บทที่8
นี่ปุ้มปุ้ยนะ!
วันต่อมา
ในช่วงสายของวันนี้ศรุตขับรถพาหนูใจ๋กลับมาบ้านแต่ทุกคนต่างแยกย้ายออกไปทำงานแล้วเหลือเพียงแค่เขากับเธอที่พากันเดินเข้าบ้านเงียบ ๆ แม้แต่แม่บ้านก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะคิดว่าทั้งสองคงมีธุระด่วนจึงได้พากันออกไปเมื่อคืน
"พี่จะไปอาบน้ำแล้วก็จะนอนพักอีกหน่อยเมื่อคืนพี่ไม่ได้นอนเลยศรุตกวนพี่ทั้งคืน" เธอหันมาพูดพร้อมกับทำใบหน้าบึ้งตึงก็เขาเล่นจัดหนักเธอตลอดทั้งคืนขนาดนั้นเหมือนเก็บกดและอัดอั้นมานาน
"แล้วแต่จะนอนก็นอนไปเถอะแล้วอย่าลืมกินล่ะผมมีเคสต้องไปผ่าตัดเสร็จแล้วจะรีบกลับมาอยู่บ้านก็อย่าดื้อกินข้าวด้วย"
"รู้แล้วค่ะทำไมต้องทำเสียงดุใส่พี่ด้วยฮะ"
"อยากฟังเสียงผมครางอีกไหมล่ะเข้าห้องสิ"
"บ้า!"
ปึ้ง!
หนูใจ๋รีบปิดประตูห้องทำให้คนที่ยืนอยู่ด้านนอกหัวเราะหึๆ เขารีบไปจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกไปทำงานในช่วงบ่าย วันนี้จะมีการประชุมผู้บริหารและแพทย์แต่ละแผนกทำให้เขาต้องเข้าร่วมประชุมและเปิดตัวในฐานะว่าที่ผู้บริหารคนใหม่
ศรุต Talk
วันนี้ผมต้องเข้าประชุมในฐานะว่าที่ผู้บริหารคนใหม่แต่คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้เพราะว่าผมยังไม่พร้อมที่จะขึ้นบริหารงานจึงขออยู่ช่วยงานคุณพ่อไปก่อนเพราะถึงยังไงคุณปู่ผมท่านก็ยังไม่วางมือตอนนี้ท่านยังควบตำแหน่งที่ปรึกษาของคุณพ่อผมอยู่
ระหว่างการประชุมผมสังเกตเห็นว่าน้องชายอย่างเจ้าศิลามันดูหงุดหงิดไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรจะบอกว่าอกหักผมก็คิดไปไม่ถึงขั้นนั้นที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นมันมีแฟนเลยสักคนนอกจากกินเล่นไปทั่ว
"ศิลามึงเป็นอะไร?"
"เปล่า"
"ปกติมึงไม่ใช่แบบนี้มีปัญหาอะไรก็บอกกูได้เมื่อคืนก็งานวันเกิดมึงแท้ ๆ ยังเห็นมึงดี ๆ อยู่เลยทำไมวันนี้ทำหน้าหงอยเป็นหมา"
"ไม่มีอะไรหรอกพี่ไม่ต้องมาสนใจผมหรอกทำงานของพี่ไปเถอะ"
ผมอยากจะถีบมันให้ร่วงเป็นห่าอะไรก็ไม่อยากจะพูดแต่ช่างเถอะมันจะเป็นอะไรก็เรื่องของมันวันนี้ผมตั้งใจที่จะกลับไปบ้านเพื่อพาหวานใจของผมไปนั่งรถเล่นอีกในระหว่างที่ผมนั่งฟังการประชุมของคณะแพทย์ผมก็สังเกตเห็นอายุรแพทย์คนหนึ่งกำลังจ้องหน้าน้องชายผมราวกับว่าน้องชายผมมันไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้จะถามก็ไม่กล้าเดี๋ยวมันจะด่าว่าผมเสือก
"ขอโทษนะคะที่ท่านผู้อำนวยการพูดถึงวาระการประชุมวันนี้ไม่ทราบว่าคุณหมอศิลารับรู้หรือเปล่าคะ" นอกจากจะถามเธอยังยักคิ้วใส่หมอศิลาทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมหันไปมองหน้าคุณหมอศิลาเป็นตาเดียว
"แล้วคุณมายุ่งอะไรด้วยผมจะฟังอยู่ไม่ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณนี่!"
ผมรู้สึกถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นแล้วสิอาการแบบนี้น้องชายผมมันคงผิดหวังหรือโมโหอะไรมาแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นมันไม่วีนกลางห้องประชุมแบบนี้แน่นอนปกติแล้วมันเป็นคนที่เก็บอารมณ์เก่งต่อให้หงุดหงิดแค่ไหนมันก็จะไม่เอาปัญหาชีวิตมาปะปนกับงาน
"คุณเป็นถึงลูกของผู้อำนวยการช่วยจริงจังกับอาชีพหน่อยค่ะ"
ผมนี่อยากร้องซี๊ดเลยอายุรแพทย์ปากแจ๋วคนนี้เป็นใครกันทำไมถึงได้ไม่เกรงกลัวอะไรเลยเมื่อผู้ใหญ่สั่งให้ทั้งสองคนสงบปากสงบคำเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเป็นปกติแต่ที่ผิดปกติก็คงจะเป็นน้องชายผมที่เอาแต่นั่งจ้องหน้าอายุรแพทย์คนนั้นด้วยสายตาอาฆาต
เสร็จจากการประชุมผมมัวนั่งคุยอยู่กับคุณพ่อและคุณปู่จนไม่ทันได้เห็นว่าน้องชายผมมันออกไปใส่อารมณ์โต้เถียงกับอายุรแพทย์คนนั้นอยู่ด้านนอกตอนไหน
เสียงที่ดังเข้ามาทำให้ผมกับคุณพ่อต้องรีบออกไปห้ามศึกเพราะดูท่าน้องชายผมคงจะเถียงอายุรแพทย์คนนั้นไม่ทันเธอแม่งปากแจ๋วเกินไปแล้วด่าไฟแลบเลย
"จะมาเสียงดังอะไรกันหากเกรงใจคนอื่นเขาบ้าง" ผมกระชากน้องชายถอยหลังออกมาก่อนที่มันจะปากเสียไปมากกว่านี้
"พี่ก็ดูยัยนี่สิปากแจ๋วทุกครั้งที่เจอหน้าผมเลยไม่รู้ว่าผมพลาดไปเดินเหยียบหางเอาตอนไหน"
"นี่ปุ้มปุ้ยนะไม่มีหางค่ะ!"
"ผมขอโทษแทนน้องชายผมด้วยนะครับเอาเป็นว่าแยกย้ายกันดีกว่า ไปศิลา!"
ผมพาน้องชายเข้ามาที่ห้องทำงานของผมมาถึงมันก็ถอดเสื้อกาวน์แล้วโยนทิ้งลงบนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงอย่างคนหมดอารมณ์
"มึงเป็นอะไร มีอะไรก็พูดมา"
"ก่อนหน้านี้ผมคุยกับนางแบบอยู่คนหนึ่งแม่งเอ๊ย!" ศิลาทำท่าหัวเสียก่อนจะถอนหายใจแล้วมองหน้าพี่ชายของตนเอง "เมื่อคืนผมนัดกับเธอไว้ว่าเสร็จจากงานเลี้ยงที่บ้านจะออกไปหาแต่พอผมไปแล้วกลับติดต่อไม่ได้เมื่อเช้าดันมีข่าวออกว่าเธอเปิดตัวกับนายแบบที่ทำงานด้วยกัน"
"อ้าว คนอย่างมึงแคร์ด้วยเหรอวะ?"
"เปล่าแค่เสียเซลฟ์เฉย ๆ"
"คนอย่างมึงไม่น่ามาหัวเสียเรื่องแค่นี้ คืนนี้ก็ออกไปหาเหล้าแดกไปเดี๋ยวกูกับใจ๋ใจ๋ไปด้วย"
"อืม"
กว่ามันจะยอมใจเย็นทำเอาผมเหนื่อยที่จะพูดมันควรเจอคนที่คุมพฤติกรรมของมันได้จะได้เลิกแรดสักที
-------------------------------
สวรรค์ช่างส่งหมอศิลามาเจอกับปุ้มปุ้ยนะ