ขณะที่กังสดาลอยู่กับเพื่อน อธิคมน์ก็เดินทางไปที่เคเคเอช ตรงไปที่ห้องวีวีไอพีสำหรับผู้มีอำนาจสูงสุดในเวลานี้ เพียงแต่เขาไม่จำเป็นต้องนั่งเก้าอี้ผู้บริหารก็เท่านั้น ทว่าเมื่อห้องนั้นถูกสั่งให้เปิดใช้งาน ผู้บริหารระดับสูงต่างรับรู้ทันทีว่าเขามาถึงแล้ว
“ขอบคุณทุกท่านมากที่สละเวลามาพบผมในวันนี้ เชิญตามสบาย” อธิคมน์ผายมือส่งผู้บริหารคนอื่นๆ เหลือเพียงนายธีรเดชที่รั้งตำแหน่งประธานกรรมการยังคงนั่งอยู่ต่อ ชายหนุ่มสบตานพ ฝ่ายนั้นจึงส่งเอกสารปึกหนึ่งให้กับนายธีรเดช
“ทั้งหมดเลยหรือครับ” ผู้บริหารสูงสุดเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่เปิดดูคร่าวๆ
“ใช่ ช่วยจัดการให้ด้วย”
นายธีรเดชรับคำหนักแน่น จากนั้นจึงออกไปจากห้องประชุมส่วนตัว
นพสบตาเจ้านายของตนแล้วขมวดคิ้ว
“ทำแบบนี้จะดีเหรอครับ”
“ทำไมไม่ดี” อธิคมน์เลิกคิ้วสูง
“ไม่กลัวคุณกั้งกับเพื่อนจะถูกเพ่งเล็งหรือไง”
อธิคมน์กระตุกยิ้ม ก่อนถอนหายใจยาวแล้วผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“เพ่งเล็งแล้วยังไง... ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็มีคนพวกนี้ทั้งนั้น แต่กูเชื่อว่ากั้งกับเพื่อนจะเอาตัวรอดได้จากปากเหยี่ยวปากกา โดยเฉพาะกั้ง จะต้องรู้วิธีการทำงานที่ยากและหนักกว่าคนอื่นพร้อมกับเอาตัวรอดจากพวกเขี้ยวลากดินให้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของกู” เขายกยิ้ม แววตาคมกริบฉายความมั่นใจในตัวหญิงสาว “แต่กูเชื่อว่าเด็กคนนี้สามารถผ่านมันไปได้ แล้วถ้าใครกล้าแหยม กูจะทำให้พวกมันเสียใจไปตลอดชีวิต”
คำตอบของเจ้านายทำให้นพเผยยิ้ม ดวงตาวาววาบขึ้นอย่างพอใจ ตลอดเวลาที่ดูแลกังสดาล จึงห้ามไม่ได้ที่จะไม่ให้เขาไม่ห่วงใยหล่อน
“ไปจัดการให้เรียบร้อย”
นพพยักหน้าแล้วหมุนตัวออกจากห้อง โดยมีสายตาคมกริบของอธิคมน์มองตามไปจนประตูปิดลง
นพมองตรงไปยังทางเดิน พวกเขาผ่านความยากลำบาก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาตลอดชีวิต จนถึงทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เขาเคยคิดว่ากังสดาลเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่อธิคมน์จะเลี้ยงเอาไว้ชั่วคราวตามความลุ่มหลง แต่ในวันนี้ วินาทีนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดมาโดยตลอด อธิคมน์กำลังเริ่มติดเขี้ยวเล็บให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่เงียบๆ คงเพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร พวกเขามีอำนาจ มีอิทธิพล แต่ก็อาจตายลงในวันใดวันหนึ่งด้วยอำนาจและอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่และลึกลับมากกว่า เจ้านายของเขาจึงต้องการให้กังสดาลเดินไปในเส้นทางที่ถูกที่ควร แม้ว่าการเริ่มต้นจะไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่ในบางครั้งมันคือสิ่งที่จำเป็นต้องรีบทำ เพื่อก้าวขึ้นสู่ความมั่นคง เพราะกังสดาลจะต้องเอาตัวรอดได้ในวันที่ไม่มีอธิคมน์อยู่ดูแล
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
ประตูเปิดพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของนพ ภายในห้องคือคนที่เขาเดินทางมาพบ
“สวัสดีค่ะคุณนพ”
“สวัสดีครับคุณนพ”
นพยกยิ้มเพียงเล็กน้อย จากนั้นข้อมูลต่างๆ จึงถูกส่งตรงแก่คนของเขาทั้งหมด ไม่นานนักชายหนุ่มก็กลับออกมาจากห้องนั้น...
หลังจากส่งใบสมัครงานพร้อมเพื่อนอีกสามคนที่เคเคเอช กังสดาลก็มานั่งอ่านเอกสารเกี่ยวกับบริษัท หญิงสาวเพิ่งรู้ก่อนที่จะไปพบเพื่อนๆ ว่า อธิคมน์มีบริษัทผลิตอาหารชนิดทั้งแช่แข็งและไม่แช่แข็ง จำหน่ายทั้งภายในและนอกประเทศมาเกือบสี่ปี แต่ทุนจดทะเบียนกลับมหาศาลจนทะยานขึ้นสู่ลำดับต้นๆ ของประเทศ
“เพิ่งเปิดแค่สามปีกว่าๆ เองเหรอ” หญิงสาวเหลือบตามองเอกสารอีกหลายปึกที่อธิคมน์สั่งให้นพขนมาให้หล่อนอ่าน หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่วหน้าเพราะไม่เข้าใจว่าการสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานฝ่ายบัญชีจำเป็นต้องรู้ครอบคลุมไปจนถึงเรื่องการบริหารเลยหรือไงกัน อันนี้ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังตั้งใจศึกษา
เวลาสิบสามนาฬิกาสามสิบนาที อธิคมน์กลับมาจากข้างนอก วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและกางเกงสแล็กสีเดียวกัน ดูเข้มขรึมไปหมด ท่าทางเขาคงจะออกไปจัดการธุระสำคัญบางอย่างมา
ร่างสูงก้าวเข้ามานั่งลงข้างๆ หญิงสาวพร้อมถอนหายใจยาวแล้วเลิกคิ้วเมื่อเจ้าของดวงหน้าหวานมองเขาราวจะมีคำถาม
“กั้งไปรินเครื่องดื่มให้นะคะ”
เมื่ออธิคมน์พยักหน้าหญิงสาวจึงยิ้มให้เขาแล้วลุกขึ้นไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม จัดการรินน้ำส้มแทนไวน์หรือเบียร์อย่างที่เขาชอบแล้วนำมาเสิร์ฟลงตรงหน้า
คมน์หลุบตามองเครื่องดื่มสีส้มในแก้วทรงยาว แล้วสบตาหญิงสาวเชิงถาม
“น้ำส้ม?”
กังสดาลหัวเราะออกมาเบาๆ พลางขยับเข้าไปกอดแขนเขาราวจะเอาอกเอาใจ แต่กลับทำให้ชายหนุ่มหัวใจอ่อนยวบ เกิดขึ้นไม่บ่อยนักหรอกที่หญิงสาวจะลุกขึ้นมาทำท่าออดอ้อนเขาแบบนี้ แต่เมื่อหล่อนทำ เขาก็เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและเด็กตามหล่อนลงไปโดยปริยาย
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีนะคะ”
ชายหนุ่มสบตาคู่หวาน แล้ววาดวงแขนข้างที่หล่อนกอดเขาขึ้นโอบไหล่นุ่ม อีกมือคว้าแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม หญิงสาวเงยหน้ามองด้วยดวงตาเป็นประกาย พอเขาดื่มได้ครึ่งแก้วก็วางลงที่เดิม
“กั้งคั้นเองกับมือเลยนะคะ”
พอหญิงสาวว่าอย่างนั้น แก้วที่กำลังแตะถ้วยรองก็ถูกยกขึ้นอีก แล้วน้ำส้มที่เหลืออีกครึ่งแก้วก็หมดลงในพริบตา
กึก... เสียงแก้วกระทบจานรองเบาๆ พร้อมกับคิ้วสีเข้มที่เลิกขึ้นยามมองคนหน้าหวานที่ยิ้มแป้นตรงหน้า
“พอใจไหม”
รอยยิ้มจางๆ ที่ฉายมาจากแววตาของชายหนุ่มทำให้นวลแก้มของกังสดาลขึ้นสี ก่อนจะซบลงกับไหล่หนาของเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ
“อร่อยไหมคะ”
“อร่อย” เขาตอบ แล้วยกร่างเบาหวิวขึ้นมาบนตักกว้างของตนเอง จ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตนิ่งอยู่อึดใจ แล้วหลุบมองริมฝีปากสีหวาน เช่นเดียวกับกังสดาล เขาทำแบบไหน หล่อนก็ทำแบบนั้น...
หญิงสาวยกมือขึ้นโอบกอดรอบต้นคอเขาเอาไว้ พร้อมกับเผยอปากขึ้นรับปลายลิ้นสากที่สอดเข้ามาในโพรงปากอ่อนนุ่ม หล่อนจูบตอบเขาเกือบนาทีจึงขยับร่างนั่งคร่อมตักกว้าง แล้วจูบตอบเขากลับไปอีกครั้งอย่างดูดดื่ม ทำให้ชายหนุ่มพอใจกับพัฒนาการของหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง ครู่ต่อมาเสื้อผ้าของคนทั้งสองก็หลุดลุ่ยออกจากร่าง โดยเฉพาะหญิงสาวที่เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า ขณะที่เสื้อของชายหนุ่มถูกปลดกระดุมตลอดแนว เข็มขัดถูกปลดออก ซิปกางเกงถูกรูดลง เปิดทางให้ส่วนนั้นของเขาตั้งชันบดเบียดไปกับหน้าท้องเนียนของหญิงสาว เสียงครางดังแผ่วเบาจากลำคอแกร่ง ใบหน้าคมคายแหงนเงยเมื่อยอดถันเม็ดจิ๋วถูกขบเลียจากเจ้าของปลายลิ้นอ่อนนุ่ม ขณะเดียวกันหญิงสาวเลื่อนมือที่ลูบไล้ลงไปกอบกำแล้วรูดขึ้นลงกับท่อนเอ็นกำยำที่ผลิบานพร้อม พรักระดับหนึ่ง ปลายนิ้วเรียวซุกซนแตะไล้บนส่วนหัวสลับเลื่อนรูดจนเขาส่งเสียงครางกระหึ่มออกมาอย่างเสียวซ่าน
“ร้ายนักนะเรา” เจ้าของเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบ จากนั้นเขาก็ดันหล่อนออกเล็กน้อย ก้มลงดูดเลียขบเม้มยอดถันสีเรื่ออย่างเร่าร้อน จนหญิงสาวครางหงิงออกมาด้วยความซ่านสยิวกาย
ทั้งคู่นัวเนียกันอีกพักใหญ่ชายหนุ่มจึงผ่อนร่างเล็กนอนไปบนโซฟา จากนั้นเขาก็ขึ้นคร่อมร่างระหงที่เปิดเปลือยอย่างหมดจดแล้วครอบครองหล่อนอย่างนุ่มนวลแต่หนักหน่วงและเร่าร้อนในทุกจังหวะที่สอดประสาน...