บทที่ 4
ช่วงบ่ายของวันต่อมา..
กริ๊งๆๆ
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของเพลงขิมดังสนั่นหวั่นไหวทำเอาหญิงสาวที่กำลังนอนคลุมโปงอยู่ถึงกับสะดุ้งขึ้นมาอย่างหงุดหงิด เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ เวลาเธอนอนแล้วทำไมจะต้องมีคนโทรมาด้วย เพลงขิมทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย แต่มืออีกข้างก็ดันไปคว้ามือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงขึ้นมาดู
"อุ๊ย! ตายละ" หญิงสาวอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่อพบว่าคนที่โทรมานั้นคือคุณก้องภพ แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจไปมากกว่านั้นคือเวลาที่มันกำลังจะเกินบ่ายสามโมงแล้ว นี่เธอหลับลึกถึงขนาดไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เลยหรอเนี่ย
ติ๊ด!!
"สวัสดีค่ะคุณก้องภพ" เพลงขิมเอ่ยทักทายปลายสายน้ำเสียงที่เป็นมิตรสุด ๆ เธอนึกหวั่นในใจ กลัวว่าก้องภพจะต่อว่าที่ไปสาย
"คุณขิม สวัสดีครับ"
"แฮ่! ขิมขอโทษนะคะที่ไม่ได้รับสายคุณ พอดีเมื่อคืนขิมนอนดึกมาก ๆ ก็เลยตื่นสายน่ะค่ะ" เพลงขิมรีบอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจ เป็นเพราะเธอนั่งหางานใหม่ในเน็ตจนดึกดื่น มันก็เลยทำให้เธอตื่นสาย ...ไม่ใช่สายสิ แต่ตื่นบ่ายเลยแหล่ะ
"ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็จะโทรมาบอกคุณขิมว่าขอเลื่อนนัดเป็นช่วงสี่โมงเย็นได้ไหม พอดีว่างานผมเข้าด่วนน่ะครับ อาจจะไปเลทนิดหนึ่ง"
"อุ้ย! จริงเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นสี่โมงเย็นก็ได้ค่ะ ขิมจะอาบน้ำแต่งตัวได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องรีบ" หญิงสาวบอกกับปลายสายด้วยรอยยิ้มหวานผสมกับความเขินอายหน่อยๆที่ต้องบอกเขาว่าเธอไม่อยากรีบ
"ฮ่า ๆ โอเคครับ งั้นเดี๋ยวเราเจอกันที่เดิม เวลาสี่โมงเย็นนะครับ"
"โอเคค่ะ"
หลังวางสายจากก้องภพ เพลงขิมก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มอีกครั้งเพื่อปรับตัวบิดขี้เกียจไปมาด้วยอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย คงเป็นเพราะเมื่อวานเธอเดินทำเรื่องนั่นนี่นาน จนทำให้ร่างกายมันตอบสนองหนักขนาดนี้
และเมื่อหญิงสาวทำท่าบิดขี้เกียจตัวเองเสร็จ เธอก็ลุกขึ้นจากที่นอนนุ่ม ก่อนจะเดินถือผ้าขนหนูผืนใหม่ที่พึ่งซื้อมาเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
"วันนี้แม่จะไปดูบ้านใหม่ของเราสองคน หนูต้องช่วยทำให้ทุกอย่างมันผ่านราบรื่นไปได้ด้วยดีนะคะเด็กดี" เพลงขิมพูดกับลูกน้อยในท้อง มือบางพลางรูปหน้าท้องตามไปด้วยอย่างทะนุถนอม นี่ขนาดเจ้าตัวเล็กยังไม่ได้ออกมาลืมตาดูโลก เธอยังเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ แล้วถ้าออกมาแล้ว เธอจะห่วง หวง ขนาดไหนเนี่ย การเป็นแม่คนนี่ก็ไม่ง่ายเนอะ มีหลากหลายความรู้สึกดี เพลงขิมคิดในใจอย่างตลก
ทันทีที่หญิงสาวอาบน้ำชำระล้างร่างกายเสร็จ เธอก็เดินออกมาแต่งตัวอยู่ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง วันนี้ชุดที่เธอเลือกใส่เป็นชุดสีคลุมโทนสไตล์เกาหลี เสื้อเชิ้ตบวกกับกางเกงยีนส์ที่ไม่รัดมากจนเกินไป เธอคิดว่าชุดพวกนี้เธอคงได้ใส่วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วแหละ เพราะต่อไปในอนาคตท้องคงจะโต คงต้องเปลี่ยนไปใส่ชุดคลุมท้องแทน
ร้านกาแฟxxx
"สวัสดีค่ะ ใช่คุณก้องภพหรือเปล่าคะ" เสียงใสของเพลงขิมเอ่ยทักทายชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังนั่งเล่นไอแพดเครื่องหรูอยู่ เธอมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้คือก้องภพแน่นอน เพราะก่อนที่จะเข้ามา เขาได้โทรบอกเธอว่ารออยู่ที่ร้านแล้ว และตอนนี้ในร้านก็มีแค่เขาคนนี้เป็นผู้ชายคนเดียวด้วย
"อ้าว คุณเพลงขิมเหรอครับ" ก้องภพกดปิดไอแพดก่อนจะหันไปทักถามเพลงขิมด้วยรอยยิ้มหวาน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แล้วเดินไปเลื่อนเก้าอี้ให้อีกฝ่ายเพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ ซึ่งนั่นก็ทำให้เพลงขิมเผยยิ้มออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว "เชิญนั่งก่อนครับ"
"ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณก่อนจะค่อยๆนั่งลงบนเก้าอี้นั้น พร้อมกับวางกระเป๋าสะพายใบจิ๋วไว้บนโต๊ะอย่างสุภาพ "ขอโทษนะคะที่มาช้า พอดีขิมหลงทางนิดหน่อยน่ะค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาเหมือนกัน คุณขิมจะสั่งอะไรดื่มก่อนไหมครับ เดี๋ยวผมสั่งให้"
"ขิมขอเป็นน้ำส้มคั้นกับน้ำเปล่าแล้วกันค่ะ" เธอบอกกับก้องภพ พลางยกมือขึ้นมาลูบท้องตัวเองเบา ๆ
"โอเคครับ"ก้องภพตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นไปสั่งเครื่องดื่มให้คนที่พึ่งมาถึงแล้วก็สั่งของตัวเองด้วย
ไม่กี่นาทีต่อมา ก้องภพก็เดินถือถาดเครื่องดื่มมาวางไว้บนโต๊ะให้เพลงขิม หญิงสาวกล่าวขอบคุณเขาเบา ๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ด้วย
"น้ำส้มคั้นร้านนี้สดมากเลยนะครับ" เขาบอกอีกฝ่ายอย่างรู้ดี
"คุณก้องมานั่งดื่มบ่อยเหรอคะ ทำไมถึงรู้" เพลงขิมถามเขาด้วยสีหน้าสงสัย
"วันไหนว่าง ๆ ไม่มีเข้าเวร ผมก็มานั่งดื่ม นั่งทำงานที่นี่นะครับ"
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นมาดื่มเพื่อชิมรสชาติที่อีกฝ่ายอวยนักอวยหนา "หื้ม!! สดจริง ๆ ด้วย"
"อะไรอร่อย อะไรดี ผมก็บอกครับ" ก้องภพพูดขึ้นพลางหัวเราะไปด้วย จนเพลงขิมที่นั่งดื่มน้ำส้มอยู่ก็หลุดขำไปด้วย
"คุณก้องอย่าชวนขิมหัวเราะสิ"
"ฮ่า ๆ ขอโทษครับ เรามาคุยเรื่องบ้านกันเลยดีไหมครับ"
"ก็ดีนะคะ คุณก้องภพบอกรายละเอียดมาได้เลย"
"ก่อนจะพูดถึงรายละเอียดของบ้าน ผมขอถามคุณขิมหน่อยได้ไหม ทำไมถึงอยากซื้อบ้านหลังนี้เหรอครับ"
"พอดีขิมมีปัญหากับที่บ้านนิดหน่อยค่ะ เลยรู้สึกว่าถ้าอยู่ที่บ้านของคุณพ่อคุณแม่ต่อไปก็คงอึดอัดใจ เวลาจะทำนู้นทำนี่มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เลยคิดว่าซื้อบ้านเป็นของตัวเองเลย น่าจะดีกว่า" เพลงขิมตอบอย่างตรงไปตรงมา มันก็จริงอย่างที่เธอว่านั่นแหละ บ้านหลังนั้นมันไม่ใช่บ้านของเธอนี่น่า เวลาจะทำอะไรก็แสนจะลำบาก ขนาดเธอพาเพื่อนไปที่บ้าน ยังโดนคุณพ่อบ่นไปสามวันเจ็ดวันเลย การซื้อบ้านอยู่เองนี่แหละคือทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
"แล้วคุณขิมจะอยู่คนเดียวเนี่ยนะ"
"อื้อ! ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ"
"อยู่คนเดียวมันอันตรายนะครับ คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวด้วย" ก้องภพพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่าเอ็นดู เกิดมีคนไม่หวังดีขึ้นบ้านหรือเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นจะทำยังไง ยิ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้สู้แรงใครไม่ไหวแน่
"ใครบอกว่าขิมอยู่คนเดียวคะ ขิมอยู่กับนี่" หญิงสาวพูดขึ้น พลางชี้มือมาที่ท้องตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะชักมือกลับพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่าย "ขิมอยู่กับลูกน่ะค่ะ เรามีกันแค่สองคน"
ทันทีที่เพลงขิมพูดจบ สีหน้าของก้องภพก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกงงและเคลือบแคลงใจกับสิ่งที่หญิงสาวบอกมาก เธอกำลังตั้งท้องอยู่งั้นเหรอ เขาตั้งคำถามภายในใจเล็กน้อย "คุณขิมกำลังท้องอยู่เหรอครับ"
เพลงขิมพยักหน้าแทนคำตอบทันที "นี่แหล่ะค่ะ..เหตุผลที่ขิมจะซื้อบ้าน"
"แล้วสามีของคุณ... เอ่อ! ผมขอโทษที่เสียมารยาทครับ" ก้องภพเอ่ยขอโทษเบา ๆ อย่างรู้สึกผิดที่ถามเธอเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเธอคงจะเลิกกับพ่อของลูกแล้ว
"ขิมมีแค่ลูกค่ะ ส่วนคนอื่นขิมไม่สนใจหรอก"
ชายหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะส่งยิ้มหวานๆให้อีกฝ่ายอย่างจริงใจ
"ขิมขอถามอะไรสักอย่างได้ไหมคะ"
"ได้สิครับ ถามมาได้เลย"
"ทำไมคุณก้องถึงขายบ้านหลังนั้นเหรอคะ"
คำถามของเพลงขิมทำเอาก้องภพถึงกับหลุดยิ้มออกมา เธอคงคิดว่าบ้านหลังที่เขาขายเป็นของเขาเองสินะ ยัยเปี๊ยกเอ้ย "เอ่อ! จริงๆแล้วบ้านหลังนั้นเป็นบ้านของญาติผมเองครับ ตอนนี้ญาติผมเขาย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศถาวรแล้ว เขาเลยฝากผมขาย"
"อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง" หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด
"คุณขิมสบายใจได้เลยนะครับ บ้านหลังนั้นไม่มีประวัติหรือคดีอื่น ๆ แน่นอน"
"ก็ดีค่ะ ขิมจะได้สบายใจ แล้วพวกข้าวของเครื่องใช้ขิมสามารถซื้อแล้วก็ย้ายเข้าไปวันนี้หลังจากซื้อขายได้เลยไหมคะ"
"อุ้ย! คุณขิมไม่ต้องซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนะครับ บ้านหลังนั้นมีครบหมดแล้ว แถมยังเป็นเฟอร์นิเจอร์หรูซะด้วย ผมนี่ยังอยากอยู่เองเลยเนี่ย" ก้องภพพูดเชิงติดตลกออกมา
"แล้วทำไมคุณก้องถึงไม่อยู่อะคะ" เพลงขิมย้อนกลับไปในทันที
"ผมก็มีบ้านของผมไหมคร้าบบบบบบ"
"ฮ่า ๆ ขิมหยอกเล่นน่ะค่ะ ไหน ๆ ขิมก็มาแล้ว รบกวนคุณก้องภพพาขิมไปดูตัวบ้านของจริงหน่อยได้ไหมคะ ถ้าถูกใจ ขิมจะเขียนเช็คให้เลย"
ชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจ ดูจากการแต่งตัวแล้ว เธอคนนี้น่าจะมีฐานะเยอะใช่ย่อยนะ มีที่ไหนดูบ้านแล้วพร้อมเขียนเช็คเลย ตั้งแต่เขารู้จักคนนับร้อยนับพันมา เพลงขิมเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกว่าอยากรู้จักกับเธอมากขึ้นไปอีก เธอดูมีเสน่ห์แล้วก็ดูเข้าถึงยากดี
"ว่าไงคะคุณก้องภพ"
"คะคะครับบ..." เสียงของเพลงขิมทำให้ก้องภพที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองถึงกับสะดุ้งเฮือก เขาจ้องมองไปยังใบหน้าหวานของอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้าให้เธออย่างรู้งาน "ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นไปมากกว่านี้"
ทั้งสองเดินออกมาจากร้านกาแฟ พร้อมๆกับมีการพูดคุยกันระหว่างเดินไปที่บ้านหลังดังกล่าว ในขณะที่เพลงขิมกำลังพูดอยู่ ก้องภพก็คอยมองเธอเป็นระยะ ๆ เขารู้สึกหลงไหลไปกับความมีเสน่ห์ของอีกฝ่ายเหลือเกิน นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้
"ถึงแล้วครับ" ก้องภพหันไปบอกเพลงขิมด้วยรอยยิ้มทันทีที่เดินมาถึงหน้าบ้าน
"ว้าววววว!!" หญิงสาวอุทานออกมาอย่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นบ้านหลังที่เธอจะซื้อนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ดูจากรอยยิ้มไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอชอบมากขนาดไหน "คุณก้องภพจ้างคนมาปลูกให้เหรอคะ ดอกไม้สวยมากเลย"
ก้องภพถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินคำถามจากคนข้าง ๆ จนเพลงขิมทำหน้าสงสัยไม่รู้ว่าเขาขำอะไร "คุณขำอะไรอะ ขิมถามอะไรผิดเหรอ"
"คุณขิมไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกครับ ดอกไม้พวกนี้ผมเป็นคนปลูกเองกับมือเลยนะ ไม่ได้จ้างใครด้วย"
"หื้อ! จริงอะ" เพลงขิมถามย้ำอย่างไม่เชื่อ เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าผู้ชายอย่างเขาจะปลูกดอกไม้เป็นด้วย ดูท่าทางเป็นพ่อบ้านพ่อเรือนเหมือนกันนะเนี้ย
"เวลาผมเครียด ๆ หรือว่างตอนไหน ผมก็จะมาปลูกไว้ เวลาตื่นเช้าเดินออกมาหน้าบ้านจะได้เห็น คุณขิมรู้เปล่าว่าเวลาได้เห็นดอกไม้ตอนเช้ามันช่วยให้สดชื่นจริงๆนะ ผมชอบมากเลยแหละ"
"เดินออกมาจากบ้าน...คุณก้องภพอยู่บ้านหลังนี้เหรอคะ" เพลงขิมถามกลับด้วยความสงสัย
"ผมไม่ได้อยู่บ้านหลังนี้ครับ แต่อยู่หลังนั้น" ชายหนุ่มพูดขึ้นพลางชี้นิ้วไปยังบ้านหลังข้าง ๆ "บ้านหลังนั้นคือบ้านผมเองครับ"
"โห! อยู่ติดกันเลยนะเนี้ย"
"ผมว่าเราเข้าไปดูในบ้านกันเถอะ ขืนยื่นอยู่ตรงนี้ต่อ เราสองคนได้กลายเป็นคนย่างแน่ ๆ " พูดจบ ก้องภพก็เดินนำหน้าเพลงขิมเข้าไปในตัวบ้าน ก่อนอีกฝ่ายจะเดินตามเข้าไปติด ๆ อย่างอารมณ์ดี
ทันทีที่ได้เข้ามาดูภายในบ้านจริงๆ จากความชอบที่มีอยู่แล้วก็ยิ่งเพิ่มขึ้นอีก แม้ว่านอกตัวบ้านจะดูหลังเล็ก แต่ข้างในคือใหญ่กว่าที่คิดเชียว การตกแต่งทุกอย่างมันเป็นสไตล์ที่เธอชอบมาก ๆ เลย เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ดูใหม่เอี่ยมทั้งหมด แบบนี้เธอคงปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้แล้ว "ขิมเขียนเช็คตอนนี้เลยได้ไหมคะ"
"เฮ้ย คุณขิมใจเย็น ๆ ก่อน ฮ่า ๆ " ก้องภพร้องห้ามอย่างรวดเร็ว คนอะไรจะตัดสินใจไวปานนี้ เกิดมาเขาพึ่งเคยพบเคยเห็น "ไม่ดูรายละเอียดก่อนเหรอครับ"
"ขิมชอบบ้านหลังนี้ค่ะ ชอบมากด้วย" เธอพูดพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ตัวบ้านด้วยรอยยิ้ม
"งั้นก็ได้ครับ" ก้องภพตอบตกลงโดยไม่อาจปฏิเสธอะไรได้ เขารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้รู้จักกับผู้หญิงคนนี้ และมันอาจจะดีกว่านี้ถ้าในอนาคตเขากับเธอได้เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ถ้ามากไปกว่านั้นเขาไม่กล้าคิดหรอก คงต้องใช้เวลาเป็นตัวช่วย
บ้านพ่อแม่เพลงขิม
"เป็นไงบ้างลูก ได้ข่าวเรื่องน้องบ้างไหม" คุณหญิงทัดดาวเอ่ยถามขวัญดาวถึงเรื่องของเพลงขิมด้วยท่าทีกังวลใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะจนถึงตอนนี้แล้วเพลงขิมยังไม่ติดต่อมาเลย หัวใจคนเป็นแม่อย่างเธอแทบสลาย
"หนูโทรไปถามพนักงานที่โรงแรมxxx เขาบอกว่าขิมไปนอนที่นั่นเมื่อคืน แล้วก็เพิ่งออกไปเมื่อช่วงเย็น ๆ นี่เองค่ะแม่" ขวัญดาวพูดขึ้นอย่างร้อนรนใจเหมือนกัน
"แม่เป็นห่วงน้อง ไม่รู้ป่านนี้จะกินอยู่ยังไง"
"ถ้าแม่เป็นห่วงพี่ขิมจริง ๆ แม่คงไม่ปิดบังเรื่องของพี่ภูหรอก จริงไหม" เขตทัพ...ลูกคนเล็กของครอบครัวพูดด้วยสีหน้าราบเรียบในขณะที่กำลังเดินกินขนมอยู่ จนขวัญดาวต้องเดินไปเขกหัวทีหนึ่งเพื่อเตือนให้เงียบปากไว้
"โอ๊ย ผมเจ็บนะพี่" เขาอุทานออกมาด้วยความเจ็บพลางมองตาขวางใส่คนเป็นพี่อย่างไม่พอใจ
"เจ็บสิจะได้จำ แม่กำลังเครียดอยู่ แกพูดแบบนั้นกับแม่ได้ยังไง"
"แล้วทำไมจะพูดไม่ได้อะ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะพี่ไม่ใช่เหรอ พี่แม่งโครตเห็นแก่ตัวเลยรู้ป้ะ"
"ฉัน..."
"พี่เถียงผมไม่ได้หรอกพี่ขวัญ เรื่องที่ผมพูดมันคือเรื่องจริงทั้งนั้นแหละ" เขตทัพยังคงพูดต่อโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด "ทั้งคุณพ่อคุณแม่แล้วก็พี่ ก็เห็นแก่ตัวกันหมดแหละ"
"เอ้อ!! ฉันมันเห็นแก่ตัว แล้วแกล่ะ ในเมื่อแกเองก็รู้ตั้งแต่แรก ทำไมไม่บอกขิมเองล่ะไอ้น้องบ้า" ขวัญดาวพูดขึ้นอย่างหัวเสีย เธอไม่พอใจที่เขตทัพต่อว่าเธอแบบนี้ ใช่ว่าเธออยากทำร้ายเพลงขิมนี่
"ผมไม่บอกเพราะมันไม่ใช่เรื่องของผมไง แต่ผมว่านะ พี่ขิมรู้ความจริงเองก็ดีเหมือนกัน พี่ขิมจะได้รู้ไงว่าพี่กับคุณพ่อคุณแม่แม่งใจร้ายมากๆอะ"
เพี๊ยะ!
"โอ๊ย..!!" เขตทัพร้องดังออกมาทันทีที่ถูกฝ่ามือบาง ๆ ของพี่สาวตบลงที่แก้มของเขา ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองเบาๆพร้อมกับส่งตาขวางใส่ผู้เป็นพี่อีกครั้ง "ทนฟังความเลวของตัวเองไม่ได้เหรอ"
"ไอ้เขต!"
"พอเถอะ ทั้งสองคนเลย พอได้แล้ว" เสียงของคุณหญิงทัดดาวดังขึ้นด้วยความสั่นคลอจนลูกทั้งสองยอมหยุดปะทะกันแต่โดยดี "แม่ขอร้องล่ะอย่าทะเลาะกันเลย"
"ผมบอกคุณแม่ไว้เลยนะครับ พี่ขิมไม่มีวันกลับมาหรอก ต่อให้คุณแม่ไปคุกเข่าขอโทษพี่เขาตรงหน้า พี่ขิมเขาก็ไม่กลับมาแน่นอน เชื่อเถอะ" พูดจบ..เขตทัพก็เดินออกไปจากห้องนั่งเล่นโดยไม่สนใจเสียงร้องไห้ของมารดาเลยแม้แต่นิด
ด้านขวัญดาวที่เห็นแม่กำลังร้องไห้อยู่ก็เดินเข้าไปนั่งข้างๆก่อนจะใช้มือโอบกอดแม่เอาไว้เพื่อปลอบใจไม่ให้แม่คิดมาก เธอหวนคิดถึงคำที่น้องชายพูด มันก็จริงแหล่ะ ถ้าเธอไม่เห็นแก่ตัวและยอมบอกเพลงขิมตั้งแต่แรก เรื่องมันคงไม่บานปลายมาถึงขนาดนี้ และพ่อแม่ก็คงไม่ต้องมานั่งอมทุกข์อยู่แบบนี้ ที่สำคัญเพลงขิมก็คงไม่หนีไป ขวัญดาวนั่งคิดอย่างรู้สึกผิดในหัวใจ เธออยากกล่าวขอโทษน้องสาวซักร้อยซักพันครั้ง ถึงแม้จะรู้ว่าขอโทษไปน้องสาวของเธอก็คงไม่ได้รู้สึกดีขึ้น แต่เธอก็อยากทำ
"คุณแม่ไม่ร้องนะคะ หนูเห็นคุณแม่ร้องไห้แล้วหนูปวดหัวใจมากเลย" หญิงสาวบอกกับคนเป็นแม่พร้อมกับหยิบทิชชู่ขึ้นมาซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
"แม่เป็นแม่ที่แย่มากเลย ฮือ ๆ " คุณหญิงทัดดาวพูดความรู้สึกของเธอออกมาทั้งน้ำตา
"แม่ไม่แย่ค่ะ แม่เป็นแม่ที่ดีมากสำหรับหนู คุณแม่ต้องไม่ร้องนะคะ"
เขตทัพที่ยืนดูอยู่บนชั้นสองถึงกับมองบนใส่อย่างเอือม ๆ เมื่อได้เห็นแม่กับพี่สาวผลัดกันปลอบใจกัน นี่แหละนะเวลาทำไม่คิด พอเรื่องมันแดงขึ้นมาก็ต้องมานั่งปลอบใจกันเอง ช่างน่าเวทนาเสียจริง
ทางด้านเพลงขิมที่ตอนนี้ได้เซ็นสัญญาและเขียนเช็คซื้อบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็ขับรถออกมายังห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เพื่อซื้อของใช้ต่าง ๆ เข้าบ้าน วันนี้เธอจะย้ายเข้าไปอยู่เลย เลยต้องรีบออกมาซื้อของก่อนที่ห้างจะปิด แต่ทว่าเธอไม่ได้มาคนเดียวหรอกนะ มีคุณก้องภพออกมาด้วย เพราะเขาอยากมาช่วยเธอขนของ
"คุณขิมจะซื้อเยอะขนาดไหนเนี่ย" ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวที่เดินอยู่ข้าง ๆ ด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาเห็นเธอกดเงินออกมาจากตู้เป็นปึกใหญ่เลย
"วันนี้ซื้อของจำเป็นก่อนค่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาซื้อจริงจัง"
"ซื้อของจำเป็นนี่ จำเป็นถึงขนาดใช้เงินเป็นปึกเลยเหรอครับ" ก้องภพแซวเบา ๆ
"ฮ่า ๆ ก็เผื่อไว้น่ะค่ะ แต่จริง ๆ ขิมว่าขิมโชคดีมากเลยนะคะที่ซื้อบ้านแล้วมีทุกอย่างให้เลย ไม่งั้นขิมคงต้องซื้อของเข้าเยอะแน่ ๆ " เธอหันไปพูดกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง
"เป็นความโชคดีของผมด้วยครับ ที่ได้มีเพื่อนบ้านน่ารักๆอย่างคุณ แต่ถ้าเลื่อนสถานะจากเพื่อนบ้านเป็นอย่างอื่นได้ก็คงดี" เขาเอ่ยออกมาเบา ๆ
"คุณว่าอะไรนะคะเมื่อกี้" เพลงขิมถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อกี้เธอไม่ทันฟัง มัวแต่มองข้าวของเครื่องใช้อยู่ มีแต่ของน่าสนใจทั้งนั้นเลย
"ปะ...เปล่าครับ ไม่มีอะไร คุณขิมเดินดูของรอผมอยู่ตรงนี้นะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน" พูดจบ ก้องภพก็เดินจากไปด้วยท่าทีเขินอายอย่างหนัก ส่วนเพลงขิมก็ได้แต่ทำหน้างง ๆ ตาม แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรจึงหันกลับมาดูของใช้ต่อ
ตุ๊บ!!
"อุ้ย! ขอโทษค่ะ" หญิงสาวรีบพูดขอโทษคนที่เธอเดินชนเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับเอื้อมมือไปหยิบเอากระเป๋าเงินของตนที่หล่นอยู่บนพื้นโดยไม่ทันสังเกตว่าคนที่เธอชนนั้นเป็นใคร
"ขิม..."
เสียงเรียกของชายหนุ่มคนนั้นดังขึ้น ทำเอาเพลงขิมถึงกับหยุดชะงักไปในทันที เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเรียกนั้นเพราะกลัวว่าจะเป็นผู้ชายใจร้ายที่หลอกเธอ
"ขิมลุกขึ้นก่อน" ชายหนุ่มคนนั้นพูดพร้อมกับยื่นมือเข้าไปพยุงเพลงขิมให้ลุกขึ้น แต่ก็ดันโดนเธอปัดมือออกอย่างแรง
"อย่ามายุ่งกับฉัน" เพลงขิมตอบเสียงแข็ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินต่อไปโดยไม่มองหน้าผู้ชายคนนั้น
"คุยกันก่อนขิม" ภูผาวิ่งเข้ามาขวางหน้าเพลงขิมเอาไว้
"หลีกไป"
"คุยกันก่อนขิม"
"ทำไมฉันต้องคุยกับคุณ เท่าที่จำได้ฉันว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยแล้วนะ" เพลงขิมพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
"พี่อยากคุยเรื่องนั้น"
"ฉันเดินออกมาแล้ว อย่าลากฉันเข้าไปในเรื่องของพวกคุณได้ไหม แค่ฉันโดนหลอก ฉันก็เจ็บมากพออยู่แล้ว ยังจะต้องให้ฉันรับรู้อะไรอีกอะ"
"พี่ไม่ได้จะลากขิมเข้ามาปวดหัวกับเรื่องของพี่นะ แต่พี่.."
"จะบอกว่ากินไม่ได้นอนไม่หลับงั้นเหรอ" เพลงขิมถามอย่างรู้ทัน
"ถ้าพี่ตอบว่าใช่ ขิมจะเชื่อพี่ไหม" เขาถามเธอกลับด้วยสีหน้าหมองเศร้าเล็กน้อย ตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องเขาไม่สามารถกินอิ่มนอนหลับได้เลย ไม่ว่าจะทำอะไรเขามักจะคิดถึงเรื่องนี้อยู่เสมอ จะพูดว่าไม่มีความสุขเลยก็ได้ เขารู้สึกอยากขอโทษเพลงจากหัวใจจริง ๆ นะ
"ฉันจะแกล้งเชื่อแล้วกันนะ" เพลงขิมตอบพร้อมๆกับแสยะยิ้มใส่อีกฝ่าย "จะพูดแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะได้ไปทำธุระอย่างอื่นต่อ"
เมื่อได้ยินที่เพลงขิมพูด ชายหนุ่มก็เผยสีหน้าเศร้าออกมาในทันที เขารู้สึกว่าเพลงขิมคนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอแทบจะไม่ใช่เพลงขิมที่เขารู้จักเลยด้วยซ้ำ "ขิมเปลี่ยนไปมากเลยนะ"
"ฉันต้องปกป้องตัวเองจากคนเลว ๆ "
"พี่ยอมรับว่าพี่เลว แต่พี่ก็รู้สึกผิดที่ทำกับขิมแบบนั้น"
"ทำกับฉันขนาดนี้ ถ้าคุณไม่รู้สึกผิดคุณก็ไม่ใช่มนุษย์แล้วแหล่ะ ฉันขอตัวนะ ไม่อยากพูดไม่อยากคุยแล้ว" เพลงขิมพูดจบ เธอก็เดินเลี่ยงออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นโดยทันที แต่ก็ยังไม่วายโดนภูผาวิ่งตามมาจับแขนเอาไว้
"เราเป็นพี่น้องกันไม่ได้เหรอ ๆ"