ของแซ่บ!

1695 Words
ทางด้านเนตรา เมื่อลืมตาขึ้นแล้ว เธอก็ทบทวนสักครู่ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ครั้นเห็นเพดานห้องก็จำได้ว่าที่นี่บ้านของอังศุธร และเมื่อครู่นี้ เธอกับคุณทนายคาร์ลก็... หญิงสาวก้มลงมองแขนแข็งแรงที่มีขนเรียงตัวสวยซึ่งพาดลำตัวของเธออยู่ ไล่ไปที่ต้นแขนที่เห็นเป็นมัดกล้ามสวยงาม ซึ่งเธอก็รู้ว่ามันแข็งแกร่งและอบอุ่นแค่ไหน จากต้นแขน เธอไล่สายตาไปที่กรามแกร่งที่มีไรหนวดเขียวครึ้ม ซึ่งตามปกติ เธอไม่ชอบผู้ชายมีหนวดแบบนี้เอาเสียเลย แต่พอมันอยู่บนใบหน้าเขากลับทำให้เขายิ่งมีเสน่ห์สะดุดตาสะดุดใจ ขนตาของเขาทั้งยาวทั้งหนาขับดวงตาของเขาให้ยิ่งคมราวมีดโกนอาบด้วยไฟ เพียงสบตาเขาครั้งแรก หัวใจเธอก็หลอมละลายไม่เป็นตัวของตัวเองอีกต่อไป ถึงกระนั้น กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีกับตัวเองเลย เธอรู้ว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองยอมเป็นของเขาง่ายเกินไป อีกอย่าง เรื่องแต่งงานกับเขาแทนรวินั่นก็ยังค้างคาอยู่ในใจ จนตอนนี้เธอก็ยังสับสนไปจนหมด หญิงสาวขยับตัวเพื่อลุกขึ้น แต่ก็พบว่าส่วนล่างของเธอมันเจ็บและร้าวไปหมด เธอหันไปมองตัวการด้วยความหมั่นไส้ “หลับสบายเลยนะ” เธอบ่นอย่างมันเขี้ยว และขยับตัวอีกครั้งพยายามฝืนความเจ็บร้าว แต่คราวนี้ คนที่เธอคิดว่าหลับ กลับคว้าตัวเธอเอาไว้แล้วพลิกกายขึ้นอยู่ด้านบนตัวเธอ “อุ๊ย” “จะไปไหนครับ” “จะกลับโรงแรมค่ะ ป่านนี้ปอยคงรอแย่แล้ว” “ปอยของคุณโตแล้วนะ ไม่ต้องห่วงเขาหรอก” “คุณไม่เข้าใจ” “เข้าใจสิ คุณคอยเป็นทาสรับใช้เขาใช่มั้ยล่ะ” เนตรารีบยกมือปิดปากเขา “อย่าใช้คำนั้นเลยค่ะ มันไม่ใช่ ฉันเต็มใจดูแลปอยและทุกคนในบ้าน” รวิจับมือเธอมาจูบกลางฝ่ามือ แล้วบอก “การดูแลกับการจิกใช้เหมือนคุณเป็นทาสมันต่างกันนะ” “ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าฉันเต็มใจค่ะ” “คุณยอมเขาทุกเรื่องเลยหรือ อืม ผมก็ไม่น่าถาม ขนาดเรื่องสำคัญอย่างเรื่องการแต่งงาน คุณยังยอมเลย” เขาเว้นช่วงเพื่อลูบเส้นผมนุ่มสลวยนั้นอ่อนโยน “หลังจากแต่งงานกับผมแล้ว คุณก็ไม่ต้องเจออะไรแบบนั้นอีกแล้ว เราจะย้ายไปอยู่อเมริกาด้วยกัน” หญิงสาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ คาดไม่ถึง นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย “อะไรนะคะ ย้ายไปอยู่ที่นั่นเหรอคะ” “ใช่ ครอบครัวผมอยู่ที่นั่น” เนตราส่ายหน้า “ฉันทิ้งครอบครัวฉันไม่ได้หรอกค่ะ” รวิยังคงยิ้มใจเย็น “แต่คุณต้องมีครอบครัวของคุณนะเนตรา คุณจะอยู่กับพวกเขาตลอดไปไม่ได้” หญิงสาวมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที เธอคิดคำพูดของป้ากับปภาดาออกเลยทีเดียวละว่าทั้งสองจะพูดอะไรบ้าง ถ้าหากเธอออกจากบ้านไป เห็นสีหน้าของเธอแล้ว ชายหนุ่มก็รู้ว่าเรื่องนี้คงต้องใช้เวลา “คืนนี้ไม่ต้องไปหาปอยของคุณ เราจะค้างกันที่นี่” “แต่ว่า...” “อย่าลืมว่าเรามีอันตรายอยู่ ไอ้กำนันกับหลานของมันไม่ยอมจบง่าย ๆ แน่ บ้าชะมัด ผมจะซื้อรีสอร์ตมันแท้ๆ เกิดเรื่องแบบนี้ มันคงขายให้หรอก” “คะ? ซื้อรีสอร์ต แสดงว่าคุณจะอยู่เมืองไทยหรือคะ” ดวงตาคู่งามเป็นประกายแวววาวอย่างมีความหวัง เห็นแล้วรวิก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดู “เปล่า ครอบครัวผม แด๊ดกับมัมอยู่ที่นั่น นวลก็อยู่ที่นั่น ยังไงผมก็ต้องไปอยู่ที่นั่น” “นวล?” ได้ยินชื่อท้าย หญิงสาวก็สะดุดหูขึ้นมา “ใช่ นวล สาวไทยคนแรกที่ทำให้ผมตกหลุมรัก แล้วเธอก็สอนภาษาไทยให้ผม” แววตาของเขาอ่อนโยนลงเมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนั้น ริมฝีปากบางเผลอเม้มเข้าหากันแน่นก่อนเอ่ยเสียงเบา “มิน่าล่ะ คุณถึงพูดภาษาไทยได้ แถมยังพูดเก่งด้วย” “อื้อ นวลเขาเป็นครูภาษาไทยมาก่อน นอกจากสอนพูดภาษาไทยแล้ว เขายังชอบเล่าเรื่องเมืองไทยให้ผมฟังด้วย” น้ำเสียงที่พูดถึงนวลเต็มไปด้วยความรักที่สัมผัสได้ชัดเจน “อ้อ นอกจากนี้ นวลยังชอบเล่านิทานไทยให้ผมฟังก่อนนอนด้วยนะ” “เล่านิทานก่อนนอน?” เนตราทวนคำด้วยความไม่แน่ใจ “ใช่ ก็เขามีหน้าที่พาผมเข้านอนไง” หญิงสาวเบิกตากว้างขึ้นพร้อมด้วยท่าทีครุ่นคิด “หมายความว่านวลเป็น...” “ภาษาไทยน่าจะเรียกว่าแม่นม” เนตราเผลอพ่นลมออกจากปากด้วยความโล่งใจ และรวิก็เห็น เขาก้มหน้าลงมาส่งยิ้มยั่วล่อให้ “คิดว่าเป็นสาวสวยล่ะสิ” “เปล่านะคะ ไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย” เธอปฏิเสธและหลุบตาต่ำลง ไม่ยอมสบตาเขา "หึงก็บอกมาเถอะ” คราวนี้เธอช้อนสายตาขึ้นสบตาเขา “ฉันไม่มีสิทธิ์หึงคุณ” “คุณได้สิทธิ์นั้นร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มเลยที่รัก คุณคนเดียวเท่านั้น” เนตราส่ายหน้าน้อยๆ “คุณอาจมีผู้หญิงมากหน้าหลายตา และอาจจะมีคนรักอยู่แล้วด้วยซ้ำ แต่คุณต้องรับผิดชอบเรื่องหนี้แทนเจ้านายของคุณ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น ฉันไม่มีสิทธิ์หึงเลย” รวิพยักหน้าหงึกหงัก “ก็จริง” “นั่นไง” หญิงสาวอุทานเสียงแผ่วเบา ใจแป้วลงไปอีก พร้อมกันนั้นก็พยายามเข้มแข็งที่จะยอมรับว่า ชีวิตของเธอเหมือนเมฆจริง ๆ อยู่ที่ลมจะพัดพาไปทางไหน อยู่ที่ใครจะให้เธอทำอะไร เป็นอะไร รวิก้มลงจุมพิตหน้าผากเธอแผ่วเบา แล้วกระซิบ “แต่ผมยังไม่มีคนรัก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ รวิไม่อธิบายอะไรอีก เขาเริ่มต้นจูบเธออีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความเรียกร้องต้องการ มือใหญ่ของเขาเปะปะไปตามเนื้อตัวเปล่าเปลือยของเธอ ลงสัมผัสหนักหน่วงเพื่อปลุกเร้า อา...ถึงเวลาที่เธอจะได้ลิ้มชิมรส ของแซ่บ อีกครั้งแล้ว ดาริการับฟังเรื่องราวของรวิจากอังศุธรแล้วก็หัวเราะอย่างอดขำไม่ได้ “โอ๊ย จุดจบสายแข็ง” เธอหัวเราะจนหน้าแดง “ฉันจำได้นะเว้ย มันบอกจะไม่ยุ่งกับสาวไทย และคนอย่างมันน่ะ พ่อเคยบังคับอะไรได้บ้าง ทำไมรอบนี้ยอมวะ” “มึงคิดว่าไงล่ะ” อีกฝ่ายย้อนถาม ดาริกานิ่งคิดครู่หนึ่งก็เบิกตากว้าง “มันรักเขาเหรอ” อังศุธรผงกศีรษะ ก่อนอธิบายต่อ “เท่าที่ดู เคสมันเข้าตำราเกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้นของแท้เลยว่ะ อ้อ แต่ที่มากกว่านั้นคือมันอยากดัดหลังสองแม่ลูก ทายาทเจ้าหนี้ที่แท้จริงน่ะ มันอยากพาว่าที่เมียมันไปให้พ้นสองแม่ลูกนั่น” “โอ้โห เพื่อนฉันเป็นนักบุญซะด้วย ว่าแต่คุณเนตรา น่าสงสารขนาดนั้นเลยเหรอ” ดาริกาถามอย่างสนใจ “ฉันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางหรอก ต้องถามไอ้คาร์ลมัน” อังศุธรหยุดพูด ตามองไปที่บริเวณทางเข้าร้านอาหารที่พวกเขานั่งอยู่ แล้วพยักหน้าให้ดาริกามองตาม “นั่น ญาติของเนตรา คนที่ตอนแรกต้องเป็นเจ้าสาวตัวจริง แต่คิดว่าเจ้าหนี้มาจากอินเดียต้องอ้วน ๆ ดำ ๆ กลิ่นตัวแรง เลยยัดเยียดเนตราให้แต่งแทน” ดาริกาหันมองตาม แล้วก็พยักหน้า “ฉันรู้จักผู้หญิงคนนี้ ตัวท็อปเรื่องผู้ชายคนหนึ่งเลยละ” ปภาดาทนรอเนตราอยู่ในโรงแรมเฉย ๆ ไม่ไหว จึงออกมาหาอะไรดื่มข้างนอก เธอเลือกร้านอาหารแห่งนี้ เพราะดูในรีวิวแล้วมีคนให้ห้าดาวเยอะ ความสวยของเธอทำให้ชายหนุ่มมากหน้าหลายตาหันมามอง และเธอก็ยิ้มพอใจ อดนึกถึงเนตราไม่ได้ ลองถ้าคนที่เข้ามาเป็นเนตราสิ ใครจะหันมามองบ้าง แน่นอน รวิตัวจริงก็คงเป็นเหมือนหนุ่ม ๆ พวกนี้ คนหล่ออย่างเขาย่อมต้องการหญิงสาวสวยเคียงข้าง ไม่ใช่คนหน้าจืดอย่างเนตรา เธอนั่งลงที่โต๊ะ แล้วก็กวาดตามองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าใครที่ดูดีมีราศีที่สุด เธอมองไม่เห็นอังศุธรกับดาริกา เพราะทั้งคู่นั่งอยู่ในมุมส่วนตัว แต่คนในมุมส่วนตัวสามารถมองเห็นคนด้านนอกได้ พวกเขาจึงเห็นทุกอิริยาบถของเธอ มีชายหนุ่มคนหนึ่งทำใจกล้าเข้ามาทักทายเธอ ปภาดามองสำรวจเขา ครั้นเห็นว่าเขาแต่งกายดูดี สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม เธอก็อนุญาตให้เขานั่งร่วมโต๊ะได้ “สวัสดีครับ ผม...เอครับ” ชายหนุ่มหน้าคมอย่างคนใต้เอ่ยแนะนำตัว “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ” หญิงสาวยิ้มหวาน ก่อนย้อนถาม “คุณเคยดูพวกรายการรีวิวเครื่องสำอางหรือเปล่าคะ” เขาส่ายหน้าน้อย ๆ “ผมชอบดูกีฬามากกว่า นี่อย่าบอกนะว่าคุณเป็นเน็ตไอดอลน่ะ” ท่าทางของเขาตื่นเต้นขึ้นมา คราวนี้ปภาดาหัวเราะคิก ก่อนส่ายหน้าอย่างมีจริต “เปล่าค่า หน้าอย่างเราจะไปรีวิวอะไรได้ แต่แค่มีคนบอกว่าเหมือนบิวตี้บล็อกเกอร์คนหนึ่งเท่านั้นเองยินดีที่ได้รู้จักนะคะ เรา...เนตราค่ะ” “เนตรา...ชื่อคุณเก๋มาก ผมเพิ่งเคยได้ยิน” เขามองเธอชื่นชม “รูปงามนามเก๋ของแท้เลยนะครับ” ปภาดายิ้มเย้ายวน “ค่ะ จำชื่อเราไว้ให้แม่นนะคะ เราชื่อเนตราค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD