บทที่ 2เตี่ยแท้ๆ

2380 Words
" เสียงเอะอะอะไรกันดังไปถึงข้างนอกเชียว " เสียงของชายวัยกลางคน ที่รูปร่างยังดูดีอยู่มากทีเดียว แต่เสียดายที่เขานั้นเอาแต่กินเหล้าและเล่นการพนัน สวัสดี ผมหนิงเฉิง เป็นพ่อแท้ๆของเหมยลี่ ลูกสาวเพียงคนเดียวของผม แต่เพราะคิดว่าเหมยเป็นคนที่ทำให้แม่ตัวเองต้องตายผมทำใจไม่ได้จริงๆ ผมจึงไม่รักเธอ " ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะพี่หนิง พอดีเหมยเขาอาสาทำงานบ้านให้จ่ะ ฉันบอกแล้วว่าฉันจะทำเองก็ไม่ยอม " เสียงแม่เลี้ยงแสนสวยแต่ใจอำมหิตรีบเสนอหน้าบอกกับผู้เป็นสามีทันที " เอ่อเตี่ยครับ " ยังไม่ทันที่ห่าวหราน จะได้พูดอะไรต่อ เหมยลี่ก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อนเธอรู้ว่าน้องต้องการปกป้องเธอ แต่เธอเป็นพี่สาวต้องคอยปกป้องน้องสิ แม้รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไรก็ตาม " ใช่จ่ะเตี่ยงั้นเหมยขอตัวไปทำงานบ้านก่อนนะจ๊ะ " " เออดีๆ ให้มันได้แบบนี้สิ รู้จักแบ่งเบาดี ดี " พูดด้วยมือข้างหนึ่งถือขวดเหล้ามืออีกข้างตบลงที่บ่าเหมยเบาๆ " ม๊าก็ดีใจนะที่เหมยรักม๊าเหมือนแม่แท้ๆ ขอบใจมากนะลูกรัก " พูดจบก็ทำตากรอกไปมาแต่หนิงเฉิงไม่มีทางได้เห็นหรอกต่อหน้าสามีเธอจะทำตัวเป็นแม่เลี้ยงใจดีที่รักลูกๆ เสมอ " ไปๆ ที่รักเราไปหาอะไรทำกันดีกว่า " เสียงชายวัยกลางคนที่แทบไม่มีสติร้องบอกภรรยาสุดที่รัก " จ้าพี่ แต่น้องว่าพี่ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเดี๋ยวน้องไปรอในห้องนะ " พูดจบก็ส่งสายตายั่วพร้อมทั้งสาวเท้าเดินไปแบบนวยนาด " ได้จ้ารอเลยเมียจ๋า คิดถึงจะแย่ " พูดจบก็ทิ้งขวดเหล้าในมือแล้วเดินโอนเอนตามเมียขึ้นไป " พี่เหมยหรานไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ต้องยอมทุกครั้งไป " เสียงน้องชายถามพี่สาวด้วยความขุ่นเคืองใจ ทำไมพี่ถึงต้องยอมตลอด " เอาน่ารอให้เราโตกว่านี้อีกหน่อยแล้วจะรู้ว่าว่าโลกแห่งความเป็นจริง มันเป็นแบบไหน " เหมยไม่อยากมีเรื่องแค่นี้เธอก็เหนื่อยเหลือเกินแล้ว " เฮ่อ " เป็นเสียงถอนหายใจของหนุ่มน้อยที่เห็นภาพแบบนี้จนชินตา แต่เพราะผู้เป็นเตี่ยไม่เคยเชื่อใครนอกจากแม่เลี้ยงนั่นเอง " เรามีอะไรก็ไปทำเถอะ พี่จะไปทำงานบ้านแล้ว " " ได้ครับ " หนุ่มน้อยรีบเดินเข้าห้องของตัวเองไป เวลาผ่านไปจนเกือบพลบค่ำก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา " ฮาา ฮ๊ะ ฮา ลา..ลั้น ลา " เสียงเดินฮัมเพลงอย่างสบายใจของเด็กสาวคนนึงก้าวเท้าตรงเข้ามายันในครัวเพื่อหาของกิน " อะไรกันแม้แต่ไข่ก็ไม่มี หิวจะตายห่าอยู่แล้ว พี่เหมยขอตังหน่อยสิผิงหิวอ่ะ นะ นะ " เธอยื่นหน้าเข้ามาไกล้เหมย จนเหมยต้องถอยหนี " พี่มีอยู่เท่านี้แหละ " พูดจบเธอก็ยื่นเงินให้น้องสาวต่างแม่ทั้งที่มืออีกข้างยังถือจานที่มีฟองอยู่เลย " นี่..แค่นี้นะมันจะไปพออะไร ห๊ะ..ซ่อนไว้ตรงไหนเอาออกมาให้หมดเลยนะ " อันผิงปาเงินใส่พี่สาวด้วยความไม่พอใจและตรงเข้าไปค้นตัวเหมยทันที " อย่านะผิงพี่ไม่มีแล้วจริงๆ " และในขณะนั้นเองเหมยยกมือขึ้นเพื่อปัดมือของน้องสาวให้ออกห่างจากตัวจนลืมไปว่าตัวเธอเองถือจานอยู่ " เพล้ง " เสียงจานกระเบื้องหล่นกระทบพื้นและแตกกระจาย จนเศษบางส่วนกระเด็นมาบาดเท้าของอันผิงเข้าสาวน้อยกรีดร้องขึ้นมาทันทีด้วยความเจ็บ " กรี๊ดๆ นี่พี่เหมย พี่กล้าปาจานใส่ฉันหรอ " เสียงเอะอะดังไปทั่วทุกมุมบ้าน จนทุกคนในบ้านรีบมามุงอยู่ณ.ที่เกิดเหตุ ส่วนคนเป็นพ่อ ก็ส่างเมาในทันทีเมื่อได้ยินเสียงลูกสาวนอกไส้สุดที่รักกรีดร้อง สวัสดีฉันชื่อ อันผิง อายุ 18 ปี เป็นน้องต่างมารดาของพี่เหมยฉันเป็นคนที่เอาแต่ใจเพราะเตี่ยกับม๊าตามใจฉันตลอด และม๊าก็สอนให้ฉันเกลียดพี่เหมยมาตั้งแต่เด็ก สอนให้ฉันแย่งของที่เป็นของพี่มาเป็นของตัวเอง ฉันจึงมีนิสัยชอบเอาชนะ ชอบโกหก เวลาฉันทำสิ่งเหล่านี้ม๊าจะชื่นชม ม๊าไม่ชอบให้ฉันรักพี่เหมยเขาบอกว่าพี่จะแย่งความรักจากพ่อไป ตั้งแต่นั้นมาฉันจึงเกลียดและริษยาพี่สาวมาโดยตลอด " เกิดอะไรขึ้น ผิงบอกเตี่ยมา " ถามออกมาด้วยอาการรีบร้อน และกังวลใจ " ฮือๆๆ เตี่ยขา ผิงแค่ถามพี่เหมยว่ามีอะไรกินบ้างผิงหิว พี่เหมยก็เขวี้ยงจานมาใส่ผิงเลยค่ะ " " ฮือ ฮือ ฮือ " เสียงร้องไห้ปานจะขาดใจของลูกสาวนอกไส้แถมที่เท้ายังมีเลือดออกทำให้เตี่ยของเธอไม่ฟังสิ่งใดและลงมือทันที " เตี่ยฟังเหมยก่อนนะคือมันไม่ใช่อย่างที่.. " ยังไม่ทันที่เหมยจะได้พูดอะไรต่อเตี่ยของเธอก็หันมาแล้วง้างมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วลงน้ำหนักจนสุดแรง " เพี๊ยะ " เสียงฝ่ามือหนักๆ กระทบเข้ากับที่ใบหน้าขาวนวล อย่างเต็มแรงเป็นเหตุให้แก้มของเหมย มีรอยนิ้วสีแดงขึ้นทันที " เตี่ย " เธอมองผู้ชายที่เธอรักด้วยน้ำตาคลอกี่ครั้งกี่หนแล้วที่เขาทำกับเธอแบบนี้ ไม่เคยฟังเหตุผลจากเธอเลยสักครั้ง ไม่ว่าแม่เลี้ยงกับน้องสาวพูดอะไรเขาจะเชื่อเสมอและไม่เคยถามเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอผู้เป็นลูกแท้ๆ เลยสักครั้ง " จำไว้นะเหมย เป็นพี่น้องต้องรักกันถึงผิงจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ผิงก็เป็นลูกเตี่ยกับม๊า " พูดจบก็ประคองลูกสาวนอกไส้สุดที่รักไปหาหมอทันที ส่วนทางด้านน้องสาวตัวดีก็แลบลิ้นใส่พี่สาวตัวเองอย่างเย๊าะเย้ยและสะใจที่ทำให้พี่สาวเจ็บตัวได้ " พี่เหมยอีกแล้วเหรอเจ็บมากมั๊ย " เมื่อได้ยินเสียงเอะอะห่าวหรานก็เดินออกมาจากห้องเขาได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าหาพี่สาวพ่อก็มาซะก่อน " เจ็บสิไม่เป็นไรพี่ทนได้ " พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเพราะใจมันพังไปหมดแล้ว " ไปพี่ขึ้นไปพักเถอะเดี๋ยวผมเก็บกวาดเอง " น้องชายก็รักพี่สาวไม่ต่างจากที่พี่สาวรักตัวเองเลย " ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ทำเอง " เพราะไม่อยากให้น้องต้องลำบากจึงอยากจะทำเอง " ไปครับไม่ต้องฝืนทั้งที่มันไม่ไหว ผมล่ะเกลียดสองแม่ลูกนั่นที่สุดเลยสักวันผมจะทำให้เขาเจ็บด้วยมือของผมเอง " ห่าวหรานร้องบอกพี่สาวด้วยความ ห่วงใยและพูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจมานานออกมาด้วยความเกลียดชังเช่นกัน " ห่าวหราน " เธอร้องเรียกน้องชายด้วยความตกใจ เพราะสีหน้าและแววตาของห่าวหรานนั้นดูจริงจังที่สุด อีกอย่างห่าวหรานไม่เคยมีท่าทีแบบนี้มาก่อน มือกำแน่นและแววตาเคียดแค้นชิงชังนัก " ไปเถอะน่าพี่เหมย ผมก็แค่อยากปกป้องพี่บ้าง " พูดจบก็ยิ้มให้พี่สาวแล้วเอามือหนาโอบประคองและพาขึ้นห้องไปโดนที่เหมยไม่มีทางเห็นเลยว่าสีหน้าของน้องชายเธอนั้นตอนนี้น่ากลัวเพียงใด ...ทางด้านคนที่อยู่ข้างบน.. " อึกก... อึกก " " ทำไมกันทำไมเตี่ยไม่เคยถามเหมยบ้าง เตี่ยรู้มั๊ยทุกวันนี้เหมยเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยพูดอะไรเลย ต้องอดทนทำเพื่อน้องเพื่อครอบครัวแต่ดูสิ่งที่เหมยได้รับกลับมาสิ คือความเจ็บปวดตลอดเวลาเนี่ยนะเตี่ยเคยเห็นเหมยเป็นลูกบ้างหรือเปล่า เหมยอยากรู้จัง " " ฮืออ อึกก ฮือ " พึมพำจบก็ปล่อยโฮออกมาทันที น้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่งที่แบกรับทุกอย่างภายในบ้านหลั่งไหลออกมาอย่างเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน " ม๊าจ๋า..เหมยเหนื่อยเหลือเกิน เหมยคิดถึงม๊า อยากกอดม๊าที่สุด ทำไมชีวิตเหมยต้องเป็นแบบนี้ เหมยอยากไปอยู่กับม๊าจัง " และทุกครั้งที่เกิดเรื่องเธอก็ได้แต่นั่งร้องไห้กอดรูปของม๊า จนหลับไปในทุกค่ำคืนที่รู้สึกแย่ ท้อแท้ สิ้นหวัง และหมดแรงจนบางครั้งเธอก็คิดว่าคนคนนี้ใช่เตี่ยของเธอจริงๆ หรือเปล่า เช้าวันต่อมา.... ยังไม่ทันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น เหมยก็ต้องตื่นขึ้นมาแล้วแบกหน้าช้ำๆ เพื่อไปซื้อของสดที่ตลาดมาทำกับข้าว เป็นแบบนี้เหมือนเช่นทุกวัน ก่อนไปทำงานเหมยต้องทำกับข้าวเตรียมไว้ให้ทุกคนกินแต่เหมยก็ไม่เคยปริปากพูดอะไรสักคำ ณ..ตลาดที่ผู้คนมากมาย " อ้าวเหมยหน้าไปโดนอะไรมา " เสียงแม่ค้าคนหนึ่งร้องถามขึ้นมาเมื่อเหมยเดินผ่านหน้าร้าน " จะมีอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เตี่ยขี้เมา รักลูกลำเอียงอย่างหนิงเฉิง " เสียงแม่ค้าอีกคนที่อยู่ร้านติดกันเธอสนิทกับเหมย และรู้เรื่องราวทุกอย่างมาโดยตลอด " เอาน่าพวกแกสองคนทำเป็นไม่เห็นบ้างก็ได้ดูหน้าอาเหมยมันมั่งสิ " พูดจบก็พยักพเยิดให้ทั้งสองคนมองหน้าของเหมยที่ตอนนี้หน้าหดเหลือแค่สองนิ้วได้ล่ะมั้ง ทุกคนที่สนิทกับเหมยต่างก็รู้ดีว่าชีวิตของเหมยเป็นเช่นไร " เอาล่ะอาเหมยจะไปซื้ออะไรก็รีบไปเถอะเดี๋ยวจะกลับบ้านช้าเอา อย่าไปฟังสองคนนี้มากนักเลย " เสียงแม่ค้าคนเดิมร้องบอกให้เหมยรีบไปซื้อของจะได้รีบกลับ เพราะรู้ว่ายิ่งอยู่นานสองคนนี้ก็จะพูดไม่หยุด ส่วนสองคนที่โดนเอ่ยถึงก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพูดแต่อย่างใด " จ้าน้าลี่ งั้นเหมยไปก่อนนะ " พูดจบก็เดินหาผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่ตนต้องการจนครบแล้วก็รีบตรงดิ่งกลับเข้าบ้านทันทีเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยามเห็นจะได้ก็มีเสียงแหลมๆ แต่วันนี้เสียงหวานมาเลยเชียวล่ะ เพื่อแสดงความรักปลอมๆให้สามีเห็นว่ารักลูกสาวนอกไส้อย่างไงเล่า " เสร็จหรือยังล่ะอาเหมยเตี่ยกับม๊าหิวแล้วนะ แต่ไม่ต้องรีบหรอกม๊ารู้ว่าเหมยเจ็บอยู่ ม๊าขอโทษแทนเตี่ยด้วยนะตอนนั้นม๊าตกใจเลยไม่ทันได้เห็น เจ็บมากมั๊ยอย่าลืมไปหายาทาด้วยล่ะ " พูดจบก็เอามือไปจับตรงรอยนั้นเบาๆ แต่สีหน้านั้นดูสะใจเป็นที่สุดไม่น่าเชื่อใช่มั๊ยล่ะว่าคำพูดเหล่านี้จะออกมาจากปากแม่เลี้ยงของเธอ ก็แค่ละครรักลูกฉากหนึ่งเท่านั้นเอง " ไม่เป็นไรค่ะเหมยดีขึ้นเยอะแล้ว อีกอย่างกับข้าวก็เสร็จแล้วค่ะม๊า " ตอบออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแม้จะรู้ว่าที่แม่เลี้ยงของตนถามออกมานั้นเสแสร้งเพียงใด " มาพี่เหมยมาหรานช่วย ดูหน้าพี่สิโอเคหรือเปล่าเนี่ย " ถามทั้งที่รู้ว่าพี่สาวจะตอบแบบไหนแต่ก็อยากถามเพราะคนอย่างพี่เหมยไม่เคยร้องให้ให้เขาเห็นเลยสักครั้ง แต่ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพี่สาวของตนเป็นคนเช่นไร " อืม...ไม่ต้องห่วงแค่นี้สบายมาก " " ว่าแล้ว พี่ต้องตอบแบบนี้ขนาดแก้มบวม ยังตอบว่าไม่เป็นไร คนเราไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งเสมอไปหรอกนะพี่เหมยให้น้องคนนี้ได้ดูแลพี่บ้างเถอะ " เหมยเงยมองหน้าน้องชายเพียงคนเดียว น้องชายที่ไม่ใช่สายเลือด และก็ไม่เคยทำให้เธอผิดหวังเลยสักครั้งและเขาเป็นเด็กที่เข้าใจเธอเสมอมา และเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องอดทนมาจนถึงทุกวันนี้ " เอาน่าอย่ามาทำเป็นรู้มาก กินข้าวแล้วไปเรียนได้แล้ว " เธอพูดปัดๆไปเพราะรู้ว่าน้องรักและเป็นห่วงเธอนั่นแหละ " เฮ่ออ..ครับพี่เหมย " เด็กชายตัวโตที่อีกไม่นานก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถอนหายใจแล้วนั่งลงตามคำสั่งของพี่สาว เขาได้ให้สัจจะกับตัวเองไว้ว่าจะไม่ทำให้พี่สาวคนนี้ต้องเสียใจเป็นอันขาด สองพี่น้องจะนั่งกินข้าวอยู่แต่ข้างในครัว เพราะโต๊ะกินข้าวข้างนอกจำกัดไว้เฉพาะพวกเขา 3 คนเท่านั้น ทุกวันนี้เหมยใช้ชีวิตไม่ต่างกับสาวใช้ในเรือนเบี้ยเลย แต่เธอต้องอดทนเพื่อน้องชายเพียงคนเดียวน่ะสิ เมื่อมื้อเช้าจบลง ทุกคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง เหลือก็แต่ผู้หญิงที่ชื่อเหมยต้องเก็บกวาดบ้านและทำความสะอาดทุกสิ่งก่อนไปทำงาน " เก็บกวาดให้ดีนะจ๊ะลูกสาว ม๊ากับเตี่ยไปก่อน " และสถานที่ที่สองผัวเมียไปคงไม่พ้นบ่อนพนันเป็นแน่ เพราะน้ำหน้าอย่างสองคนนี้ไม่มีที่ให้ไปมากนัก " แค่นี้ยังน้อยไปนะเหมย ถ้าต่อไปยังไม่เลิกรังแกน้องเตี่ยไม่ทำแค่นี้แน่ ไปอันฉี " พูดกับลูกเสร็จก็เรียกเมียสุดที่รักให้ตามออกไป ส่วนแม่เลี้ยงก็เดินเกาะแขนสามีไปอย่างลอยหน้าลอยตาแล้วหันกลับมามองหน้าลูกเลี้ยงที่ตนชังนักชังหนาอย่างเย๊าะเย้ย นี่สินะคือความรักของผู้เป็นพ่อ ที่พึงกระทำกับลูกในไส้ ไม่แม้จะปริปากถามว่า เป็นไงบ้าง เจ็บมั๊ย ไหวหรือเปล่า มีแต่คำข่มขู่ที่มอบให้กันเป็นค่าตอบแทนที่เธอหาเลี้ยงพวกเขานั่นเอง #สนุกมั๊ยคะคอมเม้นต์ติชม เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ #นิยายจีนโบราณเรื่องแรก #ผิดพลาดต้องขออภัย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD