04 กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นชิน

1135 Words
เมื่อประตูห้องปิดลง เธอเอนหลังพิงบนเตียงนอน เธอสูดลมหายใจยาวอีกครั้ง ภาพในตรอกผุดขึ้นมาในหัว ร่างสูงในชุดสูท ดวงตาสีเทาที่มองทะลุถึงข้างในใจ คำพูดสั้นๆ ที่ติดหูไม่ยอมหลุดออกไป เธอได้กลิ่นน้ำหอมของเขา และมั่นใจว่าเธอเคยได้กลิ่นจากที่ไหนสักแห่ง หญิงสาวเดินย่างกรายเข้าไปในบ้านพร้อมกับพยายามรู้สึกนึกคิด ว่าเธอเคยได้กลิ่นน้ำหอมนั้นจากที่ไหน เป็นเวลาหลายชั่วโมง ที่หญิงสาวพยายามคิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง หรือ ท่าทีของเขา เธอจำได้ดีว่าเธอเคยเจอเขา แต่นึกเท่าไหร่ ก็นึกไม่ออกสักที “บ้าชะมัด คิดให้ออกสิ ไนล่า!” ไนล่าเดินไปที่หน้าต่าง ลมกลางคืนพัดผ่านเข้ามาเบาๆ แต่สิ่งที่ทำให้เธอหยุดชะงักไม่ใช่ความเย็น… แต่คือตรงข้ามฝั่งถนน เธอสบตากับเงาดำที่ยืนพิงเสาไฟ สายตานั้นมองขึ้นมาทางเธออย่างไม่หลบเลี่ยง หัวใจเธอเต้นแรงอีกครั้ง นิ้วมือเผลอกำผ้าม่านไว้แน่น ราวกับถ้าเธอปล่อย…คนตรงนั้นจะก้าวเข้ามาในชีวิตเธอโดยสมบูรณ์ “…” เช้าวันใหม่ที่ควรจะสดใสกลับเริ่มต้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ไนล่าแทบไม่ได้หลับตลอดคืน ภาพดวงตาสีเทาคมลึกที่มองตรงมาจากอีกฝั่งถนนยังฝังแน่นอยู่ในหัว เหมือนมันไม่ได้เป็นแค่ความทรงจำ แต่เป็นสายตาที่คอยมองเธออยู่แม้ในยามหลับ เธอลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ ลมหายใจยังคงอุ่นไอความฝันรางๆ ที่เต็มไปด้วยเงาและเสียงฝีเท้า ไนล่าเดินไปที่หน้าต่างอย่างไม่รู้ตัว มือแตะลงบนผ้าม่านแล้วค่อยๆ แหวกออก ดวงตาสอดส่องไปยังถนนด้านล่าง… ว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาดำ ไม่มีรถคันหรู แต่ความรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องกลับยังอยู่ กลิ่นหอมจางๆ ของกาแฟลอยมาตามลมจากชั้นล่าง เสียงถ้วยกระทบกันดัง กริ๊ง ตามด้วยเสียงพูดคุยเบาๆ ที่เธอจำได้ว่าเป็นเสียงพ่อกับแม่เลี้ยง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งสติ ก่อนเดินลงบันได ห้องอาหารเช้าของบ้านเศรษฐวีรยะธรรมรงค์หรูหราอย่างไร้ที่ติ โต๊ะยาวปูผ้าสีขาวสะอาด จัดจานเงินและแก้วคริสตัลวางเรียงเป็นระเบียบ พ่อของเธอนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มือกุมถ้วยกาแฟ ดวงตาคมใต้กรอบแว่นมองขึ้นมาสบตาเธอเพียงครู่เดียวก่อนวางถ้วยลง “เมื่อคืนไปไหน” น้ำเสียงเรียบ แต่แฝงความห่วงใยที่ฟังออกได้ง่าย ไนล่าเม้มปาก “ขอโทษค่ะ ที่ออกไปโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน” แม่เลี้ยงของเธอยกแก้วไวน์ขึ้นแม้ยังไม่ถึงเวลาเที่ยง ริมฝีปากสีแดงสดโค้งยิ้มเย็น “ไปเที่ยว หรือไปเดินเล่นแถวที่ไม่ควรไป” คำพูดนั้นฟังเหมือนคำถาม แต่ความจริงมันคือการตัดสิน พ่อขมวดคิ้ว “พอเถอะ” เขาหันกลับมาทางไนล่า “ระวังตัวหน่อย ช่วงนี้ไม่ค่อยปลอดภัย” เธอพยักหน้าเบาๆ แล้วนั่งลง ฝืนกินอาหารเช้าแม้ความอยากจะไม่เหลือเลยก็ตาม อากาศยามสายของกรุงเทพฯ ร้อนอบอ้าว แสงแดดสะท้อนจากกระจกตึกสูงแสบตาจนเธอต้องหยีตา ไนล่าเดินออกจากรั้วบ้านไปยังรถที่พ่อจัดให้มารับส่งเป็นพิเศษตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืน คนขับรถเป็นชายวัยกลางคนชื่อ “ลุงมนัส” ซึ่งอยู่กับครอบครัวเธอมานานหลายปี ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นรถยนต์สัญจรขวักไขว่ เสียงเครื่องยนต์ เสียงแตร และเสียงมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนกันวุ่นวาย ทว่า ในความวุ่นวายนั้น ไนล่ากลับมองเห็น “ความซ้ำซาก” บางอย่าง รถสปอร์ตสีดำเงาวับ ป้ายทะเบียนต่างประเทศ จอดอยู่ตรงหัวมุมถนนเดิมอีกแล้ว… เป็นครั้งที่สามในรอบสัปดาห์ “ลุงมนัส” เธอเอ่ยขึ้นเบาๆ “ครับคุณหนู” “เห็นรถคันนั้นไหมคะ ที่จอดตรงหัวมุม” ลุงมนัสเหลือบตามองผ่านกระจกมองข้าง ก่อนถอนหายใจอย่างไม่ใส่ใจนัก “อ๋อ คันนั้นเหรอครับ เห็นอยู่บ่อย แต่ก็คงมารับใครแถวนี้” ไนล่าไม่ตอบ แต่ในใจรู้สึกแปลก… ความรู้สึกที่รถคันนั้นไม่ได้ “แค่จอด” แต่มัน “รอ” เมื่อถึงมหาวิทยาลัย เพื่อนสนิทของเธอ ยุนอา กับเมลานี วิ่งเข้ามาทักทาย เสียงหัวเราะและการพูดคุยช่วยกลบความกังวลชั่วคราว พวกเธอนั่งคุยกันใต้ต้นจามจุรีข้างตึกเรียน “ไนล่า ช่วงนี้ดูเหม่อๆ นะ มีอะไรหรือเปล่า” เมลานีถามพลางจิบน้ำเย็น “ไม่มีอะไรหรอก แค่…นอนไม่ค่อยหลับ” ยุนอาทำตาโต “หรือว่า มีคนทำให้ใจเต้นแรง?” เธอพูดพลางยักคิ้ว ไนล่าฝืนหัวเราะ “บ้า… ไม่มีหรอก” แต่หัวใจกลับเผลอเต้นแรงจริงๆ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเงาดำเคลื่อนไหวไกลๆ ตรงทางเข้า… ชายร่างสูงในชุดสูทเข้ม ยืนกอดอกพิงเสาเหมือนเฝ้ามองอยู่ตรงนั้น แค่ชั่ววินาทีก็พอให้เธอรู้สึกเหมือนรอบข้างเงียบลง และเมื่อเธอกะพริบตา เงานั้นก็หายไป วันรับปริญญาเป็นเหมือนบทปิดของชีวิตวัยเรียน เสียงแตรรถบีบเป็นจังหวะราวกับขบวนฉลอง ความวุ่นวายเต็มไปด้วยดอกไม้ ตุ๊กตา และรอยยิ้มจากครอบครัวเพื่อนฝูง ไนล่าสวมชุดครุยเรียบร้อย แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้แตะลึกถึงดวงตา เธอเหลือบเห็นเพื่อนหลายคนกำลังถ่ายรูปกับครอบครัว แต่ภาพของเธอกลับมีเพียงแม่ และพ่อที่ยืนห่างเล็กน้อย แม่เลี้ยงไม่ได้มาร่วมงานด้วยข้ออ้าง คือ ติดธุระสำคัญ หลังพิธีจบลงและเพื่อนๆ แยกย้ายกลับไป เธอเลือกเดินออกทางด้านข้างมหาวิทยาลัยเพื่อเลี่ยงฝูงชน เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นปูนดัง “ตึก… ตึก…” ท่ามกลางลมร้อนอบอ้าว รถตู้สีดำสนิทจอดรออยู่ข้างทาง ประตูเลื่อนเปิดช้าๆ เหมือนตั้งใจให้เธอเห็นภายในที่มืดสนิท “ขึ้นมา” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชัดเจน แต่ไม่ได้ดังเกินไปเพียงพอให้หัวใจเธอเต้นแรง ไนล่าชะงัก กวาดตามองรอบๆ ถนน ไม่มีใครอยู่ตรงนี้นอกจากเธอและรถคันนั้น ชายชุดสูทเข้มคนหนึ่งก้าวลงมา ก้มศีรษะเล็กน้อย “นายอยากคุยกับคุณ” หัวใจเธอเต้นโครมคราม เธอเคยได้ยินใครใช้คำว่า นาน มาบ่อยครั้ง แต่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหมายถึงใคร เพราะสายตาที่จับจ้องมาจากในความมืดหลังบานประตูนั้น ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD