#2สันดานคิว

3293 Words
สันดานคิว ผมขับรถกลับมาที่บ้านเพราะรำคาญไม่อยากเจอไอ้โค้กกับเฮน่าที่คอนโด บังเอิญว่าผมเสือกอยู่คอนโดเดียวกันกับเฮน่าครับ ปรกติผมกลับมาบ้านอาทิตย์ละหนแต่พอไอ้โค้กกลับมาถึงบ้านมันก็เอาแต่เดินตามพยายามจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดจนผมรำคาญ “ดึกแล้วนะกูจะนอนพรุ่งนี้กูต้องทำงาน!” ผมบอกมันที่ยังนั่งอยู่ในห้องผมไม่ยอมลุกไปไหน ขนาดหนีไปอาบน้ำแล้วนะ “พี่คิวเดี๋ยวดิอย่าพึ่งนอนฟังผมอธิบายก่อน!” “ไปไกลๆ ตีนถ้าไม่อยากโดนกูเตะ!” ผมหันไปมองไอ้โค้กที่ทำท่าจะเดินมาหาผม “แต่ผมไม่ผิดนะ!” “นี่ขนาดมึงไม่ผิดนะกูยังเสียไปตั้งห้าพัน!” “...ใครจะไปรู้ล่ะว่าต้องจ่ายค่าทำขวัญมันด้วย” “สมองไง…มีมั้ยคิด!” “เออน่า…ห้าพันเองหักตังผมไปก็ได้” “พูดง่ายนะมึงหาเงินเองได้รึยัง!” “ผมขอโทษ…หายโกรธนะพี่คิวให้กราบก็ได้อ่ะ” “มึงไม่ต้องเข้ามาไปไกลๆ เดี๋ยวตีนกูลั่น!” “พี่คิวก็เอาแต่ด่าผมอ่ะ! ...ไอ้เชี่ยนั่นนะที่เป็นฝ่ายผิด!” “ยังจะปากดี! ...ถ้าไม่ใช่เรื่องเฮน่ามึงจะมีเรื่องมั้ย?” “เฮน่าไม่ผิดนะพี่คิว! ไอ้เชี่ยนั่นแหล่ะที่ผิดแค่นี้ยังน้อยมันล่อลวงเฮน่าของผมไปข่มขืนนะ! ...ถ้าไม่ติดว่ากลัวเฮน่าจะอับอายป่านนี้ผมลากมันเข้าคุกไปแล้ว!” “เอาดีๆ ไม่ใช่เมียมึงเหรอที่ไปกับเขา” “เฮน่ารักผม! ...ไม่มีทางยอมไปกับไอ้เชี่ยนั่นเด็ดขาด เธอแค่หัวอ่อนเชื่อคนง่ายเลยโดนคนชั่วคนเลวอย่างไอ้เชี่ยนั่นมันหลอกไป…ถ้าผมไปไม่ทันนี่ก็ไม่อยากจะคิดเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง” ไอ้โค้กทำหน้าเคียจแค้นกังวล “ที่พูดน่ะมึงใช่มั้ยที่โดนเมียหลอก” “ไรวะพี่คิว?!” ไอ้โค้กชักสีหน้า “กูเตือนมึงก็หัดฟังบ้างนะไอ้โค้ก เมียมึงน่ะไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น” “มันก็แค่ข่าวลืออ่ะผมคบของผมมาทำไมจะไม่รู้!” มันเถียงแทนเมีย “ไปให้พ้นๆ หน้ากูเลยไป!” ผมออกปากไล่รู้ดีว่าพูดเตือนไปก็เปล่าประโยชน์ “พี่คิว…” “กูบอกให้ไป!” ผมขึ้นเสียงใส่มันก็ยอมเดินออกจากห้องผมไปตามคำสั่ง ผมนั่งลงบนเตียง ยอมรับว่าในหัวยังคิดเรื่องของไอ้โค้กอยู่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงให้มันตาสว่าง อีกเรื่องที่หงุดหงิดคือไอ้หน้าอ่อนที่มีเรื่องกับไอ้โค้ก ยอมรับนะครับว่าไม่ถูกชะตา ไม่ชอบขี้หน้าไม่ชอบสันดานของมันสักนิด ไม่เคยมีใครมองผมกับไอ้โค้กแบบนั้น มันทำเหมือนมันเป็นผู้ชนะที่สามารถเรียกเงินกับคำขอโทษจากปากไอ้โค้กได้ ถ้าไม่ติดว่าเคลียร์กันที่โรงพักผมก็ไม่มีทางควักตังจ่ายมันหรอกแถมจะจัดมันสักชุดให้หายซ่าส์ เลิกปากดีทำเก่ง ไม่ได้เข้าข้างน้องขนาดนั้นนะแต่ผมว่าทั้งสองคนมันก็ผิดพอๆ กันทั้งคู่ หน้าไอ้โค้กมันก็บวมช้ำอยู่ไม่ใช่ผมไม่เห็น เจ็บตัว เสียตัง เสียหน้าและยังต้องมาเสียประวัติ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหงุดหงิดจัดอย่างที่ไม่เคยเป็น เช้าวันรุ่งขึ้น ผมก็ต้องตื่นเช้ากว่าปรกติเพื่อไปทำงาน บริษัทเคเคเฟอร์นิเจอร์ แอน ดีไซค์ ที่นี่เป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และรับออกแบบเฟอร์นิเจอร์ครบวงจรควบกับการตกแต่งภายในกิจการที่บ้านที่ตอนนี้ตกเป็นของผมแบบจำใจที่พูดแบบนี้เพราะพ่อยกให้ผมทันทีที่เรียนจบ ไม่ถาม ไม่บอกล่วงหน้าและไม่สนว่าผมอยากทำรึเปล่า เอาชีวิตของพนักงานตาดำๆ เกือบร้อยชีวิตมายัดใส่มือเด็กอายุ22อย่างผมให้บริหารแต่มันก็ผ่านมาได้2ปีแบบถูไถ ผมจบสถาปัตย์ไงถนัดงานดีไซค์งานออกแบบไม่ใช่งานบริหาร ตอนนี้ก็เลยต้องพาตัวเองไปเรียนโทด้านบริหารเพิ่มความรู้เพิ่มงานเพิ่มภาระให้ตัวเองไปอีก ส่วนพ่อผมเหรอ? หนีครับ หนีไปอยู่ต่างจังหวัดกับแม่สองคนทิ้งผมกับไอ้โค้กไว้กรุงเทพ “อรุณสวัสดิ์ค่ะบอส” เสียงคุณน้องเลขาของผมทักทาย “ครับ” ผมยิ้มบางๆ ก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้ “คุณน้องช่วยเช็คให้ผมทีว่าแบบที่เสนอโรงแรมเดอะ โสภาเสร็จรึยัง” “ค่ะบอส” เธอรับคำและกดโทรศัพย์ต่อสายทันที คุณน้องเป็นเลขามรดกที่พ่อยกให้ผม เรารู้จักคุ้นเคยกันมาเป็นสิบกว่าปีผมเลยไม่มีปัญหาอะไรเมื่อได้ร่วมงาน กลายเป็นคุณน้องด้วยซ้ำที่ช่วยแนะนำ ช่วยบอก ช่วยสอนผมในหลายเรื่อง คุณน้องทำงานว่องไวเข้าใจนิสัยว่าแท้จริงแล้วผมค่อนข้างเอาแต่ใจและใจร้อน อยากได้อะไรต้องได้ อยากรู้อะไรต้องรู้แต่สิ่งที่ผมแสดงออกเป็นภาพลักษณ์ต่อหน้าคนอื่นคือ บอสเป็นคนนิ่ง สุขุม สุภาพ ใจเย็น ประณีประนอม ผมรู้ดีว่าอารมณ์ร้อนใช้กับงานไม่ได้ “เสร็จเรียบร้อยค่ะบอส” “งั้นส่งแบบของบริษัทเดอะโสภาให้ผมด้วย” “บอสจะไปเองเหรอคะ?” “ครับ…ก็คุณบอกผมเองว่างานคนอื่นล้นมือ ผมว่างช่วงสายจะแวะเข้าไปคุยจะได้ไม่เสียเวลา” ผมบอกเลขาที่ยิ้มหน้าบานมองผมอย่างปลาบปลื้ม “บอสน่ารักจังเลยค่ะ” คุณน้องชม “มันใช่เวลาที่คุณจะมาชมผมมั้ยไปเอาแบบมา” ผมทำเสียงดุเธอก็รีบเดินออกไปทันที เขินนะครับ… อย่างที่บอกว่ารู้จักกันมาเป็นสิบกว่าปีตั้งแต่ผมกับไอ้โค้กยังเป็นเด็กชายและวิ่งเล่นกันในออฟฟิส เธอเอ็นดูรักใคร่ผมอย่างไรสายตาตอนนี้ที่มองผมมันก็ยังไม่เปลี่ยน รออยู่สักพักเธอก็ส่งไฟล์กับเอาแบบมาให้ ผมหยิบแบบดูความเรียบร้อยก่อนเก็บใส่กระเป๋าเขียนแบบ “วันนี้ผมไม่เข้ามาแล้วนะมีอะไรด่วนก็โทรมา” “ค่ะบอส…ขับรถดีๆ นะคะ” คุณน้องยิ้ม “ครับ” ผมพยักหน้าก่อนเดินออกจากห้อง คุณน้องเดินตามออกมายืนส่งผมหน้าลิฟต์เหมือนแม่มายืนส่งไปทำงานไม่มีผิด ขับรถฝ่าการจราจรที่ติดขัดเล็กๆ มายังบริษัทเดอะ โสภา วนลงมาจอดรถชั้นใต้ดินที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหาที่จอดรถยากผมเลยลักไก่จอดในช่องผู้บริหารแบบเนียนเพราะรปภ.ไม่อยู่ คว้ากระเป๋าโน๊ตบุ๊คและกระเป๋าเขียนแบบลงจากรถเดินเข้าลิฟต์กดที่ชั้น6 บริษัทนี้เป็นหนึ่งในคู่ค้าเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพ่อคุ้นเคยกันพอควรจนผมเรียกคุณโสภาว่าคุณน้าจนติดปาก ลิฟต์เปิดที่ชั้น6 ผมเดินออกเลี้ยวซ้ายไปตามทางเดิน แต่… คุ้นจัง? ... ผมหยุดยืนมองผู้ชายที่พึ่งมีเรื่องกับน้องผมมาเมื่อวาน ไม่ผิดเป็นไอ้เด็กนั่นจริงๆ ผมมองมันที่เอาแต่ก้มหน้าเล่นมือถือไม่สนใจว่านี่คือทางเดินแต่อย่างใด ว่าแต่มันมาทำอะไรที่นี่วะ? ดูการแต่งตัวที่สบายซะจนผมไม่คิดว่ามันจะเป็นพนักงานที่นี่รู้ดีว่าออฟฟิสนี้ใส่ฟอร์มพนักงาน เสื้อยืดแบรนด์เนมกับกางเกงยีนส์ขาดๆ แบบสตรีทแฟชั่นมันไม่เข้ากันกับชั้นผู้บริหารสักนิด ช่างแม่ง! ผมจะไปสงสัยทำไมในเมื่อมีอะไรสนุกๆ ให้ทำ ผมยิ้มร้ายกับความคิดไม่ดีในหัวไอ้เด็กนั่นก็ยังมัวแต่ก้มหน้าเล่นมือถือไม่เลิก เดินเข้าไปไกล้ และ… ปึก! ชนเต็มแรงแขนกระแทกไหล่อย่างจงใจ แม้มันจะสูงประมาณคิ้วของผมได้แต่รูปร่างถือว่าผอมบางกว่าผมหลายเท่าโดนชนเข้าก็เซกระเด็นไปชนผนัง ผมทำเมินยังคงเดินต่อไปแม้จะได้ยินเสียงมือถือในมือมันร่วงกระเด็นก็ตาม แอบยิ้มสะใจแต่เสียดายที่ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เป็นออฟฟิสผมนี่มันไม่เหลือ! อย่างที่บอกครับว่าจริงๆ ผมเป็นคนไม่ยอมใครมันเลยเป็นไปไม่ได้ที่เจอคนที่ทำให้หงุดหงิดใจแล้วจะไม่เอาคืน “เชี่ย! ...เจ็บ!” ผมได้ยินเสียสบถ “นี่คุณ!” ผมยังเดินต่อไปเฉยๆ เมิน… ไม่สน… “คุณมึง! นั่นแหล่ะครับอย่าหูตึง!” ฟังมันพูดครับปากมันนี่! ... ผมยอมหยุดเดินและหันกลับไปมองมันด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่เป็นมิตร ไม่มีอะไรติดค้างเพราะงั้นผมไม่จำเป็นต้องปั้นหน้าเป็นคนดีกับมันอีกต่อไป “คุณพี่ห้าพัน!” เด็กนั่นดูประหลาดใจ “มาเดินเกะกะอะไรแถวนี้วะ!” ผมจ้องหน้ามันแบบขัดใจ “ก็เดินดีๆ ไม่ได้แกว่งตีนหาเรื่องใครไอ้คนที่มันตั้งใจเดินก็ควรหลบให้ไม่ใช่มาชนกันแบบนี้ ทางเดินแม่งก็ออกจะกว้างแต่สงสัยใจคนแม่งยังแคบว่ะ” ปากไวใช้ได้แต่ไม่ควรมาทำเก่งกับผม จ้องแบบนี้คือพร้อมมีเรื่องว่างั้น มึงนี่มันใจร้อนดีจัง แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย…ผมหัวเราะอยู่ในใจ “ทำไมต้องหลบ?” ผมถามพร้อมกับเดินเข้าไปหามันแบบพร้อมมีเรื่องเช่นกัน “อ้าว…สรุปคือกวนตีนว่างั้นไม่คิดว่าคุณพี่ห้าพันจะสันดานเดียวกับน้องนะครับ…แสดงว่าตายตาไม่หลับถ้าไม่ได้เอาคืนว่างั้น” “อย่าลามปาม! …สงบปากสงบคำไว้บ้างนะอย่าพึ่งโชว์กร่างคิดว่าที่กูควักตังจ่ายคือกลัวมึงงั้นเหรอ! ...เข้าใจผิดแล้วเด็กน้อย…” ผมยิ้มบางๆ ก้มลงมาจ้องตามันที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง มันยิ้มกลับเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้สายตาเคืองขุ่นเปลี่ยนไปเป็นสงบนิ่ง “ไปสอนน้องมึงก่อนเหอะถ้าไม่ได้มึงนี่โง่กว่านี้อีกนะกูห่วง” “มึงนี่โคตรกวนประสาท!” “มันก็มาจากมึงที่กวนกูก่อนนั่นแหล่ะกูไม่หาเรื่องใครก่อนอยู่แล้ว” มันยักไหล่ ท่าทางแม่งกวนอารมณ์ร้ายๆ ผมสุดๆ ปากร้ายๆ กับท่าทางมั่นใจของมันต้องเจอผม! แต่… ไม่น่าใช่วันนี้ผมมีงานต้องทำ… ผมยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาก็พบว่าเสียเวลาเปลืองน้ำลายกับมันมาหลายนาที “เดี๋ยว!” มันจับไหล่ผมที่กำลังจะเดินไปจากตรงนี้ “อะไรของมึง!” ผมมองมือขาวๆ ที่จับไหล่ผมจนแน่นแถมยังทำหน้าขึงขังแต่ผมว่ามันไม่น่ากลัวสักนิด ไอ้หน้าอ่อน! “ขอโทษกูก่อน!” มันเสียงดังใส่ผมเหมือนกำลังขู่บังคับ “เพื่อ?” ผมปัดมือมันออกเหมือนโดนมดแมลงเกาะแกะกวนใจ “มึงชนกูก่อนนะ…จะบอกว่าไม่เห็นก็ไม่น่าใช่ตัวกูก็ออกจะใหญ่เผลอๆ สูงกว่าหัวบรรพบุรุษมึงอีก” “มึง! ...” ไอ้เชี่ยนี่! ... ผมเงียบหลับตาขบกรามแน่นจนเห็นสันกรามนูนชัด มันกำลังทำให้ผมเดือดจัดขึ้นเรื่อยๆ ไม่น่าเสียเวลามาเล่นต่อปากต่อคำกับมันเลย โดนด่าถึงบรรพบุรุษเฉยเลยครับ “ไปไกลๆ …ก่อนที่กูจะไม่ทน!” “…ขอโทษมาก็จบ!” “กูไม่ขอโทษมึง!” ผมยืนยันความคิดเดิมของตนเอง “มีอะไรกันรึเปล่าคะ?” เสียงคุณน้าโสภาดังขึ้น “สวัสดีครับคุณน้า” ผมปรับสีหน้าอารมณ์หันไปทักทาย ไม่รู้ว่าคุณน้ามายืนอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว “ค่ะ…สวัสดีค่ะคุณคิววันนี้มาเองเลยนะ” คุณโสภายิ้ม “ลูกน้องติดงานกันหมดน่ะครับ” ผมตอบและตวัดสายตาไปมองไอ้เด็กนั่น “แหม…ขยันขันแข็งกันจริงๆ” คุณโสภายิ้มกว้าง “แล้วนี่รู้จักกันรึยังคะ? น้องกานต์ลูกชายคนเล็กของน้าเองน้องกานต์นี่คุณคิวเจ้าของบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่แม่บอก” “หึ…เราต้องร่วมงานกับคนสันดานแบบนี้เหรอครับ?” มันย้อนผมแถมยิ้มกวนตีนกว่าเก่า เชี่ยแล้วไงเรื่องแม่งจะบังเอิญไปถึงไหนกันวะเนี่ย! 2ปีที่ทำงานกับคุณน้ามาไม่เคยเจอมันเสือกมาเจอกันวันนี้เนี่ยนะ! “น้องกานต์!” เสียงคุณน้าดุ “ขอโทษนะครับคุณน้าผมว่าวันนี้คงไม่สะดวก” “อะไรกันคะมาถึงที่นี่แล้วแท้ๆ นี่…มีเรื่องอะไรกันคะหรือว่าลูกชายหน้าเสียมารยาทเข้า” คุณน้าโสภาซักไซ้มองผมกับลูกชายตัวเองสลับกัน “ลานะครับ” ผมยกมือไหว้และหันไปมองไอ้น้องกานต์อะไรนั่นที่คุณน้าเรียก “เดี๋ยวสินะคุณคิว…น้องกานต์นี่มันเรื่องอะไรกัน” เสียงคุณน้ายังคงเรียก “โจทย์เก่าน่ะครับไม่มีอะไร” ผมได้ยินไอ้เด็กนั่นตอบก่อนผมจะเดินเข้าลิฟต์ แม่ง! ... ลูกคุณน้าโสภางั้นเหรอ? ... ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดถ้าเลือกได้ผมจะไม่เหยียบออฟฟิสนี้อีก แต่ก็ดีที่รู้ว่ามันเป็นใครกูจะเอาคืนที่มึงด่าเลยไปถึงบรรพบุรุษ! ออกจากลิฟต์เดินกลับมาที่รถก็เห็นว่ามีรถเก๋งสีขาวจอดขวางอยู่ผมเดินอ้อมไปท้ายรถและออกแรงดันได้ใช้กำลังบ้างก็ดีบางทีอาจหายหงุดหงิด แต่! ... “ใส่แบรคมือ!” ผมหงุดหงิดจนอยากจะเตะรถคันนี้สักทีสองที คนออฟฟิสนี้แม่งสันดานเสียตั้งแต่ลูกน้องยันเจ้านายเลยใช่มั้ยวะ! หันไปมองรปภ.ที่ยืนมองผมอยู่ก่อนแล้ว “ช่วยตามเจ้าของรถคันนี้ทีครับรถผมออกไม่ได้” พูดจบก็เดินไปเปิดรถวางกระเป๋าเห็นพี่รปภ.เขาพูดใส่วอร์เป็นเลขทะเบียนรถ แค่นั้น… พูดจบก็เดินกลับไปนั่งเหมือนมันเป็นเรื่องปรกติ “แม่งเอ๊ย!” ผมหงุดหงิดแต่ไม่อยากมีเรื่องเลยเลือกที่จะเข้าไปนั่งรอในรถ สตาร์ทรถกดดันเผื่อว่าพี่รปภ.จะทำอะไรขึ้นมามากกว่านี้บ้าง แต่ก็เหมือนเดิม ลดกระจกลงเล็กน้อยคอยฟังเสียงวอร์ที่ตอนนี้ยังเงียบเชียบ “เมื่อกี้…ที่บริษัทคุณโสภาแม่งเป็นคู่ค้ากับบริษัทแม่กู!” ถ้าหูไม่ฝาดผมว่าผมได้ยินเสียงไอ้เด็กนั่นนะ ผมมองออกไปข้างนอกเห็นมันเดินคุยโทรศัพย์กับใครสักคนแถมยังนินทาผมไม่หยุด “โลกกลมชิบหายแต่ที่ร้ายกว่านั้นคือมันจงใจชนกูแล้วไม่ขอโทษ แม่ง…สันดานเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้องว่ะ!” ผมมองตามมันที่ยังคุยไปเรื่อยๆ เห็นว่ามันเดินหายเข้าไปที่ซอกรถข้างๆ กับรถผม “มันกวนตีนหาเรื่องกูก่อนอ่ะ…แม่กูก็ถามว่ามันเรื่องอะไรกัน กูก็ตอบผ่านๆ ยังไม่ทันได้มีเรื่องจริงๆ หรอก…แต่ที่กูหงุดหงิดคือแม่งตีสองหน้าไง! กูก็หลงเข้าใจว่ามันเป็นคนดีมีมนุษยธรรมไม่เข้าข้างสปอยน้องที่ไหนได้เจอกูคราวนี้แม่งใส่ก่อนเลย” ผมไล่สายตามองรถข้างๆ ก็รูว่ามันคือรถไอ้เด็กนั่น บังเอิญชะมัด! ... นับว่าในเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีผมจะทำเป็นไม่ได้ยินที่มันนินทาแล้วกัน “เออนี่กูกำลังไป” เสียงกดรีโมทรถ ผมรีบเปิดประตูรถผมและตรงไปเปิดประตูรถคันข้างๆ ทันที ปึก… ประตูฝั่งคนขับ ปึก! ...ประตูฝั่งผม “เชี่ย!” มันตกใจหันมามองผม “เออ…กูเอง!” ผมยิ้มหวาน มันกดวางสายก่อนหันมาโวยวายใส่ผม “มึงเข้ามาในรถกูทำไมวะ!” มันโวย “มึงนินทาใครกูได้ยินนะ” ผมจ้องหน้ามันแบบไม่ชอบใจแต่ก็ตกลงกับตัวเองไปแล้วไงว่าจะไม่ติดใจเอาเรื่อง “ด่ามึงไงล่ะสันดาน! ...ลงไปจากรถกูเลยขึ้นมานั่งทำไม!” เด็กนั่นผลักแขนผมพยายามดันจนตัวผมไปติดประตู ผมปัดมือมันออกและเป็นฝ่ายจับมือจับแขนมันไว้ ไอ้เด็กปากร้ายมันก็ยิ่งสะบัดแต่ว่าผมจับแน่นเลยไม่หลุด ข้อมือแม่งเล็กนะ? หรือว่ามือผมใหญ่ไป? เผลอคิดอะไรไร้สาระ “กูออกไม่ได้” ผมบอกมันไปตามตรงถึงเหตุผลที่เข้ามานั่งในรถมัน “อะไรของมึงก็เปิดประตูแล้วลงไปไง!” มันคงเข้าใจว่าผมกวนตีนสินะ “ไม่ใช่…กูหมายถึงรถกู!” “ออกไม่ได้มันก็เรื่องของมึง! ...ไปบอกรปภ.อย่ามาบอกกู!” “น้ำใจน่ะมีมั้ย?” ผมถามหาน้ำใจจากมันเฉยรู้สึกเสียหน้านิดๆ ที่ต้องกลับไปพูดดีกับมันอีกครั้ง “ทำไมกูต้องมีน้ำใจให้คนที่ร้ายกับกูก่อนวะ! ...เมื่อกี้ไม่มีผลประโยชน์มึงก็พูดจาแบบไม่เห็นหัว…ตอนนี้เป็นไงล่ะมึงเสือกอยากจะพึ่งกูว่างั้น? มึงมันคนสองหน้าไอ้สัส!” นั่นไง… ด่ากูอีกแล้วนะไอ้เด็กนี่ผีเจาะปากรึไงวะ! ผมข่มอารมณ์ยอมจำนนเพราะต้องพึ่งมันจริงๆ “ด่าพอยัง?” “ยัง!” “งั้นด่าให้พอแล้วลงไปบอกรปภ.ให้ตามเจ้าของมาเลื่อนรถคนนั้นด่วน…รถกูอยู่นี่” ผมจับมือมันที่ผมยังจับอยู่ชี้ไปที่รถคันข้างๆ ผม “ซวยชิบหาย!” มันสบถและพยายามสะบัดมือผมออก “ปล่อยมือกู!” “ไม่! ..มึงต้องรับปากว่าจะไปบอกรปภ.ให้กูก่อน” “มึงก็ไปบอกเอง!” “กูบอกแล้วแต่เงียบ…” “มึงนี่แม่ง!” “ไม่ต้องด่ารีบลงไปหารปภ.ถ้าไม่อยากให้กูจับมือมึงอยู่แบบนี้” “ขอโทษกูดิกูจะบอกให้” “มึงนี่ร้ายใช่ย่อยนะ!” “เร็ว! ...ขอโทษมา!” “มึงก็รู้ว่าไม่มีทาง! ...ลงไปบอกรปภ.เร็วๆ! หรือว่าชอบให้กูจับมือมึงวะ!” “เชี่ย!” มันสะบัดสุดแรงจนหลุดจากมือผมก่อนจะเปิดประตูลงไป ปึก! ปิดประตูใส่เสียงดังแต่นี่รถมันไม่ใช่รถผมก็เลยไม่สนใจ มองตามก็เห็นมันเดินไปหารปภ.หน้ามึนที่ตอนนี้ดูกระตือรือล้นอย่างกับคนละคนที่คุยกับผม มันหันมามองผมที่ยืนพิงรถมันแบบไม่พอใจ ผ่านไปหลายนาทีก็มีผู้หญิงลงมาแสดงตัวได้ยินเสียงเธอขอโทษขอโพยแต่ไอ้เด็กนั่นก็ไม่สนใจฟังเอาแต่เร่งให้ผู้หญิงคนนั้นขยับรถ ผมยิ้มขยับเข้ามานั่งในรถตัวเองที่ยังสตาร์ททิ้งไว้ เก๋งสีขาวขยับเปิดทางให้แล้ว ผมขยับรถออกจากซองช้าๆ ก่อนจะแตะเบรคเมื่อรถจอดตรงหน้าไอ้เด็กนั่น กดกระจกลงเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามันที่ยังดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ยิ้มให้แบบกวนตีนก่อนที่จะขับออกไปโดยไม่พูดอะไรกับมัน “อย่าหวังกูไม่มีวันขอบคุณหรือขอโทษมึงหรอก” ผมพูดพร้อมมองกระจกหลัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD