงความทรงจำของเจ้าของร่าง เดิม ใครจะเชื่อว่าสตรีนางนี้จะนิยมชมชอบการแต่งกายเป็นบุรุษ แอบบิดาปีนกำแพงออกนอกบ้าน ไปเที่ยวหอคณิกา แสดงท่าทางเกี้ยวสตรีเยี่ยงบุรุษ มีอยู่ครั้งหนึ่งนางแอบขโมยตำราเข้าห้องหอของหอจันทร์คะนึงมาได้ แล้วได้ใช้อุบาย หลอกล่อให้เสี่ยวผิงอ่านตำราเล่มนี้ให้นางฟัง ทำให้เสี่ยวผิงหน้าแดงโกรธนางอยู่หลายวัน แค่นึกถึงความไม่เรียบร้อยของ สตรีนางนี้แล้วก็ทำให้นางอดที่จะขำอยู่คนเดียวไม่ได้ เสี่ยวผิงอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้าผู้เป็นนาย “คุณหนูของข้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก พอฟื้นขึ้นมาก็กลายเป็นคนสติไม่ดีเสียแล้ว” “เจ้ากล้าล้อข้ารึ” ใบหน้านวลเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ “มิกล้าเจ้าค่ะ” “หากข้าสติไม่ดี เจ้าก็คงไม่ต่างจากข้าที่คุยกับข้าได้รู้ความ” เถาจื่อโต้เถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ สาวใช้นางนี้ช่างฝีปากกล้ายิ่ง เท่าที่นางตรวจสอบความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ก็ทำให้รู้ว่านางชื่อเสี่ยวผิง เป็นสาวใช้ที่หวังหลวนซานซื้อตัวมาอยู่เป็นเพื่อนหวังเยว่ซินตั้งแต่เด็ก เสี่ยวผิงและนางเติบโตมาด้วยกัน สถานะของหญิงสาวจึงดูคล้ายจะเป็นเพื่อนเล่นของหวังเยว่ซินเสียมากกว่าสาวใช้ “คุณหนูนี้ช่างไม่ต่างไปจากเดิมเสียเลยจริงๆ ข้าก็นึกว่าท่านจะเปลี่ยนไปเป็นคุณหนูที่ว่าง่ายเมื่อฟื้นขึ้นมาเสียอีก ข้าคงคิดไปเองจริงๆ” เสี่ยวผิงพูดพลางทอดถอนใจ นางรู้สึกขำสาวใช้ผู้นี้ยิ่งนัก “ข้าว่าเจ้าคงอ่านหนังสือรักพวกนั้นมากไปกระมัง ถึงได้เพ้อเจ้อว่าข้าจะเปลี่ยนเป็นสตรีน่าเบื่อพวกนั้น” เถาจื่อเริ่มรู้สึกคุ้นชินกับนิสัยร่างนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว หากได้มีโอกาสลับฝีปากกับสาวใช้ตรงหน้าบ่อยๆนางคงจะก้าวหน้าขึ้นไม่มากก็น้อย เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป... “ซินเอ๋อร์...ลูกพ่อ” หลังจากทราบข่าวว่าบุตรสาวสุดที่รักได้สติ หวังหลวนซานก็รีบกุลีกุจอออกจากโรงสุรามายังเรือนสกุลหวังในทันที  ยังไม่ทันที่นางจะทันได้โต้ตอบกับผู้เป็นบิดา หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงวงแขนอันอวบใหญ่ที่โถมเข้ามากอดนางพร้อม กับความรู้สึกเปียกชื้นที่ไหล่ซ้าย ทำให้ให้หญิงสาวรู้สึกถึงความแปลกใหม่และไม่คุ้นเคย “ลูกพ่อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อห่วงเจ้ามากแค่ไหน” หวังหลวนซานสำรวจร่างกายบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างห่วงใย ราวกับว่าถ้าตนมาช้าอีกเพียงนิด นางจะสลายหายไปต่อหน้าเขาก็ไม่ปาน ใบหน้างามเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายอารมณ์ “ท่านพ่อข้าดีขึ้นมากแล้ว ท่านอย่าได้กังวลไปเลย” ชายรูปร่างอ้วนท้วมเจ้าเนื้อผู้นี้เป็นบิดาของหวังเยว่ซิน มีนามว่าหวังหลวนซาน เขารักบุตรตรีผู้นี้มากจนถึงขั้นทำให้หวังเยว่ซินเสียคน ด้วยเพราะมารดาของนางเพิ่งจากไปไม่นาน เขาจึงไม่อาจห้ามปรามนิสัยเอาแต่ใจของบุตรสาวได้ และด้วยเพราะความเอาแต่ใจของหญิงสาวเมื่อครึ่งเดือนก่อน นางได้แอบขโมยสุราร้อยปีของผู้เป็นบิดากว่าสิบไหไปดื่ม ทำให้หญิงสาวหลับใหลไม่ตื่นราวครึ่งเดือน “จะไม่ให้พ่อกังวลได้อย่างไร หากเจ้าเป็นอะไรไปข้าจะมีหน้าสู้หน้าแม่ของเจ้าบนสวรรค์ได้อย่างไร” หวังหลวน ซานพูดพลางเช็ดน้ำตาไปพลาง เยว่ซินมองบิดาอย่างเป็นกังวล หากนางไม่รีบไล่เขาไปเกรงว่าห้องนางจะต้องเกิดอุทกภัยเป็นแน่ คิดพลางจ้องมองร่างอ้วนท้วมผู้เป็นบิดา เช็ดน้ำตาจนผ้าเช็ดหน้าลายนกเป็ดน้ำเปียกชุ่ม   “ท่านพ่อลูกรู้สึกเพลียเหลือเกิน” นางแสร้งนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างอ่อนล้า  เมื่อเห็นบุตรสาวผู้เป็นที่รักนอนล้มลงไปอย่างหมดแรง หลวนซานจึงไม่กล้าอยู่รบกวนนางอีก “ได้ๆ เจ้าพักผ่อนเถอะ พ่อไม่กวนเจ้าแล้ว” ร่างอ้วนท้วมรีบไล่บรรดาบ่าวไพร่ที่มารวมตัวกันในห้องของบุตรสาว และให้ออกไปพร้อมกับตนโดยเร็ว เยว่ซินคลี่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อทุกคนออกไปจากห้องกันหมดแล้ว ทำให้นางได้มีเวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับร่างนี้ว่าหลังจากนี้ว่านางควรจะทำเช่นไรต่อไป แค่คิดถึงเหตุการณ์ที่นางได้เผชิญในวันนี้ ก็ทำให้ใบหน้างามขมวดคิ้วแน่นอย่างเป็นกังวลใจ บนถนนอันพลุกพล่าน ผู้คนและรถม้าต่างสัญจรผ่านไปมา ร้านรวงบนถนนเรียงกันอย่างหนาตา รวมถึงเหล่าพ่อค้าแผงลอยที่เร่ขายของอย่างคับคั่ง แลดูคึกคักมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง โรงสุรายั่งยืนของสกุลหวัง ตั้งอยู่ริมถนนอันคึกคักจอแจแห่งเมืองหลวง ภายในร้านเรียงรายไปด้วยสุรานานาชนิด กลิ่นส่าเหล้าหลายประเภทรวมกันจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นอันหอมหวนที่ตลบอบอวลภายในอากาศ ดึงดูดให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปมายังต้องหยุดเท้าเมื่อเดินผ่านหน้าโรงสุราแห่งนี้ เนื่องจากโรงเหล้าสกุลหวังเป็นร้านที่เก่าแก่อยู่มานานนับร้อยปี ทุกวันจึงมีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสาย ทำให้โรงสุรายั่งยืนแห่งนี้เป็นที่รู้จักและนิยมชมชอบของบรรดานักดื่มคอทองแดงและมือใหม่กันถ้วนหน้า เยว่ซินนั่งเท้าคางอย่างเหม่อลอย...นี่ก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้วสินะที่นางอยู่บนโลกใบนี้ การเป็นหวังเยว่ซินนั้นไม่ง่ายดายแต่ก็ไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญอันใดสำหรับนาง หากไม่มีสาวใช้ตัวดีคอยยั่วยุลับฝีปากกับนางอยู่ทุกวัน เกรงว่าตอนนี้นางคงเหงาปากเป็นแน่ เมื่อคิดว่านางจะต้องอยู่ในร่างของหญิงสาวผู้นี้จนครบอายุขัย เถาจื่อก็พยายามรวบรวมกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านตา...ท่านไม่ต้องห่วงนะเจ้าค่ะ จากนี้ไปข้าจะเป็นหวังเยว่ซินคนเดิมให้จงได้ และข้าขอสัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน” นัยน์ตาเรียวเล็กฉายแววมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม   ในขณะนั้นเอง ร่างแน่งน้อยของเสี่ยวผิงร้องเรียกผู้เป็นนายพลางเร่งฝีเท้าวิ่งมาหานางอย่างรีบเร่ง “คุณหนูเจ้า ค่ะ...คุณหนู” หญิงสาวพยายามเรียกผู้เป็นนาย หวังเยว่ซินมองเสี่ยวผิงด้วยความสงสัย “มีเรื่องอันใดรึ?” “นายท่าน...เรียกเจ้าค่ะ” หวังเยว่ซินรู้สึกไม่ชอบมาพากล “มีเรื่องอะไร ไยเจ้าต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้”   “แม่สื่อเจ้าค่ะ....แม่สื่อมา...ขอเจรจาสู่ขอคุณหนูเจ้าค่ะ นายท่านเลยใช้ให้ข้ามาเรียกท่าน” เสี่ยวผิงพยายามฝืน พูดด้วยอาการหอบเหนื่อย ดวงตาเรียวเล็กพลันเบิกกว้าง “ว่าไงนะ!” ภายในห้องโถงใหญ่ของเรือน หลวนซานรีบกุลีกุจอลุกขึ้นมาหาบุตรสาว เขาคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะให้นาง ออกเรือนมีบุตรเพื่อมีทายาทสืบทอดวงตระกูล เกรงว่าหากช้าเพียงนิด สกุลหวังคงต้องแต่งสตรีเข้าบ้านมาในบ้านเป็นแน่  ด้วยชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของบุตรตรีผู้เป็นที่รัก ทำให้ไม่มีผู้ใดขวัญกล้าที่จะแต่งให้กับนาง หากไม่เพราะเพื่อนสนิทของเขาเว่ยเฟยหลางต้องการจะอุ้มหลานแล้วละก็ เกรงว่าชาตินี้สกุลหวังคงไร้ทายาทสืบสกุลเป็นแน่ “ซินเอ๋อร์เจ้ามาแล้วหรือ” หลวนซานมองบุตรสาวอย่างดีใจ พลางลุกขึ้นมาจูงมือนางเดินมานั่งข้างๆ ตน “ท่านพ่อให้คนเรียกหาลูกมีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ใบหน้างามฉายแววฉงน ในขณะเดียวกัน  ภายในห้องโถงใหญ่ มีสตรีสวมชุดแดงอายุราวสามสิบนั่งยิ้มหวานจิบชาจ้องมองมาที่นางด้วย ใบหน้าเปื้อนยิ้ม เสียงหวานใสอย่างมีจริตจะก้านของแม่สื่อเอ่ยขึ้น “คุณหนูหวังงดงามสมคำเล่าลือจริงๆ วันนี้ข้าได้มีโอกาสยลโฉมยอดพธูโฉมสะคราญแห่งเมืองหลวง นับว่าเป็นบุญตายิ่งนัก ยิ่งข้ามองก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าคุณหนูหวังกับหัวหน้ามือปราบเว่ย...ดูเหมาะสมกันราวกิ่งทองใบหยกก็ไม่ปาน” “ท่านแม่สื่อชมเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงสตรีหน้าตาธรรมดา คงไม่รบกวนให้ท่านมาเปรียบเทียบว่าข้าเป็นโฉมสะคราญได้หรอก” ริมฝีปากบางคลียิ้มจางๆ แต่นัยน์ตาสีดำของนางหาได้แย้มยิ้มตามไม่ คำพูดประจบสอพลอของแม่สื่อผู้นี้ทำให้นางรู้สึกขัดหูยิ่งนัก คนทั่วเมืองต่างก็รู้ว่านางหาได้ทำตัวเป็นกุลสตรีไม่ ส่วนเรื่องเหมาะสมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคนสกุลเว่ยผู้นั้นแล้วล่ะที่ตัดสินใจจะแต่งกับนาง เหตุใดต้องรบกวนให้ผู้อื่นมากล่าวคำพูดเกินจริงชวนให้นางรู้สึกคลื่นไส้อาเจียนเช่นนี้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของแม่สื่อแข็งค้างในทันที หวังหลวนซานรับรู้ได้ถึงบรรยากาศในห้องที่เริ่มไม่ค่อยสู้ดี ด้วยเพราะรู้ว่านิสัยของบุตรสาวของตนเป็นคนโผงผาง เขาจึงพยายามคลี่คลายสถานการณ์ให้ดีขึ้น “วันนี้พ่อมีข่าวดีจะบอกเจ้า วันนี้ตระกูลเว่ยส่งแม่สื่อมาเจรจาสู่ขอเจ้าให้กับหัวหน้ามือปราบเว่ย เขาเป็นมือปราบที่ทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา หลายปีนี้พ่อกับบิดาของเขารู้จักกันเป็นอย่างดี อีกทั้งเราทั้งสองตระกูลก็คุ้นเคยกัน คงไม่มีผู้ใดไม่เหมาะสมกับเจ้าเท่ามือปราบเว่ยอีกแล้ว หนึ่งสาวงามกับหนึ่งบุรุษเก่งกล้าเหมาะสมกันยิ่งนัก” หวังหลวนซานพูดด้วยความภาคภูมิใจ “จริงเจ้าค่ะนายท่านหวัง ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวสวรรค์สร้างมายิ่งนัก” แม่สื่อพูดเสริมพลางสะบัดพัดลายดอกโบตั๋นไปมา หึ! นางจิ้งจอกเฒ่ายังไม่หยุดพูดจาฉอเลาะเกินจริงอีกรึ ช่างเป็นสตรีที่หน้าหนาหน้าทนเสียจริงๆ “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าเขาจะยอมแต่งกับลูกจริงหรือ?” นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้า “ต้องยอมอยู่แล้ว  เจ้าเป็นถึงโฉมสะคราญแห่งเมืองหลวงเชียวนะ ใครจะกล้าไม่แต่งกับลูกพ่อคนนี้เล่า” หลวนซานเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจในคำพูดของตน แต่ในเมื่อสกุลเว่ยกล้ารับเผือกร้อนในมือเขาไปแล้ว เกรงว่าคงไม่กล้ากลับคำเป็นแน่ นางจ้องมองบิดาด้วยความไม่แน่ใจ “ท่านพ่อท่านลืมไปแล้วหรือว่าใบหน้าของข้างามเหมือนสตรีเพียงอย่างเดียว ส่วนอย่างอื่นของข้าหาได้มีความเป็นกุลสตรีไม่ อีกอย่างชื่อเสียงของข้ามีหรือคนทั้งเมืองหลวงจะไม่รู้ว่าข้าเป็นคนเช่นไร ท่านพ่อท่านคิดว่ามือปราบเว่ยจะยอมรับในตัวข้าได้อย่างนั้นหรือ?” “ลูกพ่อเจ้าอย่าได้กังวลไป เรื่องหมั้นหมายพ่อได้ตกลงกับแม่สื่อไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่ายังไงงานแต่งของเจ้าต้องมีขึ้นอย่างแน่นอน” หลวนซานพยายามปลอบใจบุตรสาวอย่างสุดความสามารถ “ใช่ๆ เรื่องหมั้นหมาย นายท่านเว่ยได้ไว้วานให้ข้าจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณหนูอย่าได้เป็นกังวลไป ข้ารับรองว่างานแต่งงานของท่านจะต้องเกิดขึ้นแน่” แม่สื่อกล่าวอย่างประจบ ก่อนจะยิ้มจนหน้าบาน หวังเยว่ซินปรายหางตามองสตรีชุดแดงตรงหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดคุยกับบิดา “เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าจะรอให้ถึงวันนั้น” นางรับฟังอย่างว่าง่ายเพราะถึงยังไงซะ นี่ก็คือชะตาที่สวรรค์ได้ลิขิตเอาไว้แล้ว นางแค่ปล่อยไปตามบุพเพของเจ้าของร่างเดิมที่ควรจะเป็น ได้แต่หวังว่าสามีในอนาคตของนาง จะรักใคร่เอ็นดูนางเช่นเดียวกับผู้เป็นบิดากระมัง

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
5.5K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
2.2K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.9K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.9K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
32.2K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook