“กองข่าวพิเศษหรือคะ”
อิซาเบลถามขึ้นพร้อมกับภากร สองหนุ่มสาวถูกเจ้านายเรียกเข้าพบในเช้าวันทำงานแรกของสัปดาห์
“ใช่ ตั้งขึ้นมาเฉพาะกิจเพื่อทำหัวข้อข่าวพิเศษ”
“หัวข้อเกี่ยวกับอะไรครับ”
น้ำเสียงของเจ้านายซึ่งก็คือคุณโยธินดูค่อนข้างเน้นแต่ก็ไม่ดังนัก ทำให้ภากรอดใจไม่อยู่เอ่ยถาม
สีหน้าเจ้านายซึ่งเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเศษเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก เปิดเผยข้อมูลให้ช่างภาพหนุ่มกับนักข่าวสาวได้รู้
“ข่าวที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรากับอเมริกาพยายามปกปิดเป็นความลับ แต่มีหนุ่มอเมริกันว่อนทั่วเมืองไทยนั่นแหละ”
สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากัน แล้วหันกลับไปมองผู้เป็นเจ้านายอย่างไม่คาดคิด เพราะสีหน้าโยธินดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนัก
“เรื่องนี้ผมไม่ได้ตัดสินใจเอง ทุกอย่างผ่านการประชุมมาแล้ว และเสียงส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า เราควรทำ แม้ต้องคอยดูสถานการณ์ไปด้วย แต่การมีข้อมูลเอาไว้จะดีที่สุด”
การประชุมจะมีทั้งผู้ถือหุ้นและบรรณาธิการข่าวหัวต่างๆ ของหนังสือพิมพ์ ไม่ใช่การคุยกันเพียงคนสองคน หรือใครคนใดคนหนึ่งตัดสินใจคนเดียว
แน่นอนว่าการทำงานตรงจุดนี้ทำให้ทั้งอิซาเบลและภากรรู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวภายในและภายนอกประเทศเป็นอย่างดี ในเวลานี้สำนักข่าวและประชาชนสหรัฐอเมริกากำลังกดดันรัฐบาลอย่างหนักเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกเผยแพร่จากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารในสงครามเวียดนาม
“คุณโยธินแน่ใจนะครับ”
คราวนี้เจ้านายถอนหายใจหนักกว่าเดิม
“ผมจะทำอะไรได้ ในเมื่อทุกคนลงความเห็นแล้ว เอาไว้ได้ข้อมูลมาก่อน ค่อยมาดูกัน ว่าจะเขียนออกมาแบบไหน นำเสนอยังไงก็แล้วกัน”
อิซาเบลฟังไปก็ขบริมฝีปากคิดตามไปด้วย งานนี้ยากไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญเธออดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมเจ้านายจึงเลือกเธอ ในเมื่อตนเองเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นนักข่าว ทำข่าวและเขียนข่าวด้วยตัวเองได้ไม่นาน หลังจากเข้ามาทำงานทำหน้าที่แปลข่าวอยู่ปีกว่า แถมคอลัมน์ที่รับผิดชอบยังเกี่ยวกับบุคคลที่น่าสนใจ ไม่ใช่การเมือง
“ว่าแต่ ทำไมคุณโยธินเลือกดิฉันล่ะคะ”
หญิงสาวตัดสินใจถามออกไป แม้ความจริงการได้รับเลือกให้ทำงานพิเศษถือเป็นเรื่องที่ดีก็ตาม แต่การต้องเดินทางไกลและทำงานสุ่มเสี่ยง ทำให้บรรดาคุณอากับน้องสาวค่อนข้างเป็นห่วงตน ครั้งที่ต้องเดินทางไปสัมภาษณ์นักธุรกิจข้ามชาติถึงสิงคโปร์กับตากล้องตามลำพังสองคน คุณอาของเธอไม่ค่อยพอใจนัก แม้อิซาเบลจะบอกว่าภากรเป็นช่างภาพในสำนักข่าวเดียวกันที่รู้จักสนิทสนมกันดี ไว้ใจได้ก็ตาม
“งานนี้ต้องให้อิซาเบลช่วย เพราะจะมีนักข่าวอีกคนไปกับพวกคุณด้วย เขาไม่ถนัดเขียนภาษาไทยเท่าไร”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ก็พอเข้าใจได้ แต่ปัญหาอยู่ที่ครอบครัวของเธอต่างหาก
“เราจะทำข่าวร่วมกับนักข่าวต่างชาติหรือครับ”
“เป็นคนไทย แต่ไม่ได้อยู่ที่ไทยนานแล้ว เพิ่งเข้ามาทำงาน”
ทั้งอิซาเบลกับภากรต่างก็แปลกใจที่ข่าวพิเศษและค่อนข้างเป็นความลับนี้ เจ้านายกลับมอบหมายให้คนที่เพิ่งเข้ามาทำงาน
“เป็นการตัดสินใจจากที่ประชุมน่ะ”
ราวคุณโยธินจะรู้ว่าทั้งสองคนคิดอย่างไรจึงบอก
“พวกคุณจัดการงานของตัวเองให้เรียบร้อยในเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ วันจันทร์หน้าออกเดินทาง นักข่าวคนใหม่จะเป็นคนแพลนทุกอย่าง เขาจะเป็นเหมือนหัวหน้ากองข่าวเฉพาะกิจ”
คำบอกของเจ้านายยิ่งทำให้อิซาเบลกับภากรงุนงงมากไปอีก
พนักงานใหม่ เข้ามาทำงานชิ้นแรกก็ได้เป็นหัวหน้าเลยหรือ?
‘เปลี่ยนที่ทำงานดีไหม’
คุณอาหฤษฎ์เอ่ยน้ำเสียงเรียบทว่าแววตาไม่สบอารมณ์
‘อาว่าที่นี่ใช้งานอิซซี่หนักไปนะ”
คุณอาจริญญาเปรย ทว่าก็เหมือนเห็นด้วยกับผู้เป็นพี่ชาย
‘นั่นสิ อิซซี่เป็นผู้หญิง ให้เดินทางตะลอนไปไหนมาไหนกับผู้ชายแบบนี้ ไม่ดีเลย’
เสียงที่สามคืออาสะใภ้มัลลิกา
อิซาเบลมีเพียงเสียงเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบกลางโต๊ะอาหาร หลังเอ่ยบอกเรื่องงานที่ตัวเองต้องไปทำ ความจริงหญิงสาวขยักเอาไว้ ไม่ได้บอกทั้งหมดว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับอะไร บอกเพียงว่าต้องไปช่วยทำข่าวพิเศษที่ต่างจังหวัด
แม้แต่น้องสาวฝาแฝดแอนนาเบลที่ได้รู้ว่าเธอต้องเดินทางไปทำงานจังหวัดต่างๆ ประมาณสองสัปดาห์ก็ยังออกปากอย่างเป็นห่วง
‘ที่นี่แปลกจัง ทำไมเขาถึงเลือกผู้หญิงอย่างอิซซี่ออกไปทำงานต่างจังหวัด’
‘เอาน่า เราจะระวังตัวให้มาก ครั้งก่อนไปสิงคโปร์ก็พักแยกห้องกับเพื่อนร่วมงาน เบลก็เห็น’
‘เฮ้อ แยกห้องก็ปลอดภัย แต่ก็น่าห่วงด้วย พักห้องติดๆ กันไว้ มีอะไรจะได้เรียกได้’
‘จ้า รู้แล้ว เบลไม่ต้องห่วง ยังไงเราจะโทรหาทุกวันน้า’
ไม่ง่ายนักที่คนในครอบครัวจะเห็นด้วย หากอิซาเบลก็สามารถไปทำงานข่าวพิเศษได้โดยย้ำว่าตนจะโทรหาทั้งที่วังคุณารักษ์และน้องสาวซึ่งแต่งงานไปอยู่วังอรรถพันธ์พงศ์ทุกวัน
“นักข่าวคนใหม่ยังไม่มาอีกหรือภากร”
หญิงสาวมาพร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตนโดยรถจากที่วังมาส่ง แล้วก็เห็นภากรนั่งรออยู่หน้าตึกของสำนักงานลำพัง เพราะนัดเวลาเช้าตรู่ที่คนอื่นๆ ยังไม่มาทำงาน
ชายหนุ่มใบหน้าคมสันดูดีโดดเด่นในแบบผู้ชายไทยผิวสีแทน รูปร่างค่อนข้างสูงและกำยำยักไหล่ ภากรเคยออกไปทำงานกับนักข่าวคนใหม่เมื่อวันก่อนแล้วบอกเวลานัดกับเธอเมื่อกลับเข้ามาที่สำนักงาน ทว่าอิซาเบลยังไม่เคยเจออีกฝ่ายเพราะเขาไปธุระเรื่องงานที่อื่นต่อ
ยังไม่ทันได้พูดอะไรกันต่อ รถคันโตสีดำดูคล้ายโครงเหล็กหุ้มเกราะก็เคลื่อนมาจอดพรืดด้านหน้า
ภากรลุกขึ้นสะพายเป้ของเขากับหยิบกระเป๋าอุปกรณ์กล้องรวมทั้งขาตั้ง ในขณะที่อิซาเบลมองรถแล้วมองตามเพื่อนร่วมงานหนุ่มตาค้าง หากก็หิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของตนก้าวตามไป แต่ก็ต้องหยุดชะงัก ดวงตาคู่งามกะพริบถี่ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของคนที่ลงจากรถ หันหน้ามาพลางยันศอกกับประตูและหลังคารถ
‘นายคนลามกนั่นมาทำอะไรที่นี่’
======