๑๐
คนสำคัญ
การทำงานที่ค่อนข้างเข้มงวดนั้น ไม่ทำให้กังสดาลรู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด หญิงสาวเต็มไปด้วยพลังและความกระตือรือร้น ใบหน้าจึงยังคงสดใสแม้ตอนเลิกงาน เช่นเดียวกับเพื่อนๆ อีกสามคนที่หัวเราะคิกคักขณะเดินออกมาจากลิฟต์
“แกเห็นหน้าหมอนั่นไหม อ้าปากค้างจนน้ำลายแทบยืดตอนเห็นนังแอนทำนมหก” หยาดหัวเราะกิ๊กอย่างขบขันเมื่อเพื่อนรักก้มลงหยิบปากกาที่ทำหล่นโดยลืมไปว่าคอเสื้อที่ใส่นั้นกว้างกว่าปกติ จึงเผลอโชว์ร่องอกอวบอิ่มใหญ่เกินไซซ์มาตรฐานหญิงไทยทั่วไปจนเพื่อนร่วมงานหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง เลือดกำเดาแทบพุ่ง
กุ๊กหัวเราะขันไม่ต่างจากกังสดาล ส่วนแอนได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความอายปนขำ
“บ้า พวกแกหยุดพูดไปเลยนะ คอยดูพรุ่งนี้ฉันจะใส่เสื้อคอเต่ามาทำงาน!” แอนบอกพลางทำหน้าตูม แต่แก้มยังแดงเรื่อเมื่อคิดถึงสายตาของเพื่อนร่วมงานคนนั้น
ขณะที่คนทั้งสี่เดินคุยไปหัวเราะไปอยู่นั่นเอง ภามพิชญ์ก็ลุกจากเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ด้านเดียวกับล็อบบี้ของอาคารและเดินตรงไปยังสาวๆ ทันที ราวกับว่าเขารอเวลานี้อยู่ก่อนแล้ว
“กำลังจะกลับกันแล้วใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ทว่าสายตามองที่กังสดาลเพียงคนเดียว ทำให้เพื่อนๆ อีกสามคนถอนหายใจเฮือกพลางกลอกตามองอีกฝ่ายและเพื่อนรักด้วยแววตาล้อเลียนนิดๆ
“แหม ถามแต่กั้งนะคะ” แอนเอ่ยกระเซ้า ทำเอา ภามพิชญ์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างยอมรับว่าเวลานี้เขามองแค่กังสดาลเท่านั้นจริงๆ
กังสดาลมองเพื่อนๆ แล้วกลั้นยิ้มแทบแย่ ก่อนหันไปตอบชายหนุ่ม
“กำลังกลับค่ะ คุณภามล่ะคะ รอใครอยู่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มไม่ทันตอบ เสียงเรียกเข้าก็ดังออกมาจากสมาร์ตโฟนของกังสดาล หญิงสาวมองเขาอย่างนึกขอโทษ แต่เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอ แววตาของหญิงสาวจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อยจนเพื่อนจับได้ว่าใครโทร.เข้ามา จึงถูกหยาดกระแทกไหล่เบาๆ อย่างหยอกเย้า ทำให้หญิงสาวแก้มร้อนรีบเดินห่างเพื่อนออกไปนิดหน่อยแล้วรับสาย
“ค่ะคุณคมน์ ออกมาแล้วค่ะ กำลังเดินไปค่ะ”
หญิงสาวเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าสะพาย แล้วหันไปยิ้มให้ภามพิชญ์
“กั้งกลับก่อนนะคะ”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวังเพราะยังไม่ทันได้เอ่ยชวนหล่อนหาอะไรดื่มตามที่คิดเอาไว้ หญิงสาวก็ชิงขอตัวกลับเสียก่อน
“เอ่อ ครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ” เขาส่งยิ้มให้หญิงสาว เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนถูกมองรู้สึกอุ่นใจเหมือนได้รับรอยยิ้มจากพี่ชายอย่างไรอย่างนั้น ก่อนหันไปเอ่ยลาเพื่อนๆ แล้วเดินแกมวิ่งตรงไปยังทางเข้าด้านหน้าอาคาร รถยนต์คันหรูสีดำสนิทเคลื่อนมาจอด หญิงสาวเปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปด้านใน แต่ก่อนปิดประตูหล่อนไม่ลืมหันไปยิ้มและโบกมือลาเพื่อนๆ อีกครั้ง
ภามพิชญ์หรี่ตามองเข้าไปภายในห้องโดยสาร หากมองไม่ผิด เขาเห็นว่าอีกฝั่งหนึ่งมีใครบางคนนั่งอยู่ และใครคนนั้นไม่ใช่ผู้หญิงอย่างแน่นอน ความหวั่นไหวเกิดขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่แล้วเขาก็ปัดความรู้สึกนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว พลางคิดว่าบางทีอาจเป็นพี่หรือพ่อก็เป็นได้...
ภายในรถยนต์คันโต เมื่อประตูรถยนต์ปิดลงร่างเล็กก็ถูกอ้อมแขนแกร่งของอธิคมน์รวบเข้าไปกอดจนท่อนขาเรียวในกระโปรงแซกสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยร่นขึ้นไปจนเห็นนวลขาอ่อน ซ้ำยังถูกระดมจูบจนหายใจแทบไม่ทัน เมื่อเขาปล่อยหญิงสาวก็ถึงกับถอนหายใจยาวเหยียด
“คุณคมน์” หญิงสาวมองค้อนเขาเบาๆ พลางปรายตามองไปยังนพที่ทำหน้าที่ขับรถให้ด้วยความขัดเขิน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจหล่อนและเจ้านายหนุ่มเลยสักนิด หรือไม่ เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้สนใจเรื่องส่วนตัวของเจ้านายนั่นเอง
ชายหนุ่มยิ้มออกมานิดๆ ขณะที่มองหล่อนดึงกระโปรงลงปิดต้นขานวลเนียนของตนให้เข้าที่เข้าทาง เสร็จแล้วเขาก็ดึงมือหล่อนไปกุมมือไว้ แล้วใช้อีกมือลูบลงบนหลังมือนุ่มเบาๆ จนหญิงสาวนึกแปลกใจการกระทำของชายหนุ่ม โดยเฉพาะแววตาที่มองมายามนี้ดูเรียบขรึมต่างไปจากทุกวัน ราวกับเขามีความในใจให้คิดหนักมาตลอดทาง
“ผู้ชายคนที่ยืนคุยกับเธอเป็นใคร”
ดวงตาคู่งามกะพริบปริบๆ เมื่อถูกจ้องมองมาด้วยสีหน้าเรียบขรึม จนอดคิดไม่ได้ว่าที่เขาทำหน้าขรึมเป็นเพราะเห็นหล่อนยืนอยู่กับภามพิชญ์ใช่หรือไม่
“เห็นด้วยเหรอคะ”
คำถามนั้นทำเอาคนตัวโตถลึงตาดุ หญิงสาวจึงตอบคำถามพร้อมรอยยิ้มจาง
“คุณภามค่ะ ทำงานอยู่ตึกเดียวกัน แต่คนละบริษัท”
“รู้จักกันได้ยังไง” เสียงเอ่ยถามเรียบขรึมมาเลยทีเดียว ทำเอาคนขับที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามองเจ้านายและผู้หญิงของอีกฝ่ายผ่านกระจกมองหลังแวบหนึ่ง
น้ำเสียงเรียบแต่เข้มทำให้หญิงสาวเอียงคอมอง ดวงตาพราวขึ้นขณะที่ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ อย่างคนที่พยายามกลั้นยิ้มและเสียงหัวเราะเอาไว้ข้างใน ทำเอาคนที่รอคำตอบถึงกับนิ่วหน้า พอสบตาระยิบระยับของหญิงสาว เขาจึงรู้สึกตัวว่าเผลอแสดงอาการหึงหวงเด็กออกไปเสียแล้ว เมื่อมองไปข้างหน้าเขาก็ทันเห็นลูกน้องคนสนิทยิ้มผ่านกระจกเงาออกมา ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจพรืดแล้วถลึงตาใส่คนของเขาไปทีหนึ่ง
“ยังไม่ตอบอีก รู้จักกันได้ยังไง”
คราวนี้ไม่ถามเปล่า แต่เขายังรั้งร่างนุ่มเข้าไปกอดเอาไว้ด้วยอาการเหมือนงูที่กำลังรัดเหยื่อทีละนิดๆ ก่อนเขมือบเข้าไปทั้งตัวหากได้คำตอบไม่ถูกใจ
หญิงสาวมองงูตัวโตที่กำลังเห็นหล่อนเป็นเหยื่อเนื้อหวาน แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกกลัวเขาสักนิด ตรงกันข้ามคนตัวเล็กกำลังรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อคิดว่าเขากำลังหึงหล่อนกับภามพิชญ์ มือเรียวยกขึ้นวางบนแผงอกกำยำ ปลายนิ้วเรียวเขี่ยกระดุมเม็ดแรกบนเสื้อเชิ้ตสีดำที่เขาโปรดปรานเพราะหยิบมาใส่บ่อยที่สุด
“รู้จักกันเพราะอุบัติเหตุค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานเมื่อเขานิ่วหน้า วูบหนึ่งในแววตาที่มองมานั้นแฝงความเป็นห่วง “กั้งไม่เป็นอะไรค่ะ แค่เดินชนคุณภามที่หน้าร้านกาแฟตอนไปหาเพื่อน จนเมื่อสองสามวันก่อน มาเจอกันอีกทีตอนกินข้าวเที่ยง ถึงรู้ว่าเขาทำงานอยู่ในตึกเดียวกัน แต่คนละบริษัทเท่านั้น เขาเข้ามาทักเพราะจำกั้งได้”
คนฟังยกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นอย่างรู้ทันว่าผู้ชายคนนั้นคิดอะไรกับหญิงสาว
“อยู่ห่างๆ ผู้ชายคนนั้นเอาไว้ดีกว่า” เขาพูดแค่นั้น พลางก้มลงจูบมุมปากสีหวานก่อนเลื่อนเลยขึ้นไปบนนวลแก้มอิ่ม จนหญิงสาวต้องชำเลืองมองไปยังคนขับรถ
“กั้งไม่ได้สนใจเขาสักหน่อยนะคะ” หญิงสาวบอกเสียงเบา เพราะไม่อยากให้นพได้ยินในสิ่งที่หล่อนและเขาคุยกัน แต่ระยะห่างแค่นี้ ต่อให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่คงยากที่อีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน
“แต่มันสนใจเธอ” เขาตอบกลับทันควันซ้ำยังไม่คิดถนอมเสียงสักนิด ทำให้กังสดาลแก้มเห่อร้อน ถอนหายใจยาวจนเขาถึงกับย่นคิ้วเข้าหากัน “พูดแค่นี้ถึงกับต้องถอนหายใจ?”
หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นทำปากยื่นนิดๆ ขณะสบตาคมดุของชายหนุ่ม อธิคมน์มองอาการนั้นแล้วข่มรอยยิ้มเอาไว้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมที่เพิ่มมากขึ้นแทน
“คุณคมน์” หญิงสาวยกมือทั้งสองข้างขึ้นหยิกแก้มสากนิดๆ เพราะไรหนวดเบาๆ ทั้งยังใช้ปลายนิ้วโป้งยกมุมปากทั้งสองข้างของเขาขึ้นเป็นรอยยิ้ม “ยิ้มหน่อยน้า”
ท่าทางออดอ้อนไม่พ้นสายตาของนพ เขากลั้นยิ้มจนปวดแก้มเมื่อคนไม่เคยสนใจใครกำลังถูกสาวน้อยหน้าหวานออดอ้อน และดูเหมือนเจ้านายของเขาก็จะชอบมากเสียด้วย แต่ยังแกล้งทำหน้าขรึมได้อย่างหน้าตาย เป็นปรากฏการณ์ที่เขาไม่เคยเห็น เพราะตั้งแต่รู้จักกันมาอธิคมน์จะยุ่งกับผู้หญิงเฉพาะเวลาที่เขามีความต้องการเท่านั้น จากนั้นก็ทางใครทางมัน ไม่เคยเสียเวลานั่งรถออกมาจากที่พักเพียงเพื่อต้องการมารับใครบางคนกลับบ้าน เหมือนที่มารับกังสดาล ไม่เคยยอมให้ผู้หญิงคนไหนมานั่งหยิกใบหน้าเล่นเหมือนที่ยอมให้กังสดาลทำ และหากผู้หญิงคนไหนทำท่าออดอ้อนทำหน้าทำตาน่ารักทำเสียงง้องแง้งใส่ อธิคมน์จะแสดงอาการรำคาญออกมาทันที แต่ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่เคยเกิดขึ้นกับกังสดาล ตรงกันข้าม อธิคมน์ดูจะชอบให้หล่อนทำทุกอย่างเหล่านี้ด้วยซ้ำไป และคงไม่ยอมให้หญิงสาวไปทำท่าน่ารักแบบนี้กับผู้ชายอื่นอีกแน่นอน
แล้วในที่สุด คนที่พยายามปั้นหน้าขรึมก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ เพียงแค่นั้นนพก็ได้ยินเสียงหัวเราะพลิ้วหวานดังสะท้านออกมาจากเบาะหลังพร้อมกับเสียงหัวเราะห้าวทุ้มของอธิคมน์
แม้จะอยู่ในอารมณ์ผ่อนคลายและสุขใจไปกับเจ้านาย แต่นพไม่ลืมสังเกตสิ่งรอบข้าง แล้วก็พบเข้ากับความผิดปกติจากกระจกส่องข้าง รถคันหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้งในสายตาของเขา ทั้งสีและรุ่นตรงกับที่ถูกจับตามองมาระยะหนึ่งแล้ว ชายหนุ่มเหลือบตาขึ้นมองอธิคมน์ ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะรู้ตัวเช่นกัน แต่เขาไม่แสดงอาการใดให้กังสดาลตกใจ นอกจากสบตากับนพผ่านกระจกมองหลัง จากนั้นคนของเขาที่อยู่ในรถอีกสองคันก็ขับประกบรถคันนั้นเอาไว้
ขณะที่ทุกคนเตรียมพร้อมรับมือกับบางอย่างอยู่เงียบๆ กังสดาลก็หยิบสมาร์ตโฟนออกมา ขณะที่ยกมันขึ้นและเปิดกล้องตั้งใจถ่ายไปยังฝั่งที่อธิคมน์นั่ง ทันใดนั้น หญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อรถยนต์อีกคันฉวยโอกาสถนนว่างแซงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วจู่ๆ กระจกรถคันนั้นก็ลดลงพร้อมกับปืนกระบอกหนึ่งที่ยื่นออกมา
“คุณคมน์ ระวัง!!”