01 บทที่ 1 - 2

1988 Words
“ณัฐ” ปุณณ์เรียกชื่อเพื่อนด้วยโทนเสียงต่ำเพื่อห้ามปราม หากแต่อีกฝ่ายกลับพยายามมองข้ามคำเตือนนั้น แม้จะเห็นใจหญิงสาวจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากเพียงใด แต่ไม่ว่าอย่างไร...เขาก็ต้องห่วงเพื่อนของเขามากกว่าอยู่ดี “ว่ายังไง...พอจะจำผมได้ไหมคุณดวงใจ” ดวงตาที่มองมาอย่างคาดคั้นทั้งยังชื่อ ‘ปลอมๆ’ ที่ถูกเรียกขานทำให้ร่างเล็กสะดุ้งขึ้นมาเบาๆ ก่อนเจ้าของร่างจะพยายามข่มอาการสั่นไหว หญิงสาวหลุบตามองต่ำก่อนจะดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมของมือหนาด้วยความละอาย ริมฝีปากบางเม้มแน่นเมื่อสถานการณ์ตอนนี้ผลักดันให้เธอนึกถึงความโง่เขลาและความเห็นแก่ตัวของตัวเธอเองที่ทำให้เธอต้องมาตกอยู่ในสภาพเลวร้ายแบบนี้ หยาดน้ำใสไหลรินลงมาจากดวงตาอีกครั้งเมื่อความจริงได้ถูกตอกย้ำว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของเธอเอง ทั้งหมดเป็นเพราะเธอ...เธอเป็นคนทำให้เรื่องเลวร้ายเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตของตัวเองและชายหนุ่มที่กำลังมองมาทางเธออย่างห่วงใยในยามนี้ “ฉัน...” ดวงยิหวาเอ่ยได้แค่นั้นก่อนจะหยุดเพื่อกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอก หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อข่มอารมณ์และพยายามหาทางออกให้ตนเอง ถึงพวกเขาจะปฏิบัติต่อเธอดีแค่ไหนและเธอจะรู้สึกผิดมากเท่าไหร่ แต่เธอก็จะให้พวกเขารู้ความจริงไม่ได้ เมื่อความจริงอาจจะทำให้ทุกอย่างยิ่งเลวร้ายและเธอจะกลายเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งนั่นจะทำให้คนรอบข้างของเธอผิดหวังในตัวเธอมากไปกว่าเดิม เธอจึงปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ในเมื่อตอนนี้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันก็เป็นบทลงโทษที่หนักหนามากจนเธอเกือบจะรับไม่ไหวอยู่แล้ว “เราสองคนย้ายโรงเรียนอยู่บ่อยๆ จะจำหน้าใครหมดได้ยังไงล่ะณัฐ” พระเอกหนุ่มเอ่ยแทรกพร้อมกับส่งสายตามองเพื่อนของตนด้วยแววตานิ่งลึก ก่อนจะหันมามองร่างเล็กด้วยแววตาที่อ่อนโยนอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือหนาเช็ดคราบน้ำตาให้อีกฝายอย่างแผ่วเบา “อีกอย่าง เรื่องตั้งแต่ประถม คนเราก็ต้องมีเปลี่ยนแปลงกันไปบ้างล่ะ เหมือนที่แกเคยอ้วนแล้วตอนนี้ก็ผอมจนเพื่อนๆ ยังจำไม่ได้ไง” ปุณณ์เอ่ยสำทับด้วยคำพูดติดตลกเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ ร่างเล็กที่ยังคงไม่กล้าสบตาทั้งสองตรงๆ ได้แต่พยักหน้ารับแต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเพิ่มเติม ได้แต่กลั้นเสียงสะอื้นเงียบๆ ณัฐพลมองคนทั้งสองไปมาอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อประโยคนั้นทำให้เขาแน่ใจถึงการตัดสินใจของเพื่อน ความหวังดีของเขาจำต้องถูกพับเก็บเอาไว้เพราะรู้จักเพื่อนของตนดีกว่าใคร หากลองว่าได้ตัดสินใจเรื่องอะไร ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความคิดนั้นได้ เสียงดนตรีจากโทรศัพท์ส่วนตัวของพระเอกหนุ่มดังขัดขึ้นมาจนทำให้ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่มัน คิ้วหนาของเจ้าของเครื่องเลิกขึ้นเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนนั้น “ไมร่า...” ปุณณ์พึมพำแล้วหันไปมองเพื่อนของตนที่มองกลับมาอย่างแปลกใจเช่นกัน “คุณรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” พระเอกหนุ่มเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้ร่างบางก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วก้าวนำเพื่อนของตนไปทางระเบียงห้อง เมื่อบานประตูถูกปิด ดวงยิหวาจึงถูกทิ้งไว้กับความเงียบอยู่เพียงลำพัง ร่างเล็กที่ผ่อนคลายขึ้นเริ่มมีสติทบทวนเรื่องต่างๆ ตัดสินใจลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อล้างคราบน้ำตาที่ยังคงรินไหลลงมาให้พ้นไปจากใบหน้า เธอจะต้องเข้มแข็งและทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ป้าของเธอจะต้องไม่รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น มันอาจจะใช้เวลานานกว่าที่เธอจะทำใจยอมรับมันโดยลำพัง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าให้คนที่เธอรักต้องมาร่วมเจ็บปวดไปกับเธอด้วย ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรความผิดพลาดนี้ก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ หน้าที่ของเธอคือยอมรับและก้าวผ่านมันไปให้ได้เท่านั้น ดวงยิหวาใช้เวลาในห้องน้ำอยู่พักใหญ่กว่าจะกลับเข้ามาภายในห้องนั่งเล่น หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มทั้งสองที่ยังคงอยู่ตรงระเบียงด้วยท่าทางที่ดูตึงเครียดจนทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้ ดวงตากลมโตที่ยังคงบวมช้ำเหม่อมองไปทางพระเอกหนุ่มที่เธอเคยคิดทำร้ายเขา ความอ่อนโยนจริงใจของเขาตอกย้ำให้เธอรู้สึกผิดจนแทบจะมองหน้าเขาต่อไปไม่ไหว ถ้าเขาต่อว่าเธอสักนิดมันคงจะดีกว่านี้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ความรู้สึกผิดที่ฝังตัวอยู่ในใจของเธอมันคงบางเบาลงไปบ้างไม่อัดแน่นอยู่ในอกอย่างตอนนี้ “ฉันขอโทษนะ...” ดวงยิหวาเอ่ยออกมาเมื่อตัดสินใจได้ ก่อนจะคว้ากระเป๋าส่วนตัวของตนเดินตรงไปทางประตูบานใหญ่ หญิงสาวเปิดประตูออกและเริ่มก้าวไปตามทางเดินเพื่อไปตามเส้นทางของตนเอง เส้นทางที่เธอจะต้องเอาชนะมันให้ได้แม้ว่าเธอจะต้องต่อสู้ไปบนเส้นทางนี้เพียงลำพังก็ตาม “เฮ้อ...” ดวงยิหวาถอนหายใจเมื่อสามารถพาตัวเองขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่ได้สำเร็จ หญิงสาวต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการหลบเลี่ยงนักข่าวที่ยังคงหลงเหลืออยู่บริเวณชั้นล่างของโรงแรมอีกกว่าสิบชีวิต ร่างบางเอนตัวเข้ากับพนักพิงด้วยท่าทีที่อ่อนล้าเมื่อภายในใจของเธอยังคงสับสน หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงหยาดน้ำที่เริ่มเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาอีกครั้ง พร้อมกับนึกภาวนาว่าอย่าให้เกิดอะไรที่ร้ายแรงไปมากกว่านี้เลย “ทะเลาะกับแฟนมาหรือหนู” ชายสูงวัยที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่เขาเพิ่งรับขึ้นรถ “อย่าไปคิดมากเลยนะ หนูอายุยังน้อยยังจะได้เจอเรื่องดีๆ อีกเยอะ อย่าไปใส่ใจกับเรื่องความรักให้มากเลย” ร่างบางแค่นยิ้มให้กับคำปลอบใจของอีกฝ่าย ในใจนึกไปว่าถ้าเป็นเพียงเพราะเรื่องความรักอย่างที่คุณลุงตรงหน้าพูดถึงจริง เธอก็คงไม่นึกเสียใจขนาดนี้และคงไม่มีวันนึกเสียใจให้กับมันด้วย ในเมื่อเธอไม่เคยเชื่อว่ามันมีอยู่จริงตั้งแต่ต้นแล้ว “ฟังเพลงหน่อยแล้วกันนะ เดี๋ยวลุงเปิดให้” พูดจบคนขับก็เอื้อมมือเปิดวิทยุทันทีอย่างไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย หากแต่เสียงเพลงเศร้าที่ดังขึ้นนั้นไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศภายในรถดีขึ้นดังใจที่เขาหวังเลยสักนิด แต่ถึงอย่างนั้นชายสูงวัยก็ยังคงเปิดวิทยุเอาไว้ แถมยังส่งเสียงในลำคอเบาๆ ตามดนตรีอย่างคนที่เจอเพลงถูกใจ “อ้าว” คนขับรถอุทานออกมาเมื่ออยู่ๆ เพลงก็ถูกตัดจบ ก่อนจะบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิดเมื่อพบว่าถึงเวลาข่าวต้นชั่วโมงพอดี แต่ก็ยังคงเปิดทิ้งไว้อย่างนั้น คนนั่งหลังปล่อยให้เนื้อหาต่างๆ ของสิ่งที่ได้ยินผ่านหูไปอย่างไม่ใส่ใจนัก จนกระทั่งถึงช่วงข่าวสุดท้ายที่ปลุกประสาทการรับรู้ของเธอให้กลับมาทำงานอีกครั้ง “ต่อไปเป็นข่าวบันเทิงค่ะ ตอนนี้ได้มีภาพหลุดของพระเอกหนุ่มชื่อดัง ปุณณ์ ปัญจพาณ์ ที่หลับนอนกับสาวปริศนาถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ รวมถึงในโซเชียลมีเดียจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย เบื้องต้นทางผู้จัดการส่วนตัวของพระเอกหนุ่มได้นัดแถลงข่าวเป็นช่วงบ่ายของวัน แต่ตอนนี้ได้มีคลิปของนักแสดงหนุ่มที่กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยมีใจความเพียงสั้นๆ ดังนี้ค่ะ...” “ก่อนอื่นผมต้องขอโทษทุกๆ คนสำหรับเรื่องภาพที่หลุดออกไป ขอโทษสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผมที่ทำให้หลายๆ ฝ่ายต้องผิดหวัง และยังก่อให้เกิดความเสียหายต่างๆ จากเรื่องที่เกิดขึ้น ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และผมขอรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วยการขอลาออกจากวงการบันเทิงนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปครับ” “ตอนนี้ทางเราไม่สามารถติดต่อพระเอกหนุ่ม รวมถึงผู้จัดการส่วนตัวของเขาได้แล้ว หากมีความคืบหน้าใดๆ เพิ่มเติมจะรายงานให้ทราบกันอีกครั้งค่ะ” ร่างบางนิ่งงันไปอย่างพูดไม่ออกเมื่อได้ฟังข่าวจบ ลาออกจากวงการบันเทิงอย่างนั้นเหรอ...นี่เรื่องมันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวเหรอเนี่ย แล้วไหนจะเรื่องภาพที่ว่าพวกนั้นอีกล่ะ ตกลงว่าภาพของเธอจะถูกเผยแพร่ไปด้วยอย่างนั้นหรือ “กำลังไปได้ไกลแท้ๆ ไม่น่าพลาดเลยหนูว่าไหม” คนขับรถเริ่มชวนวิพากษ์วิจารณ์ “แต่ความจริงไม่เห็นต้องลาออกเลย เป็นผู้ชายซะอย่างไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน ทำหน้าเศร้าๆ ไป อีกหน่อยคนก็ลืมไปเอง จะแย่หน่อยก็ไอ้หนูผู้หญิงนั่นแหละ แต่อย่างว่า ผู้หญิงรักสนุกคงไม่แคร์เรื่องพวกนี้หรอก” ใจดวงน้อยเจ็บจี๊ดขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ ดวงตาของเธอเริ่มแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้งเพราะคำสันนิษฐานนั้น ผู้หญิงรักสนุกอย่างนั้นเหรอ... ร่างบางเม้มปากแน่นอย่างขุ่นเคืองระคนใจเสีย ก่อนจะเอ่ยกับอีกฝ่ายเสียงสั่น “จอดข้างหน้าเลยค่ะลุง” “อ้าว ทำไมล่ะ นี่มาได้ครึ่งทางเองนะ” “หนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” คนอ่อนวัยกว่าตอบส่งๆ เพราะไม่อยากอธิบายให้มากความ พอคนขับได้ยินดังนั้นก็รีบชะลอรถและหาทางเข้าจอดได้ในที่สุด ร่างบางส่งเงินให้แล้วรีบลงจากรถไปด้วยความร้อนใจเพื่อหาคำตอบให้กับคำถามที่เครื่องมือสื่อสารราคาเพียงพันต้นๆ ของเธอไม่สามารถให้มันได้ ดวงยิหวาถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นภาพข่าวบนหน้าจอทีวีในร้านขายของชำแห่งหนึ่งนั้นเบลอหน้าของเธอเอาไว้ หญิงสาวมองภาพนักแสดงหนุ่มในข่าวด้วยความรู้สึกผิดจับใจที่ทำให้เขาต้องมาเผชิญกับเรื่องเลวร้ายนี้เพียงลำพัง “นี่เธอ” ดวงยิหวาสะดุ้งเฮือกเมื่อมีใครคนหนึ่งมาสะกิดด้านหลังก่อนจะหันไปมอง “ใช่จริงๆ ด้วย” หญิงสาวคนนั้นอุทานก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนแล้วมองแท็บเล็ตในมือสลับกับหน้าของดวงยิหวา คนถูกมองตัวชาวาบนึกคาดเดาเรื่องบางอย่างได้จึงถือวิสาสะคว้าอุปกรณ์ล้ำสมัยอันนั้นมาดูหน้าจอทันที “ไม่จริง...” ดวงยิหวาครางออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วโหยเมื่อได้เห็นภาพที่ถูกส่งต่อในโปรแกรมสื่อสารยอดนิยม ตากลมโตมีน้ำขึ้นมาเอ่อคลออีกครั้งเมื่อได้เห็นว่าสิ่งที่เธอกลัวมันได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอคาดเดาได้ว่าตอนนี้ภาพของเธอกับพระเอกหนุ่มชื่อดังแห่งยุคที่นอนเปลือยเปล่าด้วยกันบนเตียงโดยไม่ได้มีการเบลอหน้าของเธอคงถูกส่งต่อให้คนเกือบทั้งประเทศได้เห็นไปแล้ว “เธอคือคนในข่าวกับพี่ปุณณ์ใช่ไหม” หญิงสาวเจ้าของโทรศัพท์ดึงเครื่องมือสื่อสารคืนและจ้องมองมาอย่างไม่พอใจ ดวงยิหวาหน้าชาก่อนจะกลั้นใจเดินหนีไปอีกทาง “หน้าด้าน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD