ส่วนเกิน
“กลับเร็วนะคะคุณคิน”
เสียงหญิงสูงวัยทักทายผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผมยิ้มตอบมองป้าติ๋วที่กำลังทำความสะอาดบ้านอย่างขันแข็ง
“กลับเลยก็ได้นะครับป้า”
“แล้วอาหารเย็นล่ะคะ”
“ทำเลยก็ได้ครับเอาแช่เย็นไว้เดี๋ยวผมอุ่นเอง” ผมยิ้มให้
“ค่ะๆ ป้าทำเสร็จก็จะกลับเลยนะคะ”
“ครับ” ผมพยักหน้าก่อนเดินขึ้นห้องนอน ทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างอย่างเหนื่อยอ่อน
ชีวิตในรั้วมหาลัยมีอะไรอีกมากให้ทำนอกจากการเรียนและกิจกรรมนักศึกษาแต่ไม่ว่าผมจะทำอะไรไปมากมายแค่ไหนมันก็ไม่อาจทำให้ใจผมสงบและลบลืมใครบางคนไปได้ครับ
ผมหนีเขามาตลอดหลายปี
ตั้งแต่ที่รู้ความจริงจนถึงตอนนี้แต่ในทุกครั้งที่ผมหนีพี่เขาก็จะกลับมา พยายามเข้ามาวนเวียนทำให้ผมสับสนแล้วสุดท้ายก็กลายเป็นฝ่ายผมที่ใจอ่อนยอมกลับไปหาเขาทุกครั้ง จะโทษใครในเมื่อผมทำตัวเอง ผมทำตัวง่ายๆกับเขาเองนี่ครับ
ผมยอมรับสถานะคนในความลับของพี่เมฆหลอกตัวเองให้เหตุผลตัวเองว่าที่ยอมเพราะไม่อยากให้พี่เคต้องเจ็บแต่ความจริงคือผมกลัวตัวเองเจ็บมากกว่า
อยู่โดยไม่มีพี่เมฆมันยากลำบากมากเลยครับ
ผมไม่รู้ว่าผมรักอะไรเขานักหนา ตัดไม่ขาด ลืมไม่ลงเหมือนเขาคือส่วนหนึ่งในชีวิตผมไปแล้ว
ผมพูดได้ไม่เต็มปากว่าผมก็เป็นแฟนพี่เขาเช่นกันสถานะแฟนของเรามันจบลงไปตั้งแต่ม.5แล้วครับ ผมสรุปคำนิยามให้ตัวเองว่าทั้งหมดมันเป็นแค่ความอยากของคนสองคนเท่านั้น
ไม่เคยมีคำว่ารักหลุดรอดออกมาให้อีกฝั่งได้ยินเหมือนเก่าแต่ผมก็ยังอยู่และไม่ได้หวังจะได้พี่เขามาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว
ผมโคตรเกลียดตัวเองในตอนนี้
สกปรกน่าขยะแขยง! ...
แกร๊ก!
เสียงประตูเปิดหันไปมองก็เห็นพี่เคเดินเข้ามส
“หลับรึเปล่ากินข้าวกัน”
“อื่ม…เดี๋ยวลงไป” หลุดออกจากความคิดฟุ้งซ่านหยิบมือถือเปิดดูเวลา
ใกล้จะทุ่มนึงแล้ว
ผมลุกขึ้นล้างหน้าก่อนจะลงมาข้างล่าง เพียงแค่ผมเห็นหลังของใครบางคนที่โต๊ะทานข้าวขาผมมันก็ก้าวไม่ออกเอาดื้อๆ
พี่เมฆ…
ผมยืนมองเขาอยู่นานมากมันทำตัวไม่ค่อยจะถูกเมื่อต้องเผชิญหน้ากันสามคน
“คิน!”
ผมสะดุ้งมองพี่เคตะโกนเรียกผมเสียงดัง
“คะ...ครับ” หันไปมองพี่เคด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“ยืนทำอะไรวะมากินข้าวดิ”
“เอ่อ…ผมลืมมือถือน่ะเดี๋ยวมานะ” เดินกลับขึ้นข้างบนใหม่
ผมว่าผมต้องการเวลาอีกนิดสำหรับเตรียมใจเอามือกุมอกข้างซ้ายหัวใจผมเต้นแรงมาก…
ผมตื่นเต้น
และ
กลัวครับ
ตื่นเต้น…ที่ได้เจอพี่เมฆที่บ้านเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
กลัว…ที่ต้องเผชิญหน้าพี่เขาต่อหน้าพี่เค ผมกลัวว่าจะแสดงอาการประหม่าให้พี่เคเห็น กลัวพี่เคจะสงสัยว่าผมเป็นอะไร กลัวที่สุดคือกลัวพี่เคจับได้และอีกหลายเหตุผลของความกลัวความกังวลในสมองของผม
ไม่รู้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แต่เมื่อรวบรวมสติได้ผมก็เดินลงไปข้างล่างอีกครั้ง
ได้เวลาแสดงละครว่าผมกับพี่เขาไม่ได้สนิทกัน ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้ามคนทั้งคู่
“ทำไมไปนานจังวะ”
“พอดียับโทรมาน่ะ” ผมโกหกแล้วก็ตักกับข้าวใส่จานลงมือกินแบบไม่สนใจเขาทั้งสองคน
ผมไม่ได้มองเลยไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังมองผมอยู่หรือเปล่า
“ไม่เจอกันนานนะคินสบายดีมั้ย?” พี่เมฆชวนผมคุยครับ
“ครับ” ผมพยักหน้ายิ้มฝืนๆ
ในใจอยากจะด่าเขาไปว่าอย่ามารยาในเมื่อเราพึ่งเจอกันผมพึ่งไปหาเขาที่ห้องไปให้เขาเอาเมื่อวันก่อนนี่เองเขาไม่เห็นจะบอกว่าเราจะต้องเจอกันวันนี้
ไม่งั้นผมจะไม่อยู่บ้าน
บางครั้งผมก็เกลียดความสองหน้าเกลียดละครที่แนบเนียนจนหาพิรุธไม่ได้ของเขานะ เขามองผมด้วยสายตาว่างเปล่าแบบนี้ได้ยังไงมันใช่คนเดียวกับที่กกกอดผมไว้และจ้องด้วยความเร่าร้อนหื่นกระหายรึเปล่า
ผิดที่ผมล่ะที่แสดงไม่เก่ง
แอบแหล่มองมือพี่เมฆที่ตักอาหารใส่จานให้พี่เคในขณะที่จานผมยังว่างเปล่า
ใช่สิ…
ผมไม่ใช่แฟนเขานี่นาเขาจะมาเอาใจผมทำไม
พี่เคดูเขินๆ แต่ก็พูดขอบคุณแล้วยิ้มให้กันเหมือนโลกฝั่งนั้นมีเพียงเขาสองคนความสุขเอ่อล้นในขณะที่ผมซึ่งนั่งอยู่ฝั่งนี้กลับรู้สึกจุกเหมือนมีก้อนแข็งๆ มาขวางตรงคอจนแทบจะกลืนข้าวไม่ลง
ผมก้มหน้า
กำช้อนแน่นพยายามฝืนน้ำตาไม่ให้ไหลพยายามตักกับข้าวให้โดนพริกเพื่อจะใช้ข้ออ้างของความเผ็ดมาช่วยกลบเกลื่อนน้ำตาของตัวเอง
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นครับ
คนทั้งคู่อยู่ในห้วงรักในขณะที่ผมจมอยู่กับนรกในใจ ผมยังคงกินข้าวต่อไปเงียบๆ แต่ละนาทีที่ผ่านเหมือนขุมนรกแต่ละด่านที่ทรมานแสนสาหัสเหมือนปีนต้นงิ้วแล้วลงมาโดนน้ำกระทะทองแดงกรอกปาก
ข้าวเริ่มฝืดคอแสบร้อนจนฝืนกลืนไม่ลงผมอยากออกไปจากตรงนี้
“ผมขึ้นข้างบนนะ” วางช้อนลุกขึ้นพร้อมกับจานข้าว
“เดี๋ยวสิพี่ซื้อขนมมาเจ้านี้อร่อยมากอยู่กินด้วยกันก่อน” พี่เขายังมีหน้ามาชวนผมอีกนะ
“ผมอิ่มแล้ว…ไว้ดึกๆ ถ้าหิวจะลงมากิน” ผมตอบพี่เมฆก่อนจะถือจานข้าวเข้าครัวรีบขอตัวขึ้นข้างบน
“กินเลยนะมึง” ได้ยินเสียงพี่เมฆถามพี่เค
“เออ…”
ผมไม่อยากสนใจฟังก้าวยาวๆขึ้นบันไดรีบวิ่งเข้าห้องตัวเอง