7 เตรียมการ

2286 Words
๗ เตรียมการ เมื่อคาดิลแลคเคลื่อนมาจอดหน้าร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง นพที่ทำหน้าที่สารถีจึงบอกกับหญิงสาว “อีกสามชั่วโมงผมจะกลับมารับนะครับ” “ขอบคุณนะคะที่มาส่งกั้ง” รอยยิ้มสดใสราวกับเด็กได้ของขวัญชิ้นใหญ่ของคนตรงหน้าทำให้นพหัวเราะออกมาเบาๆ “คุณกั้งขอบคุณผิดคนแล้ว คุณคมน์ต่างหากที่คุณกั้งต้องกลับไปขอบคุณ” คำตอบของเขาทำให้หญิงสาวแก้มร้อนเมื่อสบสายตาล้อเลียน จากนั้นร่างกลมกลึงในชุดเดรสผ้าฝ้ายอย่างที่ชอบใส่ก็ก้าวลงจากรถยนต์คันหรู พร้อมกับซอยเท้าตรงไปยังร้านกาแฟขนาดใหญ่ที่มีผู้คนใช้บริการไม่ขาดสาย ขณะที่หญิงสาวดันประตูเข้าไปนั้น ก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง “อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” คนที่ถูกชนคือชายร่างสูงไม่น่าจะต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร รูปร่างหน้าตาดีแต่หญิงสาวไม่ทันได้สนใจสิ่งเหล่านั้น นอกจากจะตกใจในความซุ่มซ่ามของตนเองมากกว่า “ไม่เป็นไรครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ชายคนเดิมเอ่ยถามสาวน่ารักที่ชนตนเข้าอย่างจัง ดวงตาคมเข้มสำรวจร่างกายบอบบางว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ “เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ” หญิงสาวยิ้มอย่างรู้สึกเสียใจกับคนตรงหน้า ทว่าคนตัวสูงกลับทำท่าตะลึงงันให้กับรอยยิ้มอ่อนหวานของเจ้าหล่อนเข้าเต็มเปา แต่ยังไม่ทันได้ถามชื่อ เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น “กั้ง เป็นอะไรหรือเปล่า” กุ๊กเดินตรงมาหาเพื่อน เพราะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก่อนยิ้มให้ชายร่างสูงตรงหน้า กังสดาลส่ายหน้าเบาๆ แล้วเอ่ยขอตัวกับชายหนุ่ม “ถ้าคุณไม่เป็นอะไรฉันขอตัว แล้วก็ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ” ชายหนุ่มส่งยิ้มให้คนน่ารักแล้วมองตามร่างบางเดินห่างออกไป ก่อนจะตัดใจหันหลังให้แล้วเดินออกมาจากร้านกาแฟแห่งนั้น ทว่าใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นจางๆ “นี่ มาถึงก็ได้กระแซะของดีเลยนะ” แอนร้องบอกอย่างหมั่นไส้เพื่อนรัก ทำเอากังสดาลขมวดคิ้วด้วยความมึนงง “ของดีอะไรของพวกแก” ตอบพลางวางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะ “ก็คนที่แกชนเขาเมื่อกี้ไง พวกฉันนั่งเล็งมานานสองนาน คนอะไร้หล่อน่ารักมาก อยากเข้าไปสี” แอนออกอาการอย่างชัดเจน ทำให้กังสดาลหัวเราะพรืดก่อนจะค้อนขวับ “พวกแกนี่นะ แทนที่จะเป็นห่วงเพื่อนดันสนใจแต่ผู้ชาย” “เฮอะ ก็แกมันอึดถึก ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกย่ะ ส่วนผู้ชายน่ารักหาได้ยากยิ่ง ต้องทะนุถนอมให้มากหน่อย” แอนลอยหน้าลอยตาพูด ทำให้หยาดนึกหมั่นไส้เพื่อนนิดๆ “พอเถอะแก ฉันละปวดหัวกับความหื่นของนังนี่ ว่าแต่กั้งเป็นไงมั่ง สบายดีใช่ไหม เอ๊ เปล่งปลั่งขึ้นนะเรา” หยาดกวาดตามองเพื่อนอย่างสำรวจตรวจตรา ห่างกันไม่เท่าไร ดูเหมือนกังสดาลจะมีน้ำมีนวล หน้าตาสดใสคล้ายกับคนกำลังมีความสุข “จริงด้วย” กุ๊กยื่นหน้ามองมาใกล้ๆ ทำให้คนอื่นๆ ชะโงกหน้ามาจ้องมองเพื่อนอย่างจับผิด จากนั้นจึงยิ้มเล็กยิ้มน้อยพลางเอ่ยแซว “แหม คุณพ่อทูนหัวของแกเขาดูแลดีชิมิ ถึงได้หน้าตาสดชื่นเปล่งปลั่งราศีคุณนายจับแบบนี้น่ะ” กังสดาลหน้าแดงเรื่อแม้พยายามปั้นหน้าเคร่งขรึมก็ตาม แต่ก็ยังไม่อาจปกปิดเรดาร์ของเพื่อนๆ ตัวแสบได้ตามเคย “สงสัยหมู่นี้ฉันได้แต่กินกับนอนมั้ง เลยเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ดูอ้วนขึ้น” “ม่ายย...” กุ๊กส่ายหน้าหวือ แววตายังคงวาววามยามสำรวจเพื่อน “พวกฉันไม่ได้หมายความว่าแกอ้วน แต่หมายความว่าแกดูมีความสุข จนออร่าพุ่งกระจายออกมาแบบนี้ยังไง แต่ที่แกว่าหมู่นี้กินกับนอนฉันก็ไม่คิดจะแย้ง หรือพวกแกว่าไง” เพื่อนอีกสองคนทำเสียงหัวเราะคิกคักทันทีที่กุ๊กพูดเช่นนั้น ทำให้คนที่ถูกเย้าแหย่หน้าร้อนผ่าวอย่างรู้ทันความหมายทะลึ่งตึงตังของเพื่อนๆ ดี “บ้า! พวกแกนี่นะ พูดอะไรน่าเกลียด” เอ่ยพลางกวาดตามองไปรอบๆ โชคดีที่โต๊ะของพวกหล่อนนั่งห่างจากโต๊ะของผู้ใช้บริการคนอื่น “แหม เรื่องแบบนั้นธรรมดาจะตาย แกไม่ต้องอายพวกฉันหรอก” หยาดกล่าวเสริม “ว่าแต่ เขาเป็นไงมั่ง คุณคมน์อะ” คนถูกถามทำหน้าประหลาด เพราะไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนอย่างไร แต่พอเห็นแววตาวิบวับอยากรู้ กังสดาลก็ถอนหายใจยาว เพื่อนๆ ของหล่อนอยากรู้เรื่องบนเตียงของเขากับหล่อนนี่เอง ยัยพวกบ้า!! “พอเถอะพวกแก เรามาคุยเรื่องสมัครงานของพวกแกกันดีกว่า” หญิงสาวตัดบท เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้เพื่อนของหล่อนไม่มีวันเลิกถามคำถามเสี่ยวๆ แน่นอน “แหม รีบตัดบทเลยนะ” แอนทักท้วง ทำให้กังสดาลยิ้มอย่างไม่สนใจ “พวกแกก็อย่าไปล้อมันมากนักสิ เห็นไหมแก้มแดงก่ำแล้ว” หยาดปรายตามองเพื่อนยิ้มๆ พวกตนไม่มีใครเคยเห็นอธิคมน์สักครั้ง คนที่เจอเป็นประจำคือนพ คนสนิทของผู้ชายที่เลี้ยงดูเพื่อนของพวกตนอยู่เท่านั้น ทั้งหมดจึงค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเรื่องของผู้ชายคนนั้นกับเพื่อนมากเป็นพิเศษ “พวกฉันลองหาข้อมูลมาสิบกว่าที่เนอะ” กุ๊กหันไปพยักพเยิดกับหยาดและแอน “อืม แต่ละที่ค่อนข้างขึ้นชื่อว่ารับคนยาก แต่พวกเราจะลองดูก่อน ว่าแต่แกเถอะ เอาไง จะไปสมัครงานพร้อมพวกเราไหม” กังสดาลได้ยินเพื่อนถามแล้วนึกถึงวันที่หล่อนนั่งคุย...อันที่จริงคือนอนคุยกับอธิคมน์บนเตียงมากกว่า ‘เรื่องทำงานกับเพื่อน ชะลอเอาไว้ก่อนนะกั้ง แต่ถ้าเธออยากทำมากจริงๆ มาช่วยฉันดีกว่านะ’ ตอนนั้นหญิงสาวค่อนข้างแปลกใจ เพราะเท่าที่รู้มา งานของเขาล้วนแล้วแต่เป็นงานกลางคืน ‘ทำงานอะไรหรือคะ...’ ตอนนั้นหล่อนถามออกไปเพราะความไม่รู้ ‘งานนั่งโต๊ะนี่แหละ เธอจบบัญชีมาใช่ไหม ถ้าใช่ก็ทำบัญชี’ ‘ทำที่ไหนคะ’ เขายิ้มให้เล็กน้อยจนหล่อนมองตาปรอย เขาคงเห็นหน้าตาเซ่อซ่าของหล่อนแล้วอดไม่ได้จึงก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มหนักหน่วงก่อนปล่อยเป็นอิสระ ‘ที่บริษัทของฉัน อยู่ที่ ดิ ออฟฟิศ บนตึกสูงๆ ที่อยู่ก่อนถึงเพนต์เฮาส์ของเรานิดหน่อยยังไงล่ะ’ หล่อนยังนึกภาพไม่ออกเท่าไร แต่เขาก็สัญญาว่าจะพาไปเร็วๆ นี้ ‘ถ้าเพื่อนๆ เธอสนใจ ลองให้มาสมัครที่บริษัทของฉันดูก็ได้นะ เปิดได้ไม่นาน แต่ทุนจดทะเบียนไม่น้อย ฉันรับประกันความมั่นคง’ ‘กั้งไม่อยากเป็นเด็กเส้น’ ตอนนั้นหล่อนตอบเขาไปแบบนั้นจริงๆ เพราะเคยแน่วแน่ว่าจะหางานทำด้วยความสามารถของตัวหล่อนเอง แต่เขากลับเอ่ยออกมาว่า ‘กั้งเอ๋ยกั้ง โลกนี้ยังมีอะไรอีกมากให้เธอได้เรียนรู้ นี่มันแค่จุดเริ่มต้น แล้วเธอก็มีฉันอยู่ทั้งคน ทำไมจะต้องวิ่งไปหางานให้ลำบาก หลังจากนี้ต่างหากคือของจริง ที่นั่น เธอจะได้พบกับคนที่เก่งๆ อีกมากให้เรียนรู้จากเขา’ ‘ถ้าเกิดกั้งไม่เหมาะกับที่นั่นล่ะคะ’ ‘เธอเหมาะกับที่นั่นกังสดาล เธอเหมาะ และฉันรู้ว่าเธอทำได้’ ตอนนั้นหล่อนมองตาเขาอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมั่นใจในตัวหล่อนนัก แต่ก็ซาบซึ้งใจเป็นที่สุด เมื่อก่อนเขาอาจเลี้ยงดูหล่อนทิ้งๆ ขว้างๆ แต่เวลานี้ แค่จะกระดิกตัวจากเขายังทำได้ยาก แต่เหตุใดจึงไม่รู้สึกอึดอัดเลยสักครั้ง ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีเป็นที่สุด “กั้ง คิดอะไรอยู่วะ เงียบฉี่เลย” กังสดาลที่ใช้หลอดคนเครื่องดื่มอย่างใจลอยเงยหน้าขึ้นยิ้มให้กับเพื่อนๆ “คิดเรื่องงานน่ะสิ ขอดูรายชื่อบริษัทที่พวกแกจะไปสมัครได้ไหม” “ได้สิ” กุ๊กตอบ พลางหยิบเอกสารการสมัครงานออกมาจากกระเป๋าสะพาย “อันนี้ไงรายชื่อบริษัท มีทั้งที่เปิดมาหลายสิบปีดีดัก แล้วก็เพิ่งเปิดหมาดๆ แต่มั่นคงสุดๆ แกลองดูนะ” กังสดาลรับมาดู พลางกวาดตาอ่าน แต่ละบริษัทที่เพื่อนๆ ขีดชื่อเอาไว้ ล้วนเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงสูง จนกระทั่งมาสะดุดที่ชื่อ เคเคเอช ฟู้ด จำกัด ‘บริษัทของคุณชื่ออะไรคะ ตอนนั้นหล่อนถาม อธิคมน์โดยไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าแค่อยากรู้ชื่อเท่านั้น’ ‘เคเคเอช...’ เขาตอบสั้นๆ ก่อนปิดปากหล่อนด้วยจูบเร่าร้อนจนลืมเลือนไปว่ามีเรื่องที่จะต้องถามเขาอีกมากมาย “มีอะไรหรือเปล่ากั้ง” หญิงสาวเงยหน้ามองเพื่อน แล้วยิ้มให้ “พอดีฉันเองก็กำลังคิดว่าจะไปทำงานที่นี่อยู่เลย” หญิงสาวตอบพลางชี้ไปที่ชื่อบริษัทให้เพื่อนๆ ดู ทั้งสามเงยหน้าขึ้นมองกังสดาลแล้วเลิกคิ้วสูง “ไม่ลองไปที่อื่นก่อนเหรอ ที่นี่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่กี่ปี เห็นว่าเคี่ยวน่าดูด้วย ฉันไม่ค่อยมั่นใจนักหรอกว่าจะผ่านสัมภาษณ์” กังสดาลยิ้มให้เพื่อน แววตาดูสบายใจอย่างที่สุด “ของแบบนี้ไม่ลองแล้วจะรู้เหรอ ถ้าจะลอง เราต้องลองที่ยากๆ ก่อน ง่ายๆ เอาไว้ทีหลัง” คำตอบของกังสดาลทำให้เพื่อนๆ ต่างมองหน้ากันไปมาอยู่อึดใจ จากนั้นจึงพยักหน้าตกลง “จริงด้วยแฮะ โอเค งั้นเอาตามนี้ก็แล้วกัน ไปที่ เคเคเอชก่อน” กังสดาลยิ้มกว้าง รู้สึกผ่อนคลายลง เพราะอย่างน้อยหล่อนจะได้ร่วมงานกับเพื่อนรัก ขณะที่กังสดาลอยู่กับเพื่อน อธิคมน์ก็เดินทางไปที่เคเคเอช ตรงไปที่ห้องวีวีไอพีสำหรับผู้มีอำนาจสูงสุดในเวลานี้ เพียงแต่เขาไม่จำเป็นต้องนั่งเก้าอี้ผู้บริหารก็เท่านั้น ทว่าเมื่อห้องนั้นถูกสั่งให้เปิดใช้งาน ผู้บริหารระดับสูงต่างรับรู้ทันทีว่าเขามาถึงแล้ว “ขอบคุณทุกท่านมากที่สละเวลามาพบผมในวันนี้ เชิญตามสบาย” อธิคมน์ผายมือส่งผู้บริหารคนอื่นๆ เหลือเพียงนายธีรเดชที่รั้งตำแหน่งประธานกรรมการยังคงนั่งอยู่ต่อ ชายหนุ่มสบตานพ ฝ่ายนั้นจึงส่งเอกสารปึกหนึ่งให้กับนายธีรเดช “ทั้งหมดเลยหรือครับ” ผู้บริหารสูงสุดเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่เปิดดูคร่าวๆ “ใช่ ช่วยจัดการให้ด้วย” นายธีรเดชรับคำหนักแน่น จากนั้นจึงออกไปจากห้องประชุมส่วนตัว นพสบตาเจ้านายของตนแล้วขมวดคิ้ว “ทำแบบนี้จะดีเหรอครับ” “ทำไมไม่ดี” อธิคมน์เลิกคิ้วสูง “ไม่กลัวคุณกั้งกับเพื่อนจะถูกเพ่งเล็งหรือไง” อธิคมน์กระตุกยิ้ม ก่อนถอนหายใจยาวแล้วผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “เพ่งเล็งแล้วยังไง... ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็มีคนพวกนี้ทั้งนั้น แต่กูเชื่อว่ากั้งกับเพื่อนจะเอาตัวรอดได้จากปากเหยี่ยวปากกา โดยเฉพาะกั้ง จะต้องรู้วิธีการทำงานที่ยากและหนักกว่าคนอื่นพร้อมกับเอาตัวรอดจากพวกเขี้ยวลากดินให้ได้ เพราะถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของกู” เขายกยิ้ม แววตาคมกริบฉายความมั่นใจในตัวหญิงสาว “แต่กูเชื่อว่าเด็กคนนี้สามารถผ่านมันไปได้ แล้วถ้าใครกล้าแหยม กูจะทำให้พวกมันเสียใจไปตลอดชีวิต” คำตอบของเจ้านายทำให้นพเผยยิ้ม ดวงตาวาววาบขึ้นอย่างพอใจ ตลอดเวลาที่ดูแลกังสดาล จึงห้ามไม่ได้ที่จะไม่ให้เขาไม่ห่วงใยหล่อน “ไปจัดการให้เรียบร้อย” นพพยักหน้าแล้วหมุนตัวออกจากห้อง โดยมีสายตาคมกริบของอธิคมน์มองตามไปจนประตูปิดลง นพมองตรงไปยังทางเดิน พวกเขาผ่านความยากลำบาก เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาตลอดชีวิต จนถึงทุกวันนี้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย เขาเคยคิดว่ากังสดาลเป็นเพียงแค่เด็กสาวที่อธิคมน์จะเลี้ยงเอาไว้ชั่วคราวตามความลุ่มหลง แต่ในวันนี้ วินาทีนี้ เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิดมาโดยตลอด อธิคมน์กำลังเริ่มติดเขี้ยวเล็บให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่เงียบๆ คงเพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร พวกเขามีอำนาจ มีอิทธิพล แต่ก็อาจตายลงในวันใดวันหนึ่งด้วยอำนาจและอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่และลึกลับมากกว่า เจ้านายของเขาจึงต้องการให้กังสดาลเดินไปในเส้นทางที่ถูกที่ควร แม้ว่าการเริ่มต้นจะไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่ในบางครั้งมันคือสิ่งที่จำเป็นต้องรีบทำ เพื่อก้าวขึ้นสู่ความมั่นคง เพราะกังสดาลจะต้องเอาตัวรอดได้ในวันที่ไม่มีอธิคมน์อยู่ดูแล ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ประตูเปิดพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของนพ ภายในห้องคือคนที่เขาเดินทางมาพบ “สวัสดีค่ะคุณนพ” “สวัสดีครับคุณนพ” นพยกยิ้มเพียงเล็กน้อย จากนั้นข้อมูลต่างๆ จึงถูกส่งตรงแก่คนของเขาทั้งหมด ไม่นานนักชายหนุ่มก็กลับออกมาจากห้องนั้น...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD