04 บทที่ 4 - 2

1898 Words
เป็นเวลากว่าร่วมชั่วโมงที่คู่บ่าวสาวต้องคอยเดินทักทายผู้คนในงาน เมื่อทำความรู้จักกับครอบครัวสุดท้ายเสร็จสิ้น คำรณก็แยกตัวออกไปเพื่อเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มหญิงสาวได้มีเวลาส่วนตัว ปุณณ์สังเกตเห็นว่ามีเหงื่อซึมขึ้นมาบริเวณไรผมของภรรยาสาว ชายหนุ่มจึงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เขาพกติดตัวเอาไว้ขึ้นมาซับให้เธอด้วยท่าทางอ่อนโยน “ดื่มน้ำอะไรดีหวา เดี๋ยวผมไปเอามาให้” อดีตพระเอกหนุ่มเอ่ยถามร่างบางที่นิ่งไปด้วยความประหม่าเพราะการกระทำของเขา ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงยิหวาจะหลบวูบเมื่อรับรู้ถึงความร้อนของใบหน้าของตนเอง “ไม่เป็นไรหรอก ขอบใจปุณณ์มากนะ” ดวงยิหวาตอบหลังจากพยายามหาเสียงของตัวเองอยู่นาน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อปุณณ์ยอมละมือออกจากใบหน้าของตน “น้าปุณณ์ครับ น้าหวาครับ” เสียงวิ่งตึงตังมาพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กชายตัวป้อม ปุณณ์ก้มลงอุ้มหลานชายคนโปรดขึ้นมาไว้ในวงแขน ในขณะที่เด็กชายก็โถมหาร่างสูงอย่างยินดี “ว่ายังไง ไอ้ตัวแสบ” ปุณณ์เอ่ยถามหลังจากหอมแก้มของเปี่ยมรักไปฟอดใหญ่ ในขณะที่ร่างบางข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มอิ่มๆ ของเด็กชายอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู “รักจะมาบอกว่าน้ากรดมาถึงแล้วนะครับ กำลังนั่งรอที่โต๊ะของเราครับ” ปุณณ์มองตามคำบอกเล่า จึงได้เห็นลมกรดเพื่อนสนิทอีกคนของตนนั่งรวมอยู่กับณัฐพลและกำลังโบกมือมาให้ เขาจึงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปเอ่ยชวนหญิงสาวข้างกายให้เดินไปที่โต๊ะที่เพื่อนของตนนั่งอยู่ “น้าปุณณ์ครับ รักอยากไปห้องน้ำครับ” เสียงประท้วงของเด็กน้อยทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่กำลังจะพากันก้าวเท้าชะงักแล้วยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู “เดี๋ยวเราพาไปเองก็ได้ ปุณณ์ไปหาเพื่อนก่อนเถอะ” ดวงยิหวาเอ่ยพลางส่งสัญญาณให้เขาปล่อยเด็กน้อยมาให้ตน แต่อีกฝ่ายกลับมีท่าทีไม่เห็นด้วย “จะดีหรือหวา เดี๋ยวผมไปส่งรักเองดีกว่า” “ไม่เป็นไรหรอก ปุณณ์ไปหาเพื่อนเถอะ เดี๋ยวเราพาไปเอง” “แต่ว่า...” “รักปวดมากแล้วนะคร้าบ” เปี่ยมรักท้วงขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับทำหน้าเหยเก ปุณณ์ที่เห็นท่าทางของหลานและท่าทีดึงดันของหญิงสาวตรงหน้า จึงยอมปล่อยหลานของตนลงจากอ้อมแขนเพื่อให้หญิงสาวที่ขันอาสาจับจูงแทน “ไปกับน้านะจ๊ะรัก ปุณณ์ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวเราดูแลเปี่ยมรักให้” “ผมห่วงทั้งรักทั้งหวานั่นแหละ”ปุณณ์แก้คำจนทำให้คนฟังหน้าเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง “เราไปก่อนนะ” ดวงยิหวาเอ่ยแล้วรีบพาเด็กชายตัวน้อยเดินออกไปทันที ปุณณ์ลอบยิ้มให้กับท่าทีเขินอายของหญิงสาว ก่อนจะหมุนตัวเดินไปหาเพื่อนของตนแล้วทรุดนั่งตรงเก้าอี้ที่ถูกทิ้งว่างเอาไว้ “ไงไอ้ปุณณ์ ไหนไอ้ณัฐบอกว่าแกแค่ต้องการรับผิดชอบไงวะ แต่ที่ฉันเห็นดูจะไม่ใช่แค่นั้นนะ” ลมกรดเอ่ยเย้าขึ้นทันทีที่เพื่อนของเขานั่งประจำที่เรียบร้อย ชายหนุ่มมาถึงที่งานเลี้ยงได้สักพักแล้ว จึงแอบมองพฤติกรรมของเพื่อนอยู่ไม่ห่างแล้วจึงสังเกตได้ถึงท่าทางความห่วงใยที่มากเกินกว่าคำว่า ‘รับผิดชอบ’ ของเพื่อนรัก “แกก็น่าจะรู้นะไอ้กรด ว่าคำว่ารับผิดชอบของไอ้ปุณณ์ก็คือทั้งชีวิตของมัน” ณัฐพลขยายความแทนคนที่นั่งอมยิ้มอย่างใจเย็น ลมกรดคิดตามสักพักก่อนจะเริ่มเข้าใจความหมายของประโยคนั้น “อ๋อ...แกก็เลยต้องเร่งทำคะแนน มานั่งจีบเมียตัวเองว่างั้น” ลมกรดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเริ่มคาดเดาถึงสถานการณ์ของคู่บ่าวสาวได้ ชายหนุ่มพอรู้มาบ้างว่าฝ่ายหญิงไม่เต็มใจเท่าไหร่กับการแต่งงานครั้งนี้ ซึ่งนั่นคงจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เพื่อนของเขาต้อง ‘รุก’ ในแบบที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เห็น ปุณณ์ไม่เคยมีคนรัก...นั่นเป็นเพราะเพื่อนเขาให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์และคำว่า ‘ครอบครัว’ มากเป็นพิเศษ เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ชายหนุ่มจะไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นอย่างฉาบฉวย และแน่นอนว่าเมื่อวันนี้มันเกิดขึ้นแล้ว เพื่อนของเขาย่อมทำทุกวิถีทางให้มันยังคงอยู่และไม่มีวันจบลง “แล้วแกสองคนแน่ใจนะว่าดูไม่พลาด” ลมกรดถามย้ำอีกเรื่องที่เขานึกเป็นห่วงเพื่อน ปุณณ์กับณัฐพลสบตากันครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าออกมาพร้อมกัน “หรือแกคิดว่าไงกรด”ณัฐพลย้อนถามพลางเหล่ตามองเพื่อนด้วยท่าทีกวนๆ “ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิง” “แกนี่มันจริงๆ” ลมกรดชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษในคำเหน็บแนมของเพื่อนที่มีต่อความเจ้าชู้ที่ขึ้นชื่อของเขาก่อนจะยักไหล่ “ขอดูอีกแป๊บ แต่ฉันก็เชื่อสายตาพวกแกอยู่ เอ...ความจริงแกก็ผ่านผู้หญิงมาเยอะนี่ไอ้ณัฐ ในสังกัดแกน่ะสาวๆ สวยๆ ทั้งนั้นนี่” “ฉันไม่ใช่สมภารและฉันก็ไม่ชอบพลาสติก” ณัฐพลตอบกลับนิ่งๆ ด้วยประโยคที่ทำให้ลมกรดอุทานออกมาอย่างเจ็บปวดแทนสาวๆ ที่ถูกเอ่ยถึง “จุ๊ๆ แกก็ให้โอกาสผู้หญิงที่เขาอยากสวยหน่อยสิวะ ของธรรมชาติจืดๆ น่ะมันไม่ค่อยน่าสนใจแล้วนะโว้ยสมัยนี้” ลมกรดบรรยายพลางทำมือวาดในอากาศเป็นรูปร่างของหญิงสาวโดยเน้นที่ช่วงหน้าอกเป็นพิเศษ คนมองทั้งสองจึงพากันส่ายหน้าด้วยความระอา คนถูกมองหัวเราะเสียงดังอย่างไม่สำนึก ก่อนจะหันไปมองเพื่อนอีกคนที่เอาแต่คอยชำเลืองมองไปทางห้องน้ำอย่างไม่วางตา “ไอ้นี่ก็ห่วงเมียจัง ระวังเถอะจะพลาดตกหลุมรักที่ตัวเองขุดเองซะก่อน” “ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะพลาดหรอก” ปุณณ์ตอบกลับด้วยสายตาแพรวพราว มุมปากของเขายกยิ้มในแบบที่แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก “เพราะฉันลงไปนั่งรอในหลุมแล้วต่างหาก” “เฮ้ย...หมายความว่าแก...” “ตั้งแต่ฉันตัดสินใจแต่งงานกับหวา ฉันก็ตั้งใจแล้วว่าจะเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับหวาในทุกๆ ด้าน ฉันพร้อม...จะเปิดใจและยอมรับในทุกอย่างที่เป็นตัวตนของหวา หรือพูดง่ายๆ ว่าฉันพร้อมที่จะรักทุกอย่างที่เป็นหวา และดูแลหวาไปตลอดชีวิตของฉันอยู่แล้ว” ลมกรดอึ้งไปทันทีที่ได้ยินคำตอบของเพื่อน ในขณะที่ณัฐพลนั้นหลิ่วตาให้ชายหนุ่มในทำนองที่ว่า ‘นี่ล่ะพระเอกฉัน’ “เออๆๆ ฉันลืมไปว่าแกน่ะมันพระเอก” หนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยออกมาด้วยท่าทางยอมแพ้ ก่อนจะยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นมาดื่มแล้วสอดส่ายสายตาไปทั่วงาน และสะดุดลงที่ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่กำลังเดินมาทางพวกเขาพร้อมกับอัญชรีย์ “ไอ้ปุณณ์ นั่นอาณตนี่” รอยยิ้มของอดีตพระเอกหนุ่มเลือนไปทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น ก่อนจะหันมองไปตามสายตาของเพื่อน ดวงตาคมจึงได้สบตาเข้ากับดวงตาที่ละม้ายกับตัวเอง ดวงตาของชายวัยกลางคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเขา แววตาเฉยชาที่ลูกชายใช้มองคนเป็นพ่อทำให้คนถูกมองรู้สึกสะท้อนขึ้นมาในอก ปุณณ์ทำความเคารพชายวัยกลางคนตรงหน้าด้วยท่าทีเรียบนิ่งจนมารดาของเขาเองก็รู้สึกสะท้าน ปณตส่งยิ้มน้อยๆ ให้บุตรชายของตนด้วยความเข้าใจทั้งๆ ที่ในใจนั้นเจ็บหน่วง มือหยาบกร้านถูกยกขึ้นด้วยความลังเลช้าๆ เพื่อสัมผัสกับร่างกายของบุตรชายแล้วกล่าวคำอวยพร “ยินดีด้วยนะลูก ขอให้ชีวิตคู่ของลูกราบรื่น มีแต่ความสุขสมหวังนะ” “ขอบคุณที่มานะครับ” ปุณณ์ยกมือไหว้อีกฝ่ายอีกครั้งด้วยท่าทีห่างเหิน ชวนให้บรรยากาศโดยรอบยิ่งอึดอัด ปณตค่อยๆ ดึงมือตัวเองกลับเมื่อไม่อาจจะสู้กับกำแพงหนาในใจของบุตรชายได้ “คุณตาครับ” เสียงของเปี่ยมรักที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนต่างปรับท่าทีของตัวเองลง คุณตาทรุดตัวลงนั่งชันเข่าแล้วกางแขนออกเพื่อสวมกอดเด็กน้อยที่วิ่งเข้ามาสู่อ้อมแขนของเขาด้วยรอยยิ้ม อดีตพระเอกหนุ่มเองก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวที่เป็นคู่ชีวิต มือใหญ่กุมมือน้อยแล้วจับจูงร่างเล็กให้เดินเข้าไปหาชายวัยกลางคนที่กำลังจับจ้องท่าทีอ่อนโยนของบุตรชาย “หวาครับ นี่...พ่อของผม” “สวัสดีค่ะ” ดวงยิหวาทำความเคารพอีกฝ่ายด้วยท่าทีประหม่า ก่อนจะลอบถอนใจออกมาเมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนมองเธออย่างเป็นมิตร “สวัสดีจ้ะหนูหวา ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวของเรานะ ต้องขอโทษด้วยที่พ่อมาช้าไปหน่อย เกือบไม่ทันฤกษ์เลย” “คะ...ฤกษ์อะไรหรือคะ” “พ่อเขาจะมาร่วมพิธีตอนส่งตัวปุณณ์กับหวาเข้าหอจ้ะ” อัญชรีย์ตอบแทน “อะไรนะคะ” ร่างบางอุทานเสียงสูง ก่อนจะหันไปหาชายหนุ่มข้างกายที่ส่งยิ้มตรงมุมปากมาให้ “ปัณว่าเรารีบไปกันดีกว่าค่ะแม่ เดี๋ยวไม่ทัน” “นั่นสิ ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยนะ ฝากเปี่ยมรักกับกรดกับณัฐหน่อยนะลูก” “ครับแม่” ชายทั้งสองตอบรับในขณะที่เปี่ยมรักเดินไปยืนคั่นกลางระหว่างเพื่อนสนิทของคุณน้าทั้งสองอย่างว่าง่าย อัญชรีย์ ปณต และปัณณรีย์จึงพากันเดินนำออกไป ส่วนดวงยิหวาที่หายจากการตกใจก็รีบหันไปหาคนที่เธอต้องเข้าหอด้วยทันที “ปุณณ์...เราว่า...” “มีอะไรหรือครับหวา” เจ้าบ่าวส่งเสียงตอบรับแทรกขึ้น ไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้พูดจบ ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วก้มลงกระซิบที่ใกล้หูของหญิงสาว “หวา...อยากให้ผมอุ้มเหรอ” “มะ...ไม่ใช่นะ” ร่างบางร้องเสียงหลงพร้อมกับรีบก้าวถอยหลังเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าทำท่าจะช้อนตัวของเธอขึ้นไปในวงแขนของเขาจริงๆ ใบหน้านวลซับสี ทั้งตกใจทั้งหวั่นไหว ก่อนจะรีบเดินตามกลุ่มคนที่เดินนำไปทันที “เอ้า เมียนำไปแล้ว ตามไปสิ ใจคอจะเป็นแต่ผู้ตามอย่างเดียวเลยเหรอวะ” ลมกรดเอ่ยแซวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ในขณะที่ณัฐพลแค่เพียงหัวเราะในลำคอ เปี่ยมรักได้แต่มองหน้าชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนขนาบข้างไปมาอย่างสงสัย อดีตพระเอกหนุ่มเองก็เก้อไปก่อนที่จะรีบจ้ำตามเจ้าสาวของตนด้วยใบหน้าที่เริ่มเห่อร้อนเช่นเดียวกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD