บทที่ 2
เป็นเวลาหนึ่งคืนเต็มๆที่เพลงขิมเอาแต่นอนร้องไห้อยู่ในห้องของเธอไม่ยอมลุกขึ้นไปไหนแม้แต่นิด ก็จะให้เธอลุกขึ้นไปไหนได้ล่ะ ในเมื่อตอนนี้ร่างกายของเธอมันไร้เรี่ยวแรงไปหมด เธอพยายามฝืนตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่วายทรุดลงอีกครั้ง คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าการโดนคนที่รักคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจหักหลังมันจะทำให้เธอทรมานหัวใจได้ถึงเพียงนี้
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น แต่เพลงขิมก็ยังคงนอนร้องไห้ต่อโดยไม่ได้สนใจเสียงเคาะนั้น คนที่ยืนเคาะอยู่อย่างคุณหญิงทัดดาวก็ได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาอย่างรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เธอแค่อยากจะเข้าไปคุยและขอโทษลูกก็เท่านั้นเอง
"ขิม เปิดประตูให้แม่หน่อยได้ไหมลูก?" คุณหญิงทัดดาวตะโกนถามคนที่อยู่ในห้องด้วยน้ำเสียงสั่นคลอเบาๆ
หญิงสูงวัยยืนเคาะประตูอยู่นานแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคนข้างในนั้นจะเปิดให้ เธอจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันหลังกลับแล้วเดินลงมาข้างล่างทันที
"ยัยขิมเป็นไงบ้างคะคุณแม่?" ขวัญดาวเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้เห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่ไม่ค่อยดีนักเท่าไหร่
"ขิมยังไม่ยอมคุยกับแม่เลยขวัญ แม่จะทำยังไงดี"
"ไม่ต้องทำอะไรหรอก ลูกคงอยากใช้เวลาส่วนตัวน่ะคุณ ถ้าวันไหนที่ลูกพร้อม ลูกคงจะคุยกับเราเอง" คุณกิชกรณ์พูดเสริม เขารู้จักนิสัยของเพลงขิมลูกสาวคนกลางของเขาดี เห็นเขาไม่ค่อยใส่ใจเธอแต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่รัก ไม่สังเกตนะ
"ฉันเป็นห่วงลูกนี่คะ" คุณหญิงทัดดาวพูดขึ้นพลางน้ำตาไหลร้องไห้ออกมา แต่ก็มีทิชชู่จากมือของขวัญดาวคอยซับให้อยู่
"เราทุกคนต่างก็ห่วงพอๆกันแหล่ะนะ เอาเป็นว่าเราทั้งหมดต้องให้เวลาลูกหน่อยอะ" คุณกิชกรณ์พูดขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอาหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน
"คุณพ่อจะอ่านหนังสือพิมพ์ก่อนเหรอคะ ถ้าไม่รีบไปโรงพยาบาลเราจะสายเอานะ" ขวัญดาวบอกกับผู้เป็นพ่อ วันนี้พ่อของเธอต้องไปโรงพยาบาลตามที่หมดนัด ซึ่งเวลาตอนนี้ก็จวนจะสายแล้ว
"เออ! พ่อลืมไปเลย งั้นเดี๋ยวเราไปกันเลยนะลูก เอ้อ! ฝากคุณดูลูกด้วยนะดาว ถ้าลูกลงมาก็หาข้าวหาน้ำให้ลูกกินด้วยนะ คุยกับลูกให้ลูกเข้าใจพวกเรานะ" คุณกิชกรณ์เอ่ยปากบอกภรรยาด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเดินออกไปจากที่ตรงนั้นทันที
ทานด้านเพลงขิมในตอนนี้เธอก็ยังคงนอนร้องไห้อยู่เหมือนเดิม กว่าเธอจะผ่านเมื่อคืนมาได้เธอต้องใช้ความอดทนสูงมาก ไม่ผูกคอตายก็เป็นบุญของชีวิตเธอแล้ว แต่ถ้าให้เธออยู่ในสถานที่ที่ทำให้เจ็บปวดแบบนี้ เธอคงทนต่อไปไม่ไหวแน่ๆ เพลงขิมคิดแล้ว เธอคิดว่าเธอควรย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ บ้านของคนใจร้าย คนที่ทำร้ายหัวใจเธอจนย่อยยับไปหมด "เราจะย้ายไปอยู่ที่อื่นกันนะลูก"
เมื่อคิดได้ดังนั้น เพลงขิมก็ลุกขึ้นจากเตียง รีบเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมา แล้วเก็บเสื้อผ้าบางส่วนและของใช้ที่จำเป็นใส่ลงในกระเป๋า ตอนนี้เธอไม่รู้หรอกว่าจะไปอยู่ไหน รู้แค่ว่าขอให้ได้ออกไปจากที่นี่ก็พอแล้ว
ข้างล่างตัวบ้าน
"ฉันเพิ่งรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ฉันขอโทษแทนลูกชายของฉันด้วยนะดาว ไม่น่าเลยอะ" คุณหญิงอุษามารดาของภูผากล่าวขอโทษแทนลูกชายของตนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทันทีที่เธอรู้ เธอก็ตกใจเล็กน้อย เลยรีบถ่อมาหาเพลงขิมทันที
"ไม่เป็นไรหรอกอุษา เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันผิดที่พวกฉันเอง ถ้าพวกฉันบอกยัยขิมเอง เรื่องมันก็คงไม่บานปลายมาใหญ่ขนาดนี้หรอก" คุณหญิงทัดดาวกล่าวโทษตัวเองด้วยสีหน้าหมองเศร้าเล็กน้อย เธอน่าจะเป็นคนบอกกับลูกของเธอเองแท้ๆ
"พวกฉันก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน แล้วนี่หนูขิมอยู่ไหน ฉันอยากไปขอโทษหนูขิมด้วยตัวเอง"
"อยู่บนห้อง ไม่ยอมลงมาตั้งแต่เกิดเรื่องแล้ว ข้าวน้ำก็ไม่กิน ฉันเป็นห่วงลูกมากเลยอุษา" คุณหญิงทัดดาวพูดเสียงสั่นเชิงจะร้องไห้อีกครั้ง ความรู้สึกผิดมันไหลเข้ามาในหัวใจอย่างเต็มๆ
"เอาน่าดาว ฉันว่ายังไงหนูขิมก็ต้องเข้าใจเรานะ"
ยังไม่ทันขาดคำของคุณหญิงอุษา เพลงขิมก็เดินลงมาจากบันไดด้วยสภาพที่ดูอ่อนแรง ในมือของเธอข้างหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางออกมาด้วย และทันทีที่คุณหญิงทัดดาวกับคุณหญิงอุษาเห็น ก็ถึงกับตกใจ รีบลุกจากโซฟาแล้วเดินเข้าไปหาทันที
"ขิม หนูจะไปไหนลูก?" เป็นคุณหญิงทัดดาวที่เอ่ยถามลูกสาวตัวเองด้วยสีหน้าจริงจัง
"นั่นสิหนูขิม หนูจะไปไหน" คุณหญิงอุษาพูดเสริมขึ้นอีกคน
"ขิมจะย้ายออกไปจากที่นี่ค่ะ" หญิงสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา ทั้งสีหน้าและแววตาของเธอนั้น เต็มไปด้วยความนิ่งเงียบ ไร้ความรู้สึกใดๆ จนหญิงสูงวัยทั้งสองคนรู้สึกหวั่นๆนิดหน่อย
"หนูจะย้ายไปอยู่ที่ไหน แล้วทำไมต้องไปด้วย" คุณหญิงทัดดาวถามขึ้นทั้งน้ำตา
"แล้วคุณแม่จะให้หนูอยู่ที่นี่ทำไมคะ อยู่ไปหนูก็ไม่มีตัวตนสำหรับคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้ว จริงๆหนูก็เคยคิดนะคะว่าสักวันหนูคงจะได้เป็นลูกรักของคุณพ่อคุณแม่บ้าง แต่พอได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน มันทำให้ความคิดหนูเปลี่ยนไปเลย หนูอยากรู้มากๆเลยค่ะ ว่าหนูเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่จริงๆหรือเปล่าคะ มันมีพ่อแม่คนไหนบ้างก็โกหกลูกในเรื่องแบบนั้นอะ คุณพ่อคุณแม่เห็นหนูเป็นลูกจริงๆไหมคะ ฮือ..." เพลงขิมพูดอัดหน้าคนเป็นแม่ไปยกใหญ่ เธอทั้งพูดทั้งร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด ความจริงสิ่งที่อยากระบาย มันมีเยอะมากกว่านี้อีก แต่วันนี้ทั้งวันคงระบายออกมาไม่หมดแน่ๆ
"แม่ขอโทษแทนตาภูนะหนูขิม แม่ขอโทษจริงๆ" อุษาพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิด
เพลงขิมส่ายหน้าไปมาเบาๆ ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรอีกแล้ว เรื่องที่มันเกิดขึ้น เธอจะถือไว้เป็นบทเรียน และแน่นอน..เธอจะไม่มอบหัวใจดวงนี้ให้ใคร นอกจากเจ้าตัวเล็กในท้องของเธอเท่านั้นที่จะได้รับ "คุณแม่กับทุกคนๆ ไม่ต้องขอโทษหนูหรอกค่ะ เพราะขอโทษไป หนูก็ไม่ได้หายเจ็บ เอาเป็นว่าหนูจะย้ายเข้าไปอยู่ในเซฟโซนของหนูเอง หนูขอตัวก่อนนะคะ"
ว่าจบเพลงขิมก็ลากกระเป๋าใบใหญ่ไปที่รถเก๋งคันหรูของตนโดยไม่สนใจเสียงร่ำไห้ของบุพการีเลยแม้แต่น้อย "อย่าหันกลับไปนะขิม เธออย่าหันกลับไป"
หลังจากที่หญิงสาวจัดการเก็บกระเป๋าใส่รถเสร็จเรียบร้อย ตัวของเธอเองก็ได้เข้ามาอยู่ในรถแล้ว หญิงสาวยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกให้หมด การตัดสินใจครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของเธอแล้ว เพลงขิมลอบถอนหายใจเข้าออกหลายรอบ จนในที่สุด เธอก็สตาร์ทรถแล้วก็ขับออกไป โดยไม่เหลือบมองกระจกมองหลังแม้แต่นิด
หลังจากที่เพลงขิมออกไปจากบ้านได้ไม่กี่ชั่วโมง ขวัญดาวกับคุณกิชกรณ์ก็กลับมาถึงบ้าน ขวัญดาวเห็นแม่ของเธอนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟาก็รีบวิ่งเข้าไปถามถึงเหตุผลทัน
"คุณแม่เป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม" ขวัญดาวเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้มาก่อนเลย
"ขวัญ...น้องไปแล้วลูก ฮือ! น้องไปแล้ว"
"น้องอะไรคะแม่ น้องไปไหน?" ขวัญดาวยังคงถามต่อเพราะเธอฟังไม่ได้ศัพท์เนื่องจากแม่เอาแต่ร้องไห้จนพูดไม่ชัด
"ยัยขิมไปแล้ว น้องออกจากบ้านเราไปแล้ว"
"ห้ะ?" เมื่อได้ยินดังนั้น ขวัญดาวก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ เพลงขิมน้องของเธอออกจากบ้านนี้ไปแล้วอย่างนั้นเหรอ ขวัญดาวไม่รอช้า เธอรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องนอนของเพลงขิมทันที
ห้องนอนโทนสีเทาดำสไตล์โมเดิร์นของเพลงขิมตอนนี้เต็มไปด้วยความว่างเปล่า ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะต่างๆก็ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าสีขาวล้วน ขวัญดาวเดินเข้าไปดึงผ้าที่คลุมตู้เสื้อผ้าออก เธอเปิดตู้แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า ภายในตู้ไม่มีเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกๆอย่างที่เคยมีมันโล่งไปหมด เมื่อขวัญดาวได้เห็นดังนั้น เธอจึงถอนหายใจออกมาอย่างเครียดๆ เป็นเพราะเธอเองที่ทำให้น้องต้องหนีออกไปจากบ้านแบบนี้ ถ้าเธอไม่เห็นแก่ตัวยอมปิดบังเรื่องทั้งหมดเพื่อช่วยเพื่อน น้องสาวของเธอก็คงไม่หนีไป
กริ๊ง!!!
ในระหว่างที่ขวัญดาวกำลังนั่งสำนึกผิดกับความคิดของตัวเองอยู่ ก็มีสายโทรเข้ามา ขวัญดาวจึงหยิบมือถือขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นไอ้ภูผา เพื่อนตัวดีของเธอนั่นเอง
"ว่าไงมึง" ขวัญดาวรับสายพร้อมทักทายภูผาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อบสบอารมณ์เท่าไหร่
"กูจะโทรมาถามเรื่องเพลงขิมอะ ตอนนี้เพลงขิมเป็นไงบ้าง กูโทรหาเขาไม่ติดเลย"
"เพลงขิมหนีไปแล้ว ออกไปตอนที่กูพาพ่อไปโรงพยาบาล"
คำตอบของขวัญดาวทำให้ภูผาถึงกับแสดงสีหน้าจริงจังออกมา เพลงขิมหนีไปอย่างนั้นเหรอ?
"หนีไปเหรอ แล้วเขาหนีทำไมอะ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด"
"ก็ถ้ากูเป็นยัยขิม กูก็คงหนีไปเหมือนกัน เอาเป็นว่ากูยังไม่อยากพูดเรื่องนี้ตอนนี้อะมึง เอาไว้วันไหนกูโอเค เดี๋ยวกูติดต่อไปนะ" พูดจบขวัญดาวก็กดตัดสายทิ้งไปในทันที เธอไม่อยากเสวนากับภูผานานๆเพราะเกรงกว่าจะอดด่าไม่ไหว
คอนโดภูผา
"ขวัญว่าไงบ้างคะภู" เหมือนแพรเอ่ยถามภูผาด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
"เพลงขิมหนีออกจากบ้านน่ะ"
เมื่อได้ยินคำตอบ เหมือนแพรก็ยกมือขึ้นมาป้องปากตัวเองด้วยความตกใจเล็กน้อย สีหน้าของความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาทันที "หนีออกจากบ้านอย่างนั้นเหรอ เราจะทำยังไงดีล่ะภู เพราะเราแท้ๆน้องถึงได้หนีไปอะ"
ภูผาส่ายหน้าไปมาเบาๆ ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกเลย เขารู้แต่ว่าเขาเป็นห่วงเพลงขิม ไม่รู้ว่าป่านนี้หญิงสาวไปไหนต่อไหนแล้ว สิ่งเดียวที่เขาเป็นห่วงก็คือกลัวว่าเพลงขิมจะฆ่าตัวตายนี่แหล่ะ
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแพร ผมมืดแปดด้านไปหมด" ภูผากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ถ้าเราบอกความจริงกับน้องไปตั้งแต่แรก เรื่องแบบนี้มันก็คงไม่เกิดขึ้นเนอะ" เหมือนแพรบ่นพึมพำออกมาเบาๆ แต่คนที่นั่งอยู่ใกล้ๆอย่างภูผาก็ได้ยิน เขานึกห่วงแฟนสาว กลัวว่าเธอจะเครียด เลยตั้งใจจะชวนไปกินข้าวดูหนังที่ห้างซะหน่อย
"ภูว่าแพรเลิกเครียดเรื่องน้องก่อนนะ เราไปห้างไปดูหนังกินข้าวกันเถอะ" ภูผาเอ่ยชวนแฟนสาวที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่
"ก็ดีนะ แพรก็ไม่อยากเครียดเรื่องนี้แล้ว งั้นเดี๋ยวแพรไปเอากระเป๋าแปปนะ" ว่าจบเหมือนแพรก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะออกมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบละหลายแสนออกมาหิ้วไว้
หลังจากที่ทั้งสองออกจากคอนโดไปได้ไม่นาน รถของเพลงขิมก็มาจอดอยู่ตรงข้างหน้า เธอตั้งใจจะเข้ามาเอาเสื้อผ้าและพวกข้าวของเครื่องใช้ต่างๆที่คอนโดนี้ หญิงสาวไม่รอช้า เธอรีบเดินขึ้นไปในคอนโด แต่ก็ต้องพบว่าห้องมันล็อก "ไม่มีคนอยู่สินะ"
เพลงขิมบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อหยิบกุญแจสำรองที่ภูผาเคยให้ไว้ขึ้นมาเปิดประตู และเมื่อเข้าไปในห้องได้ เธอก็เบิกตากว้างขึ้นในทันทีเมื่อพบว่าบรรยากาศภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยความอึดอัด เสื้อชั้นใน เศษถุงยางต่างๆ มันหล่นเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนนี้พวกเขาสองคนนั้นทำอะไรกัน เพลงขิมพยายามอดกลั้นน้ำตาตัวเองไว้ ไม่ให้มันไหลออกมา เธอก้าวเดินต่อไปข้างหน้าเพื่อไปหาเก็บของของตน จนกระทั่งเก็บเสร็จ ก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องออกไปจากห้องๆนี้แล้ว แต่ในจังหวะที่เพลงขิมกำลังจะหมุนตัวกลับ เธอก็เหลือบไปเห็นประตูห้องส่วนตัวของภูผาเปิดอยู่ เพลงขิมคิดว่าไหนๆเธอก็จะออกไปจากชีวิตของเขาแล้ว การเข้าไปดูห้องๆนั้นของเขาก็คงไม่เสียหายอะไร เมื่อคิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็วางกระเป๋าใบใหญ่ลงไปที่พื้น พร้อมๆก้าวเท้าเดินเข้าไปยังห้องๆนั้นอย่างช้าๆ
ทันทีที่ตัวของเธอได้เข้ามาในห้องนี้ น้ำตาเจ้ากรรมที่เธอพยายามกลั้นไว้มันก็ไหลออกมาอย่างอัตโนมัติ ภาพที่เธอเห็นตรงหน้ามันเหมือนมีดปลายแหลมที่พุ่งเข้ามาทิ่มแทงหัวใจเธอจนจะขาดออกจากกัน รูปคู่ของพวกเขาสองคนถูกแขวนไว้บนผนังห้อง กลิ่นน้ำหอมและดอกไม้ของคนที่เขารัก ถูกฉีดและประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม แตยิ่งไปกว่านั้น ภาพถ่ายของทั้งสองถูกติดแปะไว้บนผนังอย่างเป็นระเบียบ สิ่งเหล่านี้มันฆ่าเธอทั้งเป็นเลยก็ว่าได้ เพลงขิมได้เห็นแบบนี้ ขาน้อยๆของเธอทั้งสองข้างก็แทบจะทรุดลงไปกับพื้น พวกเขาแอบคบกันมาตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะคบกับเธอแล้ว แต่พวกเขาก็ยังแอบคบกันหลับหลังเธอ พวกเขาสองคนทำแบบนี้ได้ยังไงกัน น้ำตาของคนโดนหักหลังไหลออกมาเหมือนสายน้ำ เธอเจ็บปวดมาก มากเสียจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมเขาถึงไม่อนุญาตให้เธอเข้ามาในห้องๆนี้
"ทำไมเขาถึงทำกับฉันได้ขนาดนี้นะ" เพลงขิมตั้งคำถามกับตัวเองทั้งน้ำตา พลันดวงตาคู่กลมก็เหลือบไปเห็นแผ่นซีดีแผ่นหนึ่งถูกวางไว้บนเครื่องเล่นดีวิดี ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เพลงขิมคิดว่าถ้าเธอไม่เปิดให้รู้ความจริงทั้งหมด เธอคงต้องค้างคาใจเป็นอย่างมากแน่ๆ หญิงสาวค่อยๆลุกจากพื้นแล้วคลานเข่าไปใกล้ๆเครื่องเล่นดีวิดี ก่อนจะยัดแผ่นซีดีเแผ่นนั้นเข้าไปพร้อมกับนั่งรอดูอย่างตั้งใจ
"ที่รัก ถ้าที่รักมีลูกที่รักอยากมีผู้หญิงหรือผู้ชายคะ?"
"เค้าอยากมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเลย ตัวเองเอาทั้งสองให้เขาไม่ได้เหรอ?"
"ถ้าอยากได้ทั้งหญิงและชายต้องตั้งใจทำนะคะที่รัก แต่ว่าต้องทำกับเค้าคนเดียวน้า"
"แน่นอนอยู่แล้ว เขาจะไปทำกับคนอื่นได้ยังไงกัน"
"จริงหรือเปล่าาาาา?"
"จริงสิครับที่รัก"
"งั้นหอมแก้มหน่อย"
"ทำอย่างอื่นได้ไหม?"
"งื้ม~ ทำอะไรดีน้า"
"ทำลูกไง เขาอยากมีลูกกับที่รักคนเดียวเท่านั้นนะ"
"เขาอยากมีลูกกับที่รักคนเดียวเท่านั้นนะ" เพลงขิมพูดทวนในสิ่งที่เธอได้ยินจากคลิปเมื่อครู่ น้ำตาความเสียใจมันไหลพรั่งพรูออกมาอีกแล้ว แต่รอบนี้หัวใจเธอแทบขาดเพราะคำพูดที่ได้ยินมันแทงเข้าไปในใจจนพูดอะไรไม่ออก สิ่งที่เขาเคยบอกกับเธอว่าอยากมีลูกด้วย เขานั้นโกหก...คนที่เขาอยากมีลูกด้วยไม่ใช่เธอ แต่เป็นคนที่เขารัก ฮือๆๆ ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายกับเธอขนาดนี้ เขาคบกับเธอเพียงแค่ต้องการใช้เธอเป็นที่ระบายอารมณ์เท่านั้นน่ะเหรอ ความคิดต่างๆนาๆมันไหลรวมเข้ามาในจิตใจ เพลงขิมนั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นจนไม่มีแรงลุกขึ้นไปไหน ทั้งเธอและลูกในท้องต่างก็ไม่ใช่คนที่ใครๆต้องการ แล้วแบบนี้เธอจะอยู่ไปทำไมกัน...