บทที่ 4 ทบทวนเรื่องราว

1752 Words
หลังจากที่ตงหยางพาเหมย ไปหาหมอเสร็จ เขาก็ตรงกลับบ้านทันที ส่วนคนที่นั่งข้างๆ ก็ได้แต่เหม่อลอยไม่พูดจา เหมือนคนไร้วิญญาณ " เหมยๆ ถึงบ้านพี่แล้วค่ะ " " อ่อ ค่ะๆ " คนที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยได้ยินแว่วๆ จึงตอบรับกลับไปแบบเลื่อนลอย เมื่อทั้งสองเดินตรงเข้ามาภายในตัวบ้านคนที่รอทั้งสองอยู่ก่อนแล้วก็ตรงปรี่เข้ามาถามไถ่ในทันที " นี่มันอะไรกันตงหยาง สั่งให้คนจัดห้องดึกๆดื่นๆ แถมยังพาน้องมาอีก " เป็นเสียงของหญิงวัยกลางคนที่ยังดูสวยสะพรั่ง ดูเยาว์กว่าวัยไปมากอยู่แสดงสีหน้าความสงสัยอย่างชัดเจน เพราะปกติลูกชายจะไม่ทำอะไรโดยพลการ จะบอกก่อนตลอด แถมนี่ก็เป็นเวลาดึกมากแล้วด้วย " เรื่องมันยาวครับม๊า ไว้ว่างๆ ผมจะเล่าให้ฟังตอนนี้ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะ อ้อม๊าก็ไปนอนได้แล้วครับถ้ารู้ว่ามันดึก ผมขอโทษที่รบกวนเวลานี้นะครับ " ทั้งที่ไม่อยากรบกวนผู้เป็นแม่เวลานี้เพราะรู้ว่ามันดึกแล้วแต่มันจำเป็นจริงๆ " ไม่เป็นไรม๊าไม่ได้เหนื่อยอะไร งั้นม๊าให้เด็กๆพาไปแล้วกัน " ต้าหนิงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เธอรู้ว่าคนที่ลูกชายพามาคือคนที่ลูกชายรัก เพราะลูกชายมักจะเล่าเรื่องของเหมยให้ฟังอยู่เสมอ แล้วเธอก็มักจะไปแอบดูเหมยที่โรงเตี๊ยมเป็นประจำ เหมยเป็นเด็กดีมากๆเลย สวัสดี ฉันชื่อต้าหนิง เป็นแม่หรือม๊าของตงหยาง ฉันมีลูกชายเพียงคนเดียว และตัวของฉันเองก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรอกฉันได้สามีรวยและครอบครัวของสามีของฉันเขาก็ไม่เคยรังเกียจ ฉันและสามีจึงไม่เคยมองคนที่ฐานะขอแค่เป็นคนดีก็พอ ลูกรักใครแม่ก็รักด้วยนั่นแหละ ** ทางด้านสองหนุ่มสาว เมื่อเดินตามสาวใช้มาไม่นานก็ถึงห้อง " นี่ห้องของคุณเหมยค่ะ คุณหนู " สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยขึ้นระหว่างที่พาทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้อง " โอเคงั้นทุกคนไปพักผ่อนได้แล้ว ผมรบกวนแค่นี้ " " ค่ะ คุณหนู " บรรดาสาวใช้ตอบรับอย่างว่าง่ายแล้วต่างแยกย้ายกันไปตามคำสั่งของผู้เป็นนาย " นี่ห้องของเหมยที่แม่พี่เตรียมเอาไว้ให้ ส่วนข้าวของเดี๋ยวพี่ค่อยพาไปซื้อใหม่ ขาดเหลืออะไรบอกพี่ได้เลย ตอนนี้พี่อยากให้เหมยพักผ่อนก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากันไหม่ " ที่ตงหยางต้องบอกเหมยแบบนี้พราะต้องการให้เธอได้พักผ่อนจริงๆ ทั้งที่อยากจะอยู่ด้วยใจจะขาด แต่ก็ทำไม่ได้ รอได้แต่งก่อนเถอะตงหยางก็ได้แต่คิดในใจแล้วเดินกลับออกไป จบคำที่ตงหยางอธิบายแล้ว เหมยก็พยักหน้าตอบแบบขอไปที เธอยังคงเหม่อลอยเช่นเดิมยังคงงงอยู่ว่าตอนนี้เธอออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้วจริงๆหรอ ต่อไปเธอจะไม่เจอหน้าคนที่เธอคิดว่าเป็นเตี่ยอีกแล้วใช่มั๊ย ใจหนึ่งก็เหมือนจะดีใจ ใจนึงก็เหมือนจะเสียใจ ตอนนี้เธอสับสนไปหมดแล้ว " โอ้ย ปวดหัว " อาจเป็นเพราะได้รับการกระทบกระเทือนมาจึงรู้สึกปวด เมื่อคิดถึงเรื่องแย่ๆก็เป็นได้ ไม่นานเหมยก็ทำภารกิจส่วนตัวจนเสร็จแล้วก็เข้าสู่ห้วงนินทราไปด้วยความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ....สายๆ ของวันต่อมา แสงแดดรำไร ส่องเข้ามายังบานหน้าต่างที่มีผ้าม่านบางๆ กั้นอยู่ทำให้คนที่นอนหลับสนิทตลอดคืนนั้นค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น " โอ้ย เจ็บจัง " เธอเอามือจับตรงแผลที่ถูกปิดเอาไว้อย่างดีเพราะรู้สึกเจ็บโดยที่ไม่ทันสังเกตุว่ามีใครบางคนมานั่งอยู่ข้างๆ เตียงนอนเสียแล้ว " ตื่นแล้วหรอคะ " ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงปนมีความสุขเพราะตอนนี้คนที่ตนรักอยู่ต่อหน้าแล้ว " เอ๊ะ พี่ตงหยาง " เธอตกใจที่ตื่นมาเห็นเขาน่ะสิ ก็ปกติเคยนอนคนเดียว ตื่นมาก็ไม่มีใครก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา " ไปอาบน้ำนะคะ เดี๋ยวพี่ลงไปรอข้างล่าง ส่วนห่าวหรานไปโรงเรียนเรียบร้อยค่ะ " เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไปทิ้งให้คนที่ยังนั่งอยู่บนเตียงได้ทำธุระส่วนตัว " นี่เหมยไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะม๊าคนที่เหมยพบเจอระหว่างใช้ชีวิต ทำไมเชาช่างดีกับเหมยมากมายขนาดนี้ แต่คนที่อยู่กับเหมยมาทั้งชีวิต ทำไมถึงได้ใจร้ายกับเหมยจัง " น้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลออกจากดวงตากลมรีทั้งสองข้างพร้อมกัน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่อยู่กับเธอมาทั้งชีวิตถึงไม่เคยเข้าใจอะไรเธอเลย แต่กับกันคนที่เธอพึ่งพบเจอเขาไม่กี่ปีเขากลับเข้าใจเธอยิ่งกว่าใครๆ " ร้องให้พอนะเหมยครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปเธอต้องเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งนะ " เธอปลอบใจตัวเองและให้คำมั่นว่าจากนี้จะเป็นคนใหม่เสียที และถ้าเมื่อไหร่ที่เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยเธอจะตัดขาดกับทุกคนที่ทำให้เธอเจ็บปวดเช่นกันไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเตี่ยของตนเอง " เธอเก่ง เธอทำได้นะเหมยลี่ " เธอค่อยๆ ปาดน้ำตาทิ้งและนั่งทบทวนเรื่องราวบางอย่างที่ผ่านมา รู้สึกหดหู่ใจเหลือเกินกับสิ่งที่ได้พบเจอมาตลอด คนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเตี่ยแท้ๆ ทำไมถึงทำกับเธอได้ขนาดนี้กัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเตี่ยของเธอไม่เคยรักอย่างแท้จริงเลยสินะ มีแต่ความเกลียดชังที่มอบให้กัน ตั้งแต่จำความได้ผู้เป็นเตี่ยก็เอาแต่โอ๋น้องสาว อยากได้อะไรก็หามาให้หมดเงินเก็บที่แม่ตั้งใจเก็บไว้ให้ฉัน เตี่ยก็เอาไปใช้กับสองแม่ลูกนั่นผ่านไปไม่กี่ปีเงินก็หมด นั่นคือเหตุผลที่ฉันต้องออกมาทำงานหาเงินให้ทุกคนใช้ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ ครั้งหนึ่งตอนที่ฉันเป็นเด็กฉันอยากได้ตุ๊กตาแบบเด็กคนอื่นเขา ฉันเคยขอเตี่ยแล้วเขาก็บอกว่าจะซื้อให้ ฉันดีใจมากๆเลยล่ะ แต่แล้วความดีใจกลับเป็นความเสียใจแทน ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่เคยขออะไรจากเตี่ยอีกเลย เมื่อคิดถึงตอนนั้น " เตี่ยขาเหมยอยากได้ตุ๊กตาตัวนั้น " ฉันชี้ไปที่ตุ๊กตาตัวหนึ่งใส่ชุดกี่เพ๊าสีขาวตาโตๆ ผมยาวๆสีน้ำตาล มันสวยมากๆเลยเขาก็รับปากว่าจะซื้อให้ฉันฉันยิ้มจนแก้มปริแล้วกลับไปรอเตี่ยที่บ้านไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับตุ๊กตาตัวนั้น ฉันก็วิ่งเข้าไปหาเตี่ยตามประสาเด็กน้อยที่เห็นของที่ตนเองหมายตาเอาไว้ ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปคว้าตุ๊กตาตัวนั้น แต่แล้วก็มีมือหนึ่งมาหยิบเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปเสียก่อน " เตี่ยขาตุ๊กตาตัวนี้สวยจัง เตี่ยซื้อมาให้ผิงหรอ เตี่ยรู้ว่าผิงอยากได้ใช่ไหมคะ " เด็กน้อยคนนึงที่ช่างพูดช่างจาในวัย 5 ขวบกว่าคว้าตุ๊กตาเข้าไปกอดด้วยความดีอกดีใจ เธอได้รับคำสั่งจากผู้เป็นม๊าของเธอให้วิ่งเข้าไปหาเตี่ยแล้วพูดแบบนั้น ดั่งเขาว่าเด็กคือผ้าขาวสั่งสอนแบบไหนเด็กก็จะซึบซับแบบนั้น " ใช่สิคะคนเก่งของเตี่ย เตี่ยซื้อมาให้หนู " พูดจบก็หันไปโอบลูกสาวคนเล็กขึ้นมาอุ้มแล้วหันกลับไปบอกลูกสาวคนโตว่า " อาเหมยน้องอยากได้หนูยกตุ๊กตาตัวนี้ให้น้องนะ เดี๋ยวเตี่ยซื้อให้ใหม่ " ด้วยความถูกสอนให้รักน้องจึงพยักหน้าตกลงไปในทันทีแม้จะชอบแค่ไหนก็ตามแต่ก็พร้อมยกให้ผู้เป็นน้องเสมอตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาฉันก็ยังไม่เคยได้ตุ๊กตาตัวใหม่ที่เตี่ยเคยบอกว่าจะซื้อให้ฉัน มันคงถูกลืมไปตามกาลเวลานานแล้วสินะเหมือนตอนนี้ที่เตี่ยก็คงลืมเหมยกับม๊าไปแล้วเช่นกัน " แล้วเราก็อดทนเก่งนักนะ ยัยเหมย " ฉันจ้องมองดูตัวเองในกระจกร่องรอยบาดแผลที่อยู่ตามร่างกาย มันก็มีบ้าง ทั้งรอยหยิก รอยไม้ที่โดนหวด แล้วนี่สองมือที่คอยทำงานหนักคอยหาเงินเหมยยกขึ้นมาจ้องดู มันเป็นแบบนี้นี่เองสินะมือของคนทำงานมาเกือบสิบปี เล็บสั้นกุดแล้วก็หยาบเหลือเกินเจ็บแล้วต้องจำด้วยนะเหมย ...ทางด้านสองแม่ลูก.... " น้องละตงหยาง " " เดี๋ยวก็ลงมาครับม๊า " " งั้นเรารอน้องละกัน เตี่ยกับม๊าจะรีบเข้าโรงงานได้ข่าวว่า ข้าวในโกดังมีปัญหานิดหน่อย " ครับม๊า " " วันนี้แกอยู่ดูแลน้องไปละกัน " เสียงของเจ้าสัวใหญ่ที่ผ่านอะไรมามากมายและเข้าใจความรู้สึกของลูกชายเป็นอย่างดี " ขอบคุณมากครับเตี่ยที่เข้าใจผม " พูดจบก็ยิ้มให้เตี่ยแบบมีความสุขเพราะท่านเข้าใจทุกอย่างที่ลูกคนนี้คิดจะทำ " อืม งั้นเตี่ยกับม๊าไปละ " พูดจบท่านทั้งสองก็เดินออกไปจากบ้านปล่อยให้ลูกชายได้อยู่กับคนรักตามลำพัง ....บนรถ... " เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยนะคะฉันว่าเราต้องเตรียมรับมือกับปัญหาที่จะตามมาด้วย " เสียงของหญิงสาวสวยวัยกลางคนเอ่ยขึ้น " ผมรู้ลูกเราไปเอาลูกเขามาดื้อๆ เขาเรียกเท่าไหร่เราก็ต้องยอม เอาน่าเพื่อความสุขของลูกและอิสระของอาเหมยผมว่ามันคุ้ม แต่เราต้องตกลงกับทางโน้นให้เด็ดขาดอย่าให้เขามาวุ่นวายกับอาเหมยได้อีกก็พอ " เสียงของเจ้าสัวใหญ่แห่งเมืองเอ่ยขึ้น " ฉันก็คิดเหมือนคุณค่ะ และเรื่องนี้ต้องเรียบร้อยภายในสามวัน " แล้วทั้งสองก็มองหน้ากันด้วยความเข้าใจ เขารู้ว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขาหมายปองสาวคนใดเอาไว้ และเขาทั้งสองก็พร้อมที่จะปกป้องเธอเช่นกันใครจะพูดอะไรก็ไม่สนใจ ขอให้ลูกเขามีความสุขพวกเขาก็สุขเช่นกัน ....................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD