8 ช่างบังเอิญ

2481 Words
๘ ช่างบังเอิญ เกือบสิบนาทีชายหนุ่มจึงอุ้มร่างแน่งน้อยที่อ่อนแรงขึ้น หญิงสาวกอดเขาเอาไว้แน่นแล้วสะอึกออกมาเมื่อเขาประคองสะโพกอวบอิ่มพร้อมขยับกายเข้าออกในความคับแน่นที่เปียกชุ่ม เสียงร่วมรักดังคลอเสียงกระเส่า เนื้อนุ่มกระทบกันเป็นจังหวะ ประสานเสียงครางสยิวเป็นระยะ ไม่นานนักเขาก็พาหล่อนตรงไปยังห้องนอนโดยไม่ยอมให้หญิงสาวผละห่าง ทุกย่างก้าวจึงเกิดการเสียดสีตีตราไปตลอดทาง หญิงสาวสะท้านร่างเบาๆ เพราะถูกคลื่นสยิวเล่นงานจนแทบคลั่ง ชายหนุ่มวางร่างเล็กบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ในห้องน้ำแล้วก้มลงจูบริมฝีปากที่บวมเจ่ออย่างนุ่มนวล มือใหญ่ขยำเคล้นคลึงเต้าอวบทรวงเลม่อน จากนั้นเลื่อนลงดูดกลืนปลายยอดสีหวานจนหญิงสาวต้องเอนกายไปด้านหลัง มือหนึ่งเท้าลงบนเคาน์เตอร์ อีกมือลูบไล้และขยุ้มเส้นผมสลวยของเขาตามอารมณ์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ขนกายลุกชันลำตัวแอ่นโค้งเมื่อชายหนุ่มกรีดไล้ปลายนิ้วลงบนร่องกระดูกสันหลัง “อือ…” ริมฝีปากเต็มอิ่มห่อครางออกมาเบาๆ เมื่อเขายืดลำตัวขึ้น ช้อนท่อนขาเนียนเรียวเอาไว้บนข้อพับแขน กระชับมั่นพร้อมกับจังหวะกระทั้นที่เริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวมองเข้าไปนัยน์ตาคมเข้มที่ประสานมาด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก นอกจากความเสียวซ่านแล้วหล่อนมีความสุขในการร่วมรักกับเขามาก และอีกหลายอย่างที่ไม่รู้จะอธิบายออกมาว่าอย่างไร อธิคมน์กัดฟันกรอดยามขยับร่างสอดเสียบเข้าไปในโนมเนื้อนุ่มที่มีน้ำหล่อลื่นทำให้ทุกการขับเคลื่อนของเขาคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น กอปรกับความคับแน่นสดใหม่ทำให้การพุ่งโผนไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและเสียวซ่าน กระชับแต่นุ่มลื่น... เขามองร่างอ้อนแอ้นที่เอนกายไปด้านหลังด้วยสายตาสีหม่น ไล่มองทรวงอกอวบอิ่มพอเหมาะพอดีที่ชูชันท้าทายสายตากระเพื่อมไปมาตามแรงกระแทก ร่างนวลเนียนระหงกลมกลึงอ้อนแอ้นน่าทะนุถนอม เอวเล็กรับสะโพกผายที่ขยับยักย้ายไปมาตามแรงโยก ปลีน่องเรียวเสลา ฝ่าเท้าเรียวเล็กบอบบาง ทุกอย่างที่ประกอบเป็นกังสดาลตรงใจไร้ที่ติ ก่อนหยุดลงที่ตรงจุดเชื่อมสัมพันธ์ กลีบสวาทคู่นั้นกำลังกลืนกินเขาเอาไว้ทั้งหมด... ภาพนั้นทำให้อารมณ์ของอธิคมน์พุ่งสูงเกินขีดจำกัด ทั้งที่เป็นภาพที่เขาเองก็เห็นมาจนชินชาแต่กลับไม่ธรรมดาเมื่อเกิดขึ้นกับหญิงสาว ทุกอิริยาบถของหล่อนทำให้เขาตื่นตัวและเร่าร้อนราวท่อส่งแก๊สที่ได้รับความร้อนเกินพอดีจวนเจียนระเบิด น้ำหนักการกระแทกกระทั้นจึงเร่งรี่และหนักหน่วง ไม่กี่อึดใจเขาก็กระแทกแก่นกายเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมเสียงหวีดร้องแสนหวานของแม่สาวร่างบางที่สั่นระริกเพราะคลื่นความเสียวที่โถมกระหน่ำลงไปบนร่าง ค่อยๆ ซึมลึกลงในจิตวิญญาณ เพื่อตอกย้ำให้รับรู้ว่าเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำเรื่องแบบนี้กับหล่อน เจ้าของเสียงทุ้มพร่าครางกระหึ่มยามเชื้อพันธุ์ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างหมดจด ก่อนหน้านี้เขาตั้งใจดึงกายออกมาก่อนที่จะคายหยาดน้ำขุ่นข้นเข้าไปในความคับนุ่ม หญิงสาวกลับตวัดท่อนขาโอบรัดเอวสอบของเขา ทำให้ชายหนุ่มเผลอปลดปล่อยเข้าไปในความสาวสดอย่างสุดวิสัย เวลานั้นหล่อนกอดเขาเอาไว้แน่นราวกับตั้งใจกลืนกินเขาเอาไว้ทุกหยาดหยด อึดใจใหญ่อ้อมแขนแกร่งที่กอดรัดหล่อนแนบแน่นพอๆ กับที่หล่อนกอดเขาเอาไว้จึงค่อยๆ คลายออก พลางลูบไล้แผ่นหลังนุ่มแผ่วเบา ผ่านไปอีกสักระยะเมื่อความเหนื่อยล้าบรรเทาลง เขาก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังคงกักขังตัวตนของเขาเอาไว้ไม่ปล่อย “ทำแบบนี้เสี่ยงรู้ไหม” เขาบอกขณะจ้องตาหล่อน แต่เมื่อหญิงสาวหลุบตาลงทำหน้าจ๋อยเขาก็ก้มลงจูบศีรษะเล็กชื้นเหงื่อเบาๆ “ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าท้องขึ้นมามันไม่สนุก เธอยังเด็ก ยังเห็นโลกนี้น้อยเกินไป ฉันอยากให้เธอใช้ชีวิตของตัวเองไปอีกสักพักก่อน” หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองเขาแล้วขบเม้มริมฝีปากตนเองเอาไว้ขณะหมุนวนปลายนิ้วลงบนแผงอกกำยำ “แล้วถ้ากั้งเกิดท้องล่ะคะ” “เธอก็ต้องเตรียมตัวเลี้ยงเด็ก” เขาตอบพลางจ้องตาหล่อนอย่างเคร่งขรึม ไม่นึกสนุกไปด้วย “พร้อมจะเป็นแม่คนหรือเปล่า ถามตัวเองดีกว่า ท้องน่ะมันไม่ยาก แต่เป็นแม่คนต่างหากที่ไม่ง่าย” คำตอบของเขาชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งไหนในโลก และเมื่อขบคิดดูแล้ว หล่อนก็ยังไม่พร้อมที่จะเป็นแม่ในเวลานี้เหมือนกัน “อันที่จริงมันก็เสี่ยงตั้งแต่ตอนที่เราทำกันโดยไม่ใช้คอนดอมแล้ว เสี่ยงทุกอย่าง” หญิงสาวอุบอิบออกมาราวกับจะโยนความผิดให้เขาครึ่งหนึ่งอยู่กลายๆ ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ ยอมรับอยู่เหมือนกันว่าเขารีบร้อนเกินไป แต่ต้องโทษที่หล่อนน่ารักจนเขายั้งใจไว้ไม่ทัน คิดได้ก็ตอนที่เข้าไปหมดทั้งตัวแล้ว กังสดาลยิ้มเขินเมื่อสบตาที่แฝงแววดุดันมานิดๆ นั้น ทว่าหญิงสาวรู้ดีว่าถึงแม้อธิคมน์จะดุสักแค่ไหน แต่ไม่มีวันทำร้ายหล่อนแน่ๆ ช่วงเวลาไม่นานที่อยู่ด้วยกันเขาทำให้หล่อนรู้สึกอบอุ่น ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้มั่นใจในตัวเขาได้ขนาดนั้น แต่มันช่วยไม่ได้ ที่หล่อนจะรู้สึกแบบนั้นจริงๆ “เรื่องโรคฉันรับรองว่าสะอาด ก่อนเธอกลับมาฉันตรวจเลือดทุกเดือน จนเธอมาอยู่ยังไม่เคยตรวจอีกเลย อยากให้ตรวจอีกก็ได้นะ เดี๋ยวเราไปตรวจพร้อมกัน” เขาเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าตั้งแต่มีหล่อนเขาไม่เคยไปยุ่งกับคนอื่น นั่นทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามและแก้มแดงปลั่งด้วยความดีใจ “แต่ฉันยังไม่อยากให้เธอมานั่งเลี้ยงลูกทั้งที่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเต็มที่” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวยิ้มหวาน ก่อนยืดลำตัวขึ้นจูบริมฝีปากได้รูปที่ทำหล่อนร้อนรุ่มทุกคืนวันจากนั้นจึงผละออกมามองคนหน้าเข้มด้วยแววตาหวานฉ่ำ “ระยะปลอดภัยค่ะ แต่คราวต่อไปกั้งจะเตือนคุณเรื่องนี้เอง” เขาเลิกคิ้วสูง แววตาเจือยิ้ม “แน่ใจ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างขบขันนิดๆ หญิงสาวพยักหน้าทั้งที่แก้มแดงเรื่อ “ฉีดยาหรือกินยาดีกว่าไหม กันเอาไว้เผื่อวันไหนฉันกับเธอลืม” เขามอบทางเลือกให้หล่อน ทว่าหญิงสาวนิ่งเงียบ พลางซบหน้ากับอกกว้าง แต่ชายหนุ่มไม่เซ้าซี้ เนื่องจากเวลานี้เริ่มรู้สึกมีอารมณ์ขึ้นอีกครั้ง เพราะแม่คุณไม่ได้ซบหน้าเฉยๆ แต่มือซุกซนของหล่อนกำลังลูบไล้อยู่ที่หน้าท้องแข็งๆ ของเขา จนบางสิ่งบางอย่างที่เพิ่งสงบเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้ขึ้นมาอีกครั้ง “ครั้งนี้คงต้องพึ่งยาคุมฉุกเฉินไปก่อนก็แล้วกันนะ” เขากระซิบเสียงแหบพร่า... หลังจากนั้น นอกจากเสียงน้ำไหลแล้วยังมีเสียงครวญครางและเสียงกระทบกันจากเนื้อหนังมังสาของคนสองคน ที่คงจะไม่สิ้นสุดลงง่ายๆ อย่างแน่นอน วันรุ่งขึ้น อธิคมน์พากังสดาลไปลองชุดทำงานด้วยตัวของเขาเองแทนการสั่งโดยตรงจากทางร้าน เพราะหญิงสาวให้เหตุผลว่าต้องการเลือกด้วยตนเอง เมื่อมาถึงร้าน เสื้อผ้าแบรนด์เนมรุ่นใหม่ล่าสุดก็ถูกนำเสนอเพื่อให้หล่อนได้เลือกตามใจชอบ กังสดาลกะพริบตาปริบๆ แล้วหันไปมองคนข้างกาย เมื่อเขาพยักหน้าให้หล่อนเลือกหญิงสาวก็ถอนหายใจยาวเหยียด พอออกจากร้านเสื้อผ้า ชายหนุ่มก็พาหล่อนไปยังร้านกระเป๋า รองเท้าและเครื่องประดับ โชคดีในแต่ละร้านที่เข้าไปลูกค้าค่อนข้างบางตา หญิงสาวจึงไม่ต้องรู้สึกอึดอัดมากนัก หลายครั้งหลายหนที่หล่อนต้องหยิบออกบ้าง เพราะคิดว่ามากเกินความจำเป็น แต่เขาก็ยังเดินไปหยิบกลับมาแล้วจ่ายเงินให้ตามเดิม ก่อนกลับห้อง เขาพาหล่อนไปรับประทานอาหารในร้านหรู ขณะที่กังสดาลกำลังอ่านรายการอาหารอยู่นั้น ใครบางคนก็ส่งเสียงเรียกมาจากด้านข้าง “กั้ง” กังสดาลหันไปมองที่มาของเสียง ทันทีที่สบตาของคนเรียกหญิงสาวก็ตัวเย็นเฉียบด้วยความไม่คาดคิด เจ้าของเสียงนั้นคือกรธิดา ซึ่งไม่ได้เจอกันนานแต่กังสดาลกลับยิ้มไม่ออก เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอกันโดยบังเอิญ พอรู้สึกตัวก็ได้แต่ยิ้มจืดๆ ไปให้อีกฝ่าย ยังไม่ทันยกมือไหว้คนที่เดินตามมาหยุดอยู่ข้างๆ ก็ตวัดตาค้อนควัก “ตั้งแต่มีคนเลี้ยงกินดีอยู่ดีมือไม้แข็งขึ้นเยอะเลยนะแม่กั้ง นี่พี่กับป้าเองนะ ไหว้ทักทายเสียหน่อยเป็นไรไป” เสียงนั้นไม่ใช่ใคร แต่เป็นเสียงของคุณนายสุดานั่นเอง ก่อนหน้านี้นางเห็นกังสดาลและอธิคมน์ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว พอสบโอกาสเหมาะจึงลุกจากโต๊ะแล้วตรงมาหาทันที กังสดาลขยับมือยกหมายจะไหว้สองแม่ลูก แต่กลับถูกอธิคมน์กดมือคู่นั้นลงตามเดิมพร้อมกับมองคนที่ก้าวเข้ามาทักแกมกระแนะกระแหนด้วยสายตาเย็นชา ทำให้คนทั้งสองยิ้มเจื่อนลงทันทีเมื่อเจอสายตาคมปลาบเข้าไป “คงไม่จำเป็น... ก็อย่างที่บอก ไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว” เขาสบตากรธิดาด้วยแววตาเรียบขรึมราวจะเตือนความจำ ทำให้หญิงสาวหลบตาวูบลง ตรงกันข้ามกับคนเป็นแม่ที่เชิดหน้าขึ้นเพราะความโกรธ “จะไม่เกี่ยวได้ยังไงคะคุณ แม่กั้งเป็นหลานของสามีดิฉัน ต่อให้ไม่เจอกันนานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม่กั้งยังเป็นคนของเลิศ วิรัตน์อยู่วันยังค่ำ” คุณนายสุดาจีบปากจีบคอลอยหน้าลอยตาบอก อธิคมน์กระตุกยิ้มขึ้นนิดหนึ่ง เป็นเวลาเดียวกับที่ริวและโดมก้าวเข้ามา เขาสบตาลูกน้องและส่งสัญญาณว่าไม่จำเป็น ทั้งคู่จึงหายตัวไปจากสายตา แต่ไม่ได้อยู่ไกลเกินกว่าเจ้านายจะเรียกใช้ “แค่นามสกุลเหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าต้องเกี่ยวข้องกัน ไม่ทราบว่ามีอะไรสำคัญหรือเปล่า ถ้าไม่มี ผมกับกั้งต้องการเวลาส่วนตัว” เขาสบตาสองแม่ลูกนิ่ง ทำให้ทั้งคู่หน้าชาราวกับถูกตบ โดยเฉพาะกรธิดาที่ต้องอับอายต่อหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า หล่อนมองญาติผู้น้องคนงามราวจะบอกให้รู้ว่ามีเรื่องที่ต้องคุยกัน แต่อธิคมน์ก็ยังจ้องมองด้วยสายตาปรามอยู่ตรงนั้น ทำให้หญิงสาวไม่กล้าที่จะเอ่ยออกไป แต่ไม่ใช่กับคนเป็นแม่เพราะคุณนายสุดาไม่คิดจะปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ให้หลุดลอยไปอย่างแน่นอน “มีสิคะ ดิฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับยัยกั้งสักครู่ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ดิฉันขอคุยกับยัยกั้งสักสิบนาทีเป็นการส่วนตัว” อธิคมน์มองคุณนายผู้หิวเงินอย่างดูแคลน สายตาแบบนั้นทำให้คนถูกมองหน้าร้อนเห่อขึ้นมาซ้ำสอง “กั้งไม่มีอะไรปิดบังผม ไม่จำเป็นต้องคุยกับพวกคุณเป็นการส่วนตัว และคงคุยตอนนี้ไม่ได้เพราะกั้งหิวแล้ว หากอยากจะคุยนัก ก็รอให้เธอกินอิ่มก่อน” มุมปากของคุณนายสุดาถึงกับกระตุกจนเสียอาการ ไม่เคยมีใครทำปฏิกิริยาเฉยชาเย่อหยิ่งและคล้ายกับดูถูกกันกลายๆ อย่างชายผู้นี้มาก่อน กังสดาลหันไปสบตาชายหนุ่มแวบหนึ่ง หล่อนทำท่าเหมือนจะบอกอะไรกับเขาสักอย่าง แต่ดวงตาของอธิคมน์ที่มองกลับมานั้นทั้งนิ่งและดุ บอกออกมากลายๆ ว่าให้หล่อนหุบปากซะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง กรธิดาเห็นท่าไม่ดีนักจึงรีบจับมือมารดาแล้วเอ่ยตัดบท “ตกลงค่ะ แม่คะ เรากลับไปนั่งรอที่โต๊ะของเรากันเถอะนะคะ กั้งกินอิ่มแล้วเราค่อยคุยกันนะจ๊ะ” กรธิดายิ้มให้กังสดาลแล้วรีบจูงมือมารดากลับไปที่โต๊ะอาหารของตนอย่างรวดเร็วก่อนเรื่องจะบานปลาย เมื่อสองแม่ลูกกลับไปแล้ว หญิงสาวก็ถอนหายใจยาว “จำเอาไว้ ว่าคนพวกนี้เคยทำอะไรไว้กับเธอบ้าง เพราะฉะนั้นอย่าใจอ่อนเด็ดขาด เข้าใจไหม” คำพูดและนัยน์ตาคมกริบที่มองมานั้นบอกให้รู้ว่านี่คือคำสั่ง หญิงสาวสบตาคมแล้วค้อนเขาเบาๆ จนคนถูกค้อนนิ่งอึ้ง เพราะแทบไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าส่งสายตาแบบนี้ให้เขาเลยสักคน แต่ดูเหมือนกังสดาลจะไม่สนใจ ซ้ำยังบอกออกมาอีกว่า “กั้งแค่กำลังจะบอกว่า ไม่มีอะไรจะพูดกับพวกเขาอีก แต่คุณนั่นแหละ ที่บอกให้กั้งกินอิ่มก่อนค่อยพูดกัน คุณน่ะทำเสียเรื่องรู้ไหมคะ” พูดจบก็จ้องตาเขากลับไปอย่างเอาเรื่องเช่นกัน ทำให้คนที่คิดว่าแม่คนตรงหน้านี้หัวอ่อนนักต้องเริ่มคิดเสียใหม่ เช่นเดียวกับริมฝีปากที่ค่อยๆ เผยอยิ้มออกมาทีละน้อย เช่นเดียวกับแววตาคมกล้าที่แสดงออกถึงความพอใจอย่างยิ่งยวด “ฉันชอบผู้หญิงอ่อนหวาน แต่เวลาเดียวกันก็ชอบให้เข้มแข็งและเด็ดขาดด้วย เธอ...เหมาะที่จะเป็นผู้หญิงของฉันรู้ไหม” กังสดาลยิ้มน้อยๆ นวลแก้มขึ้นสีจางๆ ทว่าดวงตาไหววูบก่อนหลุบลง คำว่า ‘ผู้หญิงของฉัน’ จากปากของเขา ใจหนึ่งรับรู้ด้วยความรู้สึกอิ่มเอมแต่อีกใจหม่นหมองกับสถานะของตนในยามนี้... ไม่นานนักความคิดของหญิงสาวก็ถูกแทนที่ด้วยเรื่องอื่น อาหารทยอยลำเลียงออกมาจนครบถ้วน หญิงสาวนั่งรับประทานอาหารมื้อนั้นอย่างสบายใจ และใช้เวลานานกว่าปกติ อธิคมน์ดูเหมือนจะรู้ว่าหญิงสาวตั้งใจปล่อยให้ใครบางคนรอคอยด้วยอาการกระสับกระส่ายอยู่อีกโต๊ะหนึ่งของร้าน แต่เขาก็ยอมตามใจหล่อน เพื่อให้ ‘ผู้หญิงของเขา’ ได้เล่นอะไรสนุกๆ ก่อนกลับเพนต์เฮาส์ก็เท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD