EP 1/1 ต่อจากเดิม

3585 Words
"ตอนนี้พี่ภูอยู่บ้านขิมเหรอคะ" หญิงสาวยังคงเอ่ยถามภูผาด้วยเสียงราบเรียบ "อืม! พี่อยู่บ้านของขิม" "พี่ไปทำอะไรคะ" "พอดีพี่มีธุระนิดหน่อย พี่เลยแวะมา" "ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวขิมเข้าไปหาพี่ที่บ้านเองค่ะ ขิมมีธุระสำคัญอยากจะคุยกับพี่ด้วย" "โอเคขิม" ตู๊ดๆๆๆๆ สิ้นสุดการสนทนา เพลงขิมก็รีบขับรถออกไปจากโรงพยาบาลเพื่อมุ่งหน้าไปยังบ้านของเธอทันที สองชั่วโมงผ่านไป รถของเพลงขิมก็ถูกขับมาจอดยังโรงจอดรถของบ้าน หญิงสาวก้าวเท้าลงจากรถและรีบเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าภายในบ้านกลับไม่มีใครอยู่สักคน เพียงแต่เธอได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วดังลอดออกมาจากในห้องอาหารของบ้าน หญิงสาวไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในห้องอาหารทันที แล้วเธอก็ได้พบกับพ่อแม่และพี่สาวของเธอกำลังนั่งพูดคุยกันอยู่ เก้าอี้ตัวที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพี่สาวของเธอ มีภูผากำลังนั่งรออยู่ "มาแล้วเหรอยัยขิม เอากระเป๋าขึ้นไปเก็บสิ แล้วมากินข้าวกัน " เป็นขวัญดาวที่เอ่ยชักชวนน้องสาวให้มานั่งเพื่อร่วมทานข้าวกัน "ค่ะพี่ขวัญ เดี๋ยวขิมขอเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บก่อนนะคะ" ว่าจบหญิงสาวก็เดินเลี่ยงออกมาจากห้องอาหารแล้วขึ้นไปยังห้องของเธอที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน หลังจากที่เก็บกระเป๋าเสร็จ เธอก็เดินลงมาข้างล่าง ไปยังห้องอาหารที่มีครอบครัวกำลังรออยู่ "ยัยขิม มานั่งสิ" เมื่อได้ยินคำชักชวนของขวัญดาว เพลงขิมก็เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวข้างๆภูผาที่ยังว่างอยู่ โดยเธอไม่ได้สังเกตแววตาของคนรอบข้างเลยว่าตอนนี้พวกเขามองเธออย่างไร "ทำไมมาช้านักล่ะลูก รถติดเหรอ" คุณหญิงทัดดาวเอ่ยถามลูกสาวคนกลางอย่างเพลงขิมด้วยรอยยิ้ม "ขิมไปโรงพยาบาลมาน่ะค่ะ ขากลับก็แวะซื้อของด้วย เลยมาช้า" หญิงสาวตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน "เอ่อนี่ขิม" "ว่าไงคะพี่ขวัญ" "พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกขิมก่อนเรื่องให้ไอ้ภูมาที่บ้าน พอดีพี่จะทำอาหารเลี้ยงเพื่อนที่พึ่งกลับมาจากยุโรปเลยชวนไอ้ภูมาคุยธุระที่บ้านด้วยเลย ขิมไม่ว่าพี่ใช่ไหมจ๊ะ" "ขิมไม่ว่าอะไรเลยค่ะพี่ขวัญ ดีซะอีก! ขิมจะได้มากินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย แล้วนี่เพื่อนพี่ขิมที่เพิ่งมาจากยุโรปเขาอยู่ไหนคะ ทำไมขิมไม่เห็นเลย" "อาหารมาแล้วค่าาาา" น้ำเสียงสดในของหญิงสาวคนหนึ่งดังออกมาจากในครัว เพลงขิมที่พึ่งถามถึงเธอก็ถึงกับตกตะลึงในความสวยของเธอคนนั้น เธอสวยมากเสียจนเพลงขิมมองแบบไม่วางสายตาเลยทีเดียว เพลงขิมคิดว่าถ้าเธอเป็นผู้ชายเธอคงจะจีบผู้หญิงคนนี้ไปเสียแล้ว "อาหารอร่อย ๆ ฝีมือของแพรมาเสิร์ฟให้ทุกคนได้ชิมแล้วค่าา" หญิงสาวคนนั้นพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มหวารพลางวางจานอาหารไปยังพื้นที่ว่างของโต๊ะ ก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างข้าง ๆ ขวัญดาว "น่าทานมากเลยหนูแพร น้าไม่รู้มาก่อนเลยนะว่าหนูแพรจะทำแกงมัสมั่นได้น่าทานขนาดนี้" คุณหญิงทัดทาวเอ่ยชมหญิงสาว พร้อมกับจ้องมองไปยังอาหารสารพัดอย่างที่ตั้งเต็มโต๊ะไปหมด "ขอบคุณค่ะคุณน้า แพรพึ่งได้สูตรแกงนี้จากคุณแม่ค่ะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะอร่อยเหมือนที่แม่แพรทำหรือเปล่่า ฮ่า ๆ " "แหม! ยัยแพร แกอะทำอาหารเก่งที่สุดแล้ว จริงไหมไอ้ภู" ขวัญดาวหันหน้าไปถามภูผาที่นั่งนิ่งอยู่ แต่ภูผาก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับ นอกจากพยักหน้าให้เบา ๆ สิ้นเสียงการพูดคุยของทั้งสามคน ภายในห้องอาหารก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ เพราะไม่มีใครพูดคุยอะไรกันเลย จนเพลงขิมที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยก็รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก "ทำไมคุณทุกคนเงียบกันล่ะคะ" เป็นเพลงขิมเองที่ตัดสินใจทำลายความเงียบด้วยการพูดขึ้นก่อนเนื่องจากรู้สึกอึดอัด "เอ่อ! นั่นสิ ทำไมพวกเราถึงไม่กินข้าวกันเลยล่ะ ฮ่า ๆ " ขวัญดาวพูดเสริม "เอ้า! ไหน ๆ ก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว เรามากินข้าวกันเถอะ" สิ้นเสียงคุณกิชกรณ์ ทุกคนก็เริ่มลงมือทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย จะมีก็แต่เพลงขิมที่นั่งเขี่ยข้าวในจานไปมาด้วยความรู้สึกที่อึดอัดเป็นพิเศษ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความอึดอัดนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร หญิงสาวกวาดตาไปรอบ ๆ เธอจับสังเกตได้ว่าภูผามีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอจึงสะกิดแขนเขาเบา ๆ ก่อนจะถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง "พี่ภูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูสีหน้าไม่ค่อยดี" "พี่ไม่เป็นไร ขิมกินข้าวต่อเถอะ" "แต่พี่ดูไม่ค่อยดีเลย มีอะไรกังวลในใจหรือเปล่า" "ไม่มีครับ พี่กินข้าวต่อก่อนนะคะ กินเสร็จพี่จะได้ไปคุยกับงานขวัญดาวต่อ" เพลงขิมพยักหน้ายิ้มให้กับอีกฝ่าย เธอเอื้อมมือไปตักแกงมัสมั่นในถ้วยมาใส่ในจานของตัวเอง ก่อนจะหยิบยกขึ้นมาชิม และทันทีที่แกงมัสมั่นนั้นเข้าปาก หญิงสาวก็เบิกตากว้างออกมาก่อนจะอุทานไม่เป็นศัพท์ "หื้ม! แกงมัสมั่นนี่อร่อยมากเลยค่ะ พี่แพรทำได้อร่อยมาก วันหลังพี่แพรสอนขิมทำบ้างสิคะ ขิมจะได้ทำให้พี่ภูทานบ้าง พี่ภูชอบทานแกงมัสมั่นมากเลยนะคะ พี่แพรรู้ไหม" "รู้สิจ๊ะ พี่กับภูเป็นเพื่อนสนิทกันมานาน เราสองคนรู้ทุกอย่างของกันและกันหมดแหละจ้ะ ไว้วันไหนว่าง ๆ พี่จะสอนให้นะจ๊ะ" คำตอบของเหมือนแพรทำเอาเพลงขิมรู้สึกตะหงิดใจอยู่ไม่น้อย รู้ทุกอย่างของกันแหล่ะกันอย่างนั้นเหรอ...แต่ก็คงใช่ พวกเขาสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันนี่นามันไม่มีอะไรแปลกหรอก เพลงขิมคิดในใจ "ขวัญรีบกินนะ เราจะได้ไปคุยธุระกัน" ภูผาเอ่ยปากพูดกับขวัญดาว ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับทราบในทันทีอ หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทำนั่นนี่ เพลงขิมและขวัญดาวอาสาเก็บถ้วยจานไปล้างในครัว ส่วนภูผากับเหมือนแพรก็ไปนั่งที่โซฟาเพื่อพูดคุยอะไรกันบางอย่าง คุณหญิงทัดดาวและคุณกิชกรณ์ก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน ทุกอย่างแลดูเป็นระบบไปหมด ห้องครัว "พี่ขวัญคะ พี่สนิทกับพี่แพรมากเลยเหรอ ทำไมขิมถึงไม่รู้จักเลยอะ" เพลงขิมเอ่ยถามพี่สาวในขณะที่เธอกำลังล้างจานอยู่ "สนิทมากเลยแหละ แต่ที่ขิมไม่รู้จักก็เพราะยัยแพรย้ายไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่สมัยนู่นน่ะ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนะที่นางกลับมา" ขวัญดาวตอบ "เขาสนิทกับพี่ภูด้วยใช่ไหมคะ เห็นพี่เขาบอกเขารู้ทุกเรื่องของพี่ภูเลย" "ก็สนิทมากนะ" ขวัญดาวตอบไปอย่างติดๆ ขัด ๆ เธอไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่คำตอบของขวัญดาวก็ไม่ได้ทำให้เพลงขิมสงสัยอะไร เธอเข้าใจดีว่าเป็นเพื่อนกัน ก็ย่อมรู้เรื่องของกันและกันดี เพราะเธอก็เคยมีเพื่อนสนิทอยู่เหมือนกัน ก๊อกๆ "คุณหนูขวัญขา คุณภูเรียกหาค่ะ" นางบัว สาวใช้ของบ้านเดินเข้ามาบอกขวัญดาว "ได้จ้ะ เดี๋ยวขวัญรีบไป" เธอตอบกลับบัว ก่อนจะหันกลับมาหาเพลงขิม "พี่ไปคุยธุระก่อนนะ" "โอเคค่ะ เดี๋ยวทางนี้ขิมจัดการเอง" ในขณะทีี่ขวัญดาวกำลังเดินไปยังห้องนั่งเล่น เธอเห็นเหมือนแพรกำลังเดินถือถาดผลไม้เข้าไปในครัว หญิงสาวทั้งสองคนเดินผ่านกันอย่างเงียบๆ แต่สายตากลับมองตามกันไม่หยุด "อ้าว พี่แพร" เพลงขิมเอ่ยทักเหมือนแพรทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามา "สวัสดีจ้ะน้องขิม เมื่อกี้ตอนที่อยู่โต๊ะอาหารเราไม่ค่อยได้คุยกันเลย มัวแต่กิน" "ฮ่า ๆ พี่แพรมีอะไรหรือเปล่าคะ แล้วทำไมถือถาดผลไม้เข้ามาเองคะเนี้ย" "พี่เอาเข้ามาเก็บให้น่ะจ้ะ" "หูย ไม่เป็นไรเลยค่ะ เดี๋ยวขิมเก็บเอง พี่แพรไปคุยกับพี่ขวัญพี่ภูเลยนะ ทางนี้ขิมจัดการได้สบาย ๆ เลย" เพลงขิมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะยื่นมือไปรับถาดผลไม้จากมือเหมือนแพร "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่ช่วยนะ" "จะดีเหรอคะ พี่เป็นแขกนะ ถ้าพี่ขวัญเข้ามาเห็นขิมโดนด่าตายเลย" "ไม่ด่าหรอกจ้ะ พี่บอกมันแล้ว มา! เดี๋ยวพี่ช่วยนะ" พูดจบ เหมือนแพรก็เดินเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ ตัวเพลงขิม คอยช่วยจับนั่นจับนี่ไปเรื่อย พูดคุยกันอยู่สักพักทั้งสองก็ดูเหมือนจะเข้าขากันเป็นอย่างดีเชียว "พี่แพรนี่สวยจังเลยนะคะ ขิมอยากสวยแบบพี่บ้างจัง" "น้องขิมก็สวยน้า ดูสิ! หน้าไม่มีสิวเลย ผิวหน้าดีมากอะ" เหมือนแพรอวยกลับจนอีกฝ่ายทำหน้าเขินกันเลยทีเดียว "พี่แพรก็ว่าไปค่ะ" "พี่พูดจริง ๆ ค่า ถ้าขิมไม่สวยไม่น่ารัก ภูเขาคงไม่หลงขนาดนี้หรอก" คำพูดของเหมือนแพรทำเอาเพลงขิมถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เหมือนแพรรู้ได้ยังไงว่าเธอกับพี่ภูกำลังคบกันอยู่ เพราะตอนที่นั่งทานข้าวอยู่ ไม่มีใครพูดถึงเธอกับพี่ภูเลยด้วยซ้ำ แต่ก็ช่างมันเถอะ เธอคงรู้จากใครสักคนนั่นแหละ พวกเขาเป็นเพื่อนกันนี่น่า "พี่แพรก็พูดเกินไปค่ะ ฮ่า ๆ " หลังจากที่ทั้งสองช่วยกันล้างจานจนเสร็จ พวกเธอก็พากันเดินออกมาหาภูผากับขวัญดาว ที่ยังนั่งคุยงานกันอยู่ "ยังไม่เสร็จเหรอคะพี่ภู" เพลงขิมเอ่ยถามชายคนรักด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ยังครับ ว่าแต่ขิมมีธุระอะไรจะคุยกับพี่เหรอ" "เอ่อ มันเป็นเรื่องสำคัญมากค่ะ เดี๋ยวขิมขอขึ้นไปเอากระเป๋าก่อน แล้วจะบอกนะคะ" ว่าจบเพลงขิมก็เด้งตัวขึ้นจากโซฟาหรู แล้วเดินจากไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ห้องนอนของเพลงขิม "หนูว่าพ่อจะดีใจแค่ไหน ถ้าเขารู้ว่าเขากำลังมีหนู" เพลงขิมพูดกับลูกในห้องด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม มือน้อย ๆก็ลูบท้องไปมาเบา ๆ หลังจากที่เพลงขิมหยิบเอาใบผลตรวจออกมาจากกระเป๋า เธอก็หันหลังกลับเพื่อที่จะเดินออกมาจากห้อง แต่ในจังหวะนั้น กรอบรูปของเธอกับภูผาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานก็หล่นลงจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเก็บเศษแก้วที่แตกละเอียดอย่างระมัดระวัง พอเก็บเศษแก้วออกจนหมด เธอก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเอาเศษแก้วไปทิ้งที่ถังขยะ และในขณะนั้นเอง สายตาคู่กลมก็เหลือบไปเป็นใครก็ไม่รู้กำลังยืนสวมกอดกันอยู่ และเมื่อเธอพยายามมองให้ชัดๆอีกที ก็ถึงกับเบิกตากว้างเมื่อพบว่าคนที่ยืนกอดกันอยู่นั้นคือภูผา ชายคนรักของเธอนั่นเอง หัวใจดวงเล็กแทบแตกสลายเมื่อได้พบว่าชายคนนั้นกำลังยืนกอดกับเหมือนแพร เพื่อนสนิทมันจะกอดกันได้อย่างนี้เลยเหรอคะ คำถามมากมายมันหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเพลงขิมเต็มไปหมด จังหวะที่เธอกำลังยืนมองอยู่พวกเขาสองคนก็ยืนกอดจูบกัน จนคนที่เห็นอย่างเพลงขิมแทบเข่าทรุด เธอรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังแตกสลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หญิงสาวยืนน้ำตาไหลพรากออกมาอย่างเจ็บปวดรวดร้าวและไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้ยังไงไหว หลังจากที่เพลงขิมนั่งร้องไห้อยู่ในห้องสักพัก เธอก็เดินออกมาพร้อมกับผลตรวจครรภ์ในมือ เธอตั้งใจจะเดินเข้าไปถามเขาตรง ๆ ว่าสิ่งที่เธอเห็นนั้นมันคืออะไร แต่ในระหว่างที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องทำงานของคุณพ่อ เธอก็ได้ยินในสิ่งที่เธอไม่ควรได้ยินเลยสักนิด "เมื่อไหร่ตาภูเขาจะจัดการเรื่องนี้ให้มันจบเสียที พ่อกับแม่เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วนะขวัญ" "คุณพ่อกับคุณแม่ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ หนูว่าเรื่องทุกอย่างมันคงใกล้จะจบแล้วแหล่ะ" "ใกล้จะจบ ใกล้จะจบ แม่เห็นขวัญพูดแบบนี้มาหลายรอบแล้วนะ พูดก็พูดเถอะ แม่สงสารน้อง" "หนูก็สงสารพอ ๆ กับที่พ่อแม่สงสารนั่นแหละค่ะ ถ้าหนูบอกเองได้ หนูบอกไปแล้วแหละ" "ก็แล้วจะบอกตอนไหนล่ะ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ยัยขิมก็เหมือนแฟนเก็บเขานะ" "คุณพ่อคุณแม่อดทนไว้ค่ะ ยังไงก็แล้วแต่ หนูเชื่อว่าเรื่องมันจะจบแล้ว ยิ่งตอนนี้คนที่มันรักกลับมาแล้ว มันคงจะเลือกได้เร็วขึ้น" ปั๊ง..! การสนทนาของทั้งสามคนพ่อแม่ลูกต้องหยุดลงเมื่อได้เห็นเพลงขิมเปิดประตูเข้ามา สภาพน้ำตาอาบแก้มของทั้งสองข้าง ทั้งเพลงขิม ขวัญดาวและบุพการีเผชิญหน้ากันอย่างเงียบเชียบ จะมีก็แต่เสียงสะอึกเบา ๆ ของเพลงขิมที่มันดังออกมาอย่างอัตโนมัติ "เอ่อ! ขิม" ขวัญดาวเอ่ยเรียกชื่อน้องสาวอย่างสั่นคลอ "สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่กับพี่ขวัญพูดมันคืออะไรคะ ขิมเป็นแฟนเก็บอะไร" เพลงขิมเริ่มถามออกมาอย่างตรงประเด็น เพราะมันคาใจของเธอมาก "ขิมใจเย็น ๆ ก่อนนะลูก คือ..." "จะให้ขิมใจเย็นได้ยังไง ในเมื่อสิ่งที่ขิมได้ยินนั้นมันคือเรื่องของขิม" หญิงสาวเริ่มโวยวายออกมาอย่างเสียสติ เช่นเดียวกันกับภูผาและเหมือนแพรที่ยืนกอดกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ได้ยินเสียงดังออกมาจากในบ้าน จึงรีบจูงมือกันเข้าไปทันที "เกิดอะไรขึ้นเหรอครับคุณอา" เป็นภูผาที่เอ่ยถามทุกคน มืออีกอย่างของเขาก็กำลังจับมือของเหมือนแพรไว้อยู่ ทันทีที่เพลงขิมได้เห็นมือของทั้งคนสองจับกันแน่นขนาดนั้น เธอตัดสินใจเดินเข้าไปตบหน้าของภูผาฉาดใหญ่ น้ำตาของเธอมันไหลพรั่งพรูออกมาจนมันจุกอกของเธอไปหมด อารมณ์ทั้งรักทั้งเกลียดมันไหลรวมกันจนแทบจะไม่มีแรงทำอะไรนอกจากร้องไห้ออกมา สถานการณ์ภายในบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด พ่อแม่ของขิม ขวัญดาว และภูผากับเหมือนแพร ต่างก็ทำหน้าเครียดไปตามๆกัน เรื่องที่ทุกคนช่วยกันปกปิดเอาไว้ ตอนนี้มันแดงออกมาแทบไม่ทันตั้งตัวเลย "มีใครจะอธิบายกับขิมไหมคะ" เพลงขิมพูดออกมาทั้งน้ำตา แต่ก็ไม่มีใครอธิบายให้เธอฟังเลยสักนิด "ในเมื่อขิมอยากรู้พี่ก็จะเป็นคนบอกเอง แต่ขิมไม่ต้องโกรธคุณน้ากับขวัญหรอก ถ้าจะโกรธก็โกรธพี่เถอะ" "........" ขิมไม่ได้ตอบอะไร เพราะเธอกำลังรอฟังคำสารภาพชั่วๆจากผู้ชายใจร้ายคนนี้ "พี่กับแพรเราสองคนเคยเป็นแฟนกันมา เราสองคนคบกันมาหลายปี จนมีช่วงหนึ่งที่แพรเขาอยากไปอยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นพี่กับเขารู้สึกว่าเราสองคนน่าจะหมดแพสชั่นต่อกัน ก็เลยเลิกกันไป จนเมื่อพี่ได้มาเจอกับขิม พี่เห็นขิมครั้งแรกพี่ก็ชอบขิมแล้ว แต่ตอนนั้นพี่ก็ยังไม่ได้รักขิมเต็มร้อยหรอก เพราะหัวใจพี่มันมีแต่แพรเท่านั้น ช่วงที่เราคบกัน แพรเขาก็กลับมาจากต่างประเทศ เราสองคนเลยแอบกลับมาคบกันอีกรอบ และพี่ก็เป็นคนบอกกับพ่อแม่ขิม ว่าพี่จะจัดการเรื่องของเราเอง" สิ้นเสียงคำสารภาพของภูผา ทำเอาเพลงขิมถึงกับเข่าทรุดลงไปนั่งที่พื้นอีกรอบ สิ่งที่เขาพูดมา มันทำให้เธอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์อะไรหลายๆอย่างที่เขาชอบอ้างว่าไม่ว่างบ้างแหละ หรือ ช่วงไหนไม่มีเวลาให้ เขาก็จะมักอ้างนั่นอ้างนี่ จนบางทีเธอก็สงสัย แต่ก็ทำได้แค่เก็บมันไว้ "เพราะแบบนี้ใช่ไหม พี่ถึงไม่สนใจขิมเหมือนอย่างที่เคยเป็น "จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ ที่จริงพี่อยากจะบอกเลิกขิมหลายรอบแล้ว แต่พี่ทำใจไม่ได้" ภูผาพูดออกมาอย่างไม่ละอายใจ มันก็จริงอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ เขาอยากจะบอกเลิกเพลงขิมมาตั้งแต่วันที่เหมือนแพรกลับมาแล้ว แต่ก็อย่างนั้นแหล่ะ เขาไม่กล้าพอที่จะทำ เลยทำได้แค่ปิดบังไปวัน ๆ เมื่อเพลงขิมได้ยินดังนั้น เธอก็อดที่กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว น้ำตาของความเสียใจมันไหลพรากออกมาอย่างหนักหน่วง หัวใจของเธอตอนนี้มันปวดร้าวและเจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมคนที่เธอรักเขาใจร้ายกับเธอขนาดนั้น มันไม่ใช่แค่ภูผา แต่กลับเป็นคนในครอบครัวที่รวมหัวกันหลอกเธอ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอเสียใจได้ยังไงไหว "ขิมทำอะไรผิดคะ ทำไมทุกคนถึงทำกับขิมเหมือนขิมไม่มีความรู้สึก ทุกคนคิดว่าขิมเจ็บไม่เป็นเหรอคะ" ทั้งคำพูดและน้ำตาของเพลงขิมมันไหลพรั่งพรูออกมาอย่างหนัก เธอแทบล้มทั้งยืนเมื่อได้รู้ความจริงทุกอย่าง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เธอเชื่อใจและมั่นใจว่าชาตินี้ทั้งชาติเขาจะไม่มีวันโกหกหลอกลวงเธอ กลับเป็นคนที่ทำร้ายทุกอย่างของเธอจนพังพินาศไปหมด "ขิม ถึงแม้ว่าสิ่งที่พี่กำลังจะพูดมันอาจจะฟังดูไม่ขึ้น แต่พี่ยืนยันได้เลยว่าทุกคนในนี้ ไม่มีใครอยากทำร้ายจิตใจขิมหรอก แต่ที่เรื่องมันบานปลายมาขนาดนี้เป็นเพราะพี่เอง พี่เป็นคนขอให้ทุกคนปิดบังขิมไว้เอง" ภูผาพูดขึ้นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่รู้สึกผิด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเขาเอง ถ้าเขาเป็นคนบอกเธอเองตั้งแต่แรก ทุกคนก็คงไม่ต้องมาซวยไปกับเขา "มันผิดที่ขิมเองค่ะ ขิมโง่เองที่หลงเชื่อว่าพี่รักขิมจากใจจริง ๆ ขิมโง่เองที่เชื่อว่าพี่อยากสร้างอนาคตไปกับขิม แต่ขิมคงจะไม่รู้สึกโง่ขนาดนี้ถ้าหนึ่งในคนที่ช่วยปิดบังเรื่องของพี่ไม่ใช่คุณพ่อกับคุณแม่" หญิงสาวพูดขึ้น ก่อนจะค่อยๆหันหน้าไปหาบุพการีของเธอทั้งสองคนที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ "ขิมรู้ตัวเองดี ว่าขิมไม่ใช่ลูกรักของคุณพ่อคุณแม่ แต่ทุกช่วงเวลาของขิม ขิมพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เผื่อว่าสิ่งที่ขิมทำ มันจะได้อยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่บ้าง แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ขิมพยายามมันจะไร้ค่านะคะ อันที่จริงขิมมีคำถามมากมายที่อยากถามคุณพ่อกับคุณแม่ แต่ตอนนี้ขิมไม่อยากถามอะไรแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่มันข้องใจขิมมาโดยตลอด "ขิมเป็นใครในสายตาของคุณพ่อคุณแม่เหรอคะ" "ขิมฟังพ่อกับแม่ก่อนนะลูก ที่แม่ปิดบังขิม ไม่ใช่ว่าแม่อยากทำนะ" "แต่แม่ก็ทำไปแล้วไงคะ พ่อ แม่ พี่ขวัญ ทุกคนเลย ทุกคนรวมหัวกันหลอกขิมหมดเลย" หญิงสาวพูดขึ้นทั้งน้ำตา.... "ขิมพี่ขอโทษนะ ที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ พี่กับภูขอโทษจริง ๆ " เหมือนแพรกล่าวขอโทษเพลงขิมจากหัวใจ เพราะมันก็ผิดที่เธอด้วย ถ้าเธอบอกให้ภูพูดความจริงตั้งแต่แรก เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก ทุกอย่างมันผิดที่เธอเอง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD