#1นิสัยกานต์
นิสัยกานต์
เสียงดนตรีในสถานที่เที่ยวดังสอดประสานกับเสียงสนุกสนานเฮฮาตามประสาวัยรุ่นขาเที่ยว
เฮน่า
หญิงสาวผิวขาวร่างเล็กที่แต่งตัวน่ารักโชว์ส่วนสัดในร่างกายให้ใครต่อใครเห็นได้อย่างชัดเจน เธอมอบเป็นอาหารตากับเสื้อจั้มอกที่คว้านต่ำจนเห็นอกที่เบียดชิดอยู่ในร่มผ่าอย่างชัดเจนในทุกจังหวะที่ขยับร่างกายตามจังหวะเสียงเพลง
เฮน่ามาเที่ยวกับเพื่อนสาว เพราะเธอทั้งเหงาและเบื่อกับชีวิตรักที่จำเจของตัวเองและเบื่อที่ต้องแสดงเป็นสาวคิคุน่ารักทั้งๆ ที่ตัวจริงเรียกได้ว่าแรงจัดจนหาตัวจับได้ยาก
“มึง…” เสียงเพื่อนในกลุ่มดังขึ้นพร้อมกับสะกิดเพื่อนทุกคนให้สนใจ
“อะไรวะมึง!” เฮน่าสงสัยหันไปมองแนตตี้ที่ดูดีด้าสดชื่นขึ้นกว่าเก่าหลายเท่าตัว
“บนนั้น…”
“ไหน?”
เฮน่าไม่สนคนที่แนตตี้พูดถึงเพราะสายตาเธอตรึงอยู่กับผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงกลางโซฟาตัวยาวสีแดงสด รอยสักเล็กๆ ที่อยู่ตรงท่อนแขนเป็นดาเมจที่รุนแรงสำหรับเธอ ไหนจะสายตาที่ดูเหมือนไม่แคร์ไม่สนหัวใครและบางครั้งก็ส่งประกายความร้ายกาจเมื่อใครเผลอบังอาจไปจ้องมองเขาดูพร้อมบวกกับทุกคน ไม่นับรวมท่าทางที่นิ่งเสียจนคนที่เข้าหาเดาสีหน้าอารมณ์ไม่ออก
ถ้าไม่บอกเฮน่าก็คิดว่าเขากำลังหมดสนุก มือที่ยื่นไปยกแก้วชนกับเพื่อนและยิ้มบางๆ ที่มุมปากกระตุ้นให้เฮน่าอยากจะเข้าไปทำความรู้จักมากขึ้น
เธอรู้จักเขา
พี่กานต์
เขาบอกกันว่าถ้าอยากได้ต้องเป็นฝ่ายเข้าหาพี่เขาก่อน
‘ได้ยากแต่ก็ได้…’
คือสิ่งที่ใครๆ พูดกัน เฮน่ารู้ดีว่านี่คือที่เที่ยวประจำของแกงค์หนุ่มโฉด
เธอลุกจากโต๊ะอย่างมั่นใจเดินตรงไปเต้นตรงหน้าโต๊ะของสามหนุ่ม
“ไอ้กานต์…” โอมที่นั่งมองอยู่นานหันไปเรียกเพื่อน
“เออ…เห็นแล้ว” กานต์ว่าแต่ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ
เรื่องอะไรเขาจะต้องลุกออกไปทำตัวเป็นผู้ชายแสนดีเพื่อช่วยชะนีที่ต้องการผสมพันธุ์
ไม่ผิดหรอก…
อาจฟังดูหยาบแต่ผู้หญิงคนนั้นส่งสายตาว่าอยากจะกินเขาอย่างชัดเจน ที่มาเต้นข้างหน้าและตั้งใจร่อนสะโพกขนาดนี้ก็รู้ดีว่าคิดอะไร
แต่ไม่สำเร็จหรอกนะ
ปล่อยให้โดนล้อมอยู่อย่างนั้น
“มึงก็ไปดิวะไอ้โอม “เสียงหนึ่งแทรกเข้ามา ผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนกับผู้ชายที่เขาเอ่ยปากสั่งทุกอย่างต่างกันตรงที่แว่นเลนส์หนาที่เขาสวมใส่
เขาชื่อโอ เป็นพี่ชายฝาแฝดแม้จะเกิดนำไปก่อนสามนาทีนิดๆ ก็ตาม แต่อำนาจของคำว่าพี่มันมีภาษีเหมือนห่างกันสักสามปีเห็นจะได้ เขาชอบให้น้องเคารพเชื่อฟังเขา
โอมไม่ตอบเลือกที่จะหันไปมองกานต์ที่ยังนิ่งเพื่อนเขาหยิ่งเกินกว่าที่จะลดตัวลงไปช่วยหญิงสาวคนนั้น โอมวางแก้วลุกออกจากที่นั่งข้างพี่ชายเดินตรงไปสะกิดหญิงสาวตัวเล็กที่แต่งตัวน่ารักใสๆ แต่ซ่อนความร้ายและร้อนแรงเอาไว้จนไม่สามารถปกปิดได้มิด
“ไปนั่งพักที่โต๊ะพี่มั้ย” โอมยิ้มมองหญิงสาวด้วยสายตาที่ละมุนละไมอบอุ่น
แม่สอนไว้ว่าต้องให้เกียรติผู้หญิงเขาเลยเลือกจะจำสิ่งที่แม่สอน ไม่ว่าจะน่ารัก สวยเผ็ด เด็ดร้อนแรงแค่ไหนสายตาที่โอมมีให้มันไม่เคยเปลี่ยน อบอุ่นอ่อนโยนเท่าเทียมกันทุกคนจนเขาเคยโดนผู้หญิงด่าว่า
หลอกลวง…
“ค่ะ” เธอยิ้มเหมือนเขินอายแต่กลับรีบเดินตรงไปนั่งข้างไอ้กานต์อย่างไม่ลังเล ผมหันไปมองหน้าพี่โอก่อนจะนั่งลงข้างพี่ดังเก่า ไอ้กานต์ก็เอาแต่นิ่งไม่มีล่ะที่จะหันไปสุงสิงเสวนากับน้องที่เขาอุตส่าห์มาเสนอตัวให้ถึงที่
“ร้อนจังเลยนะคะ” เธอบ่นพร้อมกับดึงเสื้อกระพือขยับขึ้นลงตรงหน้าอก
ได้ผล…
ไอ้กานต์หันไปมองมันกำลังจ้องหนองโพ โฟโมสต์ของน้องเขา
เทสแรกถือว่าผ่านเพราะนมนำพุงไปหลายขุมเลยล่ะเรียกว่าพกมาเยอะเกินตัวสมัยนี้ก็ไม่มีใครมัวมาสนว่าของแท้แม่ให้มาหรือว่าของเทียม
หญิงสาวเริ่มเข้าหาและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากไปต่อกับกานต์สองแฝดทำเป็นไม่สนใจคิดซะว่าวันนี้กานต์ไม่ได้มาด้วยเมื่อเห็นทั้งสองเริ่มจะนัวเนียคลอเคลียกัน
“เวรเอ๊ย…ดูมันไปเฉย” โอบ่นกับมองหันไปมองกานต์ที่ลุกออกจากโต๊ะไปพร้อมกับน้องคนนั้นที่เดินตามไปห่างๆ
แต่โอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธกานต์เหมือนที่พูดออกมาจริงๆหรอกนะ
แค่รำคาญกันสันดานเพื่อน
โอมยิ้มยกแก้วขึ้นชนกับพี่ชายและหันไปสนใจสาวๆในร้านแทน
โรงแรม…
มือบางลูบไล้หน้าท้องของผมก่อนจะขยับอ้อมลงไปลูบบางอย่างที่เริ่มขยายตัวขึ้นมาดุนดันแก้มก้นของเธอ
ปังๆ!! ปังๆ!!
เสียงเคาะประตูรัวดังทำเอาเราทั้งสองสะดุ้ง ทั้งผมและเธอต่างตกใจแต่ก็แสร้งพยายามจะไม่ใส่ใจนอกจากอารมณ์หวามไหวในกายตัวเอง
“อะ…อื้อ…” เธอหลุดครางเมื่อผมกดส่วนหัวผ่านเข้าไปเพียงนิด
ดัจจริตแสร้งทำเป็นเจ็บแต่ผมน่ะเห็นเขี้ยวเล็บที่เธอซ่อนไว้หมดแล้ว
ปังๆ!!! ... ปังๆ!!!
เสียงเคาะประตูรัวดังถี่ขึ้นกว่าเก่าจนผมชักหงุดหงิด
“อย่าสนใจเลยค่ะ” เธอว่าพร้อมกับยื่นมือมาลูบแขนผม
“ฉันจะไปดู!” ตอบเธอด้วยความรู้สึกที่ยังหงุดหงิดไม่หาย ลงจากเตียงหยิบกางเกงมาใส่ลวกๆ
ในใจก็แอบคิดว่าอาจเป็นพนักงานโรงแรมที่ถูกแม่บังคับให้รีบมาห้ามศึกรักของผม
ไม่น่ามาที่นี่เลย! ...
ผมบ่นคนเดียวในใจก่อนจะเดินไปเปิดประตู
แกร๊ก…
ผมเปิดประตูออกมองชายร่างสูงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมด้วยความสงสัย
ใครวะ?
ไม่ใช่พนักงานโรงแรม ยังไม่ทันได้ถามเขาก็กระแทกแขนชนผมเพื่อพุ่งตรงเข้าไปข้างใน
“เฮ้คุณ!” ผมไม่พอใจเดินตามไปจับผู้บุกรุกที่ไร้มารยาท
“เฮน่า!” เขาเรียกผู้หญิงคนนั้นด้วยความตกใจ
สถานการณ์พลิกกลับไปคนละทาง
ผัวยัยนี่มาตามงั้นเหรอ? ...
“ไหนว่าอยู่ห้องแล้วนี่อะไร! ... ไอ้เชี่ยนี่มันเป็นใครห๊ะ!” เขาตวาดใส่เธอเสียงดังท่าทางหัวเสียแถมยังชี้มือมาที่หน้าผม
“คะ…โค้ก! ...ฮือ…ช่วยเฮน่าด้วย! ...เขาบังคับเฮน่ามาฮือๆ …ที่ร๊ากกก” เธอบีบน้ำตาปั้นแต่งเรื่องโกหกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
งงครับ? ...
นี่ผมกลายเป็นคนหื่นจัดที่ล่อลวงเธอมาแล้วงั้นเหรอ?
“มึง!” ชายตรงหน้าหันมาง้างหมัดใส่จนผมที่ไม่ได้ตั้งตัวล้มลงไปนั่งงงต่อที่พื้น “มึงจะทำอะไรแฟนกู!” มันตวาดเสียงดังและขึ้นมานั่งคร่อมตัวผม
เชี่ยแล้วไง! ...
วันซวยอะไรวะเนี่ย! ผมยกมือขึ้นป้องกันตัวก่อนจะเอาเข่ากระแทกก้นจนมันเสียหลักล้มหน้าขะมำข้ามหัวผมไป
“เมียมึงมากับกูเอง!”
“โกหก! ...มึงหลอกแฟนกูมา!!” เขาไม่ฟังเหมือนโดนยัยนั่นล้างสมองไปเรียบร้อย
คนรึควายพูดอะไรก็เชื่อฟังไปหมด
ผมไม่สนก้มลงไปหยิบเสื้อมาใส่ไม่อยากมีเรื่องเพราะแย่งผู้หญิงกับใครหรอกนะ
“งั้นมึงก็เอาแฟนมึงคืนไปกูยังไม่ได้จิ้ม!” ผมพูดใส่หน้าและหันไปหาผู้หญิงที่แสดงละครว่ากำลังตกใจขวัญเสีย
เหตุผลแม่งฟังย้อนแย้งทุกอย่างแต่ไอ้นี่แม่งยังเชื่อฟังแฟนโดยไม่ระแวงสงสัยอะไร
แล้วแม่งตามมาถึงนี้ได้ไง
รึว่าคนที่คุยกันเมื่อกี้ก็ยังไม่ใช่มัน
แม่ง! ...
ยัยแรดนี่มีผัวกี่คนวะ!
ผมด่าเธอทางสายตาและหันกลับไปมองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเป็นหมาบ้าเพราะหึงเมีย
“อยากได้ก็พากลับไป!” ผมตะคอกใส่มันและเป็นฝ่ายเดินออกมา
“มึงจะไปไหน!” มันไม่ฟังยังคงเข้ามาหาเรื่องผม
“เมียมึงมากับกูเอง! ...ฟังมั้ยเนี่ย!” ผมปัดมือมันออก
“มึงหลอกเฮน่ามา!”
เอ๊าไอ้ห่า…เมียมึงมีขาแถมยังฉลาดกว่ามึงกับกูเยอะ! …
“หึ! ...แรดกับควายเจอกันสินะ!” ผมประชด
“มึงด่ากูเหรอ!!!” มันต่อยผม!
ผมเสียหลักล้มไอ้นี่แม่งใช้อารมณ์ล้วนๆ แถมยังเล่นทีเผลอ
เออ…มึงเก่งก็ได้
เจ็บจมูกชิบหาย! ...
ผมเอามือลูบสันจมูกก็มีเลือดติดปลายนิ้วกลับมา
นั่นไงจนได้มั้ยล่ะ! ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอพอถึงเลือดแล้วมันก็ยอมไม่ได้ซะด้วยสิ!
“ลุกขึ้นมาดิวะไอ้กระจอก!”
“มึงว่าไงนะ!” เลือดลมในตัวผมเดือดขึ้นมาช้าๆ ขยับลุกขึ้นพรุ่งตรงไปหาและ
ไม่มีคำว่ายอมให้กันและกันไม่สนไม่ฟังแม้ตอนนี้จะมีคนเข้ามาอยู่ในห้องเต็มไปหมด
สถานีตำรวจ
สุดท้ายก็มาจบที่นี่ครับ…
มันไม่ยอมผมก็ไม่ยอมแม้พนักงานโรงแรมจะกล่อมให้คุยกันดีๆ
“ไม่มีทาง!” เราพูดพร้อมกันและท้าทายกันมาที่โรงพักทันที
ตอนนี้กำลังรอร้อยเวรสอบปากคำ
“กูจะลากมึงเข้าคุกที่มึงทำกับแฟนกู!” ไอ้ครกนั่นมันหันมาชี้หน้าผม
“แน่ใจ? ...ถามเมียมึงก่อนมั้ยอย่าพึ่งโชว์กร่าง”
“หลักฐานมันก็เห็นกันอยู่มึงติดคุกหัวโตแน่ๆ!”
“เหรอ? ...กูใช้อะไรขู่บังคับเมียมึงล่ะ? ...เมียมึงถึงได้เดินตามกูมาถึงโรงแรม”
ผมย้อนมันก็หันกลับไปมองเมียที่ยังทำหน้าตกใจเสียขวัญตัวสั่นอยู่ในอกผัว
ยอดเยี่ยม…
อยากลุกขึ้นปรบมือให้กับการแสดงอันสมบทบาท
“แรดเงียบก็พูดไป…เปิดกล้องมานี่โป๊ะเลยนะ!” ผมพูดลอยๆ
“มึงหุบปาก!” ไอ้ครกมันตวาดผม
“โค้ก…” เธอรีบบีบน้ำตาเรียกสาตัวเอง
“อ้าวชื่อโค้กเหรอ? นักว่าไอ้หัวครกซะอีก!”
“มึง!! ...” มันชี้หน้าผม
“อะไร! ...ชี้หาญาติผู้ใหญ่มึงรึไงวะ!”
เอาไงวัดกันได้นะตอนนี้พยานมีพร้อมบวก!
“ที่รักไม่เอา…” เธอกดมือสาลง
“ไม่ต้องร้องนะที่รัก…เค้าจะปกป้องศักดิ์ศรีที่รักเอง..” มันพูดอย่างเชื่อมั่นและดึงเมียมันไปกอดดังเก่าเล่นเอาผมหลุดขำ
ควายก็ยังเป็นควายครับ…
เธอผลักออกพร้อมทำหน้างอใส่
“แค่นี้ยังอายไม่พอเหรอที่รัก…ถ้าพ่อแม่เค้ารู้…เพื่อนที่มอรู้เค้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนที่รักแน่ใจว่ากำลังปกป้องเค้างั้นเหรอ?” เธอปาดน้ำตา
แม่ง…
ออสการ์ต้องมาถึงไทยล่ะ
เนียนเชี่ยๆ
“โอ๋ๆ …ที่รักอย่าร้องนะเค้าขอโทษไม่แจ้งแล้วนะ…ไม่แจ้งความแล้ว” มันปลอบพร้อมกับเช็ดน้ำตาอย่างอ่อนโยนให้เมีย
แต่ผมเพลียจริงๆ พึ่งเคยเห็นมารยาหญิงว่าแท้จริงแม่งเฉียบคมแค่ไหน พลิกคำจากดำเป็นขาวได้ใสๆ เลยครับ
ร้อยเวรเดินเข้ามาหลังจากปล่อยให้นั่งรอมานาน
“ตกลงเรื่องอะไรกันครับ”
“ทะเลาะสิวาทค่ะ…เข้าใจผิดกัน!” เธอหันไปบอกร้อยเวรและจับมือแฟนควายๆ ไว้แน่น
ผมก็ฟังนิ่งๆ อันไหนที่มันเกินจริงก็เถียง
ยัยเฮเน่าเล่าเป็นตุเป็นตะนอกจากแสดงละครเก่งแล้วยังเขียนพล็อตเก่งอีกต่างหากผมล่ะไม่อยากจะชม
“คุณล่ะครับ?” คุณตำรวจหันมามองผม
“ผมไม่ได้เริ่ม…เธอเข้าหาผมก่อนและแฟนเธอก็ต่อยผมก่อน”
“จริงอย่างที่น้องผู้ชายบอกมั้ยครับ?” ตำรวจหันกลับไปถามมัน
“คะ…ครับผมต่อยมันก่อน!” มันเสียงอ่อนเพราะโดนเมียบังคับ
ผลสรุปของการสอบปากคำคือเราเสียค่าปรับกันทั้งคู่ครับ
แต่ผมที่ได้รับปาดเจ็บสามารถเรียกค่าทำขวัญได้เพราะต้องไปโรงพยาบาลหาหมอทำแผล…
ขอบพระคุณกฏหมายไทยที่ใครหลายคนมองว่าอ่อนแอไม่เด็ดขาดแต่มันก็มีข้อดีเหมือนกันนะเนี่ย
“หมื่นนึง!”
“หมื่นพ่องมึงดิ!” มันไม่พอใจคิดว่าผมได้โอกาสเอาคืนมัน
แต่…
กูนี่แหล่ะฝ่ายถูกกระทำที่แท้จริง!
“กรุณาพูดจาให้มันดีๆ ด้วยครับนี่อยู่ต่อหน้าเจ้าพนักงานนะ!” พี่ตำรวจขู่ มันก็หูลู่เป็นหมาโดนดุไม่มีผิด
“ไอ้โค้ก!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำเอาคนทั้งห้องหันไปมองรวมถึงผมด้วย
ผู้ชายสูงตัวหนาที่เดินเข้ามาใหม่ส่งสายตาอาฆาตเดือดจัดใส่คู่กรณีผม
“มึงนี่แม่ง!” เขายกมือจะทำร้ายไอ้ครกแต่คุณตำรวจพูดห้ามไว้ก่อน
“ผมเป็นพี่ชายเขาครับ” ผู้ชายคนนั้นแนะนำตัว
พี่นี่เองมิน่าดูท่าจะใจร้อนพอๆกัน
“ครับ…ตกลงจ่ายค่าปรับกันเรียบร้อยเหลือแค่ค่าทำขวัญที่ยังตกลงกันไม่ได้น้องชายคุณทำร้ายร่างกายจนคู่กรณีได้รับบาดเจ็บ” คุณตำรวจพูดจบสายตาอาฆาตก็มาจบที่ผม
อะไรวะ? ...
น้องมึงนะที่ทำกูก่อน! ...
ผมมองเขากลับอย่างไม่พอใจ
“เท่าไหร่ครับค่ารักษาพยาบาลของคุณ” ผิดคาดสายตาอาฆาตหายไปเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มแถมเขายังพูดกับผมซะสุภาพนุ่มนวล
“หมึ่นนึง!” ผมย้ำคำเดิมตั้งแต่ต้น
“ห้าพัน!” พี่ชายมันหั่นราคาเฉย
“จมูกผมแตก! ...หมื่นนึงไม่ต้องต่อ” ผมชี้ไปที่แผลตัวเอง
“คุณก็ไม่ได้เป็นไรมากห้าหันก็น่าจะพอกับค่าหมอค่ายาแถมค่าตกใจอีกนะครับ…รึว่าจมูกทำมา? ...งั้นก็เอาใบรับรองแพทย์มาเบิกกับผมทีหลังนี่นามบัตรผมครับรับรองไม่เบี้ยว” เขายิ้มตาหยีพยายามสร้างสัมพันธไมตรีกับผมสุด
“ห๊ะ!” ผมมองหน้าคนที่บอกว่าเป็นพี่ชายและรับนามบัตรเขาไว้ตามมารยาท
นี่หน้ากูมันดูปลอมหรือว่ามึงมองไม่เห็นความหล่อที่เป็นธรรมชาติของกูวะเนี่ย
ของแท้นะกูไม่ได้ทำ! ...
“ไม่ได้ทำ!” ผมตอบอย่างหงุดหงิด
“งั้นก็ห้าพันแล้วกันนะครับถือว่าช่วยๆ กัน”
“ช่วยเชี่ยไรน้องมึงทำร้ายกูก่อน!” ผมลั่นทุกอย่างที่คิดออกมา
“ขอโทษจริงๆ นะครับน้องผมมันใจร้อนไม่มีหัวคิด” เขายิ้มแต่ผมว่ามันแปลกๆ
นี่มึงทำงานอะไรวะต่อเก่งตอดเก่งชิบหายอยากหยิบนามบัตรมาอ่านใหม่ซะแล้วสิ!
“หมื่นนึงก็หมื่นดิวะกูมีปัญญาจ่าย! ...พี่คิวให้มันไปเหอะแม่ง!”
เพี๊ยะ!
เสียงคนปากดีโดนพี่ตบกะบาลดังลั่น
“ถ้ามึงถนัดแต่พูดไม่สร้างสรรค์ก็หุบปากแล้วลากเมียมึงไปไกลๆ มือกับตีนกู! ...ไปให้พ้นหูพ้นตากูได้ยิ่งดี!!!”
“หึๆ …” ผมขำ
สมน้ำหน้าแต่ว่าพี่ชายมึงแม่งโหดดี! ...
“ห้าพันก็ได้แต่น้องชายคุณต้องขอโทษผม”
เห็นแก่เสียงกะบาลควายลั่นหรอกนะ
“ไอ้โค้ก! ...” เขาหันไปกดดันน้องชายทันที
“ไม่มีทาง!”
“มึงอยากโดนซ้ำสองมั้ย? ...มานี่!”
มันโดนพี่ชายตวาดจนหง๋อ
“ไอ้กานต์!” ผมหันไปมองไอ้โอที่เดินหน้าตื่นเข้ามา
เชี่ย…
ผมโทรหาไอ้โอมไม่ใช่เหรอ?
“ไม่มีไรไกล่เกลี่ยแล้วมึงไปนั่งตรงนั้น” ผมบอกเพื่อนไม่ให้มันโวยวาย
นิสัยเราคล้ายกันถ้ารู้เรื่องมันคงโวยวายไม่จบแถมอาจจะได้คู่กรณีเพิ่มอีกคน
“หน้ามึง!” มันชักสีหน้า
“เออ…กูไม่เป็นไร” ผมพยายามบอกปัดให้มันผ่านๆ ไปจะได้จบ “ตกลงขอโทษมั้ย?” ผมหันไปมองไอ้โค้กแทน
มันชักสีหน้าให้รู้ว่าโดนบังคับอย่างฝืนใจ
“ขอโทษ!”
“อันนี้ลดเหลือแปดพัน” ผมบอกพี่ชายมันตรงๆ
“ดีๆ ไอ้โค้ก!” มันโดนพี่ดุอีกครั้ง
สุดว่ะ…
ผมชอบรู้สึกสะใจสุดๆ
“ขอโทษ…” ไอ้โค้กพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนรื่นหู
“อื่ม…จ่ายมาเซ็นๆ จะได้จบ!” ผมบอกพี่ชายคู่กรณี
เขาจ่ายเงิน
ผมก็เซ็นรับทราบในใบแจ้งความและไอ้โค้กซึ่งคือคู่กรณีผมก็ตามเข้ามาเซ็น
เป็นอันจบ
แยก!
ผมเดินออกจากสถานีตำรวจแต่ก็ต้องทนฟังไอ้โค้กที่บ่นตามหลังไม่จบ มันพูดกระทบแถมยังคุยอวดกับพี่ชาย
แม่งขี้ฟ้องดูเป็นน้องที่ไม่โต
“ไปคุยที่บ้าน!” เสียงพี่ชายมันที่เงียบอยู่นานดังขึ้น
ไงล่ะมึงเงียบกริบ! ...
เปิดประตูรถเข้ามานั่งอยู่หลังพวงมาลัย ดึงที่บังแดดลงมองกระจกเล็กๆ ที่เห็นรอยแผลตรงสันจมูกชัดเจน
“แม่ง!” ผมหงุดหงิด” อย่าให้เจออีกครั้งนะมึง!”
ยังไงดีล่ะปิดคุณโสภาไม่ได้แน่…
เซ็งโว๊ย!