bc

Blood on her lips รักฝังเขี้ยว

book_age18+
659
FOLLOW
4.1K
READ
family
HE
second chance
curse
powerful
heir/heiress
drama
bxg
highschool
like
intro-logo
Blurb

ใครจะไปคิดว่าแค่ไม่ได้นอนเพราะมัวแต่ดูซีรีส์ทั้งคืนจะทำให้ฉัน ‘ซารัง’ มีอาการหน้ามืดจนเกือบเป็นลมในห้องสอบจนต้องถูกนำตัวส่งห้องพยาบาล เป็นเหตุให้ได้พบกับ ‘รุ่นพี่จุนแจ’ ผู้ชายที่เข้ามาทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไปตลอดกาล

...

“รุ่นพี่จะเซ็ตซีโร่ฉันอีกแล้วเหรอคะ” ฉันถามโง่ๆ ออกไปเพราะนาทีนี้มันคิดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ

รุ่นพี่จุนแจส่ายหัวปฏิเสธ เขาขยับเข้ามาใกล้ฉันอีกครั้ง โน้มใบหน้าลงมาแล้วใช้สายตาคู่นั้นสะกดฉันเอาไว้อย่างที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของฉันมันถึงเชื่อฟังเขาไปเสียหมด

“เปล่า วิธีนั้นเคยลองแล้วแต่มันไม่ได้ผล”

“แล้วรุ่นพี่จะทำอะไรคะ”

“ฉันกำลังจะปลุกสัญชาติญาณของเธอให้มันตื่นขึ้นมา”

chap-preview
Free preview
Intro
Seong-gong High School, Busan, South Korea  มหาวิทยาลัยซองกง เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้                 “เอาล่ะ เริ่มทำข้อสอบได้” สัญญาณการเริ่มทำข้อสอบดังขึ้นจากหน้าชั้นเรียน วันนี้อาจารย์ซูอึนมาคุมสอบแทนอาจารย์ยูซองที่เป็นอาจารย์ผู้สอนรายวิชาประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี ถึงแม้จะเป็นแค่การสอบเก็บคะแนนย่อย แต่ทุกคนก็มีความตั้งใจในการทำข้อสอบเต็มที่ “ฮ้าววว” อาจจะยกเว้นฉันน่ะนะ... ฉันยกมือขึ้นมาปิดปากระหว่างหาวพลางใช้มืออีกข้างพลิกกระดาษข้อสอบขึ้นมาอ่าน ทว่าอ่านผ่านๆ ไปได้ไม่กี่ข้อก็ถึงกับถอนหายใจพลางหมุนแท่งดินสอสองบีไปมาระหว่างที่พยายามจินตนาการถึงบทเรียนในหนังสือตามที่ได้ทบทวนมาตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อหาคำตอบ เหอะ! ใช่เสียที่ไหนกันล่ะ เมื่อคืนฉันมัวไปแต่นอนดูซีรีส์จนดึกดื่น รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่นาฬิกาปลุก นั่นหมายความว่าฉันยังไม่ได้นอนเลยต่างหาก หงุดหงิดตัวเองชะมัด ทั้งที่อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะเปิดหนังสืออ่านผ่านๆ ตาสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละ พอเปิดดูผู้ชายในซีรีส์ปุ๊บ ความตั้งใจทั้งหมดที่เคยมีก็หล่นหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ “อย่าคิดว่าอาจารย์ไม่เห็นนะคุณปาร์คโฮซู” ฉันสะดุ้งเฮือก ก่อนจะต้องลอบผ่อนลมหายใจออกทางปากเบาๆ เมื่อคนที่ถูกตักเตือนเมื่อครู่ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันชื่อ ‘ลีซารัง’ ต่างหาก “คุณซารัง” อุ้ย! คราวนี้เป็นชื่อฉันไม่ผิดแน่ ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาอาจารย์ซูอึนนิดหน่อย ก่อนจะรีบก้มหน้าหลบสายตาดุๆ ของเธอแล้วสะบัดหัวเบาๆ พยายามบอกตัวเองว่าต้องรีบตั้งสติอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่ฉันแค่รู้สึกตาลายน่ะ อ่านข้อสอบไม่ออกเพราะมองเห็นโจทย์ซ้อนกันไปมา โอ๊ย ทำไมมันง่วงแบบนี้กันนะ! “บ้าจริง” ฉันรำพึงรำพันกับตัวเองพลางสะบัดหัวไปมาอีกรอบ กะพริบตาอยู่หลายครั้งก็แล้ว ขยี้ตาเบาๆ ซ้ำๆ ก็แล้วเพื่อปรับการมองเห็น หวังจะให้มันกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว แต่มันกลับไม่ดีขึ้นเลย ไม่ว่าจะวิธีไหนฉันก็ยังอ่านโจทย์ไม่ออก ไม่ว่าจะพยายามเพ่งมองยังไงข้อความที่เห็นมันก็ยังซ้อนกันราวกับเปื้อนหมึก มิหนำซ้ำตัวหนังสือเหล่านั้นก็ยังจางและพร่าเบลอ ฟึ่บ! “เฮ่ย อุ้ย ขอโทษค่ะ คือว่าอาจารย์คะ” “อาจารย์จะแจ้งให้อาจารย์ยูซองทราบถึงเรื่องที่คุณพยายามจะทุจริต แล้วจะให้เขาเป็นคนตัดสินโทษของคุณเองก็แล้วกันนะคุณซารัง” อาจารย์ซูอึนพูดกับฉันหลังจากที่เธอยึดข้อสอบและกระดาษคำตอบของฉันไป “แต่ฉันไม่ได้ทุจริตนะคะ” ฉันรีบปฏิเสธ “อาจารย์เห็นคุณนั่งกะพริบตาอยู่หลายครั้งแล้วค่ะ อย่าคิดว่าทำแบบนี้แล้วอาจารย์จะดูไม่ออก” “แต่ฉันแค่...” “แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างว่าตาลายล่ะ หรือจะแก้ตัวว่าไม่สบาย บอกก่อนว่าคำแก้ตัวพวกนั้นมันใช้ไม่ได้ผลหรอกนะ อาจารย์เห็นคุณนั่งหาวมาตั้งแต่ก่อนที่อาจารย์จะแจกข้อสอบแล้ว ดูท่าเมื่อคืนคงจะดื่มหนักล่ะสิ ถ้าง่วงมากอาจารย์ว่าคุณกลับไปพัก อย่ามาทำลายสมาธิคนอื่นที่เขาอดหลับอดนอนอ่านหนังสือเพื่อมาสอบ” บ้าเอ๊ย! ฉันรู้สึกง่วงก็จริง แต่มันคนละเรื่องกับการพยายามทุจริตนี่นา อีกอย่างที่ฉันกะพริบตาบ่อยเพราะฉันรู้สึกตาลายจนอ่านข้อสอบไม่ออกต่างหาก “อาจารย์คะ” ฉันพยายามที่จะอธิบายอีกรอบ “เชิญ เพื่อนๆ ต้องการสมาธิในการทำข้อสอบ ถ้าคุณมีปัญหาอะไร เอาไว้ไปอธิบายกับอาจารย์ยูซองเองก็แล้วกัน” อาจาย์ซูอึนพูดกับฉันเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะของอาจารย์ทางด้านหน้าชั้นเรียนแล้วคว่ำชุดข้อสอบและกระดาษคำตอบของฉันไว้บนโต๊ะทันที อะไรกันนะ! ฉันถอนหายใจอย่างรู้สึกหงุดหงิด ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบตัวพร้อมกับก้มหัวขอโทษเพื่อนร่วมคลาสที่ฉันเสียมารยาททำให้พวกเขาต้องเสียเวลาและเสียสมาธิ ฉันจำใจลุกขึ้นยืนเพราะรู้ตัวดีว่าอธิบายไปก็คงไม่มีประโยชน์ ยิ่งพูดก็มีแต่จะยิ่งเสียเวลาและทำให้คนอื่นต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ตุ้บ! “ซารัง” ‘กงจู’ เพื่อนสนิทของฉันร้องเรียกเมื่อฉันเดินเซไปชนเข้ากับโต๊ะของเธอที่อยู่ทางด้านหลังเข้าอย่างแรงจนเกือบล้ม โชคดีที่ฉันประคองตัวเองเอาไว้ได้ทันเวลา “ไหวมั้ยคุณลีซารัง คราวหน้าคราวหลังถ้ารู้ว่ามีสอบก็ไม่ควรจะดื่มจนดึกดื่นนะ” ปั๊ดโธ่เว้ย เมื่อคืนฉันไม่ได้ดื่ม! ฉันแย้งในใจ แต่ไม่ได้คิดจะพูดออกไป ทำได้แค่ถอนหายใจทิ้งแล้วหันไปกลอกตาใส่ยัยกงจูอย่างรู้กันก่อนจะตั้งสติแล้วเดินออกมาจากห้องอีกรอบ ฟุ่บ! แต่เดินยังไม่ทันจะพ้นโต๊ะของยัยกงจูมาด้วยซ้ำ สองขาของฉันก็อ่อนแรงจนทรงตัวไม่อยู่ก่อนที่ร่างของฉันจะล้มลงไปซะเฉยๆ แบบที่ฉันเองก็ไม่ทันจะตั้งตัว นี่ฉันเป็นอะไรนะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้รู้สึกหน้ามืดเวียนหัวแบบนี้ “เอาล่ะๆ ทุกคนอยู่ในความสงบ คุณลีบีโฮ อาจารย์รบกวน...” “ได้ครับอาจารย์” บีโฮพูดอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วก้าวเข้ามาช่วยประคองฉันในทันที บีโฮเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของฉัน อีกทั้งเขายังเป็นแฟนหนุ่มของยัยกงจู ซึ่งที่นั่งของเขาอยู่เยื้องไปจากจุดที่ฉันล้มอยู่ไม่ไกล “ฉันไม่เป็นไร นายทำข้อสอบไปเถอะ” “คิดว่าฉันนั่งอยู่แล้วฉันจะทำได้รึยังไงล่ะ” บีโฮกระซิบตอบกลับมาหลังจากที่ฉันบอกให้เขากลับไปทำข้อสอบด้วยความหวังดีเพราะไม่อยากให้เขาเสียเวลา ความจริงแล้วฉันตั้งใจจะนั่งนิ่งๆ สักพัก รอให้อาการดีขึ้นแล้วจะลุกขึ้นเดินออกไปที่ห้องพยาบาลด้วยตัวเองน่ะ แต่ดูเหมือนสีหน้าท่าทางของฉันในตอนนี้จะทำให้ทุกคนเป็นกังวลกันหมด โดยเฉพาะยัยกงจูที่เกือบจะลุกพรวดมาช่วยประคองฉันอยู่แล้ว แต่อาจารย์ซูอึนเอ่ยปากเรียกบีโฮขึ้นมาเสียก่อน บีโฮรีบแบกฉันขึ้นหลังแล้วพามาที่ห้องพยาบาลด้วยความรวดเร็ว ซึ่งฉันรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วว่องไวของเขาได้เป็นอย่างดี มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังไม่ดีขึ้นนั่นคือการมองเห็นของฉัน เอ... หรือว่าเมื่อคืนฉันจะใช้สายตามากไปเพราะมัวแต่ดูซีรีส์ทั้งคืน ฉันว่าต้องใช่แน่ๆ เลย “ไม่สบายตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อเช้าฉันก็เห็นว่าเธอยังดีๆ อยู่เลยนะซารัง” บีโฮเอ่ยถามขณะวางฉันลงกับเตียงในห้องพยาบาล ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองหน้าฉันที่ยังพยายามปรับสายตาของตัวเองด้วยการกะพริบตาถี่ๆ อยู่ตลอดเวลา “เพิ่งรู้สึกหน้ามืดแล้วก็ตาลายตอนเริ่มอ่านข้อสอบนี่เอง แต่ช่างเถอะ ได้นอนพักสักเดี๋ยวก็คงดีขึ้น นายกลับไปสอบต่อเถอะ เดี๋ยวจะทำข้อสอบไม่ทัน ขอบใจมากนะบีโฮ” “ก็บอกแล้วไงว่าอยู่ต่อฉันก็ทำไม่ได้ วิชานี้ให้กงจูเอาท็อปไปก็แล้วกัน ส่วนฉันอยู่ที่นี่รออาจารย์เป็นเพื่อนเธอดีกว่า” บีโฮรีบเสนอตัว เมื่อครู่ตอนที่เขาพาฉันเข้ามาที่ห้องพยาบาลนี่ไม่มีใครอยู่เลยน่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์เยจีที่เป็นอาจารย์ประจำห้องอยู่ที่พยาบาลหายไปไหน เจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็ไม่เห็นมีใครอยู่ แต่อีกเดี๋ยวก็คงมาล่ะมั้ง “แปลว่านายจะไม่กลับไปทำข้อสอบแล้วรึไง นายอยากสอบตกเหรอบีโฮ” “ไม่หรอกน่า เธอก็รู้ว่าคะแนนฉันผ่านแบบเฉียดฉิวตลอด เพราะงั้นฉันว่าไม่ต่างกับรอไปสอบซ่อมพร้อมเธอ ไม่ดีรึไงล่ะ” บีโฮอ้างอย่างภูมิใจก่อนที่เขาจะหันกลับไปลากเก้าอี้ที่ด้านหลังมานั่งลงข้างเตียง ฉันได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหัวเบาๆ เพราะหมดปัญญาจะไล่ แต่เพียงแค่ส่ายหัวเบาๆ สองสามครั้งกลับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนจะเริ่มมึนหัวขึ้นมาอีกรอบจนต้องนอนมองเพดานห้องนิ่งๆ  “ไหวมั้ยซารัง” “ฉัน...” จ้อกกก~ ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เสียงท้องร้องของฉันก็ดังแทรกขึ้นมาจนน่าอาย มันทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นมากุมท้องราวกับว่าการกดมันเอาไว้จะทำให้เสียงนั่นหายไปได้ ทั้งที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย “ฮ่าๆๆ ที่แท้เธอก็หิวนี่เอง นี่เธอคงจะเอาแต่จ้องพระเอกในซีรีส์จนลืมกินข้าวกินปลาเหมือนยัยกงจูสินะ พวกเธอสองคนนี่มันบ้าผู้ชายจริงๆ” บีโฮตำหนิพลางกลั้นขำ “ฉันกินแล้วย่ะ” “ถ้ากินแล้ว ท้องเธอจะร้องเสียงดังขนาดนี้ได้ยังไง” “ฉัน...” “ไม่ต้องมาโกหกฉันหรอกน่า กงจูทำบ่อยจนฉันรู้ทันหมดทุกอย่างนั่นแหละ เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะเดินไปซื้อแซนด์วิชมาให้เธอกินก็แล้วกัน รับรองได้ว่าถ้ามีอาหารตกถึงท้อง ไอ้อาการหน้ามืดตาลายที่เธอเป็นอยู่เนี่ยมันจะต้องหายไปแน่ๆ” บีโฮยังคงบ่นด้วยสีหน้าและน้ำเสียงตำหนิไม่เลิกรา พูดจบเขาก็รีบเดินกลับออกไปโดยที่ฉันยังไม่ทันจะได้รั้งเขาเอาไว้ด้วยซ้ำ ฉันได้แต่มองตามแผ่นหลังของบีโฮกระทั่งเขาเดินออกไปลับสายตา ฉันถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงหวังจะได้พักสายตาเสียหน่อย ช่วงนี้ฉันน่าจะพักผ่อนน้อยสะสมจนร่างกายเริ่มแย่ สงสัยจะต้องกลับมาดูแลตัวเองอย่างจริงจังสักที ก๊อกๆๆ เสียงเคาะผนังดังขึ้นทำให้ฉันต้องลืมตาขึ้นมาอีกรอบทั้งที่เปลือกตาชนกันยังไม่ทันจะถึงสามนาที “ไม่มีใครอยู่เลยเหรอ” ตามมาด้วยคำถามจากคนที่ยืนอยู่ที่ปากประตู น้ำเสียงของเขานุ่มทุ้มฟังลื่นหู อ่า... รุ่นพี่จุนแจ ถึงเขาจะไม่ใช่พระเอกในซีรีส์แต่คนนี้งานดี ฉันรับรอง รุ่นพี่จุนแจเป็นรุ่นพี่ที่คณะของฉันเอง เขาฮอตมากในหมู่สาวๆ ไม่ว่าจะรุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน หรือว่ารุ่นพี่ เพราะไม่ว่าจะด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ดูแข็งแรง เส้นผมสีดำขลับที่ช่วยขับให้ใบหน้าของเขาขาวผ่องดูมีออร่า นัยน์ตาสีเข้มดูลึกลับน่าค้นหา จมูกโด่งเชิดดูดื้อรั้นนิดๆ ริมฝีปากสีแดงสดตัดกับสีผิวขาวซีด ทุกอย่างที่เป็นเขาดูแล้วลงตัวไปหมด ราวกับว่าเขาเดินออกมาจากในซีรีส์เรื่องโปรดของฉันเลยทีเดียว ติดอยู่เพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เขาดูไม่ค่อยน่าสนใจในสายตาฉันสักเท่าไหร่ก็คือความถือตัวของเขาน่ะ ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าสังคมไม่เก่ง ไม่ค่อยเห็นมาร่วมกิจกรรมของคณะ ที่สำคัญ ฉันยังไม่เคยได้ยินว่าเขาเดตกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนทั้งที่มีสาวๆ ปลื้มเขามากมาย จนบางครั้งเวลาที่เห็นเขาแวบๆ ฉันก็อดจะสงสัยเรื่องรสนิยมของเขาขึ้นมาไม่ได้เลยว่าจริง ๆ แล้วเขาชอบผู้หญิงรึเปล่า “ว่าไง ที่ฉันถาม ได้ยินรึเปล่า” “ดะ ได้ยินค่ะ ฉันไม่แน่ใจน่ะค่ะ ฉันเองก็เพิ่งมาถึง และตั้งแต่ที่ฉันมาถึงก็ยังไม่เจอใครเลยเหมือนกันค่ะ” ฉันตอบตะกุกตะกัก รู้สึกเหมือนมีความร้อนวิ่งขึ้นมาจากช่องท้องกระจุกรวมตัวกันอยู่บนใบหน้าของฉันยังไงชอบกล “อืม” รุ่นพี่จุนแจพึมพำเบาๆ สีหน้ากำลังครุ่นคิดบางอย่าง “ระ รุ่นพี่ไม่สบายเหมือนกันเหรอคะ” ฉันแสร้งถามเป็นการชวนคุย ไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบเพราะเหมือนฉันจะได้ยินเสียงหัวใจกำลังเต้นแรงเป็นพิเศษ กลัวว่าเขาจะได้ยินแล้วจะคิดไปเองว่าฉันมีใจ รุ่นพี่จุนแจนิ่งไปสักพักเหมือนกำลังคิดคำตอบ ไม่นานเขาก็ยื่นมือมาให้ฉันดูโดยไม่พูดอะไร สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูไม่ค่อยใส่ใจกับอะไรสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นคำถามของฉันหรืออาการเจ็บปวดที่บาดแผลบนฝ่ามือที่เขายื่นมาให้ดู “หูย เลือดออกเยอะจัง รุ่นพี่ต้องเจ็บมากเลยใช่มั้ยคะ” รางวัลนักแสดงดีเด่นต้องตกเป็นของฉันแล้วล่ะ! “ไม่สักนิด” เพล้ง! นี่ถ้าเขาขยับเข้ามายืนใกล้ๆ ฉันว่าเขาจะต้องโดนเศษหน้าของฉันที่แตกกระจายกระเด็นบาดเข้าอีกรอบแน่ๆ ฮือ ทำไมตอบไม่รักษาน้ำใจกันบ้างเลย ฉันอุตส่าห์ถามด้วยความเป็นห่วง “หลอดทดลองมันใส่สารเคมี ก็เลยต้องมาทำความสะอาดแผล” รุ่นพี่จุนแจบอกถึงเหตุผลที่มาห้องพยาบาล ช่างเป็นการอธิบายที่แสนจะห้วนแถมยังไม่มีที่มาที่ไปจนฉันต้องพยายามเรียบเรียงเรื่องราวเอาเองใจใน ... เขาน่าจะหมายถึงเขาทำการทดลองอะไรบางอย่างอยู่ แล้วบังเอิญทำหลอดทดลองแตก แล้วไอ้หลอดทดลองที่ว่านั่นก็คงจะใส่สารเคมีบางอย่างที่น่าจะเป็นอันตรายอยู่ เขาก็เลยต้องรีบมาทำความสะอาดแผล... ฉันเข้าใจว่าอย่างนั้นน่ะนะทุกคน ฉันได้แต่ยิ้มแหย สายตายังคงจ้องมองไปที่บาดแผลของรุ่นพี่จุนแจที่เห็นว่ายังคงมีของเหลวสีแดงค่อยๆ ซึมออกมา สีของมันทำให้ก้อนเนื้อในอกของฉันบีบรัดตัวมากขึ้นจนรู้สึกอึดอัด นานเข้าก็เริ่มแน่นหน้าอก มิหนำซ้ำยังมีอาการคอแห้งจนต้องลอบกลืนน้ำลาย “เธอพอจะรู้มั้ยว่าอุปกรณ์ทำแผลอยู่ที่ไหน ฉันไม่อยากรอ ต้องรีบกลับไปเรียนต่อ เสียเวลาชะมัด” รุ่นพี่จุนแจบ่นอุบ เขาขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย แต่กลับทำให้ฉันสัมผัสได้ทันทีว่าเขาเริ่มจะหงุดหงิดทั้งที่เครื่องหน้าส่วนอื่นของเขาแทบไม่ได้ขยับเลยสักนิด “รู้ค่ะๆ ฉันเคยพาเพื่อนมาทำแผลที่นี่สองครั้ง รุ่นพี่นั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปดูให้” ฉันรีบบอกอย่างเต็มใจก่อนจะเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ว่า... ตุ้บ! ยังไม่ทันได้ขยับตัวเองด้วยซ้ำ ก็ต้องหงายตึงลงมานอนแผ่หลาอยู่บนเตียงอีกรอบ โอ๊ย ทำไมวันนี้มีแต่เรื่องขายขี้หน้านะ ฉันนึกหงุดหงิดตัวเอง นาทีนี้มันทั้งอาย ทั้งมึนหัวจนต้องหลับตาปี๋ นึกอยากกรี๊ดระบายอารมณ์แต่จำต้องสะกดทุกอย่างเอาไว้เพราะกลัวรุ่นพี่จุนแจจะตกใจและมองฉันไปในทางที่ไม่ดี “นี่เธอ เป็นอะไรรึเปล่า” คำถามจากรุ่นพี่จุนแจทำให้ฉันต้องรีบลืมตาขึ้นมองเขาในฉับพลัน แต่สิ่งแรกที่มองเห็นกลับเป็นฝ่ามือของเขาที่โบกไปมาเบาๆ ตรงหน้าฉัน ซึ่งเมื่อเขาเห็นว่าฉันลืมตาขึ้นมองเขาแล้ว เขาถึงได้หยุดโบกมือ แต่แทนที่เขาจะถอยกลับออกไป เขากลับโน้มใบหน้าลงมามองฉันใกล้ๆ ทำเอาฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่ขึ้นจนเริ่มหายใจติดขัด “ไม่สบายมากสินะ ฉันว่าเธอพักผ่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันจัดการเอง” “เอ่อ รุ่นพี่คะ” ฉันร้องเรียกเขาไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เพียงแค่เรียกเฉยๆ ฉันกลับเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของเขาเอาไว้อย่างลืมตัว “อุ้ย! ขอโทษค่ะ”  ฉันรีบปล่อยมือของเขาออกเมื่อรู้ตัวว่าถือวิสาสะแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่าย สายตาของเขาที่มองข้อมือของตัวเองตอนที่ฉันจับเอาไว้เมื่อครู่ดูน่ากลัวและเหมือนจะไม่พอใจอยู่นิดๆ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ รุ่นพี่รีบไปทำความสะอาดแผลเถอะค่ะ ขอโทษที่รบกวนเวลานะคะ” ฉันบอกออกไปอย่างรวดเร็วพลางนึกสะกดจิตตัวเองให้นอนนิ่งๆ แม้จะถูกกลิ่นหอมๆ ของอะไรสักอย่างรบกวนอยู่ตลอดเวลา กลิ่นอะไรนะหอมจัง หอมมากจนอยากสูดดมใกล้ๆ และจนถึงตอนนี้กลิ่นนั้นก็ยังคงติดปลายจมูก มันใช่กลิ่นน้ำหอมของเขารึเปล่า หอมแบบที่ฉันเองก็ไม่เคยได้กลิ่นอะไรที่หอมมากขนาดนี้มาก่อน หอมจนทำให้ใจเต้นแรง... รุ่นพี่จุนแจทำหน้าเหมือนจะงงๆ กับอาการของฉันนิดหน่อย สายตาเขาดูระแวดระวังฉันเป็นพิเศษในขณะที่ฉันยังได้แต่นอนยิ้มแหยๆ เหมือนเคย “เธอ... ไม่เป็นไรแน่นะ” “ฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ รุ่นพี่รีบไปเถอะนะคะ ปล่อยไว้เดี๋ยวแผลจะติดเชื้อนะคะ” ฉันอ้างออกไปเพราะความอาย ใจหนึ่งก็แอบดีใจที่เขาถามเหมือนเป็นห่วงทั้งที่ก็พอจะดูออกว่าเขาน่าจะแค่ถามตามมารยาทเท่านั้นเอง หัวใจของฉันยังคงเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ จังหวะของมันไม่เป็นปกติแบบทุกวัน หนักหน่วงจนต้องยกมือขึ้นมากดหน้าอกเอาไว้เพราะกลัวว่ามันอาจจะกระเด้งทะลุหน้าอกออกมา ฟุ่บ! “แค่เวียนหัวแน่นะ” “ฉัน...” ฉันพูดไม่ออก สีหน้าของรุ่นพี่จุนแจในตอนนี้ดูตกใจมากเมื่อเห็นว่าฉันเริ่มนอนตัวงอ และกำลังพยายามทุบหน้าอกตัวเองเบาๆ “บ้าเอ๊ย แค่เวียนหัวแล้วทำไมตัวถึงได้เย็นเฉียบขนาดนี้” รุ่นพี่จุนแจสบถเบาๆ ฉันได้ยินเสียงเขารำพึงรำพันอยู่ตรงหน้าแต่กลับมองเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดนัก ทุกอย่างเริ่มพร่าเบลออีกครั้ง รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกเขากระชากข้อมือออกไปกดเอาไว้ข้างลำตัวเพราะเมื่อครู่ฉันเอาแต่ทุบหน้าอกตัวเองไม่หยุด แต่ยิ่งทุบมันก็ยิ่งหายใจไม่ออก ไอ้ก้อนเนื้อในอกนี่ก็คอยแต่จะเต้นแรงไม่ผ่อนลงเลย หากแต่จังหวะที่เขายื่นมือมาใกล้ ฉันก็ยิ่งได้กลิ่นหอมนั่นรุนแรงขึ้นอีกครั้งจนต้องทำจมูกฟุดฟิดๆ พยายามจะยกข้อมือของตัวเองที่ถูกรุ่นพี่จุนแจจับเอาไว้ขึ้นมาสูดดมให้แน่ใจ “หอม” ฉันร้องบอกเบาๆ จนเสียงของฉันในตอนนี้คล้ายคนที่กำลังนอนละเมอ แต่ฉันได้กลิ่นหอมจริงๆ และมันเหมือนจะมาจากตัวของรุ่นพี่จุนแจนี่เอง มันหอมมาจากตรงไหนบนตัวของเขากันนะ! “นี่เธอ...” “รุ่นพี่ฉีดน้ำหอมอะไรคะ หอมจัง ฉันขอ...” “หยุดนะยัยบ้า” น้ำเสียงดุๆ ของรุ่นพี่จุนแจเหมือนดึงสติของฉันให้กลับมา ฉันได้แต่นอนอึ้งเมื่อถูกเขาผลักออกอีกทั้งยังถูกกดไหล่ทั้งสองข้างลงกับเตียง ดวงตาทั้งสองข้างของรุ่นพี่จุนแจที่กำลังจ้องมองฉันดูดุดันและขุ่นมัว “มีใครอยู่ข้างนอกมั้ยครับ มาช่วยหน่อยครับ มีคนไม่สบาย” รุ่นพี่จุนแจตะโกนเรียกโดยที่สายตาคมคายของเขายังไม่ละไปจากใบหน้าของฉันเลย ฉันพยายามบอกตัวเองให้ตั้งสติทั้งที่ยังคงได้กลิ่นหอมๆ นั่นอยู่ตลอดเวลา ฉันพยายามจะหันไปดมปลอกหมอนและผ้าปูเตียงเพื่อพิสูจน์ว่ามันเป็นกลิ่นหอมเดียวกันรึเปล่า เผื่อว่าบางทีฉันอาจเข้าใจผิดคิดว่ากลิ่นนั้นมาจากรุ่นพี่จุนแจ แต่มันไม่ใช่ ไม่ใช่กลิ่นหอมจากปลอกหมอน ไม่ใช่กลิ่นหอมจากผ้าปูเตียง ดังนั้นกลิ่นหอมที่ฉันได้กลิ่นก็น่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมของรุ่นพี่จุนแจ ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ จนสุด หัวใจของฉันเต้นถี่ยิบจนยากเกินกว่าจะควบคุมราวกับว่าร่างกายกำลังหลั่งสารอะดรีนาลีนออกมาเป็นจำนวนมาก “อ้าว สวัสดีครับรุ่นพี่จุนแจ นี่รุ่นพี่รู้จักกับซารังด้วยเหรอครับ” “ไม่รู้ ตอนนี้นายรีบๆ ไปตามอาจารย์มาก่อน เร็ว!” รุ่นพี่จุนแจตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดระคนรำคาญ ก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงฝีเท้าของบีโฮวิ่งกลับออกไปอย่างรวดเร็ว ฉันได้ยินทุกเสียงของการเคลื่อนไหว ได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเส้นเลือดที่เต้นตุบๆ ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง และยังได้ยินเหมือนเสียงน้ำไหลที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามันไหลมาจากที่ไหน “นี่เธอ มีสติรึเปล่า ยัยโรคจิต ได้ยินฉันมั้ย” เหมือนรุ่นพี่จุนแจพยายามพูดกับฉัน ในใจนึกอยากจะร้องปฏิเสธออกไปเหมือนกันว่าฉันไม่ได้โรคจิตแบบที่เขาเรียก แต่ในเวลานี้แค่ลืมตาขึ้นมองเหตุการณ์ตรงหน้าก็ยังยากลำบาก ฉันพยายามที่จะลืมตาขึ้นมองเขา มองทุกอย่างรอบกายว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันกลับมองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่างเดียว ตรงกันข้าม แม้จะมองไม่เห็นแต่ฉันกลับได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวทุกอย่างชัดเจน และที่สำคัญคือกลิ่นหอมนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก และกลิ่นนั้นก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกทีๆ “อาจารย์มาแล้วครับรุ่นพี่” “เป็นอะไรมา ทำไมจู่ๆ ถึงได้ตัวเย็นเฉียบขนาดนี้” อาจารย์เยจีมาสักทีสินะ น้ำเสียงของเธอฟังดูร้อนใจไม่แพ้กับเสียงของบีโฮที่พูดขึ้นเมื่อตอนก่อนหน้า “ผมไม่ทราบครับ ก่อนหน้านี้เธอบ่นว่าตาลายในห้องสอบ แล้วก็วูบไป อาจารย์ก็เลยให้ผมพาเธอมาพัก” “ผมก็ไม่ทราบครับ ผมได้ยินแค่เธอเพ้อว่า...” “เธอเพ้อเหรอ” “ครับ เธอเพ้อแต่ว่าเวียนหัวไม่หยุดเลย” จากที่ก่อนหน้านี้ฉันแค่มองเห็นภาพซ้อน แต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็กลายเป็นพร่าเลือน สักพักมันก็ขาวโพลน ก่อนจะค่อยๆ มัวลงเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกอย่างมืดสนิท...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

คุณพยาบาลครับ ผมอยู่ห้องนี้

read
4.0K
bc

Devil Friend - เพื่อนสนิทใกล้หัวใจ

read
5.0K
bc

Sweet Sense สัมผัสรัก เกี่ยวหัวใจยัยจอมป่วน

read
1K
bc

Move On ใจหมดรัก

read
1.8K
bc

KARAN รักเกินเลย

read
2.6K
bc

Bad ผืนป่าร้ายรัก

read
2.5K
bc

DANGER GUY อันตรายรัก [NC]

read
99.5K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook